**ค่อยๆอ่านนะครับ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน โพสถามได้ตลอดนะครับ**
**ค่อยๆอ่านนะครับ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน โพสถามได้ตลอดนะครับ**
ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ติดตามกระทู้ผมมาโดยตลอด ผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรช่องไหน เพียงแต่อยากนำเสนอข้อมูล ให้เป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า กระทู้ของผมข้อมูลหลอกลวง ข้อมูลน่าจะไปโยนทิ้งขยะ ผมขอเรียนชี้แจงให้ทราบดังต่อไปนี้นะครับ
- ทำไมบางช่วงเวลาละครเย็น กระทู้ผมมีค่าไปในทิศทางเดียวกันกับอีกกระทู้หนึ่ง
- ทำไมช่วงเวลาหลังข่าวภาคค่ำ กระทู้ผมจะมีทิศทางไปในทางตรงกันข้ามกับอีกกระทู้หนึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่า ในโลกของความเป็นจริง เปรียบเสมือนการทำโพลในช่วงนี้ เรื่อง การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ฯ ทำไมไม่สังเกตกันละครับ ว่า เปอร์เซ็นต์ที่ออกมาแต่ละสำนัก ทำไมไม่เท่ากัน ทำไมถึงแตกต่างกัน ก็เปรียบเสมือนเรื่องของสัดส่วนผู้ชมเนี่ยละครับ ผมจะขออธิบายตามหลักสถิติ ให้กับคนที่ยังไม่เคยทราบดังนี้นะครับ
มีกระดาษเขียนตัวเลขอยู่ในกล่อง จำนวน 100 ใบ ซึ่งแต่ละใบจะมีค่าไม่เท่ากัน
โดยจำนวนตัวเลขที่เขียนมีดังต่อไปนี้
มี 10 ใบ เขียนเลข 20 มี 30 ใบ เขียนเลข 30 มี 10 ใบ เขียนเลข 40 มี 10 ใบ เขียนเลข 50
มี 10 ใบ เขียนเลข 60 มี 10 ใบ เขียนเลข 70 มี 10 ใบ เขียนเลข 80 มี 10 คน เขียนเลข 100
ถ้าเราหาค่าเฉลี่ยทั้ง 100 ใบ จะพบว่า ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ
51
ถ้าผมให้นาย A นาย B และ นาย C ไปทำการสุ่มกระดาษขึ้นมาหาค่าเฉลี่ย โดยมีข้อแม้ว่า แต่ละคนสามารถหยิบกระดาษได้แค่ 20 ใบ เท่านั้น รวมทั้งนาย A นาย Bและนาย C ไม่ทราบค่าเฉลี่ยที่แท้จริง คือ 51
นาย A รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 20,20,20,20,20, 30,30,30,30,30, 30,30,30,30,30 ,40,40,40,40 และ 40
โดยนาย A หาค่าเฉลี่ยได้ 30
นาย B รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 20,20,20,30,30 ,30,30,30,30,30, 70,70,70,70,70 ,80,80,100,100 และ 100
โดยนาย B หาค่าเฉลี่ยได้ 54
นาย C รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 50,60,60,60,60 ,70,70,70,70,70, 80,80,80,80,80 ,100,100,100,100 และ 100
โดยนาย C หาค่าเฉลี่ยได้ 77
สรุปว่า
นาย A บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 30
นาย B บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 54
นาย C บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 77
แล้วทีนี้ คุณพอจะนึกออกรึยังว่าทำไม ค่าเฉลี่ยของทั้ง 3 คนมันแตกต่างกันขนาดนี้ นั่นหมายความว่าอยู่ที่ว่าคนทั้ง 3 คนจะไปสุ่มกลุ่มตัวอย่างมาได้ข้อมูลที่ดีพอหรือไม่ แน่นอนว่า ก็เปรียบเสมือนสัดส่วน เรตติ้ง ที่คนทั้ง 3 คน สามารถหาข้อมูลได้จำกัดเพียงแค่ 20 คน จากคนทั้งหมด 100 คน สัดส่วน เรตติ้ง ก็เป็นเพียงแค่คนจำนวนหนึ่ง อาจจะ ประมาณ 1000 – 2000 คน เพื่อไปประมาณค่าจากคนทั้งหมดประมาณ 60 ล้านคน นี่ขนาดจำนวน 20 คน จาก 100 คน คนที่ไปสำรวจทั้ง 3 คน ยังได้ข้อมูลที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ แล้วถ้าไปถาม 1000-2000 คน จากคน 60 ล้านคน มันจะแตกต่างกันมากขนาดไหน
>>> ซึ่งแน่นอน เป้าหมายที่ดีที่สุด คือการประมาณให้ค่าตรงกับความเป็นจริง หรือใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งในกรณีนี้ นาย B สามารถให้ค่าเฉลี่ยใกล้เคียงมากที่สุด (54) แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ค่าเฉลี่ยจริงๆมันเท่าไหร่ เพราะตัวเลขค่าเฉลี่ยที่แท้จริง เท่ากับ 51 นั้น ทั้งนาย A นาย B และ นาย C ต่างไม่ทราบมาก่อนเหมือนกัน
ทีนี้ หลายๆคนน่าจะพอเข้าใจ และรับทราบมากขึ้นนะครับ
ขอบคุณครับ
คำอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลเรตติ้ง (สัดส่วนผู้ชม)
**ค่อยๆอ่านนะครับ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน โพสถามได้ตลอดนะครับ**
ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ติดตามกระทู้ผมมาโดยตลอด ผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรช่องไหน เพียงแต่อยากนำเสนอข้อมูล ให้เป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า กระทู้ของผมข้อมูลหลอกลวง ข้อมูลน่าจะไปโยนทิ้งขยะ ผมขอเรียนชี้แจงให้ทราบดังต่อไปนี้นะครับ
- ทำไมบางช่วงเวลาละครเย็น กระทู้ผมมีค่าไปในทิศทางเดียวกันกับอีกกระทู้หนึ่ง
- ทำไมช่วงเวลาหลังข่าวภาคค่ำ กระทู้ผมจะมีทิศทางไปในทางตรงกันข้ามกับอีกกระทู้หนึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่า ในโลกของความเป็นจริง เปรียบเสมือนการทำโพลในช่วงนี้ เรื่อง การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ฯ ทำไมไม่สังเกตกันละครับ ว่า เปอร์เซ็นต์ที่ออกมาแต่ละสำนัก ทำไมไม่เท่ากัน ทำไมถึงแตกต่างกัน ก็เปรียบเสมือนเรื่องของสัดส่วนผู้ชมเนี่ยละครับ ผมจะขออธิบายตามหลักสถิติ ให้กับคนที่ยังไม่เคยทราบดังนี้นะครับ
มีกระดาษเขียนตัวเลขอยู่ในกล่อง จำนวน 100 ใบ ซึ่งแต่ละใบจะมีค่าไม่เท่ากัน
โดยจำนวนตัวเลขที่เขียนมีดังต่อไปนี้
มี 10 ใบ เขียนเลข 20 มี 30 ใบ เขียนเลข 30 มี 10 ใบ เขียนเลข 40 มี 10 ใบ เขียนเลข 50
มี 10 ใบ เขียนเลข 60 มี 10 ใบ เขียนเลข 70 มี 10 ใบ เขียนเลข 80 มี 10 คน เขียนเลข 100
ถ้าเราหาค่าเฉลี่ยทั้ง 100 ใบ จะพบว่า ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 51
ถ้าผมให้นาย A นาย B และ นาย C ไปทำการสุ่มกระดาษขึ้นมาหาค่าเฉลี่ย โดยมีข้อแม้ว่า แต่ละคนสามารถหยิบกระดาษได้แค่ 20 ใบ เท่านั้น รวมทั้งนาย A นาย Bและนาย C ไม่ทราบค่าเฉลี่ยที่แท้จริง คือ 51
นาย A รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 20,20,20,20,20, 30,30,30,30,30, 30,30,30,30,30 ,40,40,40,40 และ 40
โดยนาย A หาค่าเฉลี่ยได้ 30
นาย B รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 20,20,20,30,30 ,30,30,30,30,30, 70,70,70,70,70 ,80,80,100,100 และ 100
โดยนาย B หาค่าเฉลี่ยได้ 54
นาย C รายงานว่าได้ข้อมูลทั้ง 20 คน ดังนี้ คือ 50,60,60,60,60 ,70,70,70,70,70, 80,80,80,80,80 ,100,100,100,100 และ 100
โดยนาย C หาค่าเฉลี่ยได้ 77
สรุปว่า
นาย A บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 30
นาย B บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 54
นาย C บอกว่าเลขเฉลี่ยในกล่องใบนี้คือ 77
แล้วทีนี้ คุณพอจะนึกออกรึยังว่าทำไม ค่าเฉลี่ยของทั้ง 3 คนมันแตกต่างกันขนาดนี้ นั่นหมายความว่าอยู่ที่ว่าคนทั้ง 3 คนจะไปสุ่มกลุ่มตัวอย่างมาได้ข้อมูลที่ดีพอหรือไม่ แน่นอนว่า ก็เปรียบเสมือนสัดส่วน เรตติ้ง ที่คนทั้ง 3 คน สามารถหาข้อมูลได้จำกัดเพียงแค่ 20 คน จากคนทั้งหมด 100 คน สัดส่วน เรตติ้ง ก็เป็นเพียงแค่คนจำนวนหนึ่ง อาจจะ ประมาณ 1000 – 2000 คน เพื่อไปประมาณค่าจากคนทั้งหมดประมาณ 60 ล้านคน นี่ขนาดจำนวน 20 คน จาก 100 คน คนที่ไปสำรวจทั้ง 3 คน ยังได้ข้อมูลที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ แล้วถ้าไปถาม 1000-2000 คน จากคน 60 ล้านคน มันจะแตกต่างกันมากขนาดไหน
>>> ซึ่งแน่นอน เป้าหมายที่ดีที่สุด คือการประมาณให้ค่าตรงกับความเป็นจริง หรือใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งในกรณีนี้ นาย B สามารถให้ค่าเฉลี่ยใกล้เคียงมากที่สุด (54) แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ค่าเฉลี่ยจริงๆมันเท่าไหร่ เพราะตัวเลขค่าเฉลี่ยที่แท้จริง เท่ากับ 51 นั้น ทั้งนาย A นาย B และ นาย C ต่างไม่ทราบมาก่อนเหมือนกัน
ทีนี้ หลายๆคนน่าจะพอเข้าใจ และรับทราบมากขึ้นนะครับ
ขอบคุณครับ