17.30
ของวันที่11/12/59
ขณะที่ผมกำลังมุ่งหน้าจากหัวหิน
เข้ากรุงเทพมหานคร บริเวณโค้งยกระดับยูเทิร์น
มุ่งหน้าเข้าถนนพระราม2
ชิดไหล่ทางยกระดับด้านบน ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกงอบสีธงชาติซีดๆ
มีธงชาติไทยคลุมไหล่ด้านหลัง
กำลังเข็นรถเข็นคันเล็กๆอยู่บนทางโค้งยกระดับเข้าสู่ถนนพระราม2
เท่าที่ผมจะสังเกตุเห็นตอนขับรถผ่าน มีรูปล้นเกล้ารัชกาลที่9อยู่บนรถเข็น
ผมขับรถผ่านจุดนั้นจนมาถึง ปตท วังมะนาว เส้นมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ในใจตอนนั้นคิดและมั่นใจว่าคุณป้าแกกำลังเดินเท้า เพื่อเข้า กรุงเทพเพื่อสักการะพระบรมศพแน่นอน ผมจอดรถแล้วก็คิด เอาไงดีวะจะปล่อยในสิ่งที่เห็นแล้วไม่ลงไปทำอะไรสักอย่าง มันคงไม่ได้แน่ๆ รวมถึงสิ่งที่คิดเยอะมากๆ
คือเป็นห่วงคุณป้าท่านนั้นว่าจะมีอันตรายจากรถแถวนั้นหรือไม่
เพราะตอนช่วงเวลานั้น มีแต่รถสิบล้อ รถพ่วง รถใหญ่ๆวิ่งอยู่เยอะมาก
ผมตัดสินใจจอดที่ปั๊มแล้วเดินย้อนไป ไกลพอสมควรจนได้เจอ แกกำลังเข็นรถเข็น ที่วางพระบรมรูปรัชกาลที่9อยู่บริเวณไหล่ทาง
สอบถามได้ความว่า
แกเดินเท้าจากนครศรีธรรมราช เพื่อเข้ามาสักการะพระบรมศพที่ กรุงเทพได้10วันแล้ว
อาศัยนอนตามทาง นอนตามโรงพัก ตามโรงแรมต่างๆ ตามบ้านต่างๆที่มีคนใจดีให้แกพัก
จากการที่ได้คุยกัน
คุณป้าชื่อ มณฑา นามสกุล สุดจิตต์
อยู่บ้านเลขที่ 62/3หมู่4 อำเภอนาบอน ตำบลทุ่งสง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
คุณป้ามีศรัทธาและมีเจตนาที่ชัดเจนมาก จะขอเดินเท้าเข้ากรุงเทพเท่านั้น ไม่ขอโดยสารรถใดๆเข้ากรุงเทพ
ระหว่างทางที่แกเดินทางแกเล่าถึงเรื่องราวน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เดี๊ยวผมจะเล่าต่อในตอนหลังนะครับ
ขณะที่คุยกัน แกแจ้งความจำนงว่าจะขอหาที่พักที่สถานีตำรวจทางหลวง ผมเลยช่วยแกยกรถเข็นข้ามสะพานลอย มาขอความช่วยเหลือยัง
สถานีตำรวจทางหลวง วังมะนาวโดยมี
นายดาบ สายันต์ แก้วอนันต์ และพี่ตำรวจทางหลวงอีกท่านนึงช่วยดูแล พี่ๆทั้งสองท่านน่ารักมากครับ
ให้การดูแลดีมากๆ
ก่อนจากกันผมฝากปัจจัยเล็กน้อยไว้ให้คุณป้าไว้ใช้ในการเดินทาง พร้อมกล่าวคำร่ำลากันว่าคงได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้ง
พรุ่งนี้คงจะเป็นการเริ่มต้นเดินของป้าอู้ด หรือน้าอู้ดอีกครั้งเพื่อเข้าสมุทรสงครามและต่อไปยังกรุงเทพ
พรุ่งนี้ใครผ่านทางเส้นนั้น
ฝากขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะครับ
อย่าแซงซ้ายบริเวณไหล่ทาง
ใครจะแวะทักทายให้กำลังใจแกได้เลยนะครับ
พรุ่งนี้ใครกลับเข้ากรุงเทพเส้นพระราม2อย่าแซงไหล่ทางกันนะครับ
ของวันที่11/12/59
ขณะที่ผมกำลังมุ่งหน้าจากหัวหิน
เข้ากรุงเทพมหานคร บริเวณโค้งยกระดับยูเทิร์น
มุ่งหน้าเข้าถนนพระราม2
ชิดไหล่ทางยกระดับด้านบน ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกงอบสีธงชาติซีดๆ
มีธงชาติไทยคลุมไหล่ด้านหลัง
กำลังเข็นรถเข็นคันเล็กๆอยู่บนทางโค้งยกระดับเข้าสู่ถนนพระราม2
เท่าที่ผมจะสังเกตุเห็นตอนขับรถผ่าน มีรูปล้นเกล้ารัชกาลที่9อยู่บนรถเข็น
ผมขับรถผ่านจุดนั้นจนมาถึง ปตท วังมะนาว เส้นมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ในใจตอนนั้นคิดและมั่นใจว่าคุณป้าแกกำลังเดินเท้า เพื่อเข้า กรุงเทพเพื่อสักการะพระบรมศพแน่นอน ผมจอดรถแล้วก็คิด เอาไงดีวะจะปล่อยในสิ่งที่เห็นแล้วไม่ลงไปทำอะไรสักอย่าง มันคงไม่ได้แน่ๆ รวมถึงสิ่งที่คิดเยอะมากๆ
คือเป็นห่วงคุณป้าท่านนั้นว่าจะมีอันตรายจากรถแถวนั้นหรือไม่
เพราะตอนช่วงเวลานั้น มีแต่รถสิบล้อ รถพ่วง รถใหญ่ๆวิ่งอยู่เยอะมาก
ผมตัดสินใจจอดที่ปั๊มแล้วเดินย้อนไป ไกลพอสมควรจนได้เจอ แกกำลังเข็นรถเข็น ที่วางพระบรมรูปรัชกาลที่9อยู่บริเวณไหล่ทาง
สอบถามได้ความว่า
แกเดินเท้าจากนครศรีธรรมราช เพื่อเข้ามาสักการะพระบรมศพที่ กรุงเทพได้10วันแล้ว
อาศัยนอนตามทาง นอนตามโรงพัก ตามโรงแรมต่างๆ ตามบ้านต่างๆที่มีคนใจดีให้แกพัก
จากการที่ได้คุยกัน
คุณป้าชื่อ มณฑา นามสกุล สุดจิตต์
อยู่บ้านเลขที่ 62/3หมู่4 อำเภอนาบอน ตำบลทุ่งสง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
คุณป้ามีศรัทธาและมีเจตนาที่ชัดเจนมาก จะขอเดินเท้าเข้ากรุงเทพเท่านั้น ไม่ขอโดยสารรถใดๆเข้ากรุงเทพ
ระหว่างทางที่แกเดินทางแกเล่าถึงเรื่องราวน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เดี๊ยวผมจะเล่าต่อในตอนหลังนะครับ
ขณะที่คุยกัน แกแจ้งความจำนงว่าจะขอหาที่พักที่สถานีตำรวจทางหลวง ผมเลยช่วยแกยกรถเข็นข้ามสะพานลอย มาขอความช่วยเหลือยัง
สถานีตำรวจทางหลวง วังมะนาวโดยมี
นายดาบ สายันต์ แก้วอนันต์ และพี่ตำรวจทางหลวงอีกท่านนึงช่วยดูแล พี่ๆทั้งสองท่านน่ารักมากครับ
ให้การดูแลดีมากๆ
ก่อนจากกันผมฝากปัจจัยเล็กน้อยไว้ให้คุณป้าไว้ใช้ในการเดินทาง พร้อมกล่าวคำร่ำลากันว่าคงได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้ง
พรุ่งนี้คงจะเป็นการเริ่มต้นเดินของป้าอู้ด หรือน้าอู้ดอีกครั้งเพื่อเข้าสมุทรสงครามและต่อไปยังกรุงเทพ
พรุ่งนี้ใครผ่านทางเส้นนั้น
ฝากขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะครับ
อย่าแซงซ้ายบริเวณไหล่ทาง
ใครจะแวะทักทายให้กำลังใจแกได้เลยนะครับ