[CR] ตะลุยกินแดนญี่ปุ่น Osaka, Nagoya, Kanazawa, Kobe - Part 1

กระทู้รีวิว
พอดีเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาครับ ก่อนอื่นต้องอารัมภบทกันสักเล็กน้อย คือ ตัวผมเองไม่ค่อยรู้ภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไร พออ่าน ๆ ได้เล็กน้อย ฟังออกแต่วลีบ้าน ๆ ทั่วไป แต่เนื่องด้วยการอยากจะหาร้านอาหารเจ๋ง ๆ กิน และอยากสั่งเมนูที่โดนใจ ช่วงที่ไปหลาย ๆ ครั้งก่อนหน้านี้ก็เลยค่อนข้างลำบากในการหาร้านอาหารกับการสั่งอาหารพอสมควรครับ

แต่ไปงวดนี้ (ครั้งที่ 8 ในรอบ 3 ปีนี้ล่ะ) ก็เริ่มคล่องขึ้นมาแล้วในการเดินหาร้าน, การเลือกร้าน, การสั่งอาหาร ฯลฯ ก็เลยอยากจะมาบอกเคล็ดลับหรือ tips & tricks  ในการตะลุยกินแดนญี่ปุ่นพร้อมกับรีวิวร้านอาหารที่ผมได้ไปกินมาในทริปนี้ด้วยเลยละกัน

แหล่งข้อมูลสำหรับการหาร้านอาหารของผมนั้นคือ website tabelog.com และ gnavi.co.jp โดยทั้งสองเว็บไซต์นี้จะเป็นเว็บรวบรวมร้านอาหารและรีวิวร้านอาหารอันดับ 1, 2 ของประเทศญี่ปุ่นเค้าตามลำดับ โดยข้อดีข้อด้อยของแต่ละเว็บก็จะแตกต่างกันไป และถ้าจะให้ดีก็ควรใช้ 2 เว็บนี้ร่วมกันครับ

Tabelog

- รีวิวเยอะ, ร้านอาหารเยอะ ส่วนใหญ่อยากจะค้นหาร้านเบื้องต้นผมก็จะใช้เว็บนี้ก่อน
- สามารถค้นหาร้านอาหารได้ตามเมือง, เขต​ (ward ในโตเกียว), ตามสถานีรถไฟ, ประเภทอาหาร, งบ, ฯลฯ คือ ทุก parameter ที่เราอยากจะหาทางเว็บนี้จะมี provide ให้หมดล่ะครับ ก็โดยส่วนใหญ่แล้ว ผมก็จะเลือกเมืองก่อน แล้วก็จะไปเลือกประเภทอาหารต่อ



เลือกเมือง



เลือกประเภทอาหาร

- แล้วพอเลือก 2 อย่างนี้เสร็จก็จะมี list ของร้านอาหารขึ้นมาให้เราเลือกกันต่อ ซึ่ง คะแนนรีวิวในเว็บ tabelog แห่งนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือมากครับ คือ criteria สำหรับผมคร่าว ๆ คือ
- ถ้าร้านไหนเกิน 3.5 นี่ไปกินได้เลยอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอน
- ถ้าเกิน 4.0 นี่คือร้านมหาเทพ ส่วนใหญ่ราคาจะแพงเป็นเงาตามตัว (ส่วนใหญ่จะคนละ 10,000 yen ขึ้นไป) มีร้านที่ได้คะแนนเกิน 4.0 ในเว็บนี้แค่หลักร้อยร้านจาก 750k ร้านและ 4m รีวิวของฐานข้อมูลทั้งเว็บ
- ถ้าเกิดว่าไม่ไหวจริง ๆ หาร้านในย่านที่จะไปไม่ได้ หรือว่าร้านที่จะไปดันไม่เปิดในวันที่จะไป ส่วนใหญ๋ร้านที่ได้ 3.0 - 3.5 ก็พอโอเคอยู่ครับ ดีกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยส่วนใหญ่แทบทั้งนั้น

และส่วนใหญ่ผมก็จะใช้หน้าแผนที่ของทางเว็บช่วยหาร้านด้วย เพราะว่าผมมักจะเลือกร้านที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟไว้ก่อน หรือถ้าไกลหน่อยก็ไม่อยากให้ไกลเกินเดิน 15 นาทีอะไรแบบนี้ และก็มักจะเลือกที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีหลัก ไม่ต้องต่อรถไฟอะไรหลายรอบครับ ซึ่งเงื่อนไขของผมตรงจุดนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะได้ร้านที่มีคะแนน 3.3 - 4.0 โดยประมาณซึ่งก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว แต่ว่าถ้าแบบอยากจะกินเทพกว่านั้น ร้านคะแนนเกิน 4.0 อะไรแบบนั้นส่วนใหญ่คือก็จะมีอุปสรรคเรื่องการเดินทางเพิ่มเติมขึ้นมา



ค้นหาร้านโดยแผนที่

และสุดท้ายพอได้ร้านแล้วผมก็จะเข้าไปดูข้อมูลร้านเพิ่มเติมอีกทีนึง ที่ดูหลัก ๆ เลยก็คือจะดูเวลาทำการครับ ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถ้าเป็นร้านนอกห้างนี่มักจะมีหยุดตอนบ่ายกันแทบทุกที่ หรือแม้แต่ร้านในห้างหลาย ๆ ร้านเองก็หยุดตอนบ่ายเช่นเดียวกัน ก็ต้องดูเวลาเตรียมเอาไว้และจัดตารางเที่ยวให้สอดคล้องกับเวลาเปิดปิดของทางร้าน และที่สำคัญอีกอย่างคือวันหยุดพิเศษหรือวันหยุดประจำอาทิตย์ ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นนี่มักจะมีวันหยุดประจำสัปดาห์กันหลายร้านเลย โดยเฉพาะวันจันทร์นี่เป็นวันแห่งวันหยุดสำหรับร้านอาหารเลย ช่วงก่อนหน้านี้ผมมักจะพลาดไม่ได้ดูวันหยุดประจำสัปดาห์ของทางร้าน และพอไปก็เจอร้านปิดอยู่ จนหลัง ๆ นี่ต้องตรวจ parameter นี้ตลอด

และส่วนใหญ่ผมจะหาร้านอาหารไว้ประมาณ 2-3 ร้านต่อ 1 มื้อ เผื่อว่า

- หาร้านไม่เจอ ครับ ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดเลย อย่างที่รู้ ๆ กันว่าสถานีรถไฟของญี่ปุ่นจะเป็นที่รวบรวมทุกอย่างมากระจุกเอาไว้ มีห้างใต้ดิน, ห้างบนดิน, ตรอกซอกซอยอะไรซอยย่อยไปหมด ประมาณสัก 20% ของร้านที่ผมจงใจจะไปกินแล้วหาไม่เจอก็เพราะความซับซ้อนด้านสิ่งก่อสร้างนี่แหละครับ และไม่ใช่ว่าเราจะถามทางกับคนญี่ปุ่นแล้วเค้าจะอธิบายเรากันได้ทุกคนครับ ก็เลยต้องเผื่อเอาไว้ก่อนจุดนี้
- เวลาไม่ลงตัว โดยเฉพาะมื้อเที่ยงที่ร้านมักจะเปิดกัน 11.00 - 14.00 น. โดยประมาณ บางทีเที่ยวเพลินก็ต้องไปกินร้านลำดับถัด ๆ ไปแทน
- ร้านอยู่ไกลจากแหล่งที่เที่ยว คือแบบ ขี้เกียจเดินไปแล้ว เมื่อยแล้ว หิวแล้ว อะไรแบบนี้

และพอหาร้านเสร็จผมก็จะไปเปิดอีกเว็บนึงขึ้นมานั่นก็คือ gnavi.co.jp ที่กล่าวไปตอนต้น โดยเว็บนี้จะดีอย่างตรงที่ข้อมูลร้านอาหารส่วนใหญ่จะครบถ้วนกว่า มีรูปเมนู, มี list เมนูอาหาร, มีรูปร้าน, รูปอาหารสวย ๆ และบางร้านก็มีข้อมูลภาษาอังกฤษด้วย แต่คือข้อมูลของเว็บนี้ก็เหมือนเป็นตัวเติมเต็มเฉย ๆ ล่ะครับ ส่วนใหญ่แค่ tabelog ก็จะเพียงพอแล้วสำหรับผม

คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้แหล่ะครับ ใช้แรก ๆ อาจจะงงสักหน่อย แต่พอใช้ไปสักพักเดี๋ยวก็คุ้นเองครับ ยืนยันจากตัวผมเอง ไม่ต้องอ่านภาษาญี่ปุ่นออกสักเท่าไรก็ใช้ได้ เพราะมี google translate ช่วย

ทีนี้ก็เข้าสู้การรีวิวดีกว่า

ร้านลำดับที่ 1 Steak Land - Kobe, Hyogo Prefecture
ประเภทอาหาร - เสต็กแบบ teppanyaki
ความอร่อยจาก tabelog - 3.54
ความอร่อยจากนายบั๊ม - 4
ข้อมูลร้าน http://tabelog.com/hyogo/A2801/A280101/28000604/

ผมเคยมา Kobe 3 รอบแล้ว แต่พลาดที่จะได้กินเนื้อ  Kobe ทุกทีเพราะส่วนใหญ่จะให้เวลากับเมืองนี้น้อย แต่มางวดนี้ตั้งใจและแน่วแน่มา ก็เลยได้มากินจนได้ครับ ร้านนี้ผมไปถึงตอนเที่ยง คนเยอะมาก ต้องรอคิวอยู่แปบนึงถึงจะได้โต๊ะ ไปตอนเที่ยงก็โชคดีหน่อยมี  set lunch ราคาประหยัด ตัวชุด steak kobe ของผมราคาประมาณ 3,000 yen ซึ่งถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับเนื้อ Kobe เมืองไทย และก็แต่ละรายการอาหารนั้น พ่อครัวจะมาปรุงให้เรากันสด ๆ ตรงหน้าเรา ไม่ไดมีการใส่ลีลาอะไรเหมือนร้าน Benihana จะเป็นลีลาแบบพื้น ๆ ซึ่งก็ดูกันเพลินตา กระตุ้นน้ำย่อยดีนักแลล่ะครับ

รวม ๆ แล้วผมไปกัน 5 คน มีคนชอบมาก 2 คน, ชอบกำลังดี 2 คน (ผมคนนึง) และอีกคนไม่กินเนื้อสั่งกุ้งไป (ไม่มีรูป) ก็เลยไม่ขอนับละกัน ร้านนี้ก็ถ้าไป Kobe ก็อยากแนะนำครับ เพราะเปิดทุกวันและราคาไม่แพงด้วย



Kobe Steak Land อยู่ไม่ไกลจากสถานีหลักของเมือง JR Sannomiya สักเท่าไรครับ



มีเตา Teppanyaki แบบนี้อยู่ประมาณสัก 15 เตาได้ ลูกค้าถ้ามา 4-6 คนก็จะเหมาไปเลยเตานึง แต่ถ้ามา 1-2 คนก็ต้องไปนั่งรวมกับโต๊ะอื่น



เบียร์สดนี่ถ้าผมไปญี่ปุ่นผมจะพยายามสั่งทุกมื้อครับ เพราะว่าเบียร์(ยิ้ม)โคตรอร่อย อรอ่ยกว่าที่ไทยหลายขุม อย่างมื้อนี้เป็นของ Asahi



เนื้อ Kobe น่าจะเป็นส่วนสันใน เพราะว่าชิ้นหนาและไม่ค่อยมีมันแทรกเท่าไร บอกตรง ๆ ว่าตอนก่อนกินนี่รู้สึกว่าไม่น่าจะอร่อยแน่เลย เพราะไม่เหมือนเนื้อ Kobe ที่เคย ๆ กินในบ้านเราที่จะมีลายไขมันแทรกสวยงาม แต่ว่าเนื้อจะบาง



พ่อครัวลงมือทำตรงหน้าอยู่ประมาณสัก 4-5 นาทีได้ครับ พวกผมทุกคนสั่งกันไปเป็นแบบ medium rare กันหมด ในรูปนี่ก็คือใกล้ได้กินล่ะ



เสร็จเรียบร้อย (ขาดผัดผัก ผมรีบถ่ายก่อน รีบกินก่อนเพราะหิว ฮ่า ๆ) อร่อยมากครับ เนื้อนุ่มแบบ ไม่น่าเชื่อว่าเนื้อหนาขนาดนี้จะนุ่มได้ขนาดนี้ ทางร้านให้ซอสมา 2 แบบครับ แต่ผมกิน 3 แบบ คือกินเปล่า ๆ แบบนึงและก็จิ้มซอสอีก 2 แบบ ก็อร่อยหมดทุกแบบครับ สับเปลี่ยนกันไป

ร้านที่ 2 Königs - Krone - Kobe, Hyogo Prefecture
ประเภทอาหาร - ของหวาน, เครื่องดื่ม, ชากาแฟ
ความอร่อยจาก tabelog - 3.38
ความอร่อยจากนายบั๊ม - N/A
ข้อมูลร้าน http://tabelog.com/hyogo/A2801/A280101/28009180/

ร้านนี้เข้าไปกินแบบไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนครับ ร้านอยู่แถวสถานี JR Sannomiya เช่นเดียวกัน เห็นคนเยอะดี เห็นเมนูอาหารเยอะดี และเห็นแอร์เย็นดี! (ชีวิตนี้ถ้าเป็นไปได้จะไม่พยายามไปหน้าร้านที่ญี่ปุ่นอีกแล้วครับ ทรมานชิบหอย) ร้านนี้ผมไม่อยากไปตัดสินคะแนนอะไรให้เค้า เพราะว่าไม่ค่อยได้กินสักเท่าไร



มีหลายสาขาครับ ชื่อร้านไม่รู้เหมือนกันแปลว่าอะไร



น้ำบ๊วยใส่ soft cream ของผม น้ำเปรี้ยวจี๊ดสะใจส่วน soft cream ก็หวาน ๆ ละมุน ๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว



ชุดกาแฟและของหวานของพี่ผม ผมไม่ได้แตะเลย แต่พี่ผมบอกว่าอร่อยมาก กินหมดเกลี้ยงกันอย่างรวดเร็ว



ชามนี้ของ พ่อ แม่ และพี่อีกคนนึงครับ กินกัน 3 คน 1,500 yen หรืออะไรนี่แหละ ผมไม่ได้แตะอีกเช่นกัน 3 คนนั้นบอกว่าอร่อย ให้เยอะ คุ้มค่ามาก ขนาดกินกัน 3 คนยังกินไม่หมดเลย (ชามใหญ่กว่า earthquake ของ Swensens อีกครับ พอดีไม่ได้ถ่ายเทียบไซส์อาจจะคิดว่ามันเล็ก)

ร้านที่ 3 丸高中華そば  - Kobe, Hyogo Prefecture
ประเภทอาหาร - ก๋วยเตี๋ยว, ราเมน
ความอร่อยจาก tabelog - 3.54
ความอร่อยจากนายบั๊ม - 4
ข้อมูลร้าน http://tabelog.com/hyogo/A2801/A280101/28002413/

ทริปส่วนใหญ่ของผมจะต้องมีราเมนแทรกในทุก ๆ 3 มื้อ เพราะว่าผมเป็นคนชื่นชอบราเมนมาก และก็ราเมนนั้นเป็นอาหารราคาถูก เป็นอาหารช่วยประคองเงินในกระเป๋าให้อยู่ได้จนหมดทริปได้เป็นอย่างดี (ถ้ามื้อไหนผมจัดหนัก ๆ ไป ตอนกลางคืนที่โรงแรมจะมองหาราเมนเป็นมื้อต่อมาเสมอเลยล่ะครับ ฮ่า ๆ) ส่วนร้านนี้ก็เป็นร้านราเมนแนว chuka-soba หรือราเมนสไตล์จีน, ได้อิทธิพลจากจีนมานั่นเอง (คือเอาจริง ๆ ราเมนก็ได้อิทธิพลมาจากจีนทั้งหมดแหล่ะครับ แค่ chuka-soba  นี่เค้าจะถือว่าเป็นจีนมากกว่าหน่อย ไม่ค่อยมีการ ดัดแปลงอะไรตัวหน้าตาราเมน, ตัวน้ำซุปอะไรมาก)

ราเมนร้านนี้ก็อยู่แถว ๆ สถานี JR Sannomiya อีกเช่นกัน ร้านเป็นสองแม่ลูกมาช่วยกันขาย น้ำดื่มต้องเดินไปกดเองที่ตู้, ส่วนอาหารใช้จิ้มเมนูสั่งเอาไม่ได้กดที่ตู้เหมือนร้านราเมนหลาย ๆ ร้าน, ผมเห็นร้านนี้ได้รางวัลของ tabelog มาหลายปี และถ้านับอันดับร้านราเมนใน Kobe ร้านนี้ได้คะแนนอยู่ลำดับที่ 15 ครับ ตัวน้ำซุปของร้านนี้เข้มข้นมาก ๆ (ผมเห็นตัวคุณลูกโยนกระดูกหมูลงไปในหม้อประมาณ 15 กระดูกใหญ่ ๆ ได้ครับ) เป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ใส่ปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย (น่าจะเป็น shoyu) ตัวเมนูราเมนนั้นมีให้เลือกแค่แบบเดียว แต่มีให้ปรุงแต่งเพิ่มได้เล็กน้อยเช่นใส่ กิมจิ, ใส่ชาชู อะไรประมาณนี้

มื้อนี้พวกผมหิวโซกันก็เลยสั่งกันไปแต่ชาชูเมน ก็เลยมีราเมนแค่แบบเดียวให้ดูนะครับ สรุปคร่าว ๆ คือ น้ำซุปอร่อย, เส้นเหนียวหนึบอร่อยดี, แต่ทีเด็ดที่สุดคือตัวชาชูครับ ชาชูอร่อยมากกกกก คือแบบเป็นชาชูแบบเนื้อไม่ได้มันอะไรมาก (เพราะน้ำซุปมันอยู่แล้ว) แต่แบบมันทั้งนุ่ม, เค็ม, มัน อย่างลงตัวเลย อยากจะขโมยหมูชาชูก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผมกลับบ้านมากเลย โอย









ขอหยุดไว้ที่ 3 ร้านนี้ก่อนละกันนะครับ ตัวอักษรจะครบ 10,000 ตัวแล้ว ก็ไว้มาต่อกันอีก 10 ร้านที่เหลือกัน
ชื่อสินค้า:   Kobe Steakland
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่