สวัสดีเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านนะครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เขียนรีวิวการเที่ยวต่างประเทศของผมครับ และเป็นครั้งแรกที่เขียนรีวิวลง Pantip ครับ ยังไงก็ขอคำแนะนำ และความกรุณาด้วยนะครับ ภาษาไทยอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้างครับ แต่จะพยายามปรับปรุงในครั้งต่อไปครับ
วันที่ 18 พฤษภาคม 2556
ผมเดินทางมาที่สนามบินดอนเมืองเพื่อทำการเช็คอิน และบินจากดอนเมืองมาฮ่องกงครับ โดยสายการบินที่ใช้บริการครั้งนี้เป็นของน้องหางแดง หรือแอร์เอเชียนั่นเองครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสนั่งแอร์เอเชียครับ ทำให้พบว่าโลคอส คืออะไรครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าคุณจะนั่งสายการบินไหน จะแคบ จะกว้าง เราก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันครับ ฮ่องกง
6:30 เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง
ผมเลือกเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia ทริปนี้ไปกันสองคน หมดค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ พร้อมกับ ค่าสัมภาระไปทั้งหมด 15,000 บาท T_T จริงๆ ค่าตั๋วไปเราโดนกันคนละประมาณ 2,500 แต่คิดจิปาถะแล้วรวมๆ ไปก็ 15,000 สายการบินแอร์เอเชีย ยอมรับว่าแอร์บริการดีจริงๆครับ เครื่องก็ Lowcoast ตามราคาครับ ไม่ได้หรูหรามากนัก แต่ก็สะดวกกับคนที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศในราคาประหยัด โดยภาพที่ถ่ายมานั้น จะมีกล้อง 2 ตัวก็คือ Canon 5D MK II และ Olympus OM-1(Film) ครับผม
10:30 เครื่องถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง
ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องผมหลับครับ และหลังจากนั้นเราก็ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋า หลังจากนั้นผมจึงเดินทางไปซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าครับ โดยผมเลือกซื้อ Octopus 200HKD และ Airport Express Travel Pass Free MTR 3 days และไปกลับสนามบินโดย airport express โดยที่ผมสามารถที่จะขึ้นจากสถานีไหนก็ได้ครับ เหตุที่ว่าทำไมผมถึงเลือกซื้อแบบนี้เพราะว่า ผมมาฮ่องกงทริปนี้ 6 วัน 5 คืนครับ จึงเลือกใช้ airport express travel pass เพราะทำให้สะดวกในการเดินทาง และได้ไปกลับสนามบินด้วย ราคาอยู่ที่ 300HKD ซึ่งถ้าซื้อบัตรไปกลับปกติ ราคาจะอยู่ที่ 180HKD และบัตร one day pass 55HKD และถ้า 3 วัน ก็ 165 รวมกับบัตรไปกลับสนามบินอีก สรุป 345HKD แพงมากกกกกกก แต่ถ้าใครที่ไม่คิดว่าจะใช้ mtr มากก็ใช้บัตร Octopus อย่างเดียวดีกว่าครับ ซึ่งบัตรนี้เมื่อนำมาคืนจะได้เงินคืน 50HKD ครับ
บนรถไฟฟ้าใต้ดินมี Wifi Free ให้เล่นด้วยครับ
คนที่นี่นิยมเดินกัน เลยเห็นคนหุ่นดีกันเยอะมากๆ
รถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ที่พักเลย 20 เมตรได้
2:00pm เดินทางมาถึง Tai San Guest House
ซึ่งผมได้จองที่นี่ 2 คืน ได้ราคามาคืนละ 550HKD double room ครับ ครับ สภาพที่พักสำหรับผมเองถือว่าแคบครับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากครับ การเดินทางก็สะดวก 20 เมตรจากรถไฟฟ้า MTR สายสีแดง ภายในห้องก็มีทีวี คอมพิวเตอร์ ไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู ผ้าขนหนู ครับ ที่พักผมอยู่ที่ Burlington House ชั้น 15 Block A ครับ พอมาถึงก็โทรเข้ามาครับ จะมีแม่บ้านใจดีมาเปิดประตูให้ และพาไปแนะนำสิ่งต่างๆ ครับ สรุปว่าโอเครครับอยู่ได้ไม่ลำบาก เดินทางสะดวก รอบๆ เป็นแหล่งขายสินค้า เครื่องสำอาง อาหาร ผับ ร้านเหล้า กล้อง เสื้อผ้า เป็นต้น
5:00pm The Peak
สถานที่เรากำลังจะไปกันที่นี่ก็คือ The Peak ครับ ตรงนี้ผมขอแนะนำการเดินทางนะครับ ให้เราเดินทางมาที่ MTR Central และออกมาทางออก K ครับ และเดินย้อนขึ้นไปทาง The Peak ระยะทางประมาณ 500 เมตร ยังไม่ทันเหนื่อย เราก็จะพบกัยรถรางขึ้น The Peak ครับซึ่งสะดวก และประหยัดทั้งเงิน และเวลามากครับ ใกล้และเร็วกว่าการเดินทางโดยรถเมล์สาย 15 หรือ 15C มากครับ และระยะทางจาก MTR Central ไปป้ายรถเมล์นั้นพอๆ กับ เดินไปจุดรถราง The Peak เลยทีเดียวครับ
เดินทางมาลงไฟใต้ดินเพื่อมาลง Central และเดินทางไปต่อเพื่อขึ้นรถเมล์ครับ
ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถเมล์เพื่อเดินทางไป The Peak ก็เดินผ่าน ifc mall และที่นั่นมี Apple Store ครับ อยากให้เมืองไทยมี Apple Store แบบนี้บ้างจังเลยครับ เพราะพนักงานที่นี่บริการดีมากๆ เลย แตกต่างจาก บ้านเรามากๆ
ตึกสูงในฮ่องกงสร้างขึ้นอย่างมีระเบียบ เวลาที่เราถ่ายภาพมาก็จะสวยมากๆ
ถึงแล้วจุดขึ้นรถรางที่จะพาเราไปสู่ The Peak มีชื่อว่า The Peak tram
เด็กๆ ที่นี่น่ารักกันเหลือเกิน
The Peak Tram
เมื่อเข้าคิวมาร่วมครึ่งชั่วโมง เราก็ได้เข้ามาถึงคิวด้านในซึ่งใกล้จะได้ขึ้นรถรางแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้ขึ้นรถราง และขึ้นไปชมวิวของฮ่องกงจาก The Peak กัน ซึ่งการจะเข้าไปด้านบนของ The Peak นั้น เราก็ต้องเสียค่าเข้าอีกเช่นกันครับ ขึ้นไปด้านบนนั้นคนเยอะมาก และแสงมืดมากๆ แนะนำเพื่อนๆ อย่าลืมพกแฟลชมาด้วยนะครับ ถ้าต้องการถ่ายภาพของตัวเองคู่กับวิวกว้างๆ ของฮ่องกง ส่วนใครที่อยากได้ภาพสวยๆ ก็มีบริการถ่ายภาพจากช่างภาพของ The Peak อยู่แถวนั้นเลยครับ ช่างภาพเค้าจะปีนบันไดและถ่ายภาพ มุมกดลงมาให้เรา ซึ่งจะได้ภาพเราและฉากหลังเป็นมืองฮ่องกง มุมกว้างๆ สวยมากๆ เลยครับ ผมใช้เวลาอยู่บนั้นเกือบ 1 ชั่วโมง เพราะต้องต่อคิวกว่าจะเข้าจุดชมวิวได้ แต่ก็ถือว่าคุ้มครับที่ได้ขึ้นมาบนนี้ และเราก็เดินทางกลับโดยนั่งรถรางที่เราขึ้นมาครับ
คนต่อคิวที่รถรางเยอะมากๆๆ ดูคนสิครับ
ว้าว ถึง The Peak แล้วจ้า
วิวที่มองลงมาจาก The Peak ทำให้เราเห็นเกาะฮ่องกงได้กว้างมากกกก แถมที่นี่ก็มีกล้องส่องทางไกลให้หยอดเหรียญเพื่อส่องดูตามจุดต่างๆด้วยนะครับ ซึ่งบอกว่าซูมใกล้มากๆๆๆ เล่นเอาผมสนุกและเพลินไปเลยครับ
สลับมากล้องฟิลม์สักหน่อย
กลับที่พัก
เมื่อออกมาจากรถราง เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆตามถนนครับ ไม่นานนักเราก็จะพบกับรถไฟฟ้า และขึ้นรถไฟฟ้ากลับที่พักได้เลยครับ แต่ระหว่างทางนั้น เราก็จะได้พบกับสถานที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวของฮ่องกงมากมายครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน มาชมภาพนะครับ ผมอาจจะเขียนไม่ค่อยดีเท่าไร รายละเอียดไม่เยอะ แต่ภาพจัดเต็มแน่นอนครับ ขอบโทษด้วยนะครับ ^ ^
แล้วผมจะกลับมาเขียนตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ต่อไปนะครับ ถ้าเพื่อนๆ ชอบกันอย่าลืมกด Like หรือ Comment ให้กำลังใจกันด้านล่างได้เลยนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ 
[CR]เที่ยวฮ่องกงครั้งที่ 2 ตอนที่ 1
วันที่ 18 พฤษภาคม 2556
ผมเดินทางมาที่สนามบินดอนเมืองเพื่อทำการเช็คอิน และบินจากดอนเมืองมาฮ่องกงครับ โดยสายการบินที่ใช้บริการครั้งนี้เป็นของน้องหางแดง หรือแอร์เอเชียนั่นเองครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสนั่งแอร์เอเชียครับ ทำให้พบว่าโลคอส คืออะไรครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าคุณจะนั่งสายการบินไหน จะแคบ จะกว้าง เราก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันครับ ฮ่องกง
6:30 เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง
ผมเลือกเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia ทริปนี้ไปกันสองคน หมดค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ พร้อมกับ ค่าสัมภาระไปทั้งหมด 15,000 บาท T_T จริงๆ ค่าตั๋วไปเราโดนกันคนละประมาณ 2,500 แต่คิดจิปาถะแล้วรวมๆ ไปก็ 15,000 สายการบินแอร์เอเชีย ยอมรับว่าแอร์บริการดีจริงๆครับ เครื่องก็ Lowcoast ตามราคาครับ ไม่ได้หรูหรามากนัก แต่ก็สะดวกกับคนที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศในราคาประหยัด โดยภาพที่ถ่ายมานั้น จะมีกล้อง 2 ตัวก็คือ Canon 5D MK II และ Olympus OM-1(Film) ครับผม
10:30 เครื่องถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง
ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องผมหลับครับ และหลังจากนั้นเราก็ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋า หลังจากนั้นผมจึงเดินทางไปซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าครับ โดยผมเลือกซื้อ Octopus 200HKD และ Airport Express Travel Pass Free MTR 3 days และไปกลับสนามบินโดย airport express โดยที่ผมสามารถที่จะขึ้นจากสถานีไหนก็ได้ครับ เหตุที่ว่าทำไมผมถึงเลือกซื้อแบบนี้เพราะว่า ผมมาฮ่องกงทริปนี้ 6 วัน 5 คืนครับ จึงเลือกใช้ airport express travel pass เพราะทำให้สะดวกในการเดินทาง และได้ไปกลับสนามบินด้วย ราคาอยู่ที่ 300HKD ซึ่งถ้าซื้อบัตรไปกลับปกติ ราคาจะอยู่ที่ 180HKD และบัตร one day pass 55HKD และถ้า 3 วัน ก็ 165 รวมกับบัตรไปกลับสนามบินอีก สรุป 345HKD แพงมากกกกกกก แต่ถ้าใครที่ไม่คิดว่าจะใช้ mtr มากก็ใช้บัตร Octopus อย่างเดียวดีกว่าครับ ซึ่งบัตรนี้เมื่อนำมาคืนจะได้เงินคืน 50HKD ครับ
บนรถไฟฟ้าใต้ดินมี Wifi Free ให้เล่นด้วยครับ
คนที่นี่นิยมเดินกัน เลยเห็นคนหุ่นดีกันเยอะมากๆ
รถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ที่พักเลย 20 เมตรได้
2:00pm เดินทางมาถึง Tai San Guest House
ซึ่งผมได้จองที่นี่ 2 คืน ได้ราคามาคืนละ 550HKD double room ครับ ครับ สภาพที่พักสำหรับผมเองถือว่าแคบครับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากครับ การเดินทางก็สะดวก 20 เมตรจากรถไฟฟ้า MTR สายสีแดง ภายในห้องก็มีทีวี คอมพิวเตอร์ ไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู ผ้าขนหนู ครับ ที่พักผมอยู่ที่ Burlington House ชั้น 15 Block A ครับ พอมาถึงก็โทรเข้ามาครับ จะมีแม่บ้านใจดีมาเปิดประตูให้ และพาไปแนะนำสิ่งต่างๆ ครับ สรุปว่าโอเครครับอยู่ได้ไม่ลำบาก เดินทางสะดวก รอบๆ เป็นแหล่งขายสินค้า เครื่องสำอาง อาหาร ผับ ร้านเหล้า กล้อง เสื้อผ้า เป็นต้น
5:00pm The Peak
สถานที่เรากำลังจะไปกันที่นี่ก็คือ The Peak ครับ ตรงนี้ผมขอแนะนำการเดินทางนะครับ ให้เราเดินทางมาที่ MTR Central และออกมาทางออก K ครับ และเดินย้อนขึ้นไปทาง The Peak ระยะทางประมาณ 500 เมตร ยังไม่ทันเหนื่อย เราก็จะพบกัยรถรางขึ้น The Peak ครับซึ่งสะดวก และประหยัดทั้งเงิน และเวลามากครับ ใกล้และเร็วกว่าการเดินทางโดยรถเมล์สาย 15 หรือ 15C มากครับ และระยะทางจาก MTR Central ไปป้ายรถเมล์นั้นพอๆ กับ เดินไปจุดรถราง The Peak เลยทีเดียวครับ
เดินทางมาลงไฟใต้ดินเพื่อมาลง Central และเดินทางไปต่อเพื่อขึ้นรถเมล์ครับ
ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถเมล์เพื่อเดินทางไป The Peak ก็เดินผ่าน ifc mall และที่นั่นมี Apple Store ครับ อยากให้เมืองไทยมี Apple Store แบบนี้บ้างจังเลยครับ เพราะพนักงานที่นี่บริการดีมากๆ เลย แตกต่างจาก บ้านเรามากๆ
ตึกสูงในฮ่องกงสร้างขึ้นอย่างมีระเบียบ เวลาที่เราถ่ายภาพมาก็จะสวยมากๆ
ถึงแล้วจุดขึ้นรถรางที่จะพาเราไปสู่ The Peak มีชื่อว่า The Peak tram
เด็กๆ ที่นี่น่ารักกันเหลือเกิน
The Peak Tram
เมื่อเข้าคิวมาร่วมครึ่งชั่วโมง เราก็ได้เข้ามาถึงคิวด้านในซึ่งใกล้จะได้ขึ้นรถรางแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้ขึ้นรถราง และขึ้นไปชมวิวของฮ่องกงจาก The Peak กัน ซึ่งการจะเข้าไปด้านบนของ The Peak นั้น เราก็ต้องเสียค่าเข้าอีกเช่นกันครับ ขึ้นไปด้านบนนั้นคนเยอะมาก และแสงมืดมากๆ แนะนำเพื่อนๆ อย่าลืมพกแฟลชมาด้วยนะครับ ถ้าต้องการถ่ายภาพของตัวเองคู่กับวิวกว้างๆ ของฮ่องกง ส่วนใครที่อยากได้ภาพสวยๆ ก็มีบริการถ่ายภาพจากช่างภาพของ The Peak อยู่แถวนั้นเลยครับ ช่างภาพเค้าจะปีนบันไดและถ่ายภาพ มุมกดลงมาให้เรา ซึ่งจะได้ภาพเราและฉากหลังเป็นมืองฮ่องกง มุมกว้างๆ สวยมากๆ เลยครับ ผมใช้เวลาอยู่บนั้นเกือบ 1 ชั่วโมง เพราะต้องต่อคิวกว่าจะเข้าจุดชมวิวได้ แต่ก็ถือว่าคุ้มครับที่ได้ขึ้นมาบนนี้ และเราก็เดินทางกลับโดยนั่งรถรางที่เราขึ้นมาครับ
คนต่อคิวที่รถรางเยอะมากๆๆ ดูคนสิครับ
ว้าว ถึง The Peak แล้วจ้า
วิวที่มองลงมาจาก The Peak ทำให้เราเห็นเกาะฮ่องกงได้กว้างมากกกก แถมที่นี่ก็มีกล้องส่องทางไกลให้หยอดเหรียญเพื่อส่องดูตามจุดต่างๆด้วยนะครับ ซึ่งบอกว่าซูมใกล้มากๆๆๆ เล่นเอาผมสนุกและเพลินไปเลยครับ
สลับมากล้องฟิลม์สักหน่อย
กลับที่พัก
เมื่อออกมาจากรถราง เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆตามถนนครับ ไม่นานนักเราก็จะพบกับรถไฟฟ้า และขึ้นรถไฟฟ้ากลับที่พักได้เลยครับ แต่ระหว่างทางนั้น เราก็จะได้พบกับสถานที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวของฮ่องกงมากมายครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน มาชมภาพนะครับ ผมอาจจะเขียนไม่ค่อยดีเท่าไร รายละเอียดไม่เยอะ แต่ภาพจัดเต็มแน่นอนครับ ขอบโทษด้วยนะครับ ^ ^
แล้วผมจะกลับมาเขียนตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ต่อไปนะครับ ถ้าเพื่อนๆ ชอบกันอย่าลืมกด Like หรือ Comment ให้กำลังใจกันด้านล่างได้เลยนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ