ตอนที่ 2 เราค้างอยู่ที่หน้าพิพิธภัณฑ์บ้านแห่งภูผายังไม่ได้เข้าไปชมกันเลยแต่โควต้าหมดเลยต้องมาต่อกันในตอนที่ 3 ไม่ต้องรอช้าตามผมมาชมด้านในกันเลยครับ (ด้านในพิพิธภัณฑ์มีแสงน้อยผมเลยลองใช้ตัวช่วยในกล้อง Canon 6D Mode SCN->Handhel Night Scene ที่กล้องจะทำการถ่ายภาพติดต่อกัน 3 ภาพแล้วนำมารวมกันเพื่อให้ได้ภาพที่แสงสว่างมากพอและนิ่งไม่เบลอส่วนผลเป็นอย่างเลยเชิญชมภาพด้านล่างเกือบทั้งหมดที่ใช้โหมดนี้ในห้องที่มีแสงน้อยดูครับ)
1. เดินเข้าไปก็เจอขายของที่ระลึกเต็มไปหมดส่วนใหญ่จะเป็นของแถวอินเดียแดง
2. แต่การจัด Display และตกแต่งสถานที่ทำใด้สวยงามและลงตัวมากเล่นระดับแบ่งเป็นชั้นเล็กชั้นหน่อยหลายระดับดูหรูเหมือนในห้างใหญ่ๆ
3.มีทางให้เดินวกไปวนมาบางจุดเข้าไปในถ้ำก็มีการจัดแสดงของใช้เก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงยุคนั้น
4.ตามซอกหินจากธรรมชาติก็ทำเป็นชั้นโชว์สินค้าส่วนในตัวห้องก็ใช้ไม้สนทั้งต้นมาทำโครงสร้าง
5.อีกมุมที่เล่นระดับได้สวยงามมาก
6. ธนูอินเดียแดงยุคโบราณของแท้
7. ห้องนี้ก็จัดโชว์เครื่องใช้โบราณเช่นกัน
8. เปลหรือตะกร้าไว้ใส่เด็กเล็กเพื่อความสะดวกในการอุ้มหรือสะพายหลังของชนเผ่านอินเดียนที่ตัดเย็บด้วยหนังสัตว์แท้ๆ
9. ภาชนะเครื่องใช้ดูๆไปคล้ายของบ้านเชียงเหมือนกัน
10.เดินชมพิพิธภัณฑ์บ้านแห่งภูผาออกมาด้านนอกเจอกระถางดอกไม้ดอกนี้เก๋ดีก็เลยเก็บภาพไว้
11.บาทหลวงJean Baptiste Francolon เป็นผู้สร้างปราสาท Miramont ใน ค.ศ. 1895 เป็นปราสาทที่มีสถาปัตย์กรรมกึ่ง Byzantine แนวโรมันและ Tudor แนวอังกฤษยุคกลางปราสาทแห่งนี้เป็นตัวอย่างของยุคVictorianและได้รับการจดทะเบียนเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อเมริกันในปี ค.ศ 1976 ปัจจุบันปราสาท เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเครื่องใช้และของสะสมและถ่ายภาพในปราสาทได้เกือบหมดยกเว้นภาพวาดเก่าแก่บางภาพโดยคิดค่าเข้าชมคนละ 8 เหรียญ และหากท่านใดสนใจจะรับประทานชาและอาหารกลางวันแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆโดยใช้ภาชนะถ้วยชามโบราณของอังกฤษโบราณก็เชิญรับประทานได้ที่ในห้องTea Room แต่ผมดูเมนูแล้วไม่มีลาบ น้ำตก ส้มตำเลยไม่ได้ลองรับประทานดู ปราสาท Miramont ดูภายนอกไม่ใหญ่โตเท่าไรแต่มีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 14,000 ตร.ฟุต มีห้องทั้งหมดรวม 40 ห้อง
12. ดูท่าผู้อยู่อาศัยในปราสาทนี้คนเดิมคงชอบหรือทำงานเกี่ยวกับดับเพลิงแน่ๆเพราะของที่สะสมเป็นของที่เกี่ยวกับการดับเพลิงทั้งสิ้น
13. อุปกรณ์ในการดับเพลิงยุคโบราณ
14. หมวกและเหรียญตราที่ได้รับ
15.ห้องนั่งเล่น
16. ห้องรับประทานอาหาร
17.ครัวและเครื่องครัวที่จัดว่าเป็นเครื่องครัวที่หรูและดีที่สุดแล้วในยุคนั้น
18.โบสถ์ส่วนตัวในปราสาท
19. ชุดเกราะอัศวินในห้องทำงาน
20. มุมนั่งพักที่อยู่ตรงกลางระหว่างบันไดขึ้นชั้นบน
21.มุมนี้ผมชอบเป็นการส่วนตัวมากเพราะเป็นคนชอบห้องเหลี่ยมที่มีกระจกบานใหญ่ๆมองเห็นวิวด้านนอกได้เต็มๆตายิ่งวิวสวยๆของภูเขาแถบนี้ด้วยยิ่งเหมาะ
22. ตรงๆใกล้ๆอีกสักภาพ
23. ห้องโถงใหญ่ที่มีภาพโบราณสวยๆติดไว้อยู่บนผนังหลายใบแต่มีป้ายห้ามถ่ายภาพที่ผนัง
24. เครื่องปั่นด้ายโบราณ
25. อ่างอาบน้ำคุณผู้หญิง
26.จักรเย็บผ้าซิงเกอร์แบบใช้เท้าเหยียบโบราณที่เมืองไทยก็หาดูได้ไม่ยากบ้านผมก็มี
27. ห้องนอนของเลดี้
28. ห้องนอนของท่านลอร์ด
29.ด้านบนสุดเป็นห้องใต้หลังคาจัดเป็นห้องสุดท้ายมีของที่ระลึกจำหน่ายด้วย
30.มีห้องนอนเด็กอยู่ชั้นนี้
31. ตุ๊กตาโบราณที่ทำด้วยมือในยุคนั้น
32. เดินออกจากห้องใต้หลังคาไปด้านหลังปราสาทจะเป็นสวนดอกไม้ต่างระดับและเดินทะลุสวนดอกไม้ออกไปขี้นบันไดอีกหน่อยก็จะเป็นถนนของเมืองอีกสายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของปราสาทที่มีระดับสูงเท่าๆกับหลังคาปราสาทซึ่งบ้านในอเมริกามักจะสร้างกันแบบนี้จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังสร้างลักษณะนี้อยู่คือประมาณว่าสร้างบ้านติดกับผนังดินหรือผนังของผา ตรงสวนแห่งนี้ทำให้ผมมีโอกาสนำเลนส์มือหมุนมาถ่ายผีเสื้อและดอกไม้
33.ดอกไม้สวยในสวน
34. แดงได้ใจ
35.ดอกจุ๋มจิ๋ม
36.จากสวนดอกไม้ด้านบนของปราสาทมีบันไดขึ้น-ลงข้างๆโดยมีทหารยามตัวนี้เฝ้าอยู่
37 ไหนๆก็แบกเลนส์มือหมุนไปด้วยขออนุญาตถ่ายดอกไม้ให้สะใจหน่อยครับ
38.
39.
40. ลากันด้วยภาพดอกไม้สีม่วงเข้มดอกนี้และก็จบการพาชมสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Manitou springs ไว้ติดตามชมตอนต่อไปของทริปโคโลราโดที่จุดหมายปลายทางหน้าคือเมือง Aspen เมืองพักผ่อนเล่นสกีชื่อดังของไฮโซที่อยู่ในหุบเขากันต่อไปครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม

และอย่าลืมติดตามชมตอนต่อไปในเร็วๆนี้
ข้อมูลของกล้องและเลนส์ที่ใช้ในภาพชุดนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพที่ 1-31 Canon 6D + Canon EF L 17-40mm
ภาพที่ 32 Sony NEX5N + Pentacon 135/2.8
ภาพที่ 33-40 Sony NEX5N + Olympus OM 50/1.4 Manual Focus
>>>>>>> [ ทริปโคโลราโด ตอน 3 :พิพิธภัณฑ์บ้านแห่งภูผา, ปราสาท Miramont ] <<<<<<&l
1. เดินเข้าไปก็เจอขายของที่ระลึกเต็มไปหมดส่วนใหญ่จะเป็นของแถวอินเดียแดง
2. แต่การจัด Display และตกแต่งสถานที่ทำใด้สวยงามและลงตัวมากเล่นระดับแบ่งเป็นชั้นเล็กชั้นหน่อยหลายระดับดูหรูเหมือนในห้างใหญ่ๆ
3.มีทางให้เดินวกไปวนมาบางจุดเข้าไปในถ้ำก็มีการจัดแสดงของใช้เก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงยุคนั้น
4.ตามซอกหินจากธรรมชาติก็ทำเป็นชั้นโชว์สินค้าส่วนในตัวห้องก็ใช้ไม้สนทั้งต้นมาทำโครงสร้าง
5.อีกมุมที่เล่นระดับได้สวยงามมาก
6. ธนูอินเดียแดงยุคโบราณของแท้
7. ห้องนี้ก็จัดโชว์เครื่องใช้โบราณเช่นกัน
8. เปลหรือตะกร้าไว้ใส่เด็กเล็กเพื่อความสะดวกในการอุ้มหรือสะพายหลังของชนเผ่านอินเดียนที่ตัดเย็บด้วยหนังสัตว์แท้ๆ
9. ภาชนะเครื่องใช้ดูๆไปคล้ายของบ้านเชียงเหมือนกัน
10.เดินชมพิพิธภัณฑ์บ้านแห่งภูผาออกมาด้านนอกเจอกระถางดอกไม้ดอกนี้เก๋ดีก็เลยเก็บภาพไว้
11.บาทหลวงJean Baptiste Francolon เป็นผู้สร้างปราสาท Miramont ใน ค.ศ. 1895 เป็นปราสาทที่มีสถาปัตย์กรรมกึ่ง Byzantine แนวโรมันและ Tudor แนวอังกฤษยุคกลางปราสาทแห่งนี้เป็นตัวอย่างของยุคVictorianและได้รับการจดทะเบียนเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อเมริกันในปี ค.ศ 1976 ปัจจุบันปราสาท เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเครื่องใช้และของสะสมและถ่ายภาพในปราสาทได้เกือบหมดยกเว้นภาพวาดเก่าแก่บางภาพโดยคิดค่าเข้าชมคนละ 8 เหรียญ และหากท่านใดสนใจจะรับประทานชาและอาหารกลางวันแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆโดยใช้ภาชนะถ้วยชามโบราณของอังกฤษโบราณก็เชิญรับประทานได้ที่ในห้องTea Room แต่ผมดูเมนูแล้วไม่มีลาบ น้ำตก ส้มตำเลยไม่ได้ลองรับประทานดู ปราสาท Miramont ดูภายนอกไม่ใหญ่โตเท่าไรแต่มีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 14,000 ตร.ฟุต มีห้องทั้งหมดรวม 40 ห้อง
12. ดูท่าผู้อยู่อาศัยในปราสาทนี้คนเดิมคงชอบหรือทำงานเกี่ยวกับดับเพลิงแน่ๆเพราะของที่สะสมเป็นของที่เกี่ยวกับการดับเพลิงทั้งสิ้น
13. อุปกรณ์ในการดับเพลิงยุคโบราณ
14. หมวกและเหรียญตราที่ได้รับ
15.ห้องนั่งเล่น
16. ห้องรับประทานอาหาร
17.ครัวและเครื่องครัวที่จัดว่าเป็นเครื่องครัวที่หรูและดีที่สุดแล้วในยุคนั้น
18.โบสถ์ส่วนตัวในปราสาท
19. ชุดเกราะอัศวินในห้องทำงาน
20. มุมนั่งพักที่อยู่ตรงกลางระหว่างบันไดขึ้นชั้นบน
21.มุมนี้ผมชอบเป็นการส่วนตัวมากเพราะเป็นคนชอบห้องเหลี่ยมที่มีกระจกบานใหญ่ๆมองเห็นวิวด้านนอกได้เต็มๆตายิ่งวิวสวยๆของภูเขาแถบนี้ด้วยยิ่งเหมาะ
22. ตรงๆใกล้ๆอีกสักภาพ
23. ห้องโถงใหญ่ที่มีภาพโบราณสวยๆติดไว้อยู่บนผนังหลายใบแต่มีป้ายห้ามถ่ายภาพที่ผนัง
24. เครื่องปั่นด้ายโบราณ
25. อ่างอาบน้ำคุณผู้หญิง
26.จักรเย็บผ้าซิงเกอร์แบบใช้เท้าเหยียบโบราณที่เมืองไทยก็หาดูได้ไม่ยากบ้านผมก็มี
27. ห้องนอนของเลดี้
28. ห้องนอนของท่านลอร์ด
29.ด้านบนสุดเป็นห้องใต้หลังคาจัดเป็นห้องสุดท้ายมีของที่ระลึกจำหน่ายด้วย
30.มีห้องนอนเด็กอยู่ชั้นนี้
31. ตุ๊กตาโบราณที่ทำด้วยมือในยุคนั้น
32. เดินออกจากห้องใต้หลังคาไปด้านหลังปราสาทจะเป็นสวนดอกไม้ต่างระดับและเดินทะลุสวนดอกไม้ออกไปขี้นบันไดอีกหน่อยก็จะเป็นถนนของเมืองอีกสายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของปราสาทที่มีระดับสูงเท่าๆกับหลังคาปราสาทซึ่งบ้านในอเมริกามักจะสร้างกันแบบนี้จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังสร้างลักษณะนี้อยู่คือประมาณว่าสร้างบ้านติดกับผนังดินหรือผนังของผา ตรงสวนแห่งนี้ทำให้ผมมีโอกาสนำเลนส์มือหมุนมาถ่ายผีเสื้อและดอกไม้
33.ดอกไม้สวยในสวน
34. แดงได้ใจ
35.ดอกจุ๋มจิ๋ม
36.จากสวนดอกไม้ด้านบนของปราสาทมีบันไดขึ้น-ลงข้างๆโดยมีทหารยามตัวนี้เฝ้าอยู่
37 ไหนๆก็แบกเลนส์มือหมุนไปด้วยขออนุญาตถ่ายดอกไม้ให้สะใจหน่อยครับ
38.
39.
40. ลากันด้วยภาพดอกไม้สีม่วงเข้มดอกนี้และก็จบการพาชมสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Manitou springs ไว้ติดตามชมตอนต่อไปของทริปโคโลราโดที่จุดหมายปลายทางหน้าคือเมือง Aspen เมืองพักผ่อนเล่นสกีชื่อดังของไฮโซที่อยู่ในหุบเขากันต่อไปครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม
ข้อมูลของกล้องและเลนส์ที่ใช้ในภาพชุดนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้