ที่กลัว ๆ น่ะ
ไม่ใช่กลัวว่าทำผิดแล้วจะโดนจับโดนลงโทษตามตัวบทกฎหมาย
แต่กลัวอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นแพะ
หากตัวกฎหมายเป็นธรรม ผู้ถือกฎหมายมีความเป็นกลาง เป็นธรรม
ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่เมื่อกฎหมายไม่มีความเป็นธรรม ผู้ถือกฎหมายไม่มีความเป็นกลาง ไร้ความเป็นธรรม
จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรล่ะครับ
แค่ใส่เสื้อสีแดง มีอะไรแดง ๆ ก็มีสิทธิ์โดน ไม่กลัวได้ไง
คนที่บอกว่า ไม่ได้ทำผิดแล้วจะกลัวอะไร
นั่นเพราะมั่นใจว่า ตัวเอง พวกตัวเองไม่โดนแน่ ๆ เพราะเชียร์ผู้มีอำนาจอยู่
เรียกว่า มั่นใจใน "พวกเดียวกัน"
ก็อย่างที่เคยเห็นนั่นแหละครับ หากพวกเดียวกัน ผิดก็ไม่ผิด
แต่หากคนละพวก ไม่ผิดก็ต้องผิด
ที่เห็นล่าสุด ก็เรื่องประชามติ
ฝ่ายหนึ่งทำอะไรผิดหมด โดนคดี โดนข้อหา โดนคุกกันหมด
ไผ่ ดาวดิน ยังอดข้าวประท้วงความไม่ยุติธรรมอยู่ในเรือนจำมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
เพียงเพราะแจกเอกสารเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ
แต่อีกฝ่าย ขนาดจัดรายการออกทีวีขี้นำ มีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี
เงียบกริบ
หรืออย่างคดียิง M 79 หน้าบิ๊กซี ที่มีเด็กเสียชีวิต ช่วง กปปส. ยึด กทม.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกตลอดชีวิต
ทั้งที่เนื้อหาแห่งคดีมีข้อพิรุธและน่าสงสัยมากมายเหลือเกิน
แต่ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย
ศาลเชื่อตามพยานหลักฐานอันน่าเคลือบแคลงและไม่น่าเชื่อถือของฝ่ายโจทก์เท่านั้น
เช่น สะพานข้ามแยกประตูน้ำที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถสามคันขึ้นไปก่อเหตุ
ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสะพาน ณ เวลานั้น โดน กปปส. ปิด ห้ามรถผ่าน อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย
แล้วทำไมจำเลยสามารถขับรถสามคันขึ้นไปก่อเหตุได้กลางวันแสก ๆ
หลักฐานทางช่วงเวลาการก่อเหตุ และกล้องวงจรปิด
ที่พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า มีสำเนาเอกสารภาพถ่ายหน้าห้างแพลตตินั่ม
แต่เอกสารตัวจริงไม่มี (ทำไมไม่มี ? ศาลเชื่อแค่สำเนาได้อย่างไร ?)
พยานโจทก์อ้างเวลาก่อเหตุคือ 16.51 น. (อ้างอิงแบบบอกนาทีได้)
แต่จำเวลาจากกล้องวงจรปิดที่พยานโจทก์เห็นไม่ได้ (พิลึกไหมล่ะครับ)
โจทก์ไม่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาแสดงให้ศาลเห็น
มีเพียงแค่การกล่าวอ้างเวลาก่อเหตุ การแสดงหลักฐานที่เป็นสำเนา
แต่ไม่แสดงหลักฐานที่เป็นของจริง ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดจริง ๆ เป็นการปกปิดหลักฐานของจริง
แต่ศาลก็เชื่อดื้อ ๆ ว่า จำเลยก่อเหตุเวลา 16.51 จริง
ฯลฯ
ไม่มีอะไรชี้ชัดเลยว่า จำเลยก่อเหตุจริง แต่โดนพิพากษาให้ติดคุกจริง
สี่คนสี่ชีวิต (ชีวิตรอบข้างอีกนับสิบชีวิต) ที่หลักฐานสับสน เคลือบแคลงเหลือเกินว่าได้ก่อเหตุจริงหรือไม่
แต่ต้องอยู่ในคุกตลอดชีวิต
หากพวกเขาไม่ได้กระทำความผิดจริง ใครรับผิดชอบ ?
เทียบกับเรื่อง 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน ตายฟรี เจ็บฟรี
ป.ป.ช. ก็บอกไม่มีใครผิด ยกคำร้อง จบคดี
ศาลอาญาก็ไม่รับฟ้องคดีอาญาข้อหาฆ่าคนตาย บอกเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. (ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจเรื่องฆ่าคนตาย)
หรือคดีระเบิดราชประสงค์
ที่ตอนแรกบอกเป็นเรื่องการเมืองแน่ ๆ (เหมือนเรื่องระเบิดภาคใต้ในตอนนี้ ที่บอกว่าการเมืองแน่ ๆ พวกทักษิณแน่ ๆ)
แต่กลับไปจับอุยกูร์ บอกว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ ก่อเหตุ
ผ่านมาหนึ่งปี นายอ๊อด พยุงวงศ์ ไม่รู้อยู่ไหน อุยกูร์ที่โดนจับก็ร้องว่าโดนซ้อม โดนยัดคดี
ที่ยกตัวอย่างมาเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละครับ
คือเหตุผลว่า
ไม่ได้ทำผิดแล้วไม่กลัวได้ไง !!!
เฮ้อออ... ไม่ได้ทำผิดแล้วจะกลัวอะไร ..... ก็นั่นน่ะสิครับ แต่ประเด็นคือ หากไม่ได้ทำผิดแล้วติดคุกล่ะ จะทำยังไง ?
ไม่ใช่กลัวว่าทำผิดแล้วจะโดนจับโดนลงโทษตามตัวบทกฎหมาย
แต่กลัวอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นแพะ
หากตัวกฎหมายเป็นธรรม ผู้ถือกฎหมายมีความเป็นกลาง เป็นธรรม
ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่เมื่อกฎหมายไม่มีความเป็นธรรม ผู้ถือกฎหมายไม่มีความเป็นกลาง ไร้ความเป็นธรรม
จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรล่ะครับ
แค่ใส่เสื้อสีแดง มีอะไรแดง ๆ ก็มีสิทธิ์โดน ไม่กลัวได้ไง
คนที่บอกว่า ไม่ได้ทำผิดแล้วจะกลัวอะไร
นั่นเพราะมั่นใจว่า ตัวเอง พวกตัวเองไม่โดนแน่ ๆ เพราะเชียร์ผู้มีอำนาจอยู่
เรียกว่า มั่นใจใน "พวกเดียวกัน"
ก็อย่างที่เคยเห็นนั่นแหละครับ หากพวกเดียวกัน ผิดก็ไม่ผิด
แต่หากคนละพวก ไม่ผิดก็ต้องผิด
ที่เห็นล่าสุด ก็เรื่องประชามติ
ฝ่ายหนึ่งทำอะไรผิดหมด โดนคดี โดนข้อหา โดนคุกกันหมด
ไผ่ ดาวดิน ยังอดข้าวประท้วงความไม่ยุติธรรมอยู่ในเรือนจำมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
เพียงเพราะแจกเอกสารเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ
แต่อีกฝ่าย ขนาดจัดรายการออกทีวีขี้นำ มีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี
เงียบกริบ
หรืออย่างคดียิง M 79 หน้าบิ๊กซี ที่มีเด็กเสียชีวิต ช่วง กปปส. ยึด กทม.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกตลอดชีวิต
ทั้งที่เนื้อหาแห่งคดีมีข้อพิรุธและน่าสงสัยมากมายเหลือเกิน
แต่ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย
ศาลเชื่อตามพยานหลักฐานอันน่าเคลือบแคลงและไม่น่าเชื่อถือของฝ่ายโจทก์เท่านั้น
เช่น สะพานข้ามแยกประตูน้ำที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถสามคันขึ้นไปก่อเหตุ
ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสะพาน ณ เวลานั้น โดน กปปส. ปิด ห้ามรถผ่าน อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย
แล้วทำไมจำเลยสามารถขับรถสามคันขึ้นไปก่อเหตุได้กลางวันแสก ๆ
หลักฐานทางช่วงเวลาการก่อเหตุ และกล้องวงจรปิด
ที่พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า มีสำเนาเอกสารภาพถ่ายหน้าห้างแพลตตินั่ม
แต่เอกสารตัวจริงไม่มี (ทำไมไม่มี ? ศาลเชื่อแค่สำเนาได้อย่างไร ?)
พยานโจทก์อ้างเวลาก่อเหตุคือ 16.51 น. (อ้างอิงแบบบอกนาทีได้)
แต่จำเวลาจากกล้องวงจรปิดที่พยานโจทก์เห็นไม่ได้ (พิลึกไหมล่ะครับ)
โจทก์ไม่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาแสดงให้ศาลเห็น
มีเพียงแค่การกล่าวอ้างเวลาก่อเหตุ การแสดงหลักฐานที่เป็นสำเนา
แต่ไม่แสดงหลักฐานที่เป็นของจริง ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดจริง ๆ เป็นการปกปิดหลักฐานของจริง
แต่ศาลก็เชื่อดื้อ ๆ ว่า จำเลยก่อเหตุเวลา 16.51 จริง
ฯลฯ
ไม่มีอะไรชี้ชัดเลยว่า จำเลยก่อเหตุจริง แต่โดนพิพากษาให้ติดคุกจริง
สี่คนสี่ชีวิต (ชีวิตรอบข้างอีกนับสิบชีวิต) ที่หลักฐานสับสน เคลือบแคลงเหลือเกินว่าได้ก่อเหตุจริงหรือไม่
แต่ต้องอยู่ในคุกตลอดชีวิต
หากพวกเขาไม่ได้กระทำความผิดจริง ใครรับผิดชอบ ?
เทียบกับเรื่อง 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน ตายฟรี เจ็บฟรี
ป.ป.ช. ก็บอกไม่มีใครผิด ยกคำร้อง จบคดี
ศาลอาญาก็ไม่รับฟ้องคดีอาญาข้อหาฆ่าคนตาย บอกเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. (ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจเรื่องฆ่าคนตาย)
หรือคดีระเบิดราชประสงค์
ที่ตอนแรกบอกเป็นเรื่องการเมืองแน่ ๆ (เหมือนเรื่องระเบิดภาคใต้ในตอนนี้ ที่บอกว่าการเมืองแน่ ๆ พวกทักษิณแน่ ๆ)
แต่กลับไปจับอุยกูร์ บอกว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ ก่อเหตุ
ผ่านมาหนึ่งปี นายอ๊อด พยุงวงศ์ ไม่รู้อยู่ไหน อุยกูร์ที่โดนจับก็ร้องว่าโดนซ้อม โดนยัดคดี
ที่ยกตัวอย่างมาเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละครับ
คือเหตุผลว่า
ไม่ได้ทำผิดแล้วไม่กลัวได้ไง !!!