ทำไมอยากไปอยู่เมืองนอก?? (ตอนที่ 4)

ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/30626712
ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/30679319

ตอนที่ 4 ...

เราไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับพลังงานบางอย่าง หรืออะไรทั้งนั้น ตอนนี้สมองสั่งงานล้วนๆ พ่วงด้วยความกลัว
ก็ลงตัวอย่างกลมกล่อม แอบตัวเองอยู่ภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่อย่างมิดชิด ชนิดที่เรียกว่าใกล้ชิด(กับผี) แล้วรู้สึกปลอดภัย

โทรหาใครดีวะ ที่เมืองไทย เอาที่แบบอธิบายภาษาไทยง่ายๆ เข้าใจกัน แล้วช่วยดัน ช่วยคิด ช่วยเจรจา
กับพลังงานที่ยืนจังก้า แก้ผ้า(รึปล่าวนะ?) อาบน้ำอยู่ในนั้น...

อ๊ะ...พี่ชายกูละกัน หันไม่เห็นใครอื่น จะหลับหรือจะตื่นก็ต้องฟื้นขึ้นมาช่วยๆกัน
“ฮัลโหลๆ ว่าไงบ๊วย” พี่ชายรับ...
“เตงๆ ผีหลอกบ๊วย ช่วยด้วยๆ ทำไงดี”

ซ่าาาาาาาาาาาาาา........ เสียงน้ำในห้องน้ำไหลอีกครั้ง .... อ๋อ... ไอ้อาการขนหัวตั้งมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เข้าใจละ

“เตงงงงง เค้าใช้ห้องน้ำ เค้าอยู่ในห้องน้ำ เค้าทะลุกำแพงเข้าไปได้...นะโม ตัสสะ นโม ตัสสะ” เราเริ่มพูดฟังไม่เป็นศัพท์
“เมิงโทรหากู แล้วกูจะช่วยอะไรได้ สวดมนต์สิ สวดมนต์ให้เค้า”… พี่ชายเริ่มดุ เรียกสติเรา
“สวดยังไงหล่ะ มนต์ฝรั่ง บ๊วยสวดไม่เป็นหรอก”… เรายังคง นะโม ตัสสะ นะโม ตัสสะ ไม่ยอมจบบทซะที
“พนมมือขึ้น แล้วว่าตามพี่”

ไอ้เราหมุนตัวรีบลุกขึ้นนั่ง จากท่าคุดคู้ใต้โปงผ้านวม รวบสองมือ สิบนิ้วรวม ประนมตั้ง ไว้กลางอก

กึ่กๆๆ.... น้ำหยุดไหล พลังงานบางอย่าง เค้าปิดน้ำอีกครั้งแล้ว

“เอ้า...สวดๆมา เตงเร็วๆ บ๊วยกลัวววว” เราพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เตรียมพร้อม ซ้อมร้องไห้
“อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา”… พี่ชายสวดนำ
“อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา”… น้องสาวสวดตามอย่างว่าง่าย
พี่ชายสวดต่อ “พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวา.....เอเมน”

................???................ เรา นิ่งงงงงง อึ้งงงงงง ไปประมาณ สอง วิ ครึ่ง

“นี่พูดจริงป่ะเนี่ย ?”
“เอ๊าวววว จริงสิวะ...เค้าจะได้รู้ไง ว่าเราสวดมนต์ให้เค้า ฮ่าาา ๆ ๆ” พี่ชายพูดปนหัวเราะ
เมิงยังหัวเราะได้อีกนะ นี่เมิงเห็นกูฮาป๊ะ กูหัวเราะให้เมิงได้ยินซัก แอะ บ้างมั๊ย นี่กูกลัวจริงจังนะ ไม่ได้แกล้งกลัว จากที่เกือบๆจะร้องไห้
ตอนนี้กลายเป็นอยากจะด่าพี่ชายแทน  

“แค่นี้นะ!!” เรากดตัดสาย ไม่ฟังต่อ... หันมองประตูห้องน้ำที่ยังคงปิดอยู่ พร้อมถอนหายใจยาวๆหนึ่งที
.... เฮ้อออออออออออ.....

“พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวา เอเมน” ..............กราบ...............

เราสวดต่อจนจบ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนี่นา
เราดึงผ้าห่มคลุมโปงตัวเองอีกครั้ง ทั้งคอมฯ ทั้งไฟ ยังเปิดทิ้งไว้ ในใจคิดวนเวียนว่าเค้าจะเงี่ยหูฟังเราสวดมนต์เข้าใจหรือไม่
หลับตาปี๋แค่ไหน ก็ไม่ช่วยให้ความกลัวลดน้อยลงถ้าสติยังคงอยู่ครบ

เอางี้ละกัน พูดกะเค้า เราจะนอนแล้วนะจ๊ะ
“Hello Sir or Madam in there, I want to sleep. Please do not disturb. Have fun in my bathroom.”
(สวัสดีคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงในนั้นนะจ๊ะ เราอยากนอนแล้ว กรุณาอย่ารบกวนกันนะคะ สนุกให้เต็มที่ไปเลยในห้องน้ำเรานั่นแหละ...นะ)

ตื่นมาเช้าวันใหม่ เราผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ สิ่งแรกที่ทำคือเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู เพราะเช้าตรู่อย่างนี้ อีนี่ไม่มีกลัว
ในห้องน้ำแห้งเหือดสนิทนิ่ง ทุกสิ่งเหมือนคงที่ไม่มีเคลื่อน แต่ความจำเมื่อคืนไม่ลบเลือน เราไม่ฟั่น ไม่เฟือน แน่ๆ อย่างแท้จริง

เดินไปหาแซนดี้ที่หน้าห้อง เดินท่องๆ ไอ...ไอ... hear hear...heard heard... I heard a ghost took a shower. ไม่เอาดีกว่า บอกอย่างนี้ แซนดี้ไม่เชื่อแน่ๆ เอาใหม่ๆ คิดใหม่ๆ ถามอย่างนี้ละกัน

“แซนดี้ ยูอยู่บ้านหลังนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
“ชั้นซื้อบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ปี 1980” นางตอบ.......มันก่อนเราเกิดซะอีกนะนั่น
“แล้ว....มีใครตายในบ้านบ้างจ๊ะ” เราถามพร้อมฉีกยิ้มกว้างอย่างจริงใจ

แซนดี้อึ้งไป...หันมามองหน้า...กระพริบตา 2 ที (ปริ๊บๆ)

“ไม่มีนี่...ไม่มีอะไร...ไม่มีใครตายในบ้าน...ทำไม...มีอะไร...พยายามจะบอกอะไรเหรอ...แต่ไม่นะ...อย่าพูด...ชั้นกลัว” นางตอบ
อ๊าวววววววว...เวรแระ...เมิงกลัว...แล้วกูหล่ะ??

เอางี้ เราเริ่มถามใหม่ “ไอ้เจ้าของบ้านคนเก่าอ่ะ....เค้าตายหรือยัง??”    
“ชั้นไม่รู้” นางตอบพร้อมส่ายหัวดิ๊กๆๆ แล้วเดินจากไป เพื่อจบบทสนทนาเรื่องนี้ลง

นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงพลังงานบางอย่าง ทะลุกำแพงเข้ามาใช้ห้องน้ำในห้องเรา แต่มันไม่ใช่ครั้งเดียว เรายังได้ยิน
อีกหลายครั้ง ในเวลาเดียวกัน ได้ยินจนไม่ต้องหันมองนาฬิกา เพราะว่าตี 4 แล้วนะจ๊ะ เวลาเดิม ตรงเป๊งๆ หากวันไหนเกิดปอดแหก
ไม่อยากได้ยิน เราจะวิ่งปิดคอมฯ ปิดไฟ เข้านอนเสียก่อนตี 4 เพื่อเปิดทางให้คุณผี ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนร่วมห้อง(น้ำ)ที่แสนดี
ใช้ห้องน้ำของเรานี้ได้อย่างสบายใจ..........................เชิญค่ะ ^^

แซนดี้ ตะโกนบอกเราให้ช่วยจูงหมาออกไปเดินเล่นหน่อย หันไปส่งภาษาอังกฤษรัวๆ โทนเสียงสูงๆต่ำๆ จนแยกแทบไม่ออกว่า
คุยกะคนหรือคุยกะหมา จุ๊บซ้าย-จุ๊บขวา ข้างละทีแล้วเปิดประตูรอให้เดินออกไป (จุ๊บแก้มหมานะ ไม่ได้จุ๊บคน)

เราเดินจูงเคที่ หมาน้อยตัวเตี้ย สีขาว ขนฟูฟ่อง อีกมือถือตลับใส่ถุงพลาสติกเตรียมเก็บอึ เลี้ยงหมาที่ประเทศนี้ ถ้าปล่อยให้หมา
อึทิ้งเรี่ยราด ไม่เก็บไปทิ้งให้เรียบร้อย ถือว่าผิดกฎหมายนะนาย เจ้าของหมาอาจโดน ticket เป็นค่าปรับสูงถึง $100-$750 ก็เป็นได้
เสียดายเงินแย่ นี่แค่อึหมา ราคาแพงลิบลิ่ว

หลังจากเดินเล่นกับเคที่ เอาเจ้าหมาน้อยตัวดีกลับเข้าบ้าน วันนี้ลองขึ้นรถเมล์เล่นซะหน่อย จากบ้าน ย่าน Redondo ไปโรงเรียน
ใน Torrance  ค่าโดยสาร $1/เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ถ้าพลาดรถเที่ยวนี้ ต้องรอเที่ยวต่อไปในอีก 1 ชั่วโมง
หมายความว่าถ้าจะไปโรงเรียน แล้วออกจวนเจียนเวลา เกิดพลาดรถเที่ยวนั้นขึ้นมา โอ้ ลั่ล ล๊า สายไปอีกเป็นชั่วโมง

รถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่วิ่งจากโรงเรียนมาถึงบ้าน จะหมดตอน 6 โมงเย็นของทุกวัน หากไปเดินเที่ยวเล่น เตร็ดเตร่อยู่ที่ไหน
ต้องรีบวิ่งกลับมานั่งรอที่ป้ายให้ทันเวลา ถ้าช้ากว่านั้นคงต้องโทรบอกโฮสว่าตกรถ ให้นางมารับ หรือกลับแท็กซี่ ก็ว่ากันไป
เรื่องการคมนาคมแบบนี้ สำหรับเรา(ผู้เขียน) ยอมรับว่า ลำบากค่ะ ลำบากใจ มันไปไหนมาไหนไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่เคยทำ
เคยมีคนบอกไว้ว่าอยู่ LA ควรจะมีรถ ไอ้เราก็นึกเถียงอยู่ในใจ มันต้องมีบ้างละหน่า ประชาชนคนที่เค้าใช้บริการรถสาธารณะ
แต่วันนี้ เห็นแล้ว ชัดเจนแล้วว่า จริง ควรจะมีรถจริงๆค่ะ มีคนบางส่วนยังใช้รถเมล์กัน แต่คนส่วนใหญ่ จะใช้รถส่วนตัวซะมากกว่า
แล้วเราหล่ะ? จะเลือกเป็นคนส่วนไหน ถ้ามีรถที่นี่ต้องทำยังไง ไหนจะประกัน ไหนจะใบขับขี่ ไหนจะกฎจราจร แต่ไม่ว่าจะยุ่งยากแค่ไหน
ก็ตัดสินใจได้ ง่ายๆ บัดเดี๋ยวนี้เลย ....................................... เราต้องซื้อรถ!!

กลับเข้าบ้านมาวิ่งพุ่งงงงง ขึ้นบนห้อง ออน Skype คุยกับแม่ให้หายคิดถึง ประเด็นแรกตีให้แตก แม่จ๋า ไม่ต้องตะลึง ลูกส่งสายตาซึ้งๆ
ขอรถมือสองเก่าๆ เอาไว้ใช้งาน เดินทางง่ายๆ สักคัน แม่คงไม่ขัดอะไร

ตามมาด้วยประเด็นที่สอง แม่ถามถึงความปรองดองในบ้านอะไรพวกนี้ เราบอกแม่สบายใจได้ ทั้งแซนดี้ ทั้งเคที่ เรารักใคร่กันดี
แต่ที่แม่ห่วงหน่ะ ... เรื่องคุณผี ลุกขึ้นมาใช้ห้องน้ำตอนตี 4 ถามว่าเรามีวิธีจัดการยังไง??

เห็นความเป็นห่วงของแม่ได้จากคิ้วทั้งสองข้าง ที่เกือบจะวิ่งมาติดกันเหมือนจับผูก
“ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องแค่นี้ ลูกจัดการได้ สบายมาก”
“ลูกจัดการยังไงบอกแม่ที”
“ลูกโทรหาลูกชายแม่ เล่าให้เค้าฟังว่า คุณผีมาแบบนี้-แบบนี้ แล้วก็สวดมนต์ตามเค้าอย่างดิบดี…”
“มนต์อะไร สวดยังไง?” แม่อยากรู้... อ่ะ...จัดให้แม่ฟังอีกสักที จะเป็นไร

“อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวา เอเมน” .......กราบ.....

แม่เอามือปิดปาก หลับตาปี๋ หัวเราะเยาะลูกดังลั่น สนั่นบ้าน คลายความเครียดขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆๆๆ.....โอ๊ยยย ตายๆๆ ตายแล้วชั้น! ทำไมพี่มันสอนน้องมันอย่างนี้ นี่แม่มีลูกๆ บ้าหรือปล่าวเนี่ย บอกแม่ที”

เอ่อ....ก็....ถึงแม้ใครๆเรียกเราว่าคนบ้า แต่ศรีธัญญาเรียกเราว่า “คนไข้” ... โอเคป่ะแม่??

“แค่นี้นะแม่ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้ว...........สวัสดีจ้าาาาา” จุ๊บๆ


-เกี้ยมบ๊วย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่