ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Me Myself : ญี่ปุ่นตามใจฉัน ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/35352353
Day 3 : Kinkakuji - Higashiyama St. - Gion - Teramachi St.
24 มิถุนายน 2016
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่เกียวโต เราได้เก็บตกจุดที่อยากไป และเดินเล่นสบายๆ ซะมากกว่า
เช้าวันที่ 24 ตื่นมาก็รีบจัดการตัวเอง เพราะจริงๆ ตั้งใจจะไปวัดทอง หรือวัดคิงคะคุจิ ตั้งแต่วันที่ 23 แต่ไปตามเก็บป่าไผ่อีกรอบ เรยมาเร่งรัดเอาวันนี้ = ='
สำหรับการเดินทางจากสถานีรถไฟเกียวโต นั่งรถไฟสาย Saga-Arashiyama ไปลงสถานี Emmachi แล้วนั่งบัสต่อไปอีก 2 ป้ายหรือ นั่งบัส สาย 205 ไปลงหน้าวัดเลยจบ สำหรับค่าโดยสารรถบัส ซื้อตั๋วเหมาเป็น One Day Pass ก็ดีครับ วันละ 500 yen (ใช้ได้ถึงเที่ยงคืนของวันนั้น)

มาถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว
ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ อยู่ที่คนละ 400 เยน
สำหรับเด็ก 7 - 15 ปี อยู่ที่คนละ 300 เยน

โอ๊ยๆ แค่แบบเลือนลางก็ใจเต้นตึกตักๆ

ปริ่มมมมม ม

สวยอะไรปานนั้น ที่นี่ห้ามใช้ขาตั้งกล้องอ่ะ กรูจะแบกมาทำไม ทัวร์จีนลงมาเป็นกรุ๊ปเลย จะเซลฟี่ระวังอย่าให้ทัวร์จีนเดินตัดหน้านะฮะๆ หามุมยากมากกว่าจะไม่มีใครเดินผ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประวัติโดยย่อ :
วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji)หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่าวัดทอง เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ ทำให้เเกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงามกลายเป็นอีกสัญญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต และยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า “Rokuonji”
วัดนี้แต่เดิมสร้างเพื่อใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ(Ashikaga Yoshimitsu) และท่านมีความตั้งใจยกบ้านพักแห่งนี้ให้เป็นวัดนิกายเซนภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต
วัดคินคะคุจิมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยเฉพาะมุมด้านหน้าใกล้กับทางเข้าวัดซึ่งเป็นภาพที่วัดสีทองอร่ามที่มีสวนอยู่โดยรอบเป็นเงาสะท้อนกับน้ำในสระ เป็นมุมที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันเยอะที่สุด อาคารเดิมของวัดนั้นถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้งในอดีต รวมถึงในช่วงสงครามโอนิน (Onin ) ในปี 1950 เกิดสงครามกลางเมืองที่ได้ทำลายสถานที่สำคัญๆของเกียวโตไปหลายแห่งรวมถึงวัดแห่งนี้ด้วย และได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1955 ซึ่งอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้

ทองอร่ามมาก

เดินออกมาจากทางออกเมื่อเดินชมวัดทองเสร็จจะเจอร้านขายของที่ระลึกจากวัดทอง

สักพักก็เจอร้านขายธูปเทียนมั้งถ้าจำไม่ผิด ให้คนทำบุญแล้วเอาไปไหว้พระในวัดที่ตั้งอยู่ตรงนั้น
จากนั้นเราก็เดินทางกลับที่พัก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ดราม่า เซ็งมาก!
ขึ้นบัสผิดสาย เราไม่รู้หรอกว่าบัสมันจะวนไปทางไหนก่อนหลัง เราก็ว่าเอ๊ะทำไมมันไม่พาเราไปตรงย่านกิออน เพราะกะว่าออกจากตรงนี้จะไปกิออนเลย สรุปลงจากบัสนั้น แล้วเดินต่อเองรอหาบัสสาย 206 ไปลงสถานีเกียวโต และแวะเอาขาตั้งกล้องไปเก็บด้วย(ที่พักอยู่ไม่ไกลจากสถานี) และกลับไปเปลี่ยนถุงเท้าด้วย เปียกฝน มันซึมผ่านรองเท้า = ='
จากนั้นเราก็ไปตั้งต้นใหม่เพื่อไปวัดคิโยมิซึ เพราะพอดูจากเวลาแล้ว เราเริ่มทำเวลาจากตรงนี้ก่อนแล้วค่อยเดินทะลุไปกิออนและไปดูโชว์ที่เราจองไว้ตอนทุ่มนึงได้
เรานั่งบัสสาย 100 มาลงที่ป้ายก่อนถึงทางเข้าหลัก เพราะเรากะว่าจะเดินย้อนมาจากด้านหลัง
ก็เดินมาเรื่อยๆ เห็นต้นสนขึ้นอยู่หน้าป้ายบอกแผนที่บริเวณนี้ หึ่ยย สวย

ดูไปก็พอจะเข้าใจก็ได้ = ='
เราว่าเราดู Google Map ง่ายกว่านะ แถมมันยังบอกด้วยว่าเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา 55 5

จากป้ายนั้น เราเดินเบี่ยงตรงแยกมาทางขวาเดินไปเรื่อยๆ มันเป็นเนินเขาอ่ะ หอบ-เหมือนกัน เจอร้าน Soft Cream ก็สั่ง แบบ Double เค้าให้เลือกได้ 2 รส ก้อนแรกเราสั่งรัมเรซิ่น ก้อนที่สอง สั่ง ซากุระ เห้ยอร่อย แต่แพงกว่าที่เคยซื้อนะ ประมาณ 480 เยนได้มั้งถ้าจำไม่ผิด

ทางเข้าวัดน้ำใส ขึ้นไปแปบเดียวก็ลงมา ดูจากเวลาโซนไฮโลท์ของวัดนี่ปิดแล้ว = ='

ถ่ายย้อนขึ้นไป

ยืนสวยๆ มาบังวิวช้าน

มีคอสเพล์กิโมโนเยอะมาก 55 5+ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นนะ ส่วนผู้ชายที่มาด้วยกันแต่งตัวปกติ

ถนนกาน้ำชา ทางขึ้นวัดคิโยมิซึ แต่ตอนนั้นเรากำลังเดินลง นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ

บรรยากาศวันนั้นค่อนข้างอึมครึม และฝนตกก็ตกอยู่นิดๆ

เช่นเคย วันนี้ไม่ได้พาขาตั้งกล้องมา เพราะคิดอยู่แล้วว่าคนต้องเยอะ วางขากล้องไม่ได้หรอก เพื่อนที่ดีที่สุดคือสิ่งรอบกาย วางตรงไหนพอถ่ายได้ก็ถ่ายเอา แต่มองให้ดีก่อนว่าจะไม่ใครเดินมาชน ไม่งั้นงานเข้า

เจอดอกไฮเดรนเยีย ระหว่างทาง ขึ้นได้ขึ้นดีจังลูกเอ้ยย ย สวยอ๊าา า

ถ่ายผ่านพุ่มดอกไฮเดรนเยีย

เดินมาเรื่อยๆ จะมีทางแยกไปทางศาลเจ้ายาซากะ แต่ไม่ได้แวะ เพราะเป้าหมายเราคือรีบเดินไป Art Complex ย่านดาวน์ทาวน์ของเกียวโต เพราะเราได้จองดูโชว์ไว้รอบหนึ่งทุ่ม

เดินมาเรื่อยๆ เก็บภาพไรได้ก็เก็บ ตรงนี้เป็นทางผ่านก่อนถึงศาลเจ้ายาซากะ แต่ไม่รู้ว่ามันคือไร หรือเป็นวัดไร

ตรงนี้คือสามแยกไฟแดงหน้าศาลเจ้ายาซากะเลย แต่เราไม่ได้เข้าไปเรารีบเดินไปทาง ตรงข้ามกับศาลเจ้าเพื่อแวบเข้าไปดูย่านกิออน ที่เค้าว่ากันว่า เป็นจุดรวมเกอิชา แต่เราไม่เจอเรยนี่ดิ

ย่านกิออนจะคล้ายๆ ย่านถนนกาน้ำชา ที่เป็นทางขึ้นวัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิซึ
แต่ทางเดินจะกว้างกว่าครับ

จากนั้นรีบเดินย้อนกลับมา แล้วเดินข้ามสะพาน คือวิวสวยมาก
พอเราเดินข้ามสะพานตรงนี้ไป ก็เริ่มเข้าสู่ย่าน Downtown ซึ่งจะมีถนนสองเส้นที่สำคัญและถือเป็นย่านช็อปปิ้งที่สำคัญของเกียวโตเลย
ถนนสองเส้นนั้นมีชื่อว่า Teramachi และ Shinkyogoku
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มานิดหน่อย : http://www.insidekyoto.com/teramachi-shinkyogoku-shopping-arcades-kyoto

ไม่รู้ชื่อตึกอะไร เห็นแล้วประหลาดใจ เกียวโตมีตึกรูปร่างแบบนี้ด้วยอ่อ ? ตึกนี้อยู่ย่านช็อปปิ้งใจกลางเมืองเกียวโต เดินผ่านแม้น้ำก่อนหน้านั้นมานิดนึง จะอยู่ทางซ้ายมือ

คลองที่เลียบผ่านถนนย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเกียวโต
แค่บังเอิญเดินผ่าน เอาจริงๆ ไม่ได้ทำการหาข้อมูลย่านนี้มาก่อนเลย พอเห็นก็ตื่นตาตื่นใจ คือทำไมผังเมืองมันน่ารักได้แบบนี้ว่ะ

เดินข้ามสะพานระหว่างคลองเล็กๆ นี่ไปก็จะเป็นตรอกที่มีร้านอาหารอื้อ แต่ส่วนใหญ่เหมือนคนทำงานออฟฟิศเวลาเลิกงานแล้วเค้าแวะมาสังสรรค์กันก่อนกลับบ้าน คล้ายๆ ในหนังญี่ปุ่นที่เราเห็นบ่อยๆ แบบนั้นเลย เค้าจะเข้าไปนั่งในร้านโคมแดงเอย นั่งเรียงกันหน้าเคาน์เตอร์กินชากับถ้วยชาแบบญี่ปุ่น ฟินป่ะ !?

เดินเลาะมาเรื่อยๆ เพื่อหาตึก Art Complex
จากนั้นเราพึ่ง Google map อย่างเดียวอ่ะ
เดินทะลุย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเกียวโต ตรงถนน Teramachi มาเรื่อยๆ และเปิด Google Map เทียบเอาครับ Gear อยู่ไม่ไกลจาก ตลาดนิชิกิครับ
พอถึงตึก Art Complex ก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เรยเพราะ Gear ครอบครองพื้นที่ชั้น 3 ของตึกนี้ครับ ชั้น 2 เปิดเป็นคาเฟ่ต์ ชั้น 1 ขายของที่ระลึกและคาเฟ่ ชั้นใต้ดินเปิดเป็นบาร์ นี่ถ้ามากันหลายคนน่าลงไปมว๊ากกก ก ดูจากรูปคือบาร์เกร๋อ่ะ งืออ อ

สำหรับการแสดงของ Gear Show นี่จะเป็นเหมือนโชว์ที่ผสมผสานระหว่างละครใบ้ และมายากลเข้าด้วยกัน และมุกตลกแบบญี่ปุ่น ถึงไม่เข้าใจแต่ก็สื่อและรับรู้ได้ พล็อตเรื่องดำเนินจากโรงงานผลิตตุ๊กตาแห่งหนึ่ง ... ไม่กล้าสปอยต์อ่ะ 55 5 แต่แนะนำเลยโชว์นี่ดีงาม เอฟเฟ็กต์ดีและเว่อร์วังอลังการณ์มาก พี่ไทยชิดซ้าย
ค่าตั๋วไม่แพงคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200 บาท + เศษนิดหน่อย
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ::
http://www.gear.ac
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.tripadvisor.com/Attraction_Review-g298564-d2616330-Reviews-Gear_Art_Complex_1928-Kyoto_Kyoto_Prefecture_Kinki.html
ที่นี่เค้าห้ามถ่ายรูปภายในนะครับ
เมื่อดูโชว์เสร็จตอนสองทุ่มกว่าๆ เราตัดสินใจเดินกลับที่พัก เพราะห่างกับที่นี่ประมาณ 4 กิโลกว่า เพราะช่วงบ่ายหลงรถบัสมาแล้ว พอกลางคืนเราขี้เกียจหลงอีก เรยยอมเดิน (สงสารตัวเองจัง = =)
สรุปวันนี้เป็นวันที่เราเดินมาราธอนอีกวันนึงเลยทีเดียว เพราะเดินทั้งวันตั้งแต่เช้า ประมาณ 16.31 กิโล ยอมใจตัวเอง ตีนนี่เมื่อย แต่ใจไม่เอาไม่อยากหลง และกราบขอบคุณรองเท้าและตีนตัวเองอีกครั้งที่ไม่ทรยศ รองเท้าไม่กัด รักตีนตัวเองจัง
ขอส่งท้ายด้วยรูปนี้นะครับ เกียวโตเมืองแห่งความมุ้งมิ้ง
พรุ่งนี้มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ รอติดตามได้ครับ ^^
[CR] Me Myself : ญี่ปุ่นตามใจฉัน (ตอนที่ 2)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Day 3 : Kinkakuji - Higashiyama St. - Gion - Teramachi St.
24 มิถุนายน 2016
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่เกียวโต เราได้เก็บตกจุดที่อยากไป และเดินเล่นสบายๆ ซะมากกว่า
เช้าวันที่ 24 ตื่นมาก็รีบจัดการตัวเอง เพราะจริงๆ ตั้งใจจะไปวัดทอง หรือวัดคิงคะคุจิ ตั้งแต่วันที่ 23 แต่ไปตามเก็บป่าไผ่อีกรอบ เรยมาเร่งรัดเอาวันนี้ = ='
สำหรับการเดินทางจากสถานีรถไฟเกียวโต นั่งรถไฟสาย Saga-Arashiyama ไปลงสถานี Emmachi แล้วนั่งบัสต่อไปอีก 2 ป้ายหรือ นั่งบัส สาย 205 ไปลงหน้าวัดเลยจบ สำหรับค่าโดยสารรถบัส ซื้อตั๋วเหมาเป็น One Day Pass ก็ดีครับ วันละ 500 yen (ใช้ได้ถึงเที่ยงคืนของวันนั้น)
มาถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว
ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ อยู่ที่คนละ 400 เยน
สำหรับเด็ก 7 - 15 ปี อยู่ที่คนละ 300 เยน
โอ๊ยๆ แค่แบบเลือนลางก็ใจเต้นตึกตักๆ
ปริ่มมมมม ม
สวยอะไรปานนั้น ที่นี่ห้ามใช้ขาตั้งกล้องอ่ะ กรูจะแบกมาทำไม ทัวร์จีนลงมาเป็นกรุ๊ปเลย จะเซลฟี่ระวังอย่าให้ทัวร์จีนเดินตัดหน้านะฮะๆ หามุมยากมากกว่าจะไม่มีใครเดินผ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทองอร่ามมาก
เดินออกมาจากทางออกเมื่อเดินชมวัดทองเสร็จจะเจอร้านขายของที่ระลึกจากวัดทอง
สักพักก็เจอร้านขายธูปเทียนมั้งถ้าจำไม่ผิด ให้คนทำบุญแล้วเอาไปไหว้พระในวัดที่ตั้งอยู่ตรงนั้น
จากนั้นเราก็เดินทางกลับที่พัก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ดราม่า เซ็งมาก!
ขึ้นบัสผิดสาย เราไม่รู้หรอกว่าบัสมันจะวนไปทางไหนก่อนหลัง เราก็ว่าเอ๊ะทำไมมันไม่พาเราไปตรงย่านกิออน เพราะกะว่าออกจากตรงนี้จะไปกิออนเลย สรุปลงจากบัสนั้น แล้วเดินต่อเองรอหาบัสสาย 206 ไปลงสถานีเกียวโต และแวะเอาขาตั้งกล้องไปเก็บด้วย(ที่พักอยู่ไม่ไกลจากสถานี) และกลับไปเปลี่ยนถุงเท้าด้วย เปียกฝน มันซึมผ่านรองเท้า = ='
จากนั้นเราก็ไปตั้งต้นใหม่เพื่อไปวัดคิโยมิซึ เพราะพอดูจากเวลาแล้ว เราเริ่มทำเวลาจากตรงนี้ก่อนแล้วค่อยเดินทะลุไปกิออนและไปดูโชว์ที่เราจองไว้ตอนทุ่มนึงได้
เรานั่งบัสสาย 100 มาลงที่ป้ายก่อนถึงทางเข้าหลัก เพราะเรากะว่าจะเดินย้อนมาจากด้านหลัง
ก็เดินมาเรื่อยๆ เห็นต้นสนขึ้นอยู่หน้าป้ายบอกแผนที่บริเวณนี้ หึ่ยย สวย
ดูไปก็พอจะเข้าใจก็ได้ = ='
เราว่าเราดู Google Map ง่ายกว่านะ แถมมันยังบอกด้วยว่าเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา 55 5
จากป้ายนั้น เราเดินเบี่ยงตรงแยกมาทางขวาเดินไปเรื่อยๆ มันเป็นเนินเขาอ่ะ หอบ-เหมือนกัน เจอร้าน Soft Cream ก็สั่ง แบบ Double เค้าให้เลือกได้ 2 รส ก้อนแรกเราสั่งรัมเรซิ่น ก้อนที่สอง สั่ง ซากุระ เห้ยอร่อย แต่แพงกว่าที่เคยซื้อนะ ประมาณ 480 เยนได้มั้งถ้าจำไม่ผิด
ทางเข้าวัดน้ำใส ขึ้นไปแปบเดียวก็ลงมา ดูจากเวลาโซนไฮโลท์ของวัดนี่ปิดแล้ว = ='
ถ่ายย้อนขึ้นไป
ยืนสวยๆ มาบังวิวช้าน
มีคอสเพล์กิโมโนเยอะมาก 55 5+ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นนะ ส่วนผู้ชายที่มาด้วยกันแต่งตัวปกติ
ถนนกาน้ำชา ทางขึ้นวัดคิโยมิซึ แต่ตอนนั้นเรากำลังเดินลง นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ
บรรยากาศวันนั้นค่อนข้างอึมครึม และฝนตกก็ตกอยู่นิดๆ
เช่นเคย วันนี้ไม่ได้พาขาตั้งกล้องมา เพราะคิดอยู่แล้วว่าคนต้องเยอะ วางขากล้องไม่ได้หรอก เพื่อนที่ดีที่สุดคือสิ่งรอบกาย วางตรงไหนพอถ่ายได้ก็ถ่ายเอา แต่มองให้ดีก่อนว่าจะไม่ใครเดินมาชน ไม่งั้นงานเข้า
เจอดอกไฮเดรนเยีย ระหว่างทาง ขึ้นได้ขึ้นดีจังลูกเอ้ยย ย สวยอ๊าา า
ถ่ายผ่านพุ่มดอกไฮเดรนเยีย
เดินมาเรื่อยๆ จะมีทางแยกไปทางศาลเจ้ายาซากะ แต่ไม่ได้แวะ เพราะเป้าหมายเราคือรีบเดินไป Art Complex ย่านดาวน์ทาวน์ของเกียวโต เพราะเราได้จองดูโชว์ไว้รอบหนึ่งทุ่ม
เดินมาเรื่อยๆ เก็บภาพไรได้ก็เก็บ ตรงนี้เป็นทางผ่านก่อนถึงศาลเจ้ายาซากะ แต่ไม่รู้ว่ามันคือไร หรือเป็นวัดไร
ตรงนี้คือสามแยกไฟแดงหน้าศาลเจ้ายาซากะเลย แต่เราไม่ได้เข้าไปเรารีบเดินไปทาง ตรงข้ามกับศาลเจ้าเพื่อแวบเข้าไปดูย่านกิออน ที่เค้าว่ากันว่า เป็นจุดรวมเกอิชา แต่เราไม่เจอเรยนี่ดิ
ย่านกิออนจะคล้ายๆ ย่านถนนกาน้ำชา ที่เป็นทางขึ้นวัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิซึ
แต่ทางเดินจะกว้างกว่าครับ
จากนั้นรีบเดินย้อนกลับมา แล้วเดินข้ามสะพาน คือวิวสวยมาก
พอเราเดินข้ามสะพานตรงนี้ไป ก็เริ่มเข้าสู่ย่าน Downtown ซึ่งจะมีถนนสองเส้นที่สำคัญและถือเป็นย่านช็อปปิ้งที่สำคัญของเกียวโตเลย
ถนนสองเส้นนั้นมีชื่อว่า Teramachi และ Shinkyogoku
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่รู้ชื่อตึกอะไร เห็นแล้วประหลาดใจ เกียวโตมีตึกรูปร่างแบบนี้ด้วยอ่อ ? ตึกนี้อยู่ย่านช็อปปิ้งใจกลางเมืองเกียวโต เดินผ่านแม้น้ำก่อนหน้านั้นมานิดนึง จะอยู่ทางซ้ายมือ
คลองที่เลียบผ่านถนนย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเกียวโต
แค่บังเอิญเดินผ่าน เอาจริงๆ ไม่ได้ทำการหาข้อมูลย่านนี้มาก่อนเลย พอเห็นก็ตื่นตาตื่นใจ คือทำไมผังเมืองมันน่ารักได้แบบนี้ว่ะ
เดินข้ามสะพานระหว่างคลองเล็กๆ นี่ไปก็จะเป็นตรอกที่มีร้านอาหารอื้อ แต่ส่วนใหญ่เหมือนคนทำงานออฟฟิศเวลาเลิกงานแล้วเค้าแวะมาสังสรรค์กันก่อนกลับบ้าน คล้ายๆ ในหนังญี่ปุ่นที่เราเห็นบ่อยๆ แบบนั้นเลย เค้าจะเข้าไปนั่งในร้านโคมแดงเอย นั่งเรียงกันหน้าเคาน์เตอร์กินชากับถ้วยชาแบบญี่ปุ่น ฟินป่ะ !?
เดินเลาะมาเรื่อยๆ เพื่อหาตึก Art Complex
จากนั้นเราพึ่ง Google map อย่างเดียวอ่ะ
เดินทะลุย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเกียวโต ตรงถนน Teramachi มาเรื่อยๆ และเปิด Google Map เทียบเอาครับ Gear อยู่ไม่ไกลจาก ตลาดนิชิกิครับ
พอถึงตึก Art Complex ก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เรยเพราะ Gear ครอบครองพื้นที่ชั้น 3 ของตึกนี้ครับ ชั้น 2 เปิดเป็นคาเฟ่ต์ ชั้น 1 ขายของที่ระลึกและคาเฟ่ ชั้นใต้ดินเปิดเป็นบาร์ นี่ถ้ามากันหลายคนน่าลงไปมว๊ากกก ก ดูจากรูปคือบาร์เกร๋อ่ะ งืออ อ
สำหรับการแสดงของ Gear Show นี่จะเป็นเหมือนโชว์ที่ผสมผสานระหว่างละครใบ้ และมายากลเข้าด้วยกัน และมุกตลกแบบญี่ปุ่น ถึงไม่เข้าใจแต่ก็สื่อและรับรู้ได้ พล็อตเรื่องดำเนินจากโรงงานผลิตตุ๊กตาแห่งหนึ่ง ... ไม่กล้าสปอยต์อ่ะ 55 5 แต่แนะนำเลยโชว์นี่ดีงาม เอฟเฟ็กต์ดีและเว่อร์วังอลังการณ์มาก พี่ไทยชิดซ้าย
ค่าตั๋วไม่แพงคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200 บาท + เศษนิดหน่อย
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม :: http://www.gear.ac
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่นี่เค้าห้ามถ่ายรูปภายในนะครับ
เมื่อดูโชว์เสร็จตอนสองทุ่มกว่าๆ เราตัดสินใจเดินกลับที่พัก เพราะห่างกับที่นี่ประมาณ 4 กิโลกว่า เพราะช่วงบ่ายหลงรถบัสมาแล้ว พอกลางคืนเราขี้เกียจหลงอีก เรยยอมเดิน (สงสารตัวเองจัง = =)
สรุปวันนี้เป็นวันที่เราเดินมาราธอนอีกวันนึงเลยทีเดียว เพราะเดินทั้งวันตั้งแต่เช้า ประมาณ 16.31 กิโล ยอมใจตัวเอง ตีนนี่เมื่อย แต่ใจไม่เอาไม่อยากหลง และกราบขอบคุณรองเท้าและตีนตัวเองอีกครั้งที่ไม่ทรยศ รองเท้าไม่กัด รักตีนตัวเองจัง
ขอส่งท้ายด้วยรูปนี้นะครับ เกียวโตเมืองแห่งความมุ้งมิ้ง
พรุ่งนี้มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ รอติดตามได้ครับ ^^