พอดีเวลาไม่มาก ขออนุญาตไม่วางเอกสารใด ๆ นะครับ ใครสงสัยประเด็นไหน เดี๋ยวจะพยายามมาตอบเป็นระยะ
เริ่มจากขอวิจารณ์ วิธีคิดผลขาดทุนของคุณยรรยงก่อน ที่บอกว่า ถ้าขายข้าวได้ราคาครึ่งนึงของที่รับจำนำมา ก็จะขาดทุนครึ่งนึง
อันนี้แสดงว่า คุณยรรยงไม่คิดถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เลย ที่รัฐต้องเริ่มจ่ายตั้งแต่ต้น เริ่มจาก ค่าขึ้นทะเบียนชาวนา ต้นทุนการออกใบประทวน การจ่ายเงินให้ชาวนาของธกส. ค่าขนส่งจากโรงสีไปโกดังกลาง ค่าเช่าโกดัง ฯลฯ
และที่สำคัญที่สุดดอกเบี้ยเงินกู้ที่นำเงินมาจ่ายค่าข้าว ซึ่งกรณีนี้ ยิ่งเก็บนาน ก็ยิ่งเสียเยอะ และเมื่อไปรวมกับค่าเช่าโกดัง ที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลา รวมถึงค่ารมยา ค่าข้าวเสื่อมสภาพ ล้วนเป็นต้นทุนส่วนเพิ่ม ที่ทำให้รัฐต้องขาดทุนมากขึ้น
ไปที่การคิดการขาดทุนโครงการจำนำข้าว 2 ปีนี้ เมื่อก่อนผมจะพยายามคิดให้ละเีอียด แต่อาจจะเป็นเพราะเนื้อหายาว ตัวเลขเยอะ เลยโน้มน้าวให้คนที่คิดต่าง เชื่อตามนั้นไม่ได้
ครั้งนี้ผมขอคิดแบบหยาบ ๆ ซึ่งผลสรุป ก็จะเห็นแค่ตัวเลขประมาณการเท่านั้น
1. ข้าวที่รัฐบาลรับจำนำเข้านั้น มีต้นทุนเท่าไหร่
จากตัวเลขการรับจำนำข้าว เท่าที่จำได้ ปีแรก รัฐรับจำนำข้าวเปลือกมา 21.7 ล้านตัน ส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลาง จำนวน 14 ล้านตัน จ่ายเงินค่าข้าวไป 337,000 ล้านบาท
ก็จะได้ค่าเฉลี่ยข้าวสารของรัฐบาลตันละ 24,071 บาท
และปีที่สอง รับจำนำข้าวเปลือกมา 22 ล้านตันเศษ ใช้เงินไป 340,000 ล้านบาทแล้ว (ยังไม่จบ)
ตัวเลขตอนนี้ที่มี เป็นตัวเลขรวมว่า สองปี รีฐบาลได้ข้าวสาร 27.4 ล้านตัน ใช้เงินไป 670,000 ล้านบาท (ถ้าบวก 337,000+340,000 จะเกินตัวเลขนี้ แต่ขอเอาตัวเลข 670,000 ล้านบาท ตามข้อมูลที่มีก่อน)
จะได้ค่าเฉลี่ยข้าวสารของรัฐบาลสองปี ตันละ 24,452 บาท
ก็ขอใช้ตัวเลขต้ันทุนเฉลี่ยของข้าวสารของรัฐบาล ที่ 24,000 บาท ก็พอ
2.รัฐบาลขายข้าวไปแล้วเท่าไหร่ ได้เงินเท่าไหร่
ตัวนี้จะมีข้อมูลสองตัว คือข้อมูลที่คุณณัฐวุฒิ ตอบกระทู้ในสภาวันที่ 21 มีนาคม บอกว่า ระบายข้าวไปแล้ว 7 ล้านตัน ได้เงิน 97,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตันละ 13,800 บาท
อีกข้อมูลคือ ที่คุณนิวัฒน์ธำรง พูดในวันแถลงผลงานรัฐบาล 25 กันยายน (หลังคุณณัฐวุฒิพูด 6 เดือน)บอกว่า ระบายข้าวไปได้แล้ว 11.7 ล้านตัน (ก็เพิ่มขึ้น 4.7 ล้านตัน) แล้วจากข่าวช่วงนั้น ธกส.ให้ข่าวว่า ได้เงินคืนแล้ว 1.4-1.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
ถ้าเฉลี่ยเฉพาะส่วนเพิ่ม ก็จะเห็นว่า ราคาลดลง อันนี้น่าจะเป็นเพราะก้อนแรกนั้นมีข้าวหอมมะลิ และข้าวราคาสูง ในสัดส่วนที่สูง แต่ข้าวกองหลัง ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว ทำให้ค่าเฉลี่ยถึงลดลง
ก็เป็นว่า เฉลี่ยทั้งกองใหญ่ จะมีค่าเฉลี่ยข้าวที่ขายไปได้ อยู่ที่ 150,000 / 11.7 = 12,820 บาท
เมื่อเทียบกับต้นทุนในข้อ 1 ก็จะได้ผลขาดทุน 11,120 บาท ขายไปแล้ว 11.7 ล้านตัน ก็ขาดทุนประมาณ 130,000 ล้านบาท
3. ข้าวที่เหลือ มีมูลค่าเท่าไหร่ อันนี้ ถ้าหากคิดจากมีข้าวทั้งหมด 27.4 ล้านตัน ขายไปแล้ว 11.7 ล้านตัน ก็จะเหลือ 15.7 ล้านตัน
ถ้าหากขายข้าวได้ในราคาเฉลี่ยเดิม ก็จะขาดทุน 11,120 บาท ทั้งก้อนก็จะขาดทุน 174,584 ล้านบาท
รวมกับข้อ 2 ก็จะขาดทุน 300,000 ล้านบาท
แต่ถ้าหากคิดว่า ยังไม่ขายก็ไม่ขาดทุน อันนี้ตัวเลข 170,000 ล้านนี้ก็ยังไม่คิด แต่ผมว่า ไม่คิดน่าจะไม่ค่อยถูก
แต่ถ้าหากจะคิดในราคาตลาดเลย ก็น่าจะเหมาะสมมากกว่า
โดยราคาตลาดของข้าวที่เหลือในสต๊อกเยอะที่สุด ก็คือ ข้าวขาว อันนี้ราคาช่วงนี้ก็ประมาณ 12,500 บาท ก็ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยที่คิดข้างบน ดังนั้น สินค้าคงเหลือ ทำให้เกิดผลขาดทุน 170,000 ล้าน น่าจะใกล้เคียงแล้ว
4.นอกจากผลต่างของราคาซื้อขายแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอีกส่วน คือ ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัย และดอกเบี้ย (ส่วนค่าใช้จ่ายตัวอื่นได้คิดไปแล้วในตัวข้าว) ซึ่งตรงนี้ อคส.เคยให้ข้อมูลมา ประมาณปีละ 2,000 บาทต่อตัน (ผมจำตัวเลขชัด ๆ ไม่ได้ ไว้จะลองหากระทู้เ่ก่ามาประกอบครับ) ก็ลองคำนวณดูว่า จะบวกจาก 300,000 ล้านไปสักเท่าไหร่ กับสต๊อกข้าวที่เหลือของรัฐ
5.นอกจากรายจ่ายข้างบนแล้ว ก็ยังจะมีเรื่อง ข้าวเสียหาย สูญหาย และเสื่อมสภาพ ซึ่งจากข่าวตอนเช็คสต๊อกสองสามเดือนก่อน ว่ามีข้าวหายไป 1 ล้านตัน แต่ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ว่านับแล้วข้าวครบหรือหายไปเท่าไหร่แน่ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกมีการบอกว่า จะแถลงข่าวให้ทราบ
ซึ่งถ้าหากคิดว่า เสียหายแค่ 1 ล้านตันนี้ ก็ต้องเพิ่มผลขาดทุนไปอีก หมื่นกว่าล้านบาท
ผมว่าทั้งหมดรวมๆ แล้ว ตัวเลข 400,000 ล้าน มีความเป็นไปได้ไม่น้อย อย่างน้อยก็เป็นไปได้กว่าตัวเลขที่บอกว่า ขาดทุนปีละ 1 แสนล้านบาท สองปีไม่เกิน 200,000 ล้าน ของสองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แน่ ๆ
การขาดทุนในโครงการจำนำข้าว
เริ่มจากขอวิจารณ์ วิธีคิดผลขาดทุนของคุณยรรยงก่อน ที่บอกว่า ถ้าขายข้าวได้ราคาครึ่งนึงของที่รับจำนำมา ก็จะขาดทุนครึ่งนึง
อันนี้แสดงว่า คุณยรรยงไม่คิดถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เลย ที่รัฐต้องเริ่มจ่ายตั้งแต่ต้น เริ่มจาก ค่าขึ้นทะเบียนชาวนา ต้นทุนการออกใบประทวน การจ่ายเงินให้ชาวนาของธกส. ค่าขนส่งจากโรงสีไปโกดังกลาง ค่าเช่าโกดัง ฯลฯ
และที่สำคัญที่สุดดอกเบี้ยเงินกู้ที่นำเงินมาจ่ายค่าข้าว ซึ่งกรณีนี้ ยิ่งเก็บนาน ก็ยิ่งเสียเยอะ และเมื่อไปรวมกับค่าเช่าโกดัง ที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลา รวมถึงค่ารมยา ค่าข้าวเสื่อมสภาพ ล้วนเป็นต้นทุนส่วนเพิ่ม ที่ทำให้รัฐต้องขาดทุนมากขึ้น
ไปที่การคิดการขาดทุนโครงการจำนำข้าว 2 ปีนี้ เมื่อก่อนผมจะพยายามคิดให้ละเีอียด แต่อาจจะเป็นเพราะเนื้อหายาว ตัวเลขเยอะ เลยโน้มน้าวให้คนที่คิดต่าง เชื่อตามนั้นไม่ได้
ครั้งนี้ผมขอคิดแบบหยาบ ๆ ซึ่งผลสรุป ก็จะเห็นแค่ตัวเลขประมาณการเท่านั้น
1. ข้าวที่รัฐบาลรับจำนำเข้านั้น มีต้นทุนเท่าไหร่
จากตัวเลขการรับจำนำข้าว เท่าที่จำได้ ปีแรก รัฐรับจำนำข้าวเปลือกมา 21.7 ล้านตัน ส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลาง จำนวน 14 ล้านตัน จ่ายเงินค่าข้าวไป 337,000 ล้านบาท
ก็จะได้ค่าเฉลี่ยข้าวสารของรัฐบาลตันละ 24,071 บาท
และปีที่สอง รับจำนำข้าวเปลือกมา 22 ล้านตันเศษ ใช้เงินไป 340,000 ล้านบาทแล้ว (ยังไม่จบ)
ตัวเลขตอนนี้ที่มี เป็นตัวเลขรวมว่า สองปี รีฐบาลได้ข้าวสาร 27.4 ล้านตัน ใช้เงินไป 670,000 ล้านบาท (ถ้าบวก 337,000+340,000 จะเกินตัวเลขนี้ แต่ขอเอาตัวเลข 670,000 ล้านบาท ตามข้อมูลที่มีก่อน)
จะได้ค่าเฉลี่ยข้าวสารของรัฐบาลสองปี ตันละ 24,452 บาท
ก็ขอใช้ตัวเลขต้ันทุนเฉลี่ยของข้าวสารของรัฐบาล ที่ 24,000 บาท ก็พอ
2.รัฐบาลขายข้าวไปแล้วเท่าไหร่ ได้เงินเท่าไหร่
ตัวนี้จะมีข้อมูลสองตัว คือข้อมูลที่คุณณัฐวุฒิ ตอบกระทู้ในสภาวันที่ 21 มีนาคม บอกว่า ระบายข้าวไปแล้ว 7 ล้านตัน ได้เงิน 97,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตันละ 13,800 บาท
อีกข้อมูลคือ ที่คุณนิวัฒน์ธำรง พูดในวันแถลงผลงานรัฐบาล 25 กันยายน (หลังคุณณัฐวุฒิพูด 6 เดือน)บอกว่า ระบายข้าวไปได้แล้ว 11.7 ล้านตัน (ก็เพิ่มขึ้น 4.7 ล้านตัน) แล้วจากข่าวช่วงนั้น ธกส.ให้ข่าวว่า ได้เงินคืนแล้ว 1.4-1.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
ถ้าเฉลี่ยเฉพาะส่วนเพิ่ม ก็จะเห็นว่า ราคาลดลง อันนี้น่าจะเป็นเพราะก้อนแรกนั้นมีข้าวหอมมะลิ และข้าวราคาสูง ในสัดส่วนที่สูง แต่ข้าวกองหลัง ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว ทำให้ค่าเฉลี่ยถึงลดลง
ก็เป็นว่า เฉลี่ยทั้งกองใหญ่ จะมีค่าเฉลี่ยข้าวที่ขายไปได้ อยู่ที่ 150,000 / 11.7 = 12,820 บาท
เมื่อเทียบกับต้นทุนในข้อ 1 ก็จะได้ผลขาดทุน 11,120 บาท ขายไปแล้ว 11.7 ล้านตัน ก็ขาดทุนประมาณ 130,000 ล้านบาท
3. ข้าวที่เหลือ มีมูลค่าเท่าไหร่ อันนี้ ถ้าหากคิดจากมีข้าวทั้งหมด 27.4 ล้านตัน ขายไปแล้ว 11.7 ล้านตัน ก็จะเหลือ 15.7 ล้านตัน
ถ้าหากขายข้าวได้ในราคาเฉลี่ยเดิม ก็จะขาดทุน 11,120 บาท ทั้งก้อนก็จะขาดทุน 174,584 ล้านบาท
รวมกับข้อ 2 ก็จะขาดทุน 300,000 ล้านบาท
แต่ถ้าหากคิดว่า ยังไม่ขายก็ไม่ขาดทุน อันนี้ตัวเลข 170,000 ล้านนี้ก็ยังไม่คิด แต่ผมว่า ไม่คิดน่าจะไม่ค่อยถูก
แต่ถ้าหากจะคิดในราคาตลาดเลย ก็น่าจะเหมาะสมมากกว่า
โดยราคาตลาดของข้าวที่เหลือในสต๊อกเยอะที่สุด ก็คือ ข้าวขาว อันนี้ราคาช่วงนี้ก็ประมาณ 12,500 บาท ก็ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยที่คิดข้างบน ดังนั้น สินค้าคงเหลือ ทำให้เกิดผลขาดทุน 170,000 ล้าน น่าจะใกล้เคียงแล้ว
4.นอกจากผลต่างของราคาซื้อขายแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอีกส่วน คือ ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัย และดอกเบี้ย (ส่วนค่าใช้จ่ายตัวอื่นได้คิดไปแล้วในตัวข้าว) ซึ่งตรงนี้ อคส.เคยให้ข้อมูลมา ประมาณปีละ 2,000 บาทต่อตัน (ผมจำตัวเลขชัด ๆ ไม่ได้ ไว้จะลองหากระทู้เ่ก่ามาประกอบครับ) ก็ลองคำนวณดูว่า จะบวกจาก 300,000 ล้านไปสักเท่าไหร่ กับสต๊อกข้าวที่เหลือของรัฐ
5.นอกจากรายจ่ายข้างบนแล้ว ก็ยังจะมีเรื่อง ข้าวเสียหาย สูญหาย และเสื่อมสภาพ ซึ่งจากข่าวตอนเช็คสต๊อกสองสามเดือนก่อน ว่ามีข้าวหายไป 1 ล้านตัน แต่ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ว่านับแล้วข้าวครบหรือหายไปเท่าไหร่แน่ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกมีการบอกว่า จะแถลงข่าวให้ทราบ
ซึ่งถ้าหากคิดว่า เสียหายแค่ 1 ล้านตันนี้ ก็ต้องเพิ่มผลขาดทุนไปอีก หมื่นกว่าล้านบาท
ผมว่าทั้งหมดรวมๆ แล้ว ตัวเลข 400,000 ล้าน มีความเป็นไปได้ไม่น้อย อย่างน้อยก็เป็นไปได้กว่าตัวเลขที่บอกว่า ขาดทุนปีละ 1 แสนล้านบาท สองปีไม่เกิน 200,000 ล้าน ของสองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แน่ ๆ