Grab your wand & dive into the world of MAGIC at “Harry Potter Festival 2017 Odense” 🇩🇰

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลางเมือง Odense, Denmark ถูกเนรมิตให้กลายเป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ เตรียมพร้อมต้อนรับเหล่าพ่อมดแม่มดจากทั่วทุกมุมโลกตลอดสามวันเต็ม! ตั้งแต่ 19-21 ตุลาคม 2017.

ข้อควรรู้:
* เหล่ามักเกิ้ลหรือพ่อมดแม่มดฝึกหัดควรเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีๆ เพราะคุณสามารถดื่มด่ำเวทย์มนต์ได้แบบ “FREE” ไม่ต้องพกเงินมาจ่ายค่าตั๋วเข้างานเลย.
* ในโลกเวทย์มนตร์ เงินมักเกิ้ลไม่สามารถใช้ได้ กรุณาแลกเงินเป็น Galleon ที่ธนาคาร Gringotts.
* ฝึกเดินเยอะๆ เพราะโลกเวทย์มนตร์กินบริเวณไปถึง “41,500 ตารางเมตร” (ห้ามการสัญจรทางไม้กวาด สงวนให้เฉพาะนักกีฬาควิดดิชเท่านั้น).
# สำหรับใครที่สนใจ Harry Potter Festival 2018 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://harrypotterfestival.dk/ ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดช่วง Autumn ประมาณเดือนตุลาคมครับ.

ก่อนจะพาทุกท่านดื่มด่ำไปกับบรรยากาศในโลกเวทมนตร์ ผมขอใช้นามปากกาแทนตัวเองว่า Ensom Dreng ละกันนะครับ สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวที่ผมนำมาเล่า ก็สามารถไปติดตามเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมายได้ที่
Facebook Page : The Journey of Ensom Dreng (https://www.facebook.com/ensomdreng1996/)
IG : ensomdreng1996 (https://www.instagram.com/ensomdreng1996/)
เว็บไซต์ : https://ensomdreng1996.wixsite.com/ensomdreng1996

__ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ _


EP.1
การเดินทางของคนส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Odense Station. หลายๆคนที่มาแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักเรียน Hogwarts ดูไปดูมาก็ให้อารมณ์เหมือนเหล่านักเรียนเวทย์มนต์ที่นั่งรถไฟจาก King’s Cross Station แพลทฟอม 3/4 แบบในหนังเลย.

ก้าวแรกที่ออกจากสถานีรถไฟ “ตื่อดือ ดื่อดือดื่อ ตือดื้อดื่ออออ...” เสียงเพลงที่พวกเราคุ้นเคยก็ได้ทำหน้าที่ต้อนรับเหล่าพ่อมดแม่มด พร้อมกับย้ำเตือนว่า “คุณมาถึงโลกแห่งเวทย์มนต์แล้ว!”.

ใน EP.1 นี้ the one and lonely, Ensom Dreng จะพาไปส่องพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Brandts 13 ที่ได้เปลี่ยนทั้งตึกและนิทรรศการให้กลายเป็น Hagrid’s cottage ที่ตั้งอยู่แถวชานป่า The Forbidden Forest พร้อมกับไปดูของวิเศษในโลก Harry Potter จาก Magic Items Showcase และตบท้ายด้วยร้านน้ำชาของ Madam Nuttetrut จากย่าน Hogsmeade.

จากนั้นเดินกันต่อไปยัง Magical Marketplace ตั้งอยู่ที่ Gråbrødre Plads. ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นเหล่าพ่อมดแม่มดตัวน้อยๆ เดินกันให้ว่อนเมืองเลยทีเดียว. ที่ Magical Marketplace นี่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ฮอตฮิตที่สุดของงาน เพราะเป็นสถานที่ที่เหมือนยกทุกอย่างใน Hogwart มาตั้งไว้ ที่แม้แต่ Universal Studio ก็ยังทำไม่ได้ขนาดนี้! ไม่ว่าจะคลาสเรียนวิชาดูแลสัตว์วิเศษ, วิชาสมุนไพรกับ Pomona Sprout, วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด, วิชาปรุงยา, ลานประลองเวทย์, Cafe Hogwarts และอื่นๆ อีกมากมาย. ถ้าแฟนพันธ์แท้ Harry Potter ได้ลองมาสัมผัส รับรองว่าฟินน์ถึงขั้นนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว. แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่ากิจกรรมพวกนี้จะเน้นให้เด็กๆอายุ 8-12 ปีเข้าร่วมซะมากกว่า แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ขอร่วมวงอยู่ท่ามกลางเหล่าพ่อมดแม่มดตัวน้อยๆได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฮ่าๆ.

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! เมื่อจู่ๆ เหล่าพ่อมดแม่มดมากกว่าสองร้อยชีวิตต่างไปรวมตัวกันที่หน้า Odense City Hall เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในรีวิวฉบับแรกจาก Ensom Dreng กับ Grab your wand & Dive into the world of MAGIC at “Harry Potter Festival 2017 Odense”

__ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ __ _


เริ่มต้นกันที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Brandts 13 แต่การที่จะเข้าไปในตัวพิพิธภัณฑ์ได้นั้น มันไม่ใช่แค่เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปนะสิ. เพราะเหล่าผู้เยี่ยมชมจะถูกต้อนรับโดยหญิงสาวที่พวกเราหลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ด้วยคำถามที่ว่า “Password?” และ “No Password, no entry!” พอจะคุ้นๆกันหรือยังเอ่ย? เฉลย... เธอคือ The Fat Lady หญิงสาวในรูปภาพที่ทำหน้าที่ปกป้องประตูทางเข้า Gryffindor Towere คนนี้นี่เอง! เอาตามจริงตอนนั้นก็จำ password ไม่ได้ แต่ก็พยายามตีเนียนเออๆออๆ ไปกับกลุ่มคนข้างหน้าที่ก็คงพยายามแถๆเหมือนกัน จน The Fat Lady น่าจะสมเพชกลุ่มพวกเรา ท้ายที่สุดก็เลยปล่อยให้เข้าไป ฮ่าๆ.

เดินต่อเข้ามาทางขวามือ จะเจอกับห้องที่ได้จำลองให้กลายเป็น “Hagrid’s Cottage” ที่ดูโคตรจะอบอุ่นและน่าอยู่! ไม่แปลกใจทำไม Harry & the gang ถึงได้ชอบมาสิงสถิต ฮ่าๆ. ตามจริงในห้องนี้จะมี Hagrid ตัวเป็นๆ มานั่งทักทายต้อนรับเหล่าพ่อมดแม่มดที่เข้ามาเยียมชมด้วยนะ แต่ตอนที่ไปตอนนั้นสงสัย Hagrid ติดธุระมาไม่ได้.

จากที่ได้เกริ่นไปว่า Hagrid’s Cottage ได้ถูกสร้างให้ตั้งอยู่แถวชานป่า The Forbidden Forest จึงทำให้การเดินทางไปสำรวจ The Forbidden Forest นั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย (ตามจริงคืออยู่ห้องตรงข้ามกัน เดิน 10 ก้าวถึงละ ชิวๆ). บรรยากาศในป่าจะแตกต่างกับที่ Hagrid’s Cottage ราวฟ้ากับเหว เพราะในห้องนั้นมืดมาก และตกแต่งด้วยไฟ Blacklight มองผ่านๆ นึกว่าเข้าบ้านผีสิง ฮ่าๆ. แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุด ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางป่า นั่นก็คือ มังกร Drogo ผู้ซื่อสัตย์ต่อ Daenerys ยิ้ม! ผิดเรื่อง. เอาใหม่ๆ สิ่งที่เห็นนั่นก็คือ “มังกร Norwegian Ridgeback” ที่มีรังขนาดใหญ่ และปีกยาวถึง 8 เมตร. ถ้าใครจำไม่ได้ว่ามังกรตัวนี้คือตัวไหน ลองนึกไปถึง Harry Potter ภาค 1 ที่ Hagrid ได้ไข่มังกรมาจากคนแปลกหน้า แล้วเอามาโชว์พวก Harry & the gang. มันคือตัวนั้นแหละ แต่เป็นเวอร์ชั่นโตเต็มวัย #เด็กสมัยนี้โตไวเนอะ (ไม่เกี่ยว)

ถึงเวลายกพลขึ้นชั้นสองของตึก Brandts 13, ตามจริงชั้นสองไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่สามารถบอกได้ว่า “น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้” เพราะเป็นชั้นที่มีการจัดโชว์ Magic Items Showcase หรือโชว์พวกของวิเศษต่างๆ มากมาย (หรอ?) (ได้ข่าวว่ามีอยู่แค่ 2-3 อันที่โชว์). แต่เดียวก่อน... ถึงแม้จะมีโชว์ไม่เยอะ แต่ของที่เอามาโชว์ ไม่ใช่กิ๊กๆก๊อกๆ. เริ่มกันที่อันแรกกับไข่มังกรของ Daenerys Stormborn of the House Targaryen, First of Her Name, the Unburnt, Queen of the Andals and the First Men, Khaleesi of the Great Grass Sea, Breaker of Chains, and Mother of Dragons ไม่ใช่เว้ย! มันคือ Golden Egg ที่เหล่าผู้เข้าแข่งขันในด่านแรกของการประลองเวทไตรภาคี ได้รับจากการเผชิญหน้ากับมังกร.

หลังจากที่รีวิวของวิเศษไปอย่างมากมาย (ได้ข่าวว่าอันเดียว) ก็ถึงเวลาของของวิเศษอย่างสุดท้าย นั่นก็คือ “ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ Ver. หักแล้ว by Potter & Squad” หนึ่งในเครื่องรางยมฑูตที่ Dumbledore เคยครอบครองมา. Gimmick ที่เด็ดสุดของไม้กายสิทธิ์นี้ ก็คงเป็นประกายเวทย์มนต์วิบๆ วับๆ ตรงรอยหักของไม้ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับมันมีเวทย์มนต์จริงๆ.

ในที่สุดก็มาถึงชั้นสุดท้ายของตึกกันแล้ว. ชั้นนี้เป็นที่ตั้งของร้านน้ำชาของ Madam Nuttetrut จากย่าน Hogsmead. พอจะคุ้นๆกันไหมสำหรับคอหนังสือ Harry Potter? มันเป็นร้านที่ Harry กับ Cho เคยไปเดทกันในภาค the Order of the Phoenix (เพิ่งเสิร์ชเน็ตเจอ ฮ่าๆ). ภายในร้านจะมีการขายขนมคุกกี้ ชา และกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศที่โคตรจะหวานชมพูแปร๋น เรียกได้ว่า กาฟงกาแฟหรือชา ไม่ต้องใส่น้ำตาลกันเลย ถ้าต้องการรสหวานก็แหงหน้ามองวอลเปเปอร์เอา. แต่ที่สะดุดตาที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นตรงกลางของร้านที่ตกแต้งด้วยกองถ้วยชาที่ถูกวางอย่างทะมัดทะแมง แต่ออกมาสวยและเข้ากับบรรยากาศร้านมากๆ. ปล. ไม่ได้ถ่ายตรงส่วนอื่นของร้านมา เพราะคนในร้านเยอะมาก กลัวโดนคนในร้านกระทืบที่ไปแอบถ่ายรูปเขา.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่