สวัสดีครับ ต่อจากเมื่อพาทก่อน เดินเล่นยามดึกที่คาวากูชิโกะกันแล้ว
วันนี้ นาฬิกาปลุก กระโดดพรวดมาหยิบกล้องถ่าย ฟูจิซังจากหน้าต่าง
อ้าว!!! เมฆมาจากใหนเนี่ยเยอะแยะ คลุมปากปล่องไว้หมดเลย แต่แสงเช้าๆสาดมาก็ว่าสวยไปอีกแบบนะ
แล้วก็หลับต่ออีกงีบนึง 55555
แล้วพอไกล้ๆจะ 9 โมงก็รีบแต่งตัว เก็บของ เพื่อไปเช็คเอ๊า ก่อน 10 โมง (ให้เช็คอินหลังบ่ายสาม เช็คเอ๊าก่อน 10 โมง )
คิดๆแล้วก็ เหมือนถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่นิดๆนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ จะไปว่าไปด่า ไปเถียงไรก็ไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง 55
ก็ได้แค่ คืนกุญแจแล้วก็ ยิ้ม อาริงาโตะโกไซมัสต๊าาาาาาาาาาาาา แล้วก็สะพายเป้ออกมา
อ้อ!!! เนี่ยงจาก ทริปนี้ ส่วนใหญ่ ผมจะฝากกระเป๋าใบใหญ่ ใบหลักไว้ที่บ้านพักของรุ่นน้อง ในชินจูกุ
ก็เลย เอาเสื้อผ้านิดหน่อย ของใช้จำเป็นใส่เป้ สะพายไปต่างเมือง เลย หมดปัญหาเรื่องการฝากกระเป๋า ไปได้
(ซึ่งจริงๆผมว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ อยากเที่ยวก็อยากเที่ยว ห่วงของก็ห่วง)
แล้วของที่ต้องใช้+เสื้อผ้าของแฟน ก็มาอยู่ที่หลังของผม เรียบร้อย (ส่วนผมใส่ชุดเดิมตลอดครับ 5555555 ยอมเน่า ไม่ยอมหนัก)
สภาพการเดินของเธอจึง ชิว อย่างที่เห็น
ส่วนผมน่ะเหรอ หึหึหึ กล้อง ขา เลนส์อีก 2 +ปลั๊กพ่วงแบบ 6 ช่อง จากโลตัส +อุปกรณ์ ชาร์ตแบต +หนังสือคู่มือ +เสื้อผ้าเธอ T_T
ได้แต่บ่นในนี้แหละ เป็นได้แค่นักเลงคีย์บอร์ด (เก่งจังหลังเครื่องคอม อิอิอิ)
***เผื่อบางท่าน สงสัย ว่า ปลั๊กพ่วงไร งง งง**
นี่ไง
5555
หลังจากออกมา เราก็เจอ 7-11 อีกแล้ว ก็แวะซื้อข้าว มาคนละกล่อง แล้วรีบเดินไปที่สถานี รถไฟ คาวากุชิโกะ กัน
ในความตั้งใจแรก กะว่าจะนั่งรถบัสกลับ ไปเที่ยวชินจูกุเลย และพอมาถึงที่สถานีจริงๆ เห็นมีช่องขายตั๋ว รถชมรอบทะเลสาบ
ก็เลย มีความคิดว่า ลองนั่งสักรอบก่อนมะ เพราะอ่านมาว่ามีจุดให้แวะมากมาย หลายป้าย
แต่เราตั้งใจว่า จะลองนั่งชมเมือง มากกว่า เพราะว่าเดี๋ยวจะกลับมาทันรถบัส เข้าชินจูกุ รอบ เที่ยง พอดี
(จริงๆแล้วผมอยากจะลงไปถ่ายรูป ตามที่ต่างๆใจจะขาด แต่ผู้ร่วมทริปสิ ใจไปอยู่ที่ร้านกระเป๋าแถวๆชินจูกุแล้ว T_T)
ก็เลย ไปซื้อตั๋วมา แบบรอบเล็ก วิ่งรอบ 1 ทะเลสาบ
อีก ประมาณ 10 กว่านาทีรถจะมา ก็เลยกะว่า ทันน่า เอาข้าวที่ซื้อจาก 7-11 เมื่อกี้ ออกมากินรองท้องกันก่อน

อร่อยนะ
อร่อยดี
แต่กินไปยังไปถึง สี่คำ รถมาจอ ป๊าบบบบบ!!!
ตรงเวลาโคตรๆ ก็เลยต้องรีบเก็บข้าวปิดฝาอย่างเดิม รีบขึ้นรถก่อน เพราะเดี๋ยวถ้ารอรอบหน้า ก็จะ พลาด รถบัสรอบเที่ยงไป
ป้ายตรงจุดที่จอดรถ รอบทะเลสาบนี้
ระหว่างทางที่วิ่งไป ก็ชะโงกทัวร์กันไป

จริงๆแล้ว มีหลายจุดมากๆเลยที่ ถ้าได้ลงไปเดิน ต้องได้ภาพมุมสวยๆแน่ๆ (เสียดาย)
ฟ้าเป็นฟ้า พื้นน้ำ ภูเขา บ้านข้างทาง พอมีหิมะแล้วมันดูสวยดีเนอะ นั่งดื่มด่ำบรรยากาศหิมะ อยู่บนรถ ที่อุ่นๆ เสียดายอยากลงไป
อีกสักมุมนึงจากบนรถ ก่อนที่รถจะวิ่งวนกลับ ไปที่สถานี เสียดายถ้าได้ลงไปเดินถ่ายน่าจะได้ภาพดีกว่านี้
(ยัง ยัง ยังไม่เลิกเสียดาย)

หลายคนอ่านแล้วคง รำคาญว่า จะมาบ่นไรมากมาย ทำไมไม่ลงแต่แรกฟระ
นั้นเป็นเพราะว่า ตอนแรกเรารับปากผู้ร่วมทางไว้ว่า ขอแค่มาเห็นฟูจิ ก็พอ แล้วเดี่ยวก็กลับแล้วให้ทั้งวันนี้เป็นวันเดินช็อปไปเลยเต็มๆ
แต่แค่เราแทรกคิว นั่งรถชมรอบทะเลสาบ ก็เสียเวลาไปเกือบครึ่งวันละ ก็เลยต้องรักษากฏ (กฏอะไรฟระ??)
ทำตามเวลา ไม่งั้นนะ งอลกันเพลินเลย แทนที่จะได้เที่ยวสนุกๆ ต้องมาง้ออีก 5555 (ขอโทษด้วยที่ต้องเอามาแชร์ ผู้ชายอัดอั้น 555)
กลับมาที่สถานี เรียบร้อย ก็ วิ่งไปซื้อตั๋ว รถบัส ทางด่วน กลับ ชินจูกุ

บนรถ คนโล่งมาก จริงๆในตั๋ว มีระบุที่นั่งด้วยนะ 09C (ขามาไม่รู้ นั่งมั่วๆไป เพราะขามาก็ว่าง)
นั่งไปได้สักพัก ก็งัดเอาข้าวกล่องที่กินค้างไว้เมื่อกี้ออกมากินต่อ บวกด้วย ข้าวปั้น และผลไม้ล้างปาก

ขอพูดถึงอีข้าวปั้นนี่หน่อยนะ มันมีวิธีแกะซองพลาสติก ให้เป็นข้าวปั้นพร้อมกินได้เลย
ยอมรับว่า ตลอดทริป ซื้อมากินเพิ่มจากอาหารหลักแทบจะทุกมื้อ แต่ไม่เคยมีมื้อใหนเลยที่จะแกะมันออกมาให้สวยพร้อมกินได้ 555
แล้ววันนั้นไปเจอเครื่องหยอดเหรียญ ซื้อข้าวปั้นนี้ที่ดอนเมือง โดยที่ตู้นั้นมีคลิปวีดีโอสาธิตการแกะอย่างละเอียดเลย
มันน่าเจ็บใจนัก ถ้าวันนั้นเห็นคลิปนี้ที่ดอนเมืองก่อน เราคงไม่ต้องมากินข้าวปั้นที่สาหร่ายฉีกขาดเละๆหรือแยกกินข้าวคำสาหร้ายคำ ก็ได้ 555
และระหว่างที่นั่งไป รถจะแวะเข้าไปจอดป้ายในสวนสนุกแห่งนึง ไกล้ๆนั้นเอง แต่ขออภัย จำชื่อไม่ได้ ข้อมูลไม่ดี

กินก็กินอิ่มแล้ว อีกตั้ง ชั่วโมงกว่าๆ จะถึง ครั้นจะงีบ ก็ไม่อยาก เดี๋ยวไม่เห็นวิว
เลยหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาอัพเฟส โพสรูปสักหน่อย
โดยมีตัวช่วย ชั้นดีเลย ที่รุ่นน้องให้ยืมมาใช้

เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ช่วยแปลง 3G มาเป็นจุด WiFi ให้เราได้เพลิดเพลินกับ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค
และแล้วก็ กลับมาที่ชินจูกุอย่างเดิม ถึงแม้รถจะไม่ได้วนมาจอดที่จุดขึ้นรถแต่ก็จอดป้ายไกล้ๆตรงนั้น
(ดีที่ตอนก่อนไประหว่างรอรถ เรามาเดินเล่นดูเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวนี้พอดี เลยพอจำได้ ไม่งั้นคง งง นิดๆว่าเอาตรูมาส่งที่ใหนฟระเนี่ย)
แต่พอลงรถ เจอผู้ชายคนนึง เอาจักรยานใส่ถุงมา พอลงได้แกก็ ประกอบ ป๊าบๆๆๆๆๆ แล้วขี่ต่อไปเลย ชอบๆๆๆๆๆ

บ้านเราก็พอมีนะ เคยเห็นอยู่ แต่ไม่ค่อยเห็นเอาใส่ถุงเก็บเรียบร้อย ส่วนใหญ่จะยกมาทั้งคัน
หลังจากนี้จะเป็นรายการเดินตามต้อยๆๆๆๆๆๆ ของผมละครับ
เพราะมันเป็นช่วงเดินดูของช็อปปิ้งล้วนๆ
หน้าที่ของผมจากนี้คือ
1.จำทาง
2.กดคูณราคาของ
3.ถ่ายรูป
4.ส่องสาว (สาวญี่ปุ่นน่ามองมากๆ)

จุดหลัก จำๆๆๆ จำไว้ก่อน ร้านอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเผื่ออีกร้านแพงกว่า ต้องพากลับมาถูกนะ อิอิ

กระเป๋าแบรนเนม มือสอง เยอะแยะมากมาย สภาพดีด้วยนะ ตำหนินิดๆหน่อย ๆ ต้องไปลองลูบๆคลำๆกันเอง
(โดยพิกัดร้านพวกนี้ก็ หามาจากในห้องบลูฯ นั่นเอง)

เดินไปเดินมา ไปเจอร้านนี้ ผมแทบจะลงไปนอนดิ้นขาคู่ขอเข้าไปนั่งกินสักจานนึง เพราะเคยดูจากคลิปของพี่เรย์ แมค มา
ว่าร้านนี้มันน่ากินม๊ากมาก
ผมก็งอแงงอแง จะเข้าๆๆๆ มีเสียงตอบมาว่า "ก็เข้าไปกินสิ"" จบประโยคแค่นั้น สั้นและห้วนมาก เลยได้แค่ยืนยิ้มอยู่หน้าร้าน

เดินไปเดินมาหลงมาตรง คาบูกิโจ ได้ไงเนี่ย

ตอนนี้ยอมรับตามตรงว่า หลงทิศ ในชินจูกุ ละคร้าบบบบบบบบ
ก็ไอ่ทางเดินใต้ดินมัน จะเยอะอะไรขนาดนั้น งง เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เดินจับจุดหาทิศ

มุมอัดบุหรี่ หน้าห้องน้ำ ทุกคนดูตั้งใจมากกับการยืนอัดบุหรี่ ปั๊มๆกันใหญ่ ไม่รู้ว่าควันนั่นเป็นไอหนาวจากปากหรือควัน

จุดเดียวกับมุมอัดบุหรี่เลย แต่เบือนหน้ามาสัก 20 องศา
แค่เปลี่ยนมุมมอง ความงามก็บังเกิด 55
[CR] Japan January Part 5 (นั่งรถชมรอบคาวากุชิโกะ และกลับไปดูผู้คนที่ชินจูกุ)
วันนี้ นาฬิกาปลุก กระโดดพรวดมาหยิบกล้องถ่าย ฟูจิซังจากหน้าต่าง
อ้าว!!! เมฆมาจากใหนเนี่ยเยอะแยะ คลุมปากปล่องไว้หมดเลย แต่แสงเช้าๆสาดมาก็ว่าสวยไปอีกแบบนะ
แล้วก็หลับต่ออีกงีบนึง 55555
แล้วพอไกล้ๆจะ 9 โมงก็รีบแต่งตัว เก็บของ เพื่อไปเช็คเอ๊า ก่อน 10 โมง (ให้เช็คอินหลังบ่ายสาม เช็คเอ๊าก่อน 10 โมง )
คิดๆแล้วก็ เหมือนถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่นิดๆนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ จะไปว่าไปด่า ไปเถียงไรก็ไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง 55
ก็ได้แค่ คืนกุญแจแล้วก็ ยิ้ม อาริงาโตะโกไซมัสต๊าาาาาาาาาาาาา แล้วก็สะพายเป้ออกมา
อ้อ!!! เนี่ยงจาก ทริปนี้ ส่วนใหญ่ ผมจะฝากกระเป๋าใบใหญ่ ใบหลักไว้ที่บ้านพักของรุ่นน้อง ในชินจูกุ
ก็เลย เอาเสื้อผ้านิดหน่อย ของใช้จำเป็นใส่เป้ สะพายไปต่างเมือง เลย หมดปัญหาเรื่องการฝากกระเป๋า ไปได้
(ซึ่งจริงๆผมว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ อยากเที่ยวก็อยากเที่ยว ห่วงของก็ห่วง)
แล้วของที่ต้องใช้+เสื้อผ้าของแฟน ก็มาอยู่ที่หลังของผม เรียบร้อย (ส่วนผมใส่ชุดเดิมตลอดครับ 5555555 ยอมเน่า ไม่ยอมหนัก)
สภาพการเดินของเธอจึง ชิว อย่างที่เห็น
ส่วนผมน่ะเหรอ หึหึหึ กล้อง ขา เลนส์อีก 2 +ปลั๊กพ่วงแบบ 6 ช่อง จากโลตัส +อุปกรณ์ ชาร์ตแบต +หนังสือคู่มือ +เสื้อผ้าเธอ T_T
ได้แต่บ่นในนี้แหละ เป็นได้แค่นักเลงคีย์บอร์ด (เก่งจังหลังเครื่องคอม อิอิอิ)
***เผื่อบางท่าน สงสัย ว่า ปลั๊กพ่วงไร งง งง**
นี่ไง
5555
หลังจากออกมา เราก็เจอ 7-11 อีกแล้ว ก็แวะซื้อข้าว มาคนละกล่อง แล้วรีบเดินไปที่สถานี รถไฟ คาวากุชิโกะ กัน
ในความตั้งใจแรก กะว่าจะนั่งรถบัสกลับ ไปเที่ยวชินจูกุเลย และพอมาถึงที่สถานีจริงๆ เห็นมีช่องขายตั๋ว รถชมรอบทะเลสาบ
ก็เลย มีความคิดว่า ลองนั่งสักรอบก่อนมะ เพราะอ่านมาว่ามีจุดให้แวะมากมาย หลายป้าย
แต่เราตั้งใจว่า จะลองนั่งชมเมือง มากกว่า เพราะว่าเดี๋ยวจะกลับมาทันรถบัส เข้าชินจูกุ รอบ เที่ยง พอดี
(จริงๆแล้วผมอยากจะลงไปถ่ายรูป ตามที่ต่างๆใจจะขาด แต่ผู้ร่วมทริปสิ ใจไปอยู่ที่ร้านกระเป๋าแถวๆชินจูกุแล้ว T_T)
ก็เลย ไปซื้อตั๋วมา แบบรอบเล็ก วิ่งรอบ 1 ทะเลสาบ
อีก ประมาณ 10 กว่านาทีรถจะมา ก็เลยกะว่า ทันน่า เอาข้าวที่ซื้อจาก 7-11 เมื่อกี้ ออกมากินรองท้องกันก่อน
อร่อยนะ
อร่อยดี
แต่กินไปยังไปถึง สี่คำ รถมาจอ ป๊าบบบบบ!!!
ตรงเวลาโคตรๆ ก็เลยต้องรีบเก็บข้าวปิดฝาอย่างเดิม รีบขึ้นรถก่อน เพราะเดี๋ยวถ้ารอรอบหน้า ก็จะ พลาด รถบัสรอบเที่ยงไป
ป้ายตรงจุดที่จอดรถ รอบทะเลสาบนี้
ระหว่างทางที่วิ่งไป ก็ชะโงกทัวร์กันไป
จริงๆแล้ว มีหลายจุดมากๆเลยที่ ถ้าได้ลงไปเดิน ต้องได้ภาพมุมสวยๆแน่ๆ (เสียดาย)
ฟ้าเป็นฟ้า พื้นน้ำ ภูเขา บ้านข้างทาง พอมีหิมะแล้วมันดูสวยดีเนอะ นั่งดื่มด่ำบรรยากาศหิมะ อยู่บนรถ ที่อุ่นๆ เสียดายอยากลงไป
อีกสักมุมนึงจากบนรถ ก่อนที่รถจะวิ่งวนกลับ ไปที่สถานี เสียดายถ้าได้ลงไปเดินถ่ายน่าจะได้ภาพดีกว่านี้
(ยัง ยัง ยังไม่เลิกเสียดาย)
หลายคนอ่านแล้วคง รำคาญว่า จะมาบ่นไรมากมาย ทำไมไม่ลงแต่แรกฟระ
นั้นเป็นเพราะว่า ตอนแรกเรารับปากผู้ร่วมทางไว้ว่า ขอแค่มาเห็นฟูจิ ก็พอ แล้วเดี่ยวก็กลับแล้วให้ทั้งวันนี้เป็นวันเดินช็อปไปเลยเต็มๆ
แต่แค่เราแทรกคิว นั่งรถชมรอบทะเลสาบ ก็เสียเวลาไปเกือบครึ่งวันละ ก็เลยต้องรักษากฏ (กฏอะไรฟระ??)
ทำตามเวลา ไม่งั้นนะ งอลกันเพลินเลย แทนที่จะได้เที่ยวสนุกๆ ต้องมาง้ออีก 5555 (ขอโทษด้วยที่ต้องเอามาแชร์ ผู้ชายอัดอั้น 555)
กลับมาที่สถานี เรียบร้อย ก็ วิ่งไปซื้อตั๋ว รถบัส ทางด่วน กลับ ชินจูกุ
บนรถ คนโล่งมาก จริงๆในตั๋ว มีระบุที่นั่งด้วยนะ 09C (ขามาไม่รู้ นั่งมั่วๆไป เพราะขามาก็ว่าง)
นั่งไปได้สักพัก ก็งัดเอาข้าวกล่องที่กินค้างไว้เมื่อกี้ออกมากินต่อ บวกด้วย ข้าวปั้น และผลไม้ล้างปาก
ขอพูดถึงอีข้าวปั้นนี่หน่อยนะ มันมีวิธีแกะซองพลาสติก ให้เป็นข้าวปั้นพร้อมกินได้เลย
ยอมรับว่า ตลอดทริป ซื้อมากินเพิ่มจากอาหารหลักแทบจะทุกมื้อ แต่ไม่เคยมีมื้อใหนเลยที่จะแกะมันออกมาให้สวยพร้อมกินได้ 555
แล้ววันนั้นไปเจอเครื่องหยอดเหรียญ ซื้อข้าวปั้นนี้ที่ดอนเมือง โดยที่ตู้นั้นมีคลิปวีดีโอสาธิตการแกะอย่างละเอียดเลย
มันน่าเจ็บใจนัก ถ้าวันนั้นเห็นคลิปนี้ที่ดอนเมืองก่อน เราคงไม่ต้องมากินข้าวปั้นที่สาหร่ายฉีกขาดเละๆหรือแยกกินข้าวคำสาหร้ายคำ ก็ได้ 555
และระหว่างที่นั่งไป รถจะแวะเข้าไปจอดป้ายในสวนสนุกแห่งนึง ไกล้ๆนั้นเอง แต่ขออภัย จำชื่อไม่ได้ ข้อมูลไม่ดี
กินก็กินอิ่มแล้ว อีกตั้ง ชั่วโมงกว่าๆ จะถึง ครั้นจะงีบ ก็ไม่อยาก เดี๋ยวไม่เห็นวิว
เลยหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาอัพเฟส โพสรูปสักหน่อย
โดยมีตัวช่วย ชั้นดีเลย ที่รุ่นน้องให้ยืมมาใช้
เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ช่วยแปลง 3G มาเป็นจุด WiFi ให้เราได้เพลิดเพลินกับ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค
และแล้วก็ กลับมาที่ชินจูกุอย่างเดิม ถึงแม้รถจะไม่ได้วนมาจอดที่จุดขึ้นรถแต่ก็จอดป้ายไกล้ๆตรงนั้น
(ดีที่ตอนก่อนไประหว่างรอรถ เรามาเดินเล่นดูเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวนี้พอดี เลยพอจำได้ ไม่งั้นคง งง นิดๆว่าเอาตรูมาส่งที่ใหนฟระเนี่ย)
แต่พอลงรถ เจอผู้ชายคนนึง เอาจักรยานใส่ถุงมา พอลงได้แกก็ ประกอบ ป๊าบๆๆๆๆๆ แล้วขี่ต่อไปเลย ชอบๆๆๆๆๆ
บ้านเราก็พอมีนะ เคยเห็นอยู่ แต่ไม่ค่อยเห็นเอาใส่ถุงเก็บเรียบร้อย ส่วนใหญ่จะยกมาทั้งคัน
หลังจากนี้จะเป็นรายการเดินตามต้อยๆๆๆๆๆๆ ของผมละครับ
เพราะมันเป็นช่วงเดินดูของช็อปปิ้งล้วนๆ
หน้าที่ของผมจากนี้คือ
1.จำทาง
2.กดคูณราคาของ
3.ถ่ายรูป
4.ส่องสาว (สาวญี่ปุ่นน่ามองมากๆ)
จุดหลัก จำๆๆๆ จำไว้ก่อน ร้านอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเผื่ออีกร้านแพงกว่า ต้องพากลับมาถูกนะ อิอิ
กระเป๋าแบรนเนม มือสอง เยอะแยะมากมาย สภาพดีด้วยนะ ตำหนินิดๆหน่อย ๆ ต้องไปลองลูบๆคลำๆกันเอง
(โดยพิกัดร้านพวกนี้ก็ หามาจากในห้องบลูฯ นั่นเอง)
เดินไปเดินมา ไปเจอร้านนี้ ผมแทบจะลงไปนอนดิ้นขาคู่ขอเข้าไปนั่งกินสักจานนึง เพราะเคยดูจากคลิปของพี่เรย์ แมค มา
ว่าร้านนี้มันน่ากินม๊ากมาก
ผมก็งอแงงอแง จะเข้าๆๆๆ มีเสียงตอบมาว่า "ก็เข้าไปกินสิ"" จบประโยคแค่นั้น สั้นและห้วนมาก เลยได้แค่ยืนยิ้มอยู่หน้าร้าน
เดินไปเดินมาหลงมาตรง คาบูกิโจ ได้ไงเนี่ย
ตอนนี้ยอมรับตามตรงว่า หลงทิศ ในชินจูกุ ละคร้าบบบบบบบบ
ก็ไอ่ทางเดินใต้ดินมัน จะเยอะอะไรขนาดนั้น งง เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เดินจับจุดหาทิศ
มุมอัดบุหรี่ หน้าห้องน้ำ ทุกคนดูตั้งใจมากกับการยืนอัดบุหรี่ ปั๊มๆกันใหญ่ ไม่รู้ว่าควันนั่นเป็นไอหนาวจากปากหรือควัน
จุดเดียวกับมุมอัดบุหรี่เลย แต่เบือนหน้ามาสัก 20 องศา
แค่เปลี่ยนมุมมอง ความงามก็บังเกิด 55