บทนำ: ครอบครัวตัวแฝด
มี… คีย์… กี… กิ…จี…จิ ฟังดูเหมือนการเรียนภาษาไทยของเด็กช่วงสระต่าง ๆ คือ สระอิ สระอี แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือชื่อของแฝดหกบุตรของแม่ไอย์กับพ่อนิโคล่า เราหกคนเป็นลูกผสมไทย-ฝรั่งเศสที่แม่บอกว่าเราหกคนเป็นลูกครึ่งที่หน้าตาดีมาก ๆ บ่อยครั้งที่พวกเราคิดว่าแม่อาจจะคิดไปเองว่าเราหน้าตาดี หากแต่เมื่อเราโตขึ้นเราก็เริ่มจะเข้าใจเลยว่าเราทั้งหกคนหน้าตาดีจริง ๆ อย่างที่แม่พูดเสมอ แม่บอกว่าแม่รู้ตัวว่าท้องหลังจากเลิกรากับพ่อได้ไม่นาน ซึ่งหลังจากที่รู้แม่ก็บอกพ่อให้รับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเราแม้ ไม่ได้ต้องการให้พ่อรับผิดชอบอะไรใด ๆ เพียงแต่แม่มองการณ์ไกลไม่ต้องการให้เรามีปมด้อยว่าโตมาแบบไม่มีพ่อ ไม่อยากให้มีดราม่าตามหาพ่อออกทีวีอย่างที่คนอื่นทำกัน แม่กับพ่อแยกทางกันแบบไม่สวยเท่าไหร่สาเหตุเพราะพ่อนอกใจแม่ไปกับแม่ม่ายลูกติดชาติเดียวกัน แม่เสียใจและโกรธมากเลยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีกแต่พ่อก็ยืนยันกับแม่ว่าลูกเกิดมาจากความรักที่อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็เคยมีให้กันและจะขอมีส่วนร่วมในการดูแลเลี้ยงดูพวกเราตลอดไป พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ให้ผู้หญิงคนใหม่มาวุ่นวายใด ๆ เด็ดขาด แม่จึงตกลงที่จะดูแลพวกเราร่วมกันกับพ่อ
แม่บอกว่าตอนแม่ท้องนั้นแม่ท้องใหญ่เร็วผิดปกติมาก แต่ด้วยความที่แม่เป็นคนอ้วนง่ายและตัวใหญ่กว่าหญิงไทยมาตรฐานปกติก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเข้าเดือนที่สามขนาดท้องที่ใหญ่เกินกว่าที่ควรจะเป็นและอัตราการเติบโตที่ผิดปกติทำให้ยายพาแม่ไปตรวจให้แน่ใจ จึงทำให้รู้ว่าไอ้ที่อยู่ในท้องเนี่ยไม่ได้มีแค่ หนึ่ง หรือ สอง แต่เป็นหก แม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่รู้นั้นสติแตกไปเลยทีเดียวเพราะว่าแค่เลิกกับสามีมาหมาด ๆ แล้วยังตั้งท้องแบบไม่ได้ตั้งตัวด้วย เลยกลัวไปต่าง ๆ นานาว่าจะเป็นอย่างไร ลูกหกคนจะปลอดภัยมั้ย ตัวเองจะเป็นอะไรรึเปล่าและที่สำคัญแม่ก็ตัวคนเดียวเลี้ยงลูกหกคนจะไหวมั้ยถึงแม้พ่อจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินที่แม่ไม่อยากจะได้ก็ตาม (ขอบอกก่อนว่าพ่อพวกเราเนี่ยระดับเศรษฐีนะ) โชคดีว่า ตา ยาย น้าเอมและลุงลูกชิดสามีของน้าเอม รวมถึงป้าปิ่นซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่และสามีคือลุงเอกช่วยกันปลุกปลอบใจแม่ว่า แม่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก แม่ยังมีครอบครัว มีเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเหลือและก้าวเดินไปด้วยกัน นับว่าพวกเราโชคดีที่แม่เราเกิดมารายล้อมไปด้วยครอบครัวที่อบอุ่น เพิ่อนสนิทของแม่และเพื่อนที่ทำงานรวมถึงเจ้านายก็ให้ความช่วยเหลือแม่เป็นอย่างดี พวกลุงป้าน้าอาทุกคนรักและเอ็นดูพวกเรามาก โดยเฉพาะป้าเอื้อยเพื่อนร่วมงานของแม่ที่เป็นสาวโสดวัยดึกที่มีความน่ารักและใจดีสุด ๆ พวกเราชอบมากเวลาป้าเอื้อยเล่าเรื่องไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องสัตว์เลี้ยงที่น่ารักทั้งหลายของป้าด้วย
มี กับ คีย์ เกิดก่อน กี กิ จี และจิ เกือบหนึ่งเดือนเต็มเพราะด้วยความที่เป็นแฝดหกจึงทำให้ช่วงเวลาการตั้งครรภ์ของแม่และช่วงเวลาคลอดเป็นไปด้วยความน่ากังวล ตอนแม่คลอดมีกับคีย์นั้นทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญแขวนกันเลยทีเดียว พ่อได้มามีส่วนร่วมตอนกี กิ จี และจิเกิด แต่มาไม่ทันตอนที่มีกับคีย์รีบออกมาดูโลกก่อนน้อง ๆ อีกสี่คน หลังพวกเราลืมตาดูโลกแม่ก็ถือสิทธิ์ในการตั้งชื่อพวกเราแต่เพียงผู้เดียวโดยให้เหตุผลว่าแม่เป็นคนที่เหนื่อยที่สุดและเสี่ยงที่สุดจากการแบกน้ำหนักเราทั้งหกไว้เป็นเวลาเกือบเก้าเดือน พวกเราหกคนใช้ทั้งนามสกุลของแม่และพ่อเพื่อรักษาสิทธิของทั้งสองเชื้อชาติ โดยแม่ตั้งชื่อเราว่า มีนา คิรากร กีรติ กิรกร จีรทัศ และ จิรณา โดยทุกคนมีชื่อเล่นเรียกง่าย ๆ ตามชื่อจริงเพราะแม่ขี้เกียจจำ คือ มี คีย์ กี กิ จี และ จิ พ่อเองก็มุ่งมั่นในการเติมชื่อฝรั่งเศสให้เรา โดยสรุปแล้วพวกเราทั้งหกมีชื่อเต็ม ๆ ว่า
“มีนา ฟรองซัวส์ เอ็น บูเตย์, คิรากร ปิแอร์ เอ็น บูเตย์, กีรติ เธโอ เอ็น บูเตย์, กิรกร ทิโมเท่ เอ็น บูเตย์, จีรพัส คิเลี่ยน เอ็น บูเตย์ และ จิรณา นีล่า เอ็น บูเตย์”
พวกเราใช้ชีวิตตามประสาเด็กทั่วไปเช้าไปเรียน เย็นกลับบ้าน เสาร์ อาทิตย์ไปเที่ยวแล้วแต่ว่าครอบครัวจะพาไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ใด ช่วงปิดเทอมใหญ่แม่จะพาเราไปส่งให้พ่อที่ฝรั่งเศสเพื่อให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อและญาติ ๆ เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาและเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ในช่วงเวลาที่อยู่กับพ่อที่ฝรั่งเศสนั้น พ่อมักพาพวกเราไปท่องเที่ยวและเรียนรู้โลกในอีกฟากนึงอย่างลึกซึ้งเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเราในยามที่เติบโตขึ้น พวกเราใช้ชีวิตระหว่างไทยและฝรั่งเศสตั้งแต่จำความได้จนการเดินทางและความแตกต่างด้านภาษาและวัฒนธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราทั้งหกรักมัน ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตพวกเราแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงด้วยความอิสระทางความคิดที่ทั้งบิดาและมารดาของเรามอบให้ จึงทำให้พวกเราเลือกเดินทางบนเส้นทางที่แตกต่างกันและและมันก็สมควรแก่เวลาที่เราก็จะเริ่มเล่าเรื่องราวของพวกเราให้ทุกคนได้รับรู้เพื่อจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา
คีย์ หรือคิรากร มีนิสัยมุทะลุ อารมณ์ร้อน สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้เป็นมารดาเป็นอย่างมาก สุดท้ายจึงถูกส่งตัวไปอยู่กับน้าสาวและสามีของเธอเมื่อตอนอายุ 15 ปี ด้วยความที่น้าสาวและน้าเขยนั้นมีอารมณ์ที่เย็นดั่งสายน้ำ รักการทำบุญทำทาน เข้าวัดฟังธรรม สิ่งเหล่านี้จึงช่วยกล่อมเกลาให้คิรากรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากได้ตามผู้เป็นน้าเขยไปปฏิบัติธรรมบ่อยครั้งและเพียงไม่นานคิรากรก็ได้พบกับทางเดินของตนเอง คิรากรตัดสินใจขอมารดาออกบวชตลอดชีวิตเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอสละสิ้นซึ่งห่วงในทางโลก โดยมิมีห่วงอันใดเนื่องจากบิดา มารดา มีผู้ดูแลคือพี่สาว น้องชายและน้องสาวทั้งห้า แรกทีเดียวมารดาทำใจไม่ได้กับการที่ลูกจะบวชตลอดชีวิตหากแต่เมื่อคิดได้จึงอนุญาตให้คิรากรออกบวชและอนุโมทนาบุญครั้งใหญ่ของลูกชายด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น หลังคิรากรออกบวชก็ได้ออกธุดงค์ตามพระอาจารย์และให้ได้ยินข่าวคราวของพระบ้างตามแต่ว่าลูกศิษย์ของท่านจะส่งข่าวมา
หลังทั้งห้าที่เหลือเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายก็เลือกเดินทางที่แตกต่างกันออกไปโดย มีนา, จีรพัส และจิรณาเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศฝรั่งเศสโดยไปอยู่ภายใต้การดูแลของบิดาและย่า ส่วนกีรติกับกิรกรขอเลือกเรียนต่อในประเทศไทยด้วยเป็นห่วงมารดาและกอรปกับวิชาที่อยากศึกษาก็มีสอนภายในประเทศ มีนาเลือกเรียนประวัติศาสตร์ยุโรปและศาสนาเปรียบเทียบ ในขณะที่จีรพัสเลือกเรียนศิลปะและการออกแบบภายในควบคู่ไปกับการเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จิรณาผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความสนใจด้านการเมือง ประวัติศาสตร์มาจากบิดานั้นเลือกเรียนโบราณคดี ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านการศึกษาและชุมชนซึ่งมารดาบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เธอสามารถช่วยพัฒนาสังคมในอนาคตได้เป็นอย่างดี
กิรกรสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐในเมืองไทย โดยเจ้าตัวเลือกสาขาผังเมืองและโยธาด้วยความชอบเป็นส่วนตัวและเรียนภาษาศาสตร์ควบคู่ไปด้วย กีรติสอบติดคณะสถาปัตยกรรมด้วยความไม่ตั้งใจ ด้วยเดิมทีอยากเรียนสาขาวาดรูปเท่านั้นเพราะชอบเขียนการ์ตูนแต่เลือกคณะผิด แต่หลังจากมารดาปลอบใจและให้กำลังใจเจ้าตัวก็คิดได้และตั้งใจเรียนเพื่อความฝันในการออกแบบบ้านการ์ตูนให้เป็นจริงแทน
ในระหว่างที่ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติของชีวิต ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับครอบครัวเมื่อ มีนาประกาศตัวว่าจะขอสละชีวิตทางโลกเพื่อไปรับใช้พระผู้เป็นเจ้าตามที่หัวใจถูกเรียกร้องจากเบื้องบน ณ เวลานั้นคนที่ดูจะมึนงงมากที่สุดคือผู้เป็นบิดาด้วยตลอดเวลาที่ลูก ๆ มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยนั้นได้เคยพาลูก ๆ ไปโบสถ์เพียงไม่กี่ครั้งเพื่อให้ทุกคน ได้มีโอกาสเรียนรู้เข้าใจและเลือกเส้นทางความเชื่อของตนเองอย่างเสรี จึงไม่รู้ว่าเพียงแค่ครั้งแรกที่ตนได้พาลูก ๆ ไปโบสถ์นั้นหนึ่งในดวงใจของเค้าอีกดวงหนึ่งก็ได้ถูกเส้นทางธรรมรั้งตัวไว้
และเป็นอีกครั้งที่บิดามารดาของแฝดหกต้องใจสลายเมื่อจะไม่ได้พบเจอดวงใจอีกหนึ่งดวงอีกต่อไป ด้วยมีนาต้องการอุทิศตนให้แก่พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปและจะขอบวชเป็นชีลับซึ่งจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงนับแต่วันที่ก้าวเท้าเข้าสู่อารามของแม่ชีลับของนักบุญคาเมไลท์ หัวใจของคนเป็นพ่อแม่ปวดร้าวเมื่อต้องเห็นลูกเดินจากไปในขณะที่ยังมีชีวิตโดยมิอาจได้เห็น ได้พบเจอ ได้ยินเสียงอีกต่อไป หากแต่เมื่อสบตากับดวงตาสีทองคู่สวยของบุตรสาวที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสงบนิ่งและมีความสุขจึงตัดใจและปล่อยลูกไปเพื่อให้ลูกได้พบกับความสุขที่แท้จริง มีนาบวชเป็นแม่ชีลับอยู่ในอารามชีลับแห่งหนึ่งที่แคว้นทางตะวันออกของฝรั่งเศส โดยก่อนจากกันอย่างถาวรมีนาได้ขอให้ครอบครัวยินดีกับเธอและปล่อยเธอให้ได้ไปสวดภาวนาและรับใช้พระเจ้าอย่างสงบ เมื่อลูกสองคนได้จากเป็นไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว หัวใจของคนเป็นพ่อและแม่จึงไม่อาจจะทนได้อีกหากลูกคนใดคนนึงจะจากไปไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม นั่นทำให้ กีรติ กิรกร จีรพัส และจีรณาหันมาใส่ใจและดูแลความรู้สึกของผู้เป็นบิดามารดามากขึ้น
หลังเหตุการณ์การบวชของมีนาผ่านไป จีรพัสและจิรณาก็มุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบในเร็ววันเพื่อกลับเมืองไทย ในขณะที่กีรติกับกิรกรก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพื่อรอผลัดเปลี่ยนกับน้องทั้งสอง จีรพัสเรียนจบก่อนจีรณาหกเดือนและเดินทางกลับประเทศไทยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้กีรติและกิรกรได้เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทตามที่ได้รับทุนมา กีรติได้ทุนเรียนต่อด้านการบริหารจัดการการเงินที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในขณะที่กิรกรเดินทางไปเรียนต่อด้านภาษาศาสตร์และการพัฒนาสังคมที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จิรณาเรียนจบก็ถูกผู้เป็นบิดายื้อตัวไว้ให้ทำงานหาประสบการณ์ที่ปารีสเป็นระยะหนึ่งก่อนด้วยสาขาที่จิรณาจบมานั้นมีงานรองรับมากมายที่ปารีสอีกทั้งบิดาและมารดาก็เห็นพ้องต้องกันว่าจิรณาควรฉกฉวยและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากประเทศที่มีรากฐานทางด้านนี้มากที่สุดซึ่งก็คือฝรั่งเศส
-- จบบทนำ --
บ้านรักเรือนใจ // Sabika
มี… คีย์… กี… กิ…จี…จิ ฟังดูเหมือนการเรียนภาษาไทยของเด็กช่วงสระต่าง ๆ คือ สระอิ สระอี แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือชื่อของแฝดหกบุตรของแม่ไอย์กับพ่อนิโคล่า เราหกคนเป็นลูกผสมไทย-ฝรั่งเศสที่แม่บอกว่าเราหกคนเป็นลูกครึ่งที่หน้าตาดีมาก ๆ บ่อยครั้งที่พวกเราคิดว่าแม่อาจจะคิดไปเองว่าเราหน้าตาดี หากแต่เมื่อเราโตขึ้นเราก็เริ่มจะเข้าใจเลยว่าเราทั้งหกคนหน้าตาดีจริง ๆ อย่างที่แม่พูดเสมอ แม่บอกว่าแม่รู้ตัวว่าท้องหลังจากเลิกรากับพ่อได้ไม่นาน ซึ่งหลังจากที่รู้แม่ก็บอกพ่อให้รับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเราแม้ ไม่ได้ต้องการให้พ่อรับผิดชอบอะไรใด ๆ เพียงแต่แม่มองการณ์ไกลไม่ต้องการให้เรามีปมด้อยว่าโตมาแบบไม่มีพ่อ ไม่อยากให้มีดราม่าตามหาพ่อออกทีวีอย่างที่คนอื่นทำกัน แม่กับพ่อแยกทางกันแบบไม่สวยเท่าไหร่สาเหตุเพราะพ่อนอกใจแม่ไปกับแม่ม่ายลูกติดชาติเดียวกัน แม่เสียใจและโกรธมากเลยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีกแต่พ่อก็ยืนยันกับแม่ว่าลูกเกิดมาจากความรักที่อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็เคยมีให้กันและจะขอมีส่วนร่วมในการดูแลเลี้ยงดูพวกเราตลอดไป พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ให้ผู้หญิงคนใหม่มาวุ่นวายใด ๆ เด็ดขาด แม่จึงตกลงที่จะดูแลพวกเราร่วมกันกับพ่อ
แม่บอกว่าตอนแม่ท้องนั้นแม่ท้องใหญ่เร็วผิดปกติมาก แต่ด้วยความที่แม่เป็นคนอ้วนง่ายและตัวใหญ่กว่าหญิงไทยมาตรฐานปกติก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเข้าเดือนที่สามขนาดท้องที่ใหญ่เกินกว่าที่ควรจะเป็นและอัตราการเติบโตที่ผิดปกติทำให้ยายพาแม่ไปตรวจให้แน่ใจ จึงทำให้รู้ว่าไอ้ที่อยู่ในท้องเนี่ยไม่ได้มีแค่ หนึ่ง หรือ สอง แต่เป็นหก แม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่รู้นั้นสติแตกไปเลยทีเดียวเพราะว่าแค่เลิกกับสามีมาหมาด ๆ แล้วยังตั้งท้องแบบไม่ได้ตั้งตัวด้วย เลยกลัวไปต่าง ๆ นานาว่าจะเป็นอย่างไร ลูกหกคนจะปลอดภัยมั้ย ตัวเองจะเป็นอะไรรึเปล่าและที่สำคัญแม่ก็ตัวคนเดียวเลี้ยงลูกหกคนจะไหวมั้ยถึงแม้พ่อจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินที่แม่ไม่อยากจะได้ก็ตาม (ขอบอกก่อนว่าพ่อพวกเราเนี่ยระดับเศรษฐีนะ) โชคดีว่า ตา ยาย น้าเอมและลุงลูกชิดสามีของน้าเอม รวมถึงป้าปิ่นซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่และสามีคือลุงเอกช่วยกันปลุกปลอบใจแม่ว่า แม่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก แม่ยังมีครอบครัว มีเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเหลือและก้าวเดินไปด้วยกัน นับว่าพวกเราโชคดีที่แม่เราเกิดมารายล้อมไปด้วยครอบครัวที่อบอุ่น เพิ่อนสนิทของแม่และเพื่อนที่ทำงานรวมถึงเจ้านายก็ให้ความช่วยเหลือแม่เป็นอย่างดี พวกลุงป้าน้าอาทุกคนรักและเอ็นดูพวกเรามาก โดยเฉพาะป้าเอื้อยเพื่อนร่วมงานของแม่ที่เป็นสาวโสดวัยดึกที่มีความน่ารักและใจดีสุด ๆ พวกเราชอบมากเวลาป้าเอื้อยเล่าเรื่องไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องสัตว์เลี้ยงที่น่ารักทั้งหลายของป้าด้วย
มี กับ คีย์ เกิดก่อน กี กิ จี และจิ เกือบหนึ่งเดือนเต็มเพราะด้วยความที่เป็นแฝดหกจึงทำให้ช่วงเวลาการตั้งครรภ์ของแม่และช่วงเวลาคลอดเป็นไปด้วยความน่ากังวล ตอนแม่คลอดมีกับคีย์นั้นทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญแขวนกันเลยทีเดียว พ่อได้มามีส่วนร่วมตอนกี กิ จี และจิเกิด แต่มาไม่ทันตอนที่มีกับคีย์รีบออกมาดูโลกก่อนน้อง ๆ อีกสี่คน หลังพวกเราลืมตาดูโลกแม่ก็ถือสิทธิ์ในการตั้งชื่อพวกเราแต่เพียงผู้เดียวโดยให้เหตุผลว่าแม่เป็นคนที่เหนื่อยที่สุดและเสี่ยงที่สุดจากการแบกน้ำหนักเราทั้งหกไว้เป็นเวลาเกือบเก้าเดือน พวกเราหกคนใช้ทั้งนามสกุลของแม่และพ่อเพื่อรักษาสิทธิของทั้งสองเชื้อชาติ โดยแม่ตั้งชื่อเราว่า มีนา คิรากร กีรติ กิรกร จีรทัศ และ จิรณา โดยทุกคนมีชื่อเล่นเรียกง่าย ๆ ตามชื่อจริงเพราะแม่ขี้เกียจจำ คือ มี คีย์ กี กิ จี และ จิ พ่อเองก็มุ่งมั่นในการเติมชื่อฝรั่งเศสให้เรา โดยสรุปแล้วพวกเราทั้งหกมีชื่อเต็ม ๆ ว่า “มีนา ฟรองซัวส์ เอ็น บูเตย์, คิรากร ปิแอร์ เอ็น บูเตย์, กีรติ เธโอ เอ็น บูเตย์, กิรกร ทิโมเท่ เอ็น บูเตย์, จีรพัส คิเลี่ยน เอ็น บูเตย์ และ จิรณา นีล่า เอ็น บูเตย์”
พวกเราใช้ชีวิตตามประสาเด็กทั่วไปเช้าไปเรียน เย็นกลับบ้าน เสาร์ อาทิตย์ไปเที่ยวแล้วแต่ว่าครอบครัวจะพาไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ใด ช่วงปิดเทอมใหญ่แม่จะพาเราไปส่งให้พ่อที่ฝรั่งเศสเพื่อให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อและญาติ ๆ เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาและเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ในช่วงเวลาที่อยู่กับพ่อที่ฝรั่งเศสนั้น พ่อมักพาพวกเราไปท่องเที่ยวและเรียนรู้โลกในอีกฟากนึงอย่างลึกซึ้งเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเราในยามที่เติบโตขึ้น พวกเราใช้ชีวิตระหว่างไทยและฝรั่งเศสตั้งแต่จำความได้จนการเดินทางและความแตกต่างด้านภาษาและวัฒนธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราทั้งหกรักมัน ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตพวกเราแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงด้วยความอิสระทางความคิดที่ทั้งบิดาและมารดาของเรามอบให้ จึงทำให้พวกเราเลือกเดินทางบนเส้นทางที่แตกต่างกันและและมันก็สมควรแก่เวลาที่เราก็จะเริ่มเล่าเรื่องราวของพวกเราให้ทุกคนได้รับรู้เพื่อจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา
คีย์ หรือคิรากร มีนิสัยมุทะลุ อารมณ์ร้อน สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้เป็นมารดาเป็นอย่างมาก สุดท้ายจึงถูกส่งตัวไปอยู่กับน้าสาวและสามีของเธอเมื่อตอนอายุ 15 ปี ด้วยความที่น้าสาวและน้าเขยนั้นมีอารมณ์ที่เย็นดั่งสายน้ำ รักการทำบุญทำทาน เข้าวัดฟังธรรม สิ่งเหล่านี้จึงช่วยกล่อมเกลาให้คิรากรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากได้ตามผู้เป็นน้าเขยไปปฏิบัติธรรมบ่อยครั้งและเพียงไม่นานคิรากรก็ได้พบกับทางเดินของตนเอง คิรากรตัดสินใจขอมารดาออกบวชตลอดชีวิตเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอสละสิ้นซึ่งห่วงในทางโลก โดยมิมีห่วงอันใดเนื่องจากบิดา มารดา มีผู้ดูแลคือพี่สาว น้องชายและน้องสาวทั้งห้า แรกทีเดียวมารดาทำใจไม่ได้กับการที่ลูกจะบวชตลอดชีวิตหากแต่เมื่อคิดได้จึงอนุญาตให้คิรากรออกบวชและอนุโมทนาบุญครั้งใหญ่ของลูกชายด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น หลังคิรากรออกบวชก็ได้ออกธุดงค์ตามพระอาจารย์และให้ได้ยินข่าวคราวของพระบ้างตามแต่ว่าลูกศิษย์ของท่านจะส่งข่าวมา
หลังทั้งห้าที่เหลือเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายก็เลือกเดินทางที่แตกต่างกันออกไปโดย มีนา, จีรพัส และจิรณาเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศฝรั่งเศสโดยไปอยู่ภายใต้การดูแลของบิดาและย่า ส่วนกีรติกับกิรกรขอเลือกเรียนต่อในประเทศไทยด้วยเป็นห่วงมารดาและกอรปกับวิชาที่อยากศึกษาก็มีสอนภายในประเทศ มีนาเลือกเรียนประวัติศาสตร์ยุโรปและศาสนาเปรียบเทียบ ในขณะที่จีรพัสเลือกเรียนศิลปะและการออกแบบภายในควบคู่ไปกับการเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จิรณาผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความสนใจด้านการเมือง ประวัติศาสตร์มาจากบิดานั้นเลือกเรียนโบราณคดี ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านการศึกษาและชุมชนซึ่งมารดาบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เธอสามารถช่วยพัฒนาสังคมในอนาคตได้เป็นอย่างดี
กิรกรสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐในเมืองไทย โดยเจ้าตัวเลือกสาขาผังเมืองและโยธาด้วยความชอบเป็นส่วนตัวและเรียนภาษาศาสตร์ควบคู่ไปด้วย กีรติสอบติดคณะสถาปัตยกรรมด้วยความไม่ตั้งใจ ด้วยเดิมทีอยากเรียนสาขาวาดรูปเท่านั้นเพราะชอบเขียนการ์ตูนแต่เลือกคณะผิด แต่หลังจากมารดาปลอบใจและให้กำลังใจเจ้าตัวก็คิดได้และตั้งใจเรียนเพื่อความฝันในการออกแบบบ้านการ์ตูนให้เป็นจริงแทน
ในระหว่างที่ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติของชีวิต ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับครอบครัวเมื่อ มีนาประกาศตัวว่าจะขอสละชีวิตทางโลกเพื่อไปรับใช้พระผู้เป็นเจ้าตามที่หัวใจถูกเรียกร้องจากเบื้องบน ณ เวลานั้นคนที่ดูจะมึนงงมากที่สุดคือผู้เป็นบิดาด้วยตลอดเวลาที่ลูก ๆ มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยนั้นได้เคยพาลูก ๆ ไปโบสถ์เพียงไม่กี่ครั้งเพื่อให้ทุกคน ได้มีโอกาสเรียนรู้เข้าใจและเลือกเส้นทางความเชื่อของตนเองอย่างเสรี จึงไม่รู้ว่าเพียงแค่ครั้งแรกที่ตนได้พาลูก ๆ ไปโบสถ์นั้นหนึ่งในดวงใจของเค้าอีกดวงหนึ่งก็ได้ถูกเส้นทางธรรมรั้งตัวไว้
และเป็นอีกครั้งที่บิดามารดาของแฝดหกต้องใจสลายเมื่อจะไม่ได้พบเจอดวงใจอีกหนึ่งดวงอีกต่อไป ด้วยมีนาต้องการอุทิศตนให้แก่พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปและจะขอบวชเป็นชีลับซึ่งจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงนับแต่วันที่ก้าวเท้าเข้าสู่อารามของแม่ชีลับของนักบุญคาเมไลท์ หัวใจของคนเป็นพ่อแม่ปวดร้าวเมื่อต้องเห็นลูกเดินจากไปในขณะที่ยังมีชีวิตโดยมิอาจได้เห็น ได้พบเจอ ได้ยินเสียงอีกต่อไป หากแต่เมื่อสบตากับดวงตาสีทองคู่สวยของบุตรสาวที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสงบนิ่งและมีความสุขจึงตัดใจและปล่อยลูกไปเพื่อให้ลูกได้พบกับความสุขที่แท้จริง มีนาบวชเป็นแม่ชีลับอยู่ในอารามชีลับแห่งหนึ่งที่แคว้นทางตะวันออกของฝรั่งเศส โดยก่อนจากกันอย่างถาวรมีนาได้ขอให้ครอบครัวยินดีกับเธอและปล่อยเธอให้ได้ไปสวดภาวนาและรับใช้พระเจ้าอย่างสงบ เมื่อลูกสองคนได้จากเป็นไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว หัวใจของคนเป็นพ่อและแม่จึงไม่อาจจะทนได้อีกหากลูกคนใดคนนึงจะจากไปไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม นั่นทำให้ กีรติ กิรกร จีรพัส และจีรณาหันมาใส่ใจและดูแลความรู้สึกของผู้เป็นบิดามารดามากขึ้น
หลังเหตุการณ์การบวชของมีนาผ่านไป จีรพัสและจิรณาก็มุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบในเร็ววันเพื่อกลับเมืองไทย ในขณะที่กีรติกับกิรกรก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพื่อรอผลัดเปลี่ยนกับน้องทั้งสอง จีรพัสเรียนจบก่อนจีรณาหกเดือนและเดินทางกลับประเทศไทยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้กีรติและกิรกรได้เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทตามที่ได้รับทุนมา กีรติได้ทุนเรียนต่อด้านการบริหารจัดการการเงินที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในขณะที่กิรกรเดินทางไปเรียนต่อด้านภาษาศาสตร์และการพัฒนาสังคมที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จิรณาเรียนจบก็ถูกผู้เป็นบิดายื้อตัวไว้ให้ทำงานหาประสบการณ์ที่ปารีสเป็นระยะหนึ่งก่อนด้วยสาขาที่จิรณาจบมานั้นมีงานรองรับมากมายที่ปารีสอีกทั้งบิดาและมารดาก็เห็นพ้องต้องกันว่าจิรณาควรฉกฉวยและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากประเทศที่มีรากฐานทางด้านนี้มากที่สุดซึ่งก็คือฝรั่งเศส
-- จบบทนำ --