.
บทที่ 14
http://pantip.com/topic/35388915
เฟรี่แพ้เลือดของไนท์จนทำให้ป่วยหนัก วีนิลี่ปีสาจขาวเจ้าบ้าน ให้ยารักษา
แต่ทำให้เฟรี่ความทรงจำบางส่วนขาดหายไป และรับตำแหน่งคนรับใช้คนใหม่ไปอย่างไม่คาดคิด
.....ว่าแล้วเธอก็รีบออกมาจากห้องด้วยอาการใจเต้นแรงหายใจหายคอแทบไม่ทันกับบทบาทใหม่ของตัวเอง ขอโทษด้วยนะคุณเฟรี่ ยกโทษให้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจ....ขอไลเดียตั้งสติหาทางออกทางไปก่อน ทำใจยังไม่ได้...ฝากไว้ก่อนเถอะคุณไนท์......
======================
จอมใจอเวจี บทที่ 15
======================
.
“พาไปฝึกงานให้ดี ไม่งั้นไล่ออกทั้งคู่”
นั่นเป็นคำสั่งแรกของเจ้านายคนใหม่ซึ่งมีต่อเฟรี่และไลเดียในตอนเช้า ขณะทั้งสองมารายงานตัวหน้าตึกใหญ่ ถึงจะความทรงจำของสาวตกสวรรค์จะเสื่อมแต่จิตสำนึกก็ยังพอรู้ว่าหน้าที่ของคนรับใช้คืออะไร เรียกว่า ความจำเสื่อมแต่ก็ไม่ได้โง่
“เงยหน้ามองข้า เพราะข้าคือเจ้านายของเจ้า”
เสียงดุเข้มสั่งอีกครั้ง คนรับใช้คนใหม่จำใจเงยหน้าขึ้นมอง
“ดีมาก”
เจ้านายบอกเสียงหนักๆพยักหน้าอย่างพอใจ
“อย่าลืม ต้องเชื่อฟังต้องไม่ดื้อ ไม่เกเร จะทำอะไรต้องปรึกษาข้า หรือพี่เลี้ยงก่อน เข้าใจไหม”
“เข้าใจก็ได้”
“เวลาพูดต้องมองหน้าข้า ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อย ไม่สงสารหรอก”
ฟังแล้วเฟรี่อยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ แล้วกระโดดกัดคอคนพูดให้สาแก่ใจ ไม่รู้ว่าทำไม... รู้แต่ว่ามันไม่น่าจะใช่แบบนี้... มันผิดหลักความรู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูก.. รู้ว่าจะต้องมีอะไรไม่ถูกต้องและไม่ใช่แน่นอน แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร คงจะต้องยอมรับสภาพไปก่อน แล้วค่อยตั้งสติรวบรวมความคิดความตั้งใจ พยายามค้นหาสิ่งรบกวนจิตใจให้ได้ น่าแปลกว่าในที่สุดหลังจากการสงบจิตใจให้เยือกเย็นลง หญิงสาวกลับยอมรับสภาพปัจจุบันได้อย่างน่าแปลกใจว่า เราเป็นคนรับใช้.. ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม แต่ต้องยอมรับและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“จะให้ข้าทำอะไร” เงยหน้ามองแล้วถามไม่หลบตาอีกแล้วเพราะเจ้านายสั่งว่าเวลาพูดต้องมองหน้า มองก็ได้ไม่เห็นจะแปลกอะไร
“ไปล้างห้องน้ำทุกห้องในตึกนี้” คำสั่งสุดท้ายก่อนเจ้านายจอมเข้มจะหันหลังก้าวออกห้องไป ส่วนสาวใช้พี่เลี้ยงจำเป็นยืนอ้าปากค้าง
คุณไนท์... คุณทำอะไรคิดอะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรไลเดียก็จะตามน้ำไปก่อน... คุณเฟรี่ขอโทษนะคะ... ยกโทษให้อภัยนะคะ ต่อไปนี้จะขอเล่นบทพี่เลี้ยงจำเป็นไปก่อน หวังว่าพอความทรงจำกลับมาอย่าฆ่าไลเดียทิ้งนะ..
เฟรี่หันมามองหน้าพี่เลี้ยง พูดเสียงอ่อยว่า
“ไปล้างห้องน้ำก็ได้ แต่ว่าอุปกรณ์อยู่ไหน”
พี่เลี้ยงจำเป็นมองอึ้งอีกครั้ง ใครจะไปเชื่อว่าคนท่าทางดื้อรั้นและเอาแต่ใจ จะยอมอะไรง่ายๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ตามหลักแล้วคงจะต้องต่อต้านแบบไม่คิดชีวิตไม่ยอมทำตามคำสั่งแน่ ทำไมมายอมโดยไม่ต่อต้านเลยสักนิด มองเห็นตาแป๋วของลูกน้องจำเป็นไลเดียก็แทบใจอ่อน แต่จำต้องเล่นบทพี่เลี้ยงต่อไป
“จำชื่อตัวเองได้ไหม” ถามหยั่งเชิง คนถูกถามสั่นศีรษะจนผมกระจายมองอย่างขอความช่วยเหลือ สาวใช้คนเก่งเอื้อมมือมาบีบแขนแรงๆ พลางเน้นเสียงบอกว่า
“จำไว้ เธอชื่อเฟรี่ เป็นคนรับใช้อยู่ที่นี่”
“เฟรี่”
สาวตกสวรรค์พึมพำอย่างเลื่อนลอย เราชื่อเฟรี่แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมต้องเป็นคนรับใช้ แต่กลับคิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย สาวใช้ลากแขนหญิงสาวออกจากห้องพาไปยังห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด นางฟ้าตกสวรรค์หยิบนั่นนี่ขึ้นมาดูแบบเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก ทำให้ไลเดียยืนมองแล้วอดยิ้มไม่ได้ ทั้งขำทั้งสงสารคนรับใช้จำเป็นอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเป็นฝ่ายเดินไปช่วยยกอุปกรณ์ทำความสะอาดก่อนลากแขนอีกฝ่ายให้เดินตามไปเพื่อเริ่มต้นการฝึกงาน
สาวรับใช้หน้าใหม่ไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวแม้ว่าจะมีสีหน้าไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย เดินตามไลเดียไปโดยดี
เฟรี่เป็นยังไงบ้าง”
ไนท์เอ่ยถามไลเดียขณะเวลาบ่ายของวันนั้น ทั้งคู่กำลังพากันยืนคุยกันอยู่ในสวนหลังตึกซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณมากมาย มองเห็นขุนเขาเสียดฟ้าไกลออกไปยอดเขาสูงหายลับไปกับหมอกเมฆเบื้องบน
“หลับไปแล้วค่ะ คงจะเหนื่อย” ไลเดียตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ต่างฝ่ายพากันเงียบไปพักหนึ่งแล้วไลเดียอดรนทนไม่ได้เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า
“ทำแบบนี้จะดีหรือคะ”
ปีศาจหนุ่มมองไปยังยอดเขาหม่นมัวเหมือนคิดอะไรเงียบๆ อยู่ สักพักจึงตอบด้วยเสียงราบเรียบจับอารมณ์ไม่ได้ว่า
“ข้าคิดว่าเป็นผลดีกับนาง อย่างน้อยจะได้รู้จักความยากลำบากของชีวิตบ้าง ต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ควรจะรับรู้อีกด้านหนึ่งของชีวิต อีกอย่างเจ้าก็จะได้รู้ถึงนิสัยใจคอของนางว่าเป็นอย่างไร และสำคัญคือการออกแรงทำงานหนักจะทำให้ยาที่ใช้รักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนรับใช้แบบนั้น คงยากจะให้เฟรี่ออกแรงทำงานหนักได้”
“คุณเฟรี่ไม่บ่นอะไรเลย ตั้งใจทำงานมากเลยคะ” ไลเดียฟังเหตุผลแล้วมีสีหน้าแจ่มใสขึ้นทันที เมื่อรู้จุดมุ่งหมายแท้จริงของการเล่นบทเจ้านายว่าไม่ได้มีพื้นฐานจากการประสงค์ร้าย พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงมีแววชื่นชม
“ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เรื่องมาก เหมือนเป็นคนละคนเลยไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”
“ก็คงรู้ตัวว่าอยู่ในฐานะคนรับใช้”
“แต่ว่าพอความทรงจำของคุณเฟรี่กลับคืนมา คงเล่นงานคุณไนท์ตายคามือ” สาวรับใช้ตั้งสมมุติฐานแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เจ้าเองก็เถอะ ระวังตัวไว้ให้ดี เราก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน” ปีศาจหนุ่มพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ปรากฏให้ได้ยินบ่อยนัก
“ว่าแต่เจ้าอย่าใช้งานนางให้หนักมากเกินไปนักนะ และคอยดูแลให้ดีอย่าให้คลาดสายตา”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จะต้องใช้งานให้หนักโอกาสแบบนี้หาได้ง่ายที่ไหนมีนางฟ้าลงมาเป็นลูกน้อง ตายแล้วเกิดใหม่ก็คงหาไม่ได้ ฉะนั้นต้องใช้งานให้หนักจึงจะขัดเกลานิสัยของคุณเฟรี่ได้ ว่าไหมคะ”
“นี่..เจ้า” ไนท์หันมากระชากเสียงแบบขุ่นเคืองแต่ไลเดียเอามือปิดปากหัวเราะตาเป็นประกาย พลางถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย พูดพลางหัวเราะพลางว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะจะดูแลอย่างดี ไลเดียก็ไม่อยากโดนคุณเฟรี่เล่นงานตอนเธอได้สติกลับมาหรอกค่ะ”
“ดีแล้ว” น้ำเสียงทุ้มห้าวแสดงแววโล่งใจ
คนถูกพาดถึงกล่าวถึงนอนหลับไหลอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนจากการทำงาน คฤหาสน์หลังใหญ่สูงหกชั้น มีห้องมากมายหลายห้อง แต่ดีว่าห้องส่วนใหญ่ปิดตาย ไม่ต้องเข้าไปทำความสะอาดและยังดีว่าสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่งคอยช่วยเหลือตลอดเวลาทำให้เบาแรงลงไปได้มาก ไลเดียเล่าให้เฟรี่ฟังว่าเคยไปฝึกงานบนโลกมนุษย์หลายครั้ง ทำให้คิดภาษาการพูดการจาจากสังคมมนุษย์ลงมาด้วย ลักษณะการพูดจาของเธอจึงฟังดูแปลกๆผิดยุคผิดสมัยชอบกล แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร และเธอยังบอกว่าความฝันสูงสุดคือการไปทำงานบนโลกเบื้องบน แต่จะเป็นได้หรือในเมื่อเธอเองก็เป็นชาวโลกมืด
อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น นั่นเป็นความเห็นของไลเดียผู้บอกอย่างมั่นใจ
แล้วเราเป็นชาวเบื้องล่างหรืออย่างไร ก่อนหลับตาลงความคิดสงสัยและไม่เข้าใจวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วทำไมจดจำอะไรไม่ได้เลย พ่อแม่พี่น้องเป็นใครอยู่ที่ไหน...
ขณะอยู่ในความฝันอันสับสนวุ่นวาย หญิงสาวก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหัวเตียง
กล่องแก้วเครื่องมือสื่อสารนั่นเองกำลังส่งเสียงดัง หญิงสาวไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ลุกขึ้นนั่งหยิบเครื่องมือสื่อสารมากดปุ่มด้วยสัญชาตญาณ แถมยกขึ้นแนบหูโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
“เฟรี่...ได้ยินข้าไหม”
เสียงนั้นเหมือนจะเคยได้ยินมาจนเคยชิน แต่สาวรับใช้จำเป็นกลับนึกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงของใคร นั่งนิ่งอย่างมึนงงสงสัย
“ตอบข้าด้วยเฟรี่”
“นั่นใคร...”
หลุดปากถามออกไปก่อนสัญญาณจะขาดหายไปกะทันหัน แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบอันเป็นผลจากความบังเอิญของการติดต่อมาจากภายนอกมีช่วงของการหลุดลอดสัญญาณสื่อสารเข้ามาได้ แต่โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยแน่นอน เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับสัญญาณจากภายนอกอีกเลย
แต่ทำไมรู้สึกคุ้นๆเหลือเกิน ใครบางคนกำลังพยายามสื่อสารถึง พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกอาการปวดหนึบในหัวกลับมาอีกครั้ง
หัวเตียงมีกระจกบานเล็กๆวางอยู่ จับมาส่องดูหน้าตัวเองอย่างเลื่อนลอย เราเป็นใครกันนะ แต่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ดูจากกระจกแล้วหน้าตาก็สวยดี...ความจริงเราก็สวยน่ารักไม่น้อย คิดแล้วยิ้มอย่างลืมตัว หลังจากจ้องมองหน้าตัวเองในกระจกพักหนึ่ง เฟรี่เพิ่งสังเกตว่าเขี้ยวของตัวเองทั้งสองข้างยาวกว่าปกติจนสังเกตได้ เอามือจับดูอย่างแปลกใจ เขี้ยวยาวแหลมๆแบบนี้หรือว่าเราเป็นพวกผีดิบหรือปีศาจไปเสียแล้ว ช่างเถอะ...ยังไงก็ดูดีไปอีกแบบ คิดพลางวางกระจกลง แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า หน้าตาดีอย่างเรามาเป็นคนรับใช้ได้อย่างไรมันไม่น่าเป็นไปได้
แถมมาเป็นคนรับใช้เจ้านายท่าทางน่ากลัวอีกต่างหาก
แต่รู้สึกว่าคุ้นๆ อีกแล้วกับเจ้านายคนนี้ ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้กับเจ้านาย แต่จะเป็นในฐานะอะไรกลับนึกไม่ออก
คิดจนปวดหัวเลยลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองซ้ายมองขวาตรวจดูสภาพในห้องให้แน่ใจว่าสะอาดเรียบร้อย คิดดูก็แปลก ทำไมห้องนอนคนรับใช้คนนี้มันค่อนข้างหรูหราผิดสังเกต หรือว่าที่นี่รสนิยมผิดแผกแตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่มีเวลาคิดมากนักจะต้องลุกไปกวาดห้องถูพื้นอีกสักรอบเดี๋ยวเจ้านายใจร้ายจะดุเอา
อุปกรณ์พวกถังน้ำและไม้ถูพื้นยังวางอยู่ปลายเตียง หญิงสาวผู้รับบทคนใช้จำเป็นลุกขึ้นไปหยิบไม้ถูพื้นและถังน้ำ เดินเข้าไปในห้องน้ำ บริเวณกลางห้องน้ำมีอ่างน้ำขนาดใหญ่สูงประมาณเอว น้ำในอ่างใสสะอาดน่ากระโดดลงไปเล่นน้ำ แต่ยังไม่ทันทำอะไรเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมแว่วเสียงของสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่ง
“คุณเฟ...เอ๊ย เฟรี่ ไปห้องครัวด่วน เจ้านายให้ไปทำอาหาร”
ทำอาหาร...ประโยคนี้ทำเอาไม้ถูพื้นแทบหลุดจากมือ
ยังไม่ทันตั้งหลักเจ้าของเสียงก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง และเดาทางได้ว่าลูกน้องจำเป็นจะต้องอยู่ในห้องน้ำเป็นแน่แท้ จึงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่เป็นปกตินัก เพราะถึงจะเก่งมากมายอย่างไรแต่การมารับบทเป็นพี่เลี้ยงนางฟ้าคนสวยที่ตนเองนับถือรักใคร่มันไม่ใช่เรื่องจะทำใจได้สนิทใจนัก
“เจ้านายสั่งมาให้ไปทำอาหารในครัว งานอย่างอื่นวางมือไว้ก่อน”
“ข้าทำอาหารไม่เป็น” เสียงอ่อยๆและหน้าเจื่อนจนมองแล้วน่าสงสาร
“เป็นคนใช้ก็ต้องทำอาหารเป็น ตามไลเดีย เอ๊ย...ตามข้ามา ทำไมวันนี้พูดผิดๆถูกๆ อีกแล้วเรา....”
ประโยคหลังเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่เสียงดังฟังชัดพออีกฝ่ายหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนในใจก็นึกไปว่าอยู่ดีไม่ว่าดี มารับบทไม่ถนัดจัดเจน ช่างลำบากยากยุ่งใจเหลือกัน ขอโทษนะคะคุณเฟรี่... วันไหนเป็นปกติดีโปรดเมตตาไว้ชีวิตคนใช้คนนี้ด้วย..ที่เหลือไปคิดบัญชีทั้งดอกทั้งต้นกับเจ้านายตัวดีตัวการคนนั้นก็แล้วกัน
“อาหารนี่มันทำยากไหม” เสียงถามเบาๆ มองพี่เลี้ยงตาใสเห็นแล้วอยากกระโดดหยิกแก้ม
“ก็....ไม่รู้สินะ ต้องเข้าครัวลองทำดู วางของพวกนี้ลงก่อนแล้วตามมาเร็วๆ”
..........
จอมใจอเวจี......บทที่ 15 (ความทรงจำ 2)
บทที่ 14
http://pantip.com/topic/35388915
เฟรี่แพ้เลือดของไนท์จนทำให้ป่วยหนัก วีนิลี่ปีสาจขาวเจ้าบ้าน ให้ยารักษา
แต่ทำให้เฟรี่ความทรงจำบางส่วนขาดหายไป และรับตำแหน่งคนรับใช้คนใหม่ไปอย่างไม่คาดคิด
.....ว่าแล้วเธอก็รีบออกมาจากห้องด้วยอาการใจเต้นแรงหายใจหายคอแทบไม่ทันกับบทบาทใหม่ของตัวเอง ขอโทษด้วยนะคุณเฟรี่ ยกโทษให้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจ....ขอไลเดียตั้งสติหาทางออกทางไปก่อน ทำใจยังไม่ได้...ฝากไว้ก่อนเถอะคุณไนท์......
======================
จอมใจอเวจี บทที่ 15
======================
.
“พาไปฝึกงานให้ดี ไม่งั้นไล่ออกทั้งคู่”
นั่นเป็นคำสั่งแรกของเจ้านายคนใหม่ซึ่งมีต่อเฟรี่และไลเดียในตอนเช้า ขณะทั้งสองมารายงานตัวหน้าตึกใหญ่ ถึงจะความทรงจำของสาวตกสวรรค์จะเสื่อมแต่จิตสำนึกก็ยังพอรู้ว่าหน้าที่ของคนรับใช้คืออะไร เรียกว่า ความจำเสื่อมแต่ก็ไม่ได้โง่
“เงยหน้ามองข้า เพราะข้าคือเจ้านายของเจ้า”
เสียงดุเข้มสั่งอีกครั้ง คนรับใช้คนใหม่จำใจเงยหน้าขึ้นมอง
“ดีมาก”
เจ้านายบอกเสียงหนักๆพยักหน้าอย่างพอใจ
“อย่าลืม ต้องเชื่อฟังต้องไม่ดื้อ ไม่เกเร จะทำอะไรต้องปรึกษาข้า หรือพี่เลี้ยงก่อน เข้าใจไหม”
“เข้าใจก็ได้”
“เวลาพูดต้องมองหน้าข้า ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อย ไม่สงสารหรอก”
ฟังแล้วเฟรี่อยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ แล้วกระโดดกัดคอคนพูดให้สาแก่ใจ ไม่รู้ว่าทำไม... รู้แต่ว่ามันไม่น่าจะใช่แบบนี้... มันผิดหลักความรู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูก.. รู้ว่าจะต้องมีอะไรไม่ถูกต้องและไม่ใช่แน่นอน แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร คงจะต้องยอมรับสภาพไปก่อน แล้วค่อยตั้งสติรวบรวมความคิดความตั้งใจ พยายามค้นหาสิ่งรบกวนจิตใจให้ได้ น่าแปลกว่าในที่สุดหลังจากการสงบจิตใจให้เยือกเย็นลง หญิงสาวกลับยอมรับสภาพปัจจุบันได้อย่างน่าแปลกใจว่า เราเป็นคนรับใช้.. ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม แต่ต้องยอมรับและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“จะให้ข้าทำอะไร” เงยหน้ามองแล้วถามไม่หลบตาอีกแล้วเพราะเจ้านายสั่งว่าเวลาพูดต้องมองหน้า มองก็ได้ไม่เห็นจะแปลกอะไร
“ไปล้างห้องน้ำทุกห้องในตึกนี้” คำสั่งสุดท้ายก่อนเจ้านายจอมเข้มจะหันหลังก้าวออกห้องไป ส่วนสาวใช้พี่เลี้ยงจำเป็นยืนอ้าปากค้าง
คุณไนท์... คุณทำอะไรคิดอะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรไลเดียก็จะตามน้ำไปก่อน... คุณเฟรี่ขอโทษนะคะ... ยกโทษให้อภัยนะคะ ต่อไปนี้จะขอเล่นบทพี่เลี้ยงจำเป็นไปก่อน หวังว่าพอความทรงจำกลับมาอย่าฆ่าไลเดียทิ้งนะ..
เฟรี่หันมามองหน้าพี่เลี้ยง พูดเสียงอ่อยว่า
“ไปล้างห้องน้ำก็ได้ แต่ว่าอุปกรณ์อยู่ไหน”
พี่เลี้ยงจำเป็นมองอึ้งอีกครั้ง ใครจะไปเชื่อว่าคนท่าทางดื้อรั้นและเอาแต่ใจ จะยอมอะไรง่ายๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ตามหลักแล้วคงจะต้องต่อต้านแบบไม่คิดชีวิตไม่ยอมทำตามคำสั่งแน่ ทำไมมายอมโดยไม่ต่อต้านเลยสักนิด มองเห็นตาแป๋วของลูกน้องจำเป็นไลเดียก็แทบใจอ่อน แต่จำต้องเล่นบทพี่เลี้ยงต่อไป
“จำชื่อตัวเองได้ไหม” ถามหยั่งเชิง คนถูกถามสั่นศีรษะจนผมกระจายมองอย่างขอความช่วยเหลือ สาวใช้คนเก่งเอื้อมมือมาบีบแขนแรงๆ พลางเน้นเสียงบอกว่า
“จำไว้ เธอชื่อเฟรี่ เป็นคนรับใช้อยู่ที่นี่”
“เฟรี่”
สาวตกสวรรค์พึมพำอย่างเลื่อนลอย เราชื่อเฟรี่แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมต้องเป็นคนรับใช้ แต่กลับคิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย สาวใช้ลากแขนหญิงสาวออกจากห้องพาไปยังห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด นางฟ้าตกสวรรค์หยิบนั่นนี่ขึ้นมาดูแบบเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก ทำให้ไลเดียยืนมองแล้วอดยิ้มไม่ได้ ทั้งขำทั้งสงสารคนรับใช้จำเป็นอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเป็นฝ่ายเดินไปช่วยยกอุปกรณ์ทำความสะอาดก่อนลากแขนอีกฝ่ายให้เดินตามไปเพื่อเริ่มต้นการฝึกงาน
สาวรับใช้หน้าใหม่ไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวแม้ว่าจะมีสีหน้าไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย เดินตามไลเดียไปโดยดี
เฟรี่เป็นยังไงบ้าง”
ไนท์เอ่ยถามไลเดียขณะเวลาบ่ายของวันนั้น ทั้งคู่กำลังพากันยืนคุยกันอยู่ในสวนหลังตึกซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณมากมาย มองเห็นขุนเขาเสียดฟ้าไกลออกไปยอดเขาสูงหายลับไปกับหมอกเมฆเบื้องบน
“หลับไปแล้วค่ะ คงจะเหนื่อย” ไลเดียตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ต่างฝ่ายพากันเงียบไปพักหนึ่งแล้วไลเดียอดรนทนไม่ได้เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า
“ทำแบบนี้จะดีหรือคะ”
ปีศาจหนุ่มมองไปยังยอดเขาหม่นมัวเหมือนคิดอะไรเงียบๆ อยู่ สักพักจึงตอบด้วยเสียงราบเรียบจับอารมณ์ไม่ได้ว่า
“ข้าคิดว่าเป็นผลดีกับนาง อย่างน้อยจะได้รู้จักความยากลำบากของชีวิตบ้าง ต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ควรจะรับรู้อีกด้านหนึ่งของชีวิต อีกอย่างเจ้าก็จะได้รู้ถึงนิสัยใจคอของนางว่าเป็นอย่างไร และสำคัญคือการออกแรงทำงานหนักจะทำให้ยาที่ใช้รักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนรับใช้แบบนั้น คงยากจะให้เฟรี่ออกแรงทำงานหนักได้”
“คุณเฟรี่ไม่บ่นอะไรเลย ตั้งใจทำงานมากเลยคะ” ไลเดียฟังเหตุผลแล้วมีสีหน้าแจ่มใสขึ้นทันที เมื่อรู้จุดมุ่งหมายแท้จริงของการเล่นบทเจ้านายว่าไม่ได้มีพื้นฐานจากการประสงค์ร้าย พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงมีแววชื่นชม
“ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เรื่องมาก เหมือนเป็นคนละคนเลยไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”
“ก็คงรู้ตัวว่าอยู่ในฐานะคนรับใช้”
“แต่ว่าพอความทรงจำของคุณเฟรี่กลับคืนมา คงเล่นงานคุณไนท์ตายคามือ” สาวรับใช้ตั้งสมมุติฐานแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เจ้าเองก็เถอะ ระวังตัวไว้ให้ดี เราก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน” ปีศาจหนุ่มพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ปรากฏให้ได้ยินบ่อยนัก
“ว่าแต่เจ้าอย่าใช้งานนางให้หนักมากเกินไปนักนะ และคอยดูแลให้ดีอย่าให้คลาดสายตา”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จะต้องใช้งานให้หนักโอกาสแบบนี้หาได้ง่ายที่ไหนมีนางฟ้าลงมาเป็นลูกน้อง ตายแล้วเกิดใหม่ก็คงหาไม่ได้ ฉะนั้นต้องใช้งานให้หนักจึงจะขัดเกลานิสัยของคุณเฟรี่ได้ ว่าไหมคะ”
“นี่..เจ้า” ไนท์หันมากระชากเสียงแบบขุ่นเคืองแต่ไลเดียเอามือปิดปากหัวเราะตาเป็นประกาย พลางถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย พูดพลางหัวเราะพลางว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะจะดูแลอย่างดี ไลเดียก็ไม่อยากโดนคุณเฟรี่เล่นงานตอนเธอได้สติกลับมาหรอกค่ะ”
“ดีแล้ว” น้ำเสียงทุ้มห้าวแสดงแววโล่งใจ
คนถูกพาดถึงกล่าวถึงนอนหลับไหลอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนจากการทำงาน คฤหาสน์หลังใหญ่สูงหกชั้น มีห้องมากมายหลายห้อง แต่ดีว่าห้องส่วนใหญ่ปิดตาย ไม่ต้องเข้าไปทำความสะอาดและยังดีว่าสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่งคอยช่วยเหลือตลอดเวลาทำให้เบาแรงลงไปได้มาก ไลเดียเล่าให้เฟรี่ฟังว่าเคยไปฝึกงานบนโลกมนุษย์หลายครั้ง ทำให้คิดภาษาการพูดการจาจากสังคมมนุษย์ลงมาด้วย ลักษณะการพูดจาของเธอจึงฟังดูแปลกๆผิดยุคผิดสมัยชอบกล แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร และเธอยังบอกว่าความฝันสูงสุดคือการไปทำงานบนโลกเบื้องบน แต่จะเป็นได้หรือในเมื่อเธอเองก็เป็นชาวโลกมืด
อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น นั่นเป็นความเห็นของไลเดียผู้บอกอย่างมั่นใจ
แล้วเราเป็นชาวเบื้องล่างหรืออย่างไร ก่อนหลับตาลงความคิดสงสัยและไม่เข้าใจวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วทำไมจดจำอะไรไม่ได้เลย พ่อแม่พี่น้องเป็นใครอยู่ที่ไหน...
ขณะอยู่ในความฝันอันสับสนวุ่นวาย หญิงสาวก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหัวเตียง
กล่องแก้วเครื่องมือสื่อสารนั่นเองกำลังส่งเสียงดัง หญิงสาวไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ลุกขึ้นนั่งหยิบเครื่องมือสื่อสารมากดปุ่มด้วยสัญชาตญาณ แถมยกขึ้นแนบหูโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
“เฟรี่...ได้ยินข้าไหม”
เสียงนั้นเหมือนจะเคยได้ยินมาจนเคยชิน แต่สาวรับใช้จำเป็นกลับนึกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงของใคร นั่งนิ่งอย่างมึนงงสงสัย
“ตอบข้าด้วยเฟรี่”
“นั่นใคร...”
หลุดปากถามออกไปก่อนสัญญาณจะขาดหายไปกะทันหัน แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบอันเป็นผลจากความบังเอิญของการติดต่อมาจากภายนอกมีช่วงของการหลุดลอดสัญญาณสื่อสารเข้ามาได้ แต่โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยแน่นอน เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับสัญญาณจากภายนอกอีกเลย
แต่ทำไมรู้สึกคุ้นๆเหลือเกิน ใครบางคนกำลังพยายามสื่อสารถึง พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกอาการปวดหนึบในหัวกลับมาอีกครั้ง
หัวเตียงมีกระจกบานเล็กๆวางอยู่ จับมาส่องดูหน้าตัวเองอย่างเลื่อนลอย เราเป็นใครกันนะ แต่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ดูจากกระจกแล้วหน้าตาก็สวยดี...ความจริงเราก็สวยน่ารักไม่น้อย คิดแล้วยิ้มอย่างลืมตัว หลังจากจ้องมองหน้าตัวเองในกระจกพักหนึ่ง เฟรี่เพิ่งสังเกตว่าเขี้ยวของตัวเองทั้งสองข้างยาวกว่าปกติจนสังเกตได้ เอามือจับดูอย่างแปลกใจ เขี้ยวยาวแหลมๆแบบนี้หรือว่าเราเป็นพวกผีดิบหรือปีศาจไปเสียแล้ว ช่างเถอะ...ยังไงก็ดูดีไปอีกแบบ คิดพลางวางกระจกลง แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า หน้าตาดีอย่างเรามาเป็นคนรับใช้ได้อย่างไรมันไม่น่าเป็นไปได้
แถมมาเป็นคนรับใช้เจ้านายท่าทางน่ากลัวอีกต่างหาก
แต่รู้สึกว่าคุ้นๆ อีกแล้วกับเจ้านายคนนี้ ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้กับเจ้านาย แต่จะเป็นในฐานะอะไรกลับนึกไม่ออก
คิดจนปวดหัวเลยลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองซ้ายมองขวาตรวจดูสภาพในห้องให้แน่ใจว่าสะอาดเรียบร้อย คิดดูก็แปลก ทำไมห้องนอนคนรับใช้คนนี้มันค่อนข้างหรูหราผิดสังเกต หรือว่าที่นี่รสนิยมผิดแผกแตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่มีเวลาคิดมากนักจะต้องลุกไปกวาดห้องถูพื้นอีกสักรอบเดี๋ยวเจ้านายใจร้ายจะดุเอา
อุปกรณ์พวกถังน้ำและไม้ถูพื้นยังวางอยู่ปลายเตียง หญิงสาวผู้รับบทคนใช้จำเป็นลุกขึ้นไปหยิบไม้ถูพื้นและถังน้ำ เดินเข้าไปในห้องน้ำ บริเวณกลางห้องน้ำมีอ่างน้ำขนาดใหญ่สูงประมาณเอว น้ำในอ่างใสสะอาดน่ากระโดดลงไปเล่นน้ำ แต่ยังไม่ทันทำอะไรเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมแว่วเสียงของสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่ง
“คุณเฟ...เอ๊ย เฟรี่ ไปห้องครัวด่วน เจ้านายให้ไปทำอาหาร”
ทำอาหาร...ประโยคนี้ทำเอาไม้ถูพื้นแทบหลุดจากมือ
ยังไม่ทันตั้งหลักเจ้าของเสียงก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง และเดาทางได้ว่าลูกน้องจำเป็นจะต้องอยู่ในห้องน้ำเป็นแน่แท้ จึงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่เป็นปกตินัก เพราะถึงจะเก่งมากมายอย่างไรแต่การมารับบทเป็นพี่เลี้ยงนางฟ้าคนสวยที่ตนเองนับถือรักใคร่มันไม่ใช่เรื่องจะทำใจได้สนิทใจนัก
“เจ้านายสั่งมาให้ไปทำอาหารในครัว งานอย่างอื่นวางมือไว้ก่อน”
“ข้าทำอาหารไม่เป็น” เสียงอ่อยๆและหน้าเจื่อนจนมองแล้วน่าสงสาร
“เป็นคนใช้ก็ต้องทำอาหารเป็น ตามไลเดีย เอ๊ย...ตามข้ามา ทำไมวันนี้พูดผิดๆถูกๆ อีกแล้วเรา....”
ประโยคหลังเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่เสียงดังฟังชัดพออีกฝ่ายหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนในใจก็นึกไปว่าอยู่ดีไม่ว่าดี มารับบทไม่ถนัดจัดเจน ช่างลำบากยากยุ่งใจเหลือกัน ขอโทษนะคะคุณเฟรี่... วันไหนเป็นปกติดีโปรดเมตตาไว้ชีวิตคนใช้คนนี้ด้วย..ที่เหลือไปคิดบัญชีทั้งดอกทั้งต้นกับเจ้านายตัวดีตัวการคนนั้นก็แล้วกัน
“อาหารนี่มันทำยากไหม” เสียงถามเบาๆ มองพี่เลี้ยงตาใสเห็นแล้วอยากกระโดดหยิกแก้ม
“ก็....ไม่รู้สินะ ต้องเข้าครัวลองทำดู วางของพวกนี้ลงก่อนแล้วตามมาเร็วๆ”
..........