หมดรักแฟนแล้ว แต่มีลูกด้วยกัน (ขวบกว่า)... ควรทำยังไงดี??

ตามหัวข้อเลยค่ะ
เป็นแฟนกันมา3ปีกว่า ถึงท้องค่ะ เรามั่นใจมากๆว่าเค้าคือคนที่ใช่ที่สุด ไลฟ์ไสตล์ นิสัยเข้ากันไปหมด อยู่ด้วยหัวเราะทั้งวัน เล่น หยอก แกล้งกันไปมา ไปเที่ยว ไปดื่ม ไปด้วยกันได้หมดทุกที่ เราพูดอะไรทำอะไรไม่เคยว่า บางทีเราเบื่อขี้เกียจ ไม่ได้ทำงานบ้านนางยังบอกกะเราว่าไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้ช่วยกันทำก็ได้
    แต่หลังจากเราท้องเราก็ยุคนเดียวจนคลอด หลังคลอดก็เลี้ยงลูกคนเดียว7เดือนถึงจะย้ายไปยุบ้านแฟน(ต่างประเทศ แฟนเป็นต่างชาติ)เพราะติดเรื่องวีซ่าต่างๆ
นี่แหละคือจุดเริ่มต้นสิ่งที่บั่นทอนความรักและจิตรใจเรามาถึงทุกวันนี้ นางเปลี่ยนไป เราเล่นเราหยอกบางทีนางก็หงุดหงิดใส่หาว่าเราด่าบ้าง เพ้อเจ้อบ้าง เราก็ทนๆมา
     พอคลอดลูก นางก็... ชอบว่าเราเรื่องเลี้ยงลูก ทำไมทำแบบนั้นแบบนี้ ไม่ชอบที่เราทำแบบนี้กับลูก ทำไมทำกับข้าวอันนี้ให้ลูกกิน งานบ้านนู่นนี่นั่นทำไมไม่ทำ  ไม่ดี ไม่เอา มีแต่คำว่า ไม่ๆๆๆๆๆๆ และคำนึงนางบอกว่าเรามาทำให้บ้านนางรกนางไม่ชอบหงุดหงิดใส่เราทุกวัน เรานี่ร้องไห้น้อยใจ เสียใจวันเว้นวันเลย
      เดือนที่แล้วยายเราเสียเลยบินกลับมางานศพยายเลยขอพักอยู่บ้านต่อ1เดือนเต็ม เราสบายใจมากกกก เราหัวเราะแบบคนบ้าได้อีกครั้ง เราปล่อยวาง ไม่เครียด ไม่หงุดหงิดง่ายเหมือนตอนยุกะเค้า แต่3วันที่แล้วเค้าบินตามมา... เจอหน้ากันแค่2วัน เราก็ร้องไห้อีกครั้ง เพราะ ตอนเช้าเรากะลูกกะลูกกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน นางก็มองมาแปลกๆเราก็ขี้เกียจสนใจ สักพักนางก็ถาม ไม่มีเนยหรือแยมเลยหรอ เราก็ตอบไปว่าไม่มี นางก็หงุดหงิดเดินปึงปังออกห้องไปแล้วพูดทิ้งท้ายว่า... จะกินกันง่ายเกินไปแล้ว!!! 
คือ....??? อีกเหตุการณ์คือลูกอ้วกนางเอามือไปรอง เราเลยเดินไปขอทิชชู่ตรงร้านอาหาร พอเดินกลับมานางทำหน้าโกรธแล้วบอกว่า ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรอ!?!   นี่คือเราผิดใช่ไหม??

เราควรทำไงดี เร่หมดรักเค้ามานานแล้ว แต่ทนยุเพราะลูก ไม่อยากให้เค้ามีครอบครัวที่แตกแยก 
แต่อีกใจเราก็เหนื่อย ท้อ โดนทำร้ายจิตรใจทุกวัน มันเครียดมากนะตลอด1ปีกว่าที่ผ่านมา....

ตอนนี้มันมืดไปหมด 
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่ได้ตามไปอ่านกระทู้เก่านะ ขี้เกียจ เราตอบตามกระทู้นี้แล้วกันนะคะ
เราว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ความรักมันมีได้ก็หมดได้ มันจะเพราะอะไรใครเป็นฝ่ายผิด
ไม่ต้องไปหาคำตอบให้เมื่อยตุ้ม มันก็มาทั้งสองฝ่ายแหละ

เราอ่าน ๆ ดูแล้วพวกคุณขาดการ "สื่อสาร" ใครนึกจะทำอะไรก็นึกอยู่ในใจแล้วก็ทำ
อีกคนเลยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เช่น ลูกอ้วก อ้าวอีกคนจะลุกไปไหน แทนที่จะบอกเดี๋ยวนะ
ชั้นไปหาทิชชู่มาช่วยซับ หรือเรื่องเลี้ยงลูกใครมีระบบเลี้ยงแบบไหนอะไรยังไงก็ไม่คุยกัน
เรื่องกินอาหารเช้านั่นก็ไม่คุยกันซะตั้งแต่เมื่อคืน ว่าเออพรุ่งนี้ใครจะกินอะไรมีของรึยัง
ไม่มีจะได้ออกไปซื้อมาเตรียมด้วยกัน อันนี้ไม่ได้ตำหนิแต่คุณนะ สามีคุณก็ด้วย ดีแต่รอติ

เอาเป็นว่าถ้าไม่สะดวกใจจะอยู่ด้วยกันก็แยกย้ายเถอะ ความเป็นพ่อแม่ก็คงเหมือนเดิม
บางทีการห่าง ๆ กันอาจจะลดความขัดหูขัดตาที่มีต่อกันลงบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่