มิสเตอร์กวง (ตอนที่หนึ่งเกริ่นนำ)

กระทู้สนทนา
เช้าแล้ว? ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ดัง

              ควรแล้วที่จะเรียกว่าเช้าได้เต็มปากนะครับเพราะเป็นเวลาหกโมงตรงพอดี ที่บ้านเมืองนี้เขาตื่นกันเช้ากันมากเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ดังทะลุปูนเข้ามาถึงในห้องผมเลย เวลาเข้าทำงานปรกติของที่นี่คือเจ็ดโมงครึ่งบางที่ทำงานจะเข้างานเจ็ดโมงตรงพอดี สิ่งนี้กระมังทำให้เขาต้องตื่นเช้ากัน? หรือว่าเป็นเพราะนิสัยของเขาที่ขยันอยู่แล้วเองทำให้กำหนดเวลาเข้าทำงานเช้าตามนิสัยตนเอง? ผมคิดอยู่ในใจ

              ผมบินมาถึงที่นี่ประมาณสามทุ่มด้วยไฟล์ทหรือเที่ยวบินค่ำ ด้วยความที่ผมมาที่นี่บ่อยและวันนี้มาถึงหลังเวลาเลิกงานแล้วจึงไม่แจ้งให้เอเย่นซี่มารับ ผมเรียกรถแท๊กซี่นั่งมาที่โรงแรมเองซึ่งน้องดาเพื่อนร่วมงานได้ช่วยจองห้องไว้ให้แล้ว หลังจากเช็คอินกลับรีเซฟชั่นหุ่นสวยซึ่งใส่ชุด Ao dai (อ่านว่า อาว หญ่าย) ซึ่งเป็นชุดประจำชาติเวียดนามแล้ว ผมก็ต่อสายโทรศัพท์ไปห้องของดาซึ่งทราบได้เหตุเพราะขอมาจากรีเซฟชั่นคนสวยนั่นเอง

              "ฮัลโหล"

              "พี่จัน มาถึงแล้วเหรอ" ผมยังไม่ทันแสดงตัวว่าเป็นใครน้องดาก็มั่นใจว่าเป็นผมแล้ว

              "ครับ พี่เอง เพิ่งมาถึง" ผมรายงานตัว

              "พรุ่งนี้โรงงานมารับเจ็ดโมงนะ อาจสายซักสิบห้านาที เท่านี้นะ....ง่วงนอนแล้ว" เสียงเธอเริ่มงัวเงีย

             "โอเค" ผมตอบไปด้วยเกรงใจเพราะรู้สึกว่าเธอง่วงนอนจริง

            และนี่ก็เป็นที่มาว่าทำไมผมต้องตื่นหกโมงเช้า หลังจากทำใจอยู่สักพักผมก็แข็งใจอาบน้ำแต่งตัว คล้ายจะไม่ทันเวลาแต่ก็ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าผมก็ไปรอดาที่ห้องอาหารแล้ว

             ดาที่ผมเห็นในวันนี้ใส่ยีนลีวายของแท้หุ่นสูงเพียวเห็นเอวเห็นสะโพกโค้งเว้าชัดเจน ใส่เสื้อยืดสีขาวอกตึงพองาม หน้าตาไม่ขี้ริ้วจัดว่าเป็นคนสวยได้ทีเดียว ผิวออกคล้ำเล็กน้อย ตากลมโตรวมทุกลักษณะแล้วเป็นแบบที่ฝรั่งเห็นต้องเหลียวหลังเลยทีเดียวและก็เคยมีฝรั่งเดินตามขอเบอร์เธอมาแล้วเช่นกัน เมื่อมายึ่นเทียบกับผมแล้วน้องดาจะสูงกว่าผมประมาณหนึ่งเซ็นติเมตรคือเธอจะสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซ็นติเมตร

              "เฮ้ย หุ่นดีขึ้นนี่" ผมทักออกไปด้วยความที่ปากกับใจตรงกัน

              "คนอกหัก ก็ยังเนี๊ยะ" น้องดาตอบ

              "แม่ก็ว่า หุ่นอย่างนี้พอแล้ว" เธอพูดต่อ

              ถ้าเทียบกับน้องดาแล้วผมแก่กว่าเธอห้าปีแต่ถ้าเทียบกับนิสัยตรงไปตรงมาแล้วเธอออกหมัดตรงมากกว่าผมเยอะเลยครับ มาทริปนี้ผมได้ทำงานร่วมกับน้องดาประมาณสองสัปดาห์หลังจากนั้นเธอจะบินไปเซี่ยงไฮ้ซึ่งในระหว่างนั้นเรามีแผนที่จะไปดาลัตกับนาจางหลังจากเสร็จงานที่เมืองโฮจิมินห์นี้ ผมมีเรื่องเล่าถึงสองเมืองนี้กับน้องดาอยู่ไม่น้อยแต่ขอเอาไว้ตอนหน้าครับ (ถ้าชอบจะเล่าให้ฟังครับ) ในตอนนี้เรื่องที่ผมอยากจะเล่าอยู่ที่ในเมืองโฮจิมินห์นี้ เป็นเรื่องราวหลังจากที่น้องดาไปยังเซี่ยงไฮ้แล้ว

              งานของผมเป็นงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลากล่าวคือต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ เวลาที่จะอยู่บ้านเมืองไทยเป็นหนึ่งในสี่ส่วน อีกสามส่วนอยู่ต่างประเทศ เมื่อผมกลับจากดาลัตกับนาจาง ผมก็ทำงานต่อที่โฮจิมินห์ในสัปดาห์ที่สามนี้ผมก็โทรหามิสเตอร์กวง

              อันว่ามิสเตอร์กวงนี้เป็นคนเวียดนามแท้ครับ แกอายุน่าจะมากกว่าผมซักห้าปีได้ ความสูงไม่สูงไปกว่าผม ไว้หนวดหลอมแหลมแต่พองาม แกเป็นผู้จัดการโรงงานขนาดเล็กลูกน้องแกรักแกทุกคนไม่หนีไปหางานที่อื่นทั้งที่บางทีโรงงานไม่มีโอที แกชอบเล่นปิงปอง ทุกวันเวลาห้าโมงเย็นแกจะเปลี่ยนชุดมาตีปิงปองกับก้วนของแกผมเคยถามแกว่า ปิงปองคลับของแกมีกี่คน? ได้คำตอบว่า มีหกคน มิสเตอร์กวงแกคือผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องปิงปองครับ แก่เป็นผู้เชี่ยวชาญหลายเรื่องเลยทีเดียวและนี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้ผมต้องโทรหาแก


(ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ ผมลองเขียนดูครั้งแรกครับช่วยกรุณาติให้คำแนะนำได้ครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่