มีเพื่อนสมาชิกคนหนึ่งนะครับที่ได้เขียนบทความมาส่งให้ผมให้ฝากลงในพันทิป
โดยที่เจ้าตัวไม่ประสงค์ที่จะให้ใส่เครดิต แต่จะใส่เป็นเครดิตลิงค์ที่เขาเขียนไว้ใน google drive ละกันนะครับ
มีเรียบเรียงบางประโยคนิดหน่อยนะครับ แต่เนื้อหาหลักยังอ้างอิงตามที่ท่านนั้นเขียนไว้ครับ
ชี้ทางอ้อม ๆ ละกัน จากทวิตเตอร์
ทไวซ์ทำงานหนักแค่ไหนถึงมีวันนี้
ถ้าพูดถึง ทำงานหนัก หลาย ๆ คนคิดแค่เพียงว่า ออกอีเวนท์ไม่หยุดหรือซ้อมจนหมดแรง ซึ่งก็ถูก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น มาดูกันว่าทไวซ์ทำอะไรเพิ่มบ้าง
1.โปรโมทตัวเอง
ในขณะที่วงดนตรี วงไอดอลนั้นต้องพึ่งพาบริษัทตัวเองในการกำหนดหนทางการโปรโมท แต่ทไวซ์กลับเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ไม่ได้นอนรอแต่บริษัททำงานอย่างเดียว
1.1 ออกไอเดียในเอ็มวี เอ็มวีตัวเดบิวท์ โดยในช่วงหลังเอ็มวีที่เพิ่มมาเป็นแนวคิดของเมมเบอร์เอง (Jihyo เป็นคนบอกเอง)
1.2 อัพโซเชียลด้วยตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าทไวซ์เป็นเน็ตไอดอลก็คงไม่ผิดซะทีเดียว นี่คือเครื่องมือที่ทไวซ์ใช้ติดต่อกับแฟนคลับ และใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทางอินสตาแกรม @TWICETAGRAM โดยถือเป็นเครื่องมือชิ้นแรกที่เมมเบอร์ใช้และมีสิทธิ์เต็มที่ในการโพสต์อะไรก็ได้ที่อยากโพสต์ ตั้งแต่เซลคา (ถ่ายรูปตัวเอง หรือที่รู้จักกันอีกคำคือ Selfie) สกิ๊ดฮา ๆ ยันทำคลิปล้อ (Parody) ศิลปินร่วมค่าย วงอื่นมักจะให้หน้าที่นี้เป็นของผู้จัดการหรือคนดูแลด้านโซเชี่ยล เพราะมันไม่สะดวกจะโพสต์ที่ต้องวิ่งไปขอโทรศัพท์ที ไหนจะความเห็นที่จะตามมาใต้โพสต์ ไหนจะเรื่องความเหมาะสมของสิ่งที่จะโพสต์ แต่ทไวซ์กลับทำได้ดี และอัพโหลดบ่อยมาก มีอะไรก็อยากเอามาแชร์กับแฟนคลับ จะบอกรักกัน จะบลัฟกัน แซะกัน ก็ผ่านอันนี้แหละ ทำให้แฟนคลับไม่ต้องไปกดติดตามเมมเบอร์คนนั้นคนนี้ แล้วรอดูคนนั้นคนนี้มาตอบ
การอัพคลิปล้อ หรือคลิปยาวๆ ต้องอาศัยการตัดต่อ ต้องอาศัยความคิด อาศัยไอเดียครีเอทิฟ ไอดอลน้อยคนนักที่จะมานั่งทำ เอาเวลาไปซ้อมร้องซ้อมเต้นออกกำลังกายไดเอ็ทดีกว่าไหม แต่ทไวซ์ทำเพราะแฟนชอบ ผลตอบรับดี (อันนี้ต้องขอบคุณ Nayeon ที่เรียนเกี่ยวกับมีเดียอยู่ในมหาลัย) บางครั้งมีผู้จัดการมาช่วยแนะนำ โดยอาศัยแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ตัดต่อ
1.3. Vlive
เครื่องมือชิ้นที่ 2 ที่ทไวซ์เลือกใช้ และสร้างฐานแฟนเกาหลี ทไวซ์เป็นวงไม่กี่วงที่ใช้งานแอพถ่ายทอดสดผ่านโทรศัพท์อย่าง Vlive อย่างจริงจังตั้งแต่แรก Vlive เป็นผลผลิตของ Naver ซึ่งแน่นอนมีแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์และซัพพอร์ทต่าง ๆ เป็นเกาหลีซะส่วนมากในตอนเริ่มแรก ทำให้มีแต่คนเกาหลีซะเยอะที่ตามดูการถ่ายทอด
ไอดอลหรือศิลปินคนอื่นส่วนมากใช้ Vlive ตามแต่มีกำหนดไว้ในตารางงานเท่านั้น แต่ทไวซ์กลับใช้เป็นเครื่องมือพูดคุยกับแฟนคลับ ไม่เลือกเวลา ว่างเป็นต้องมานั่งโม้ให้แฟนคลับฟัง กำลังโฟโต้ชูตอยู่ก็ Vlive กับแฟนคลับ ถามว่าไอดอลวงอื่นหรือคนอื่นมีกี่คนกันที่นั่งคุยกะคอมเมนท์บนโทรศัพท์นานสองสามชั่วโมง เล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องของตัวเองให้แฟนคลับฟัง ช่วงเดบิวท์ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนชุด มาเต้นหลาย ๆ เวอร์ชั่น ออกอากาศสด หลายที่หลายเวลามาก ใต้สะพาน กลางดึกเกือบเที่ยงคืนในโรงเรียนก็ทำ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งลงจากเวที่โปรโมทมาก็มี คือคนเกาหลีชอบมากกับการติดตามอะไรแบบนี้ โดยจะเห็นได้จากพวกนัดจัดรายการทาง Afreecatv บางคนทำเงินมากกว่าไอดอลบางวง บางคนอีก โดยเฉพาะวัยรุ่น
1.4. ติดตามความเคลื่อนไหวและเทรนด์ภายนอก
ทไวซ์ติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวตลอด รวมถึงความเห็นแย่ ๆ บนโลกออกไลน์ รู้ว่าตอนนี้อะไรอยู่ในกระแส ละครอะไรกำลังฉาย คำอะไรกำลังฮิต ไม่เว้นแม้แต่ใครเสิร์ชชื่อวงตัวเองเยอะสุด (นี่คือที่มาของการไปแสดงในห้องเลคเชอร์ในมหาวิทยาลัย) คือแค่ลำพังงานที่บริษัทรับมาก็เยอะจนไม่มีเวลากิน เวลานอน คนปกติแท้ ๆ ส่วนมากไม่สนเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ทไวซ์ก็ทำ ตามทันทุกเรื่อง บางทีรู้ดีกว่าแฟนคลับอีก ล่าสุดกระแส PPAP ก็ไม่พลาดที่จะต้องอัพโหลดเป็นคลิปวิดิโอเช่นกัน
1.5 แม้จะเกิดปัญหาจากสิ่งที่โพสต์, สิ่งที่ปรากฎในโลกออนไลน์
กรณี Nayeon กับ Soundcloud, Tzuyu กับธงชาติ, Chaeyoung กับเรื่องโพสต์บล๊อก ก็ยังไม่เลิกอัพโหลด ถ้าเรื่องธงชาติที่ถูกนำไปโยงเข้ากับการเมืองโดยที่ไม่ได้มีเจตนานั้นตั้งแต่ต้น และของ Chaeyoung นี่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปคงเลิกสนใจโซเชียลไปเลย
2. ถ่อมตน รู้จักตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเอง
2.1 ทไวซ์พูดอยู่เสมอว่าตัวเองยังไม่ดีพอกับความรักที่ได้รับ หลังมีชื่อเข้าชิงครั้งแรกในรายการ THE SHOW ทางช่อง SBS MTV ร่วมกับตำนานอย่าง Kim Dong Wan จากวง Shinhwa เมื่อแฟน ๆ ขอโทษที่โหวตให้ไม่พอ (ในตอนนั้น คะแนนโหวตฝั่งเกาหลีน้อย) ทไวซ์ก็บอกไม่เป็นไร แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว พวกตัวเองต่างหากที่ขอควรขอโทษ
2.2 รู้อยู่เสมอว่าตัวเอง มีได้ทุกวันนี้ก็เพราะแฟน ๆ อยากทำให้แฟนคลับภูมิใจก็เลย พยายามพัฒนาตัวเอง ซ้อมเยอะ บางครั้งมีรอยฟกช้ำให้เห็นเลย บางคนโดนว่าอ้วนก็พยายามลดน้ำหนัก อย่าง Jihyo หรือ Sana
เมื่อตอนเดบิวท์ เรื่องเต้นไม่พร้อมนี่โดนเยอะมาก เยอะกว่าเรื่องร้องอีก ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนเห็นได้ชัด จนมินิอัลบั้มที่ 2 ก็ดูพร้อมกันมาก จนทุกวันนี้ ไม่เห็นมีคนว่าเรื่องเต้นละ เรื่องร้อง เมื่อตอนเดบิวท์ ร้องสดมีหลง มีผิดคีย์ เสียงหาย เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ ขนาด Jihyo ยังโดนดูถูกว่าเป็นเมนร้องแต่ไม่ได้เรื่อง เสียงไม่ถึง ทุกวันนี้ร้องได้ ไม่หลง ไม่ผิด สายเต้นยังพยายามจนดีขึ้นมาก Momo, Tzuyu, Sana มาไกลมาก
3. ให้ความรักแก่คนที่รักตัวเอง
เรื่องรักแฟนคลับ ทไวซ์ไม่เป็นที่ 2 รองใคร แต่ของทไวซ์ไม่ใช่แค่ปากและไม่เคยเปลี่ยนแปลง ปกติไอดอลพอดังระยะห่างกับแฟนคลับก็จะมากขึ้น เพราะมีความสนใจจากจุดอื่นมากขึ้น ระดับความสำคัญของแฟนคลับจะลดลง หลายคนเรียกก็จะไม่หันมามอง ปิดหน้า ไม่โบกมือทักเวลาแฟนเรียก แต่ทไวซ์ยังคงเหมือนเดิม ยังโบกมือทักทาย ไม่เมินหน้าหนี ยื่นของยื่นจดหมายให้ก็รับ
ช่วงโปรโมท Cheer Up มีครั้งลงรถมาพอมีคนเรียกยื่นของให้ Sana นี่เดินมาจะรับแบบไม่ต้องคิด จนผู้จัดการถลันวิ่งมาห้ามแทบไม่ทัน งานแฟนไซน์ ตอนเดบิวท์หากไม่มีงานอื่น ก็จัดนาน 2-3 ชั่วโมง แฟนคลับวงอื่นยังอิจฉาแฟนคลับทไวซ์ เดี๋ยวนี้ยุ่งหน่อยก็ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมงนึง แล้วไม่ว่าจะไซน์ที่ไหน แฟนทุกคนต้องได้นั่งเก้าอี้ไม่งั้นมีโวย หนาวจนยืนไม่ไหว ก็ยืนคุยกะแฟนคลับนานเป็นครึ่งชั่วโมง มีเด็กประถมมาโพสต์บนเว็บบอร์ดอยากเจอ ก็ไปหา ไหนจะ vlive หาเรื่องคุยกะแฟนคลับไปเรื่อย อย่าให้ว่าง มีอะไรก็อยากแชร์ คือถ้าไม่รักกันไม่อยากสนิทกัน คนที่ไหนจะสนใจให้ฟัง อย่างที่บอกไอดอลทั่วไปจะมีใครมานั่งถือโทรศัพท์คุยกะคอมเมนท์ เมื่อยก็เมื่อย เอาเวลาไปเตรียมตัวหรือพักผ่อนดีกว่าไหม แต่ทไวซ์เพราะแฟนคลับชอบ ก็เลยทำ
https://drive.google.com/file/d/0B6LyEqB6GkTcZ2JNRWk3bUY0ajQ/view
จบไปแล้วครับสำหรับบทความที่เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งส่งมาให้ฝากโพสต์ในพันทิป
จะว่าไปก็เห็นว่าทไวซ์ทำงานอย่างหนักมากจริง ๆ ในปีนี้ทั้งต้นปี กลางปี และปลายปีเลยทีเดียว
เหมือนประหนึ่งว่าไม่ได้คัมแบ็คเลย แต่ปล่อยเพลงมาอีก ก็อยากให้ได้รับการพักผ่อนบ้างอะไรบ้าง ไม่งั้นจะส่งผลต่อสุขภาพจนอาจกระทบกับวงได้ มีบทความนี้มาถึงอย่างน้อยจะเป็นภาษาไทย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่ท่านนี้เขียนขึ้นมาให้ทไวซ์ ผู้ซึ่งที่ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ เพื่อทั้งให้คนทั่วไปได้รับฟังผลงานจากพวกเธอและอีกทั้งตอบแทนแฟนคลับที่ได้มอบความรักมาให้พวกเธอเช่นกัน
ทไวซ์ทำงานหนักแค่ไหนถึงมีวันนี้
โดยที่เจ้าตัวไม่ประสงค์ที่จะให้ใส่เครดิต แต่จะใส่เป็นเครดิตลิงค์ที่เขาเขียนไว้ใน google drive ละกันนะครับ
มีเรียบเรียงบางประโยคนิดหน่อยนะครับ แต่เนื้อหาหลักยังอ้างอิงตามที่ท่านนั้นเขียนไว้ครับ
ชี้ทางอ้อม ๆ ละกัน จากทวิตเตอร์ถ้าพูดถึง ทำงานหนัก หลาย ๆ คนคิดแค่เพียงว่า ออกอีเวนท์ไม่หยุดหรือซ้อมจนหมดแรง ซึ่งก็ถูก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น มาดูกันว่าทไวซ์ทำอะไรเพิ่มบ้าง
1.โปรโมทตัวเอง
ในขณะที่วงดนตรี วงไอดอลนั้นต้องพึ่งพาบริษัทตัวเองในการกำหนดหนทางการโปรโมท แต่ทไวซ์กลับเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ไม่ได้นอนรอแต่บริษัททำงานอย่างเดียว
1.1 ออกไอเดียในเอ็มวี เอ็มวีตัวเดบิวท์ โดยในช่วงหลังเอ็มวีที่เพิ่มมาเป็นแนวคิดของเมมเบอร์เอง (Jihyo เป็นคนบอกเอง)
1.2 อัพโซเชียลด้วยตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าทไวซ์เป็นเน็ตไอดอลก็คงไม่ผิดซะทีเดียว นี่คือเครื่องมือที่ทไวซ์ใช้ติดต่อกับแฟนคลับ และใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทางอินสตาแกรม @TWICETAGRAM โดยถือเป็นเครื่องมือชิ้นแรกที่เมมเบอร์ใช้และมีสิทธิ์เต็มที่ในการโพสต์อะไรก็ได้ที่อยากโพสต์ ตั้งแต่เซลคา (ถ่ายรูปตัวเอง หรือที่รู้จักกันอีกคำคือ Selfie) สกิ๊ดฮา ๆ ยันทำคลิปล้อ (Parody) ศิลปินร่วมค่าย วงอื่นมักจะให้หน้าที่นี้เป็นของผู้จัดการหรือคนดูแลด้านโซเชี่ยล เพราะมันไม่สะดวกจะโพสต์ที่ต้องวิ่งไปขอโทรศัพท์ที ไหนจะความเห็นที่จะตามมาใต้โพสต์ ไหนจะเรื่องความเหมาะสมของสิ่งที่จะโพสต์ แต่ทไวซ์กลับทำได้ดี และอัพโหลดบ่อยมาก มีอะไรก็อยากเอามาแชร์กับแฟนคลับ จะบอกรักกัน จะบลัฟกัน แซะกัน ก็ผ่านอันนี้แหละ ทำให้แฟนคลับไม่ต้องไปกดติดตามเมมเบอร์คนนั้นคนนี้ แล้วรอดูคนนั้นคนนี้มาตอบ
การอัพคลิปล้อ หรือคลิปยาวๆ ต้องอาศัยการตัดต่อ ต้องอาศัยความคิด อาศัยไอเดียครีเอทิฟ ไอดอลน้อยคนนักที่จะมานั่งทำ เอาเวลาไปซ้อมร้องซ้อมเต้นออกกำลังกายไดเอ็ทดีกว่าไหม แต่ทไวซ์ทำเพราะแฟนชอบ ผลตอบรับดี (อันนี้ต้องขอบคุณ Nayeon ที่เรียนเกี่ยวกับมีเดียอยู่ในมหาลัย) บางครั้งมีผู้จัดการมาช่วยแนะนำ โดยอาศัยแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ตัดต่อ
1.3. Vlive
เครื่องมือชิ้นที่ 2 ที่ทไวซ์เลือกใช้ และสร้างฐานแฟนเกาหลี ทไวซ์เป็นวงไม่กี่วงที่ใช้งานแอพถ่ายทอดสดผ่านโทรศัพท์อย่าง Vlive อย่างจริงจังตั้งแต่แรก Vlive เป็นผลผลิตของ Naver ซึ่งแน่นอนมีแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์และซัพพอร์ทต่าง ๆ เป็นเกาหลีซะส่วนมากในตอนเริ่มแรก ทำให้มีแต่คนเกาหลีซะเยอะที่ตามดูการถ่ายทอด
ไอดอลหรือศิลปินคนอื่นส่วนมากใช้ Vlive ตามแต่มีกำหนดไว้ในตารางงานเท่านั้น แต่ทไวซ์กลับใช้เป็นเครื่องมือพูดคุยกับแฟนคลับ ไม่เลือกเวลา ว่างเป็นต้องมานั่งโม้ให้แฟนคลับฟัง กำลังโฟโต้ชูตอยู่ก็ Vlive กับแฟนคลับ ถามว่าไอดอลวงอื่นหรือคนอื่นมีกี่คนกันที่นั่งคุยกะคอมเมนท์บนโทรศัพท์นานสองสามชั่วโมง เล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องของตัวเองให้แฟนคลับฟัง ช่วงเดบิวท์ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนชุด มาเต้นหลาย ๆ เวอร์ชั่น ออกอากาศสด หลายที่หลายเวลามาก ใต้สะพาน กลางดึกเกือบเที่ยงคืนในโรงเรียนก็ทำ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งลงจากเวที่โปรโมทมาก็มี คือคนเกาหลีชอบมากกับการติดตามอะไรแบบนี้ โดยจะเห็นได้จากพวกนัดจัดรายการทาง Afreecatv บางคนทำเงินมากกว่าไอดอลบางวง บางคนอีก โดยเฉพาะวัยรุ่น
1.4. ติดตามความเคลื่อนไหวและเทรนด์ภายนอก
ทไวซ์ติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวตลอด รวมถึงความเห็นแย่ ๆ บนโลกออกไลน์ รู้ว่าตอนนี้อะไรอยู่ในกระแส ละครอะไรกำลังฉาย คำอะไรกำลังฮิต ไม่เว้นแม้แต่ใครเสิร์ชชื่อวงตัวเองเยอะสุด (นี่คือที่มาของการไปแสดงในห้องเลคเชอร์ในมหาวิทยาลัย) คือแค่ลำพังงานที่บริษัทรับมาก็เยอะจนไม่มีเวลากิน เวลานอน คนปกติแท้ ๆ ส่วนมากไม่สนเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ทไวซ์ก็ทำ ตามทันทุกเรื่อง บางทีรู้ดีกว่าแฟนคลับอีก ล่าสุดกระแส PPAP ก็ไม่พลาดที่จะต้องอัพโหลดเป็นคลิปวิดิโอเช่นกัน
1.5 แม้จะเกิดปัญหาจากสิ่งที่โพสต์, สิ่งที่ปรากฎในโลกออนไลน์
กรณี Nayeon กับ Soundcloud, Tzuyu กับธงชาติ, Chaeyoung กับเรื่องโพสต์บล๊อก ก็ยังไม่เลิกอัพโหลด ถ้าเรื่องธงชาติที่ถูกนำไปโยงเข้ากับการเมืองโดยที่ไม่ได้มีเจตนานั้นตั้งแต่ต้น และของ Chaeyoung นี่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปคงเลิกสนใจโซเชียลไปเลย
2. ถ่อมตน รู้จักตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเอง
2.1 ทไวซ์พูดอยู่เสมอว่าตัวเองยังไม่ดีพอกับความรักที่ได้รับ หลังมีชื่อเข้าชิงครั้งแรกในรายการ THE SHOW ทางช่อง SBS MTV ร่วมกับตำนานอย่าง Kim Dong Wan จากวง Shinhwa เมื่อแฟน ๆ ขอโทษที่โหวตให้ไม่พอ (ในตอนนั้น คะแนนโหวตฝั่งเกาหลีน้อย) ทไวซ์ก็บอกไม่เป็นไร แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว พวกตัวเองต่างหากที่ขอควรขอโทษ
2.2 รู้อยู่เสมอว่าตัวเอง มีได้ทุกวันนี้ก็เพราะแฟน ๆ อยากทำให้แฟนคลับภูมิใจก็เลย พยายามพัฒนาตัวเอง ซ้อมเยอะ บางครั้งมีรอยฟกช้ำให้เห็นเลย บางคนโดนว่าอ้วนก็พยายามลดน้ำหนัก อย่าง Jihyo หรือ Sana
เมื่อตอนเดบิวท์ เรื่องเต้นไม่พร้อมนี่โดนเยอะมาก เยอะกว่าเรื่องร้องอีก ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนเห็นได้ชัด จนมินิอัลบั้มที่ 2 ก็ดูพร้อมกันมาก จนทุกวันนี้ ไม่เห็นมีคนว่าเรื่องเต้นละ เรื่องร้อง เมื่อตอนเดบิวท์ ร้องสดมีหลง มีผิดคีย์ เสียงหาย เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ ขนาด Jihyo ยังโดนดูถูกว่าเป็นเมนร้องแต่ไม่ได้เรื่อง เสียงไม่ถึง ทุกวันนี้ร้องได้ ไม่หลง ไม่ผิด สายเต้นยังพยายามจนดีขึ้นมาก Momo, Tzuyu, Sana มาไกลมาก
3. ให้ความรักแก่คนที่รักตัวเอง
เรื่องรักแฟนคลับ ทไวซ์ไม่เป็นที่ 2 รองใคร แต่ของทไวซ์ไม่ใช่แค่ปากและไม่เคยเปลี่ยนแปลง ปกติไอดอลพอดังระยะห่างกับแฟนคลับก็จะมากขึ้น เพราะมีความสนใจจากจุดอื่นมากขึ้น ระดับความสำคัญของแฟนคลับจะลดลง หลายคนเรียกก็จะไม่หันมามอง ปิดหน้า ไม่โบกมือทักเวลาแฟนเรียก แต่ทไวซ์ยังคงเหมือนเดิม ยังโบกมือทักทาย ไม่เมินหน้าหนี ยื่นของยื่นจดหมายให้ก็รับ
ช่วงโปรโมท Cheer Up มีครั้งลงรถมาพอมีคนเรียกยื่นของให้ Sana นี่เดินมาจะรับแบบไม่ต้องคิด จนผู้จัดการถลันวิ่งมาห้ามแทบไม่ทัน งานแฟนไซน์ ตอนเดบิวท์หากไม่มีงานอื่น ก็จัดนาน 2-3 ชั่วโมง แฟนคลับวงอื่นยังอิจฉาแฟนคลับทไวซ์ เดี๋ยวนี้ยุ่งหน่อยก็ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมงนึง แล้วไม่ว่าจะไซน์ที่ไหน แฟนทุกคนต้องได้นั่งเก้าอี้ไม่งั้นมีโวย หนาวจนยืนไม่ไหว ก็ยืนคุยกะแฟนคลับนานเป็นครึ่งชั่วโมง มีเด็กประถมมาโพสต์บนเว็บบอร์ดอยากเจอ ก็ไปหา ไหนจะ vlive หาเรื่องคุยกะแฟนคลับไปเรื่อย อย่าให้ว่าง มีอะไรก็อยากแชร์ คือถ้าไม่รักกันไม่อยากสนิทกัน คนที่ไหนจะสนใจให้ฟัง อย่างที่บอกไอดอลทั่วไปจะมีใครมานั่งถือโทรศัพท์คุยกะคอมเมนท์ เมื่อยก็เมื่อย เอาเวลาไปเตรียมตัวหรือพักผ่อนดีกว่าไหม แต่ทไวซ์เพราะแฟนคลับชอบ ก็เลยทำ
https://drive.google.com/file/d/0B6LyEqB6GkTcZ2JNRWk3bUY0ajQ/view
จบไปแล้วครับสำหรับบทความที่เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งส่งมาให้ฝากโพสต์ในพันทิป
จะว่าไปก็เห็นว่าทไวซ์ทำงานอย่างหนักมากจริง ๆ ในปีนี้ทั้งต้นปี กลางปี และปลายปีเลยทีเดียว
เหมือนประหนึ่งว่าไม่ได้คัมแบ็คเลย แต่ปล่อยเพลงมาอีก ก็อยากให้ได้รับการพักผ่อนบ้างอะไรบ้าง ไม่งั้นจะส่งผลต่อสุขภาพจนอาจกระทบกับวงได้ มีบทความนี้มาถึงอย่างน้อยจะเป็นภาษาไทย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่ท่านนี้เขียนขึ้นมาให้ทไวซ์ ผู้ซึ่งที่ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ เพื่อทั้งให้คนทั่วไปได้รับฟังผลงานจากพวกเธอและอีกทั้งตอบแทนแฟนคลับที่ได้มอบความรักมาให้พวกเธอเช่นกัน