[CR] Review japan 1st time….

...ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยครับว่า ตอนไปเที่ยวนี้ไม่ได้กะว่าจะมาเขียนรีวิวเล๊ยยยย กะจะเที่ยวเอามันส์อย่างเดียวจริงๆ 5555 แต่พอดีช่วงนี้มีเวลาว่างครับ เลยนั่งขุดรูปมาดูแล้วก็นึกคึกอยากลองเขียนดูบ้าง.......
เพราะฉะนั้นข้อมูล+รูปภาพ อาจจะไม่ได้เยอะและอาจจะไม่ได้ต่อเนื่องมากนักนะครับ และอีกอย่างคือไปเที่ยวมานานแล้วประมาณปีกว่า อาจจะมีลืมๆไปบ้าง แหะๆ
..ปล.นี้เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกผิดพลาดประการได้ ก็ขออภัยด้วยนะครับผม ^_^
..ปล.2 รูปบางรูปอาจจะไม่ตรงกับคำบรรยายเด้ออ



โอเค เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ เด๋วผมจะเล่าเกรินคร่าวๆก่อนว่า ทริปนี้มีแพลนไว้ยังไงส่วนรายละเอียดเด๋วจะอธิบายในแต่ละรูปอีกทีนะครับ

**ทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10-11 วัน(รวมเดินทางแล้ว)(อยู่ที่ญี่ปุ่นช่วง 8-16 มค)
**ทริปนี้เที่ยว Kyoto, Osaka, Kanazawa, Shirakawa-go, Kawaguchiko(Fuji), Tokyo, Yokohama, Minkami(Takaragawa onsen), Niseko, Sapporo
**ทริปนี้ google maps ช่วยได้เยอะครับใครใช้ไม่เป็นก็ฝึกใช้ให้เป็นนะครับ
**ทริปนี้เช่า pocket wifi ของ http://www.4gpocketwifi.com/ ไปครับ ใช้งานโอเค ออกนอกเมือง อาจจะมีสัญญานหายบ้าง
**ทริปนี้ขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมืองไปลงที่ Kansai International Airport(โอซาก้า) และกลับที่สนามบิน New Chitose Airport
**ทริปนี้ไม่ใช่ทริปราคาประหยัด
**ทริปนี้เน้นเดินดูบ้านเมือง วิถีชีวิต วัฒนธรรม ไม่มีการเข้าสวนสนุกใดๆทั้งสิ้น
**ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างเหนื่อย ย้ายที่พักทุกคืน (บางคืนนอนที่สถานนีรถไฟนอกเมือง)
**ทริปนี้ตื่นเช้าทุกวันไม่เกิน 7 โมง
**อุณหภูมิเฉลี่ยๆทั้งทริปอยู่ที่ -3 ถึง 8 องศาครับ(ถ้าจำไม่ผิด) ควรเตรียมพวกลองจอน ไปให้พร้อมครับ และอากาศหนาวๆแนะนำให้ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้นที่ผิวครับไม่งั้นผิวแตกและแสบมากครับ



- เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไฟลท์เวลาประมาณ 1 ทุ่ม และก็ไปลงที่มาเลเซีย 4 ทุ่ม เพื่อรอต่อเครื่องในเวลา ตี1 และไปถึงญี่ปุ่นเวลาประมาณ 8 โมงครึ่งครับ พวกเราลงเครื่องเครื่องที่สนามบิน kansai(osaka)

- พอมาถึงเราก็รีบวิ่งไปแลก+ซื้อตั๋วรถไฟ Jr pass ก่อนเลย ที่สนามบิน kansai จะมีศูนย์บริการของ Jr railway อยู่
-ในทริปนี้ วันแรกเราจะเที่ยวอยู่ที่ kyoto+osaka เราจึงต้องซื้อตั๋ว JR West Rail Pass - Kansai Area แบบ 1 วัน เพื่อใช้ในการเที่ยววันแรก
-ส่วนในวันที่ 2-8 ของทริป เราได้ซื้อตั๋ว Jr pass จากไทยไปแล้วเป็น แบบ 7 วัน ก็แค่ทำการแลก+จองที่นั่งสำหรับขบวนรถไฟที่เราได้วางแผนไว้ว่าจะขึ้นขบวนไหนบ้าง (ที่ญี่ปุ่น เราสามารถเข้าไปเช็ครอบของรถไฟและวางแผนล่วงหน้าได้เลยที่ http://www.hyperdia.com/en/ ครับ เมื่อเราวางแผนเสร็จเราก็ปริ้นมา พอมาถึงที่นี้เราก็บอกเค้าว่าจะจองที่นั่งและก็ส่งรอบรถไฟที่เราปริ้นมาให้เค้าดูครับ รอบไหนจองได้เค้าก็จะจองให้เรา)
-ส่วนวันที่ 9 ของทริปเราจะไปอยู่ที่ Sapporo ก็ซื้อตั๋ว Jr hokkaido แบบ Sapporo-Otaru Welcome Pass 1 วันเหมือนกันครับ และก็ในการเดินทางไป sapporo ของเรานั้นจะต้องจอง ทีนั่งบนรถไฟนอน ขบวน Hamanasu แบบ dream car (เด๋วอันนี้จะเล่ารายละเอียดอีกทีในรูปภาพของวันนั้นนะครับ)

ปล. ดูข้อมูล Jr pass เพิ่มเติมได้ที่ http://www.japanrailpass.net/th/about_jrp.html ครับ


-หลังจากจัดการเรื่องตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานี kyoto ออกจากสถานีเดินมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงที่พักแล้วครับ
-มาถึงที่พักช่วงเช้า ยังไม่สามารถเช็คอินได้ แต่เราสามารถฝากของไว้ที่ reception ก่อนได้ แล้วก็ค่อยออกไปเที่ยว

-ที่พักเราอยู่ใกล้ๆสถานี kyoto เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ


-ที่เที่ยวที่แรกของเราคือ วัดคินคะคุจิ หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า วัดทอง ครับ
-การเดินทางมาที่นี้ก็ไม่ยากเลยครับ เราสามารถนั่งรถไฟจากสถานี kyoto มาลงที่ สถานี emmachi ครับ จากนั้นก็นั่ง taxi ต่อมาได้เลยครับ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว
-เด๋วเราไปดูบรรยากาศก่อนที่จะเข้าวัด และภายในวัดกันเลยดีกว่าครับ ^^








-พอเดินเที่ยว เดินดูบรรยากาศในวัดเสร็จออกมาหน้าวัดจะมีร้านไอติมอยู่ ก็ลองซะหน่อยครับ อากาศหนาวๆ ก็ต้องกินไอติมเย็นๆ ฟินดีครับ 555






-หลังจากเสร็จจากที่แรก เราก็จะไปต่อกันที่ วัดคิโยะมิซุ หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าวัดน้ำใส การเดินทางจากที่แรกไปก็ไม่ยากเลยครับ เราก็นั่งรถ taxi ไปที่สถานีรถไฟ emmachi ครับ แล้วก็นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี KIYOMIZU-GOJO จากนั้นก็เดินไปประมาณ 10 นาทีครับ ระหว่าทางก็ได้ดูบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น

แก๊งคุณลุง คุณป้า อาม่า อากง



-ถึงแล้วครับ วัดน้ำใส เดินไกลหน่อย
นี้ก็เป็น landmark ของวัดนี้เหมือนกันนะครับ

บรรยากาศภายในวัดครับ










-หลังจากที่เราไหว้พระ+เดินกินบรรยากาศในวัดเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับก็จะมีเป็นเหมือนถนนคนเดินครับ มีร้านรวงมากมายขายของที่ระลึกบ้าง ขายของกินบ้างครับ



-พอตกดึกพวกเราก็นั่งรถไฟไปเดินเล่น+หาของกินกันที่ย่านโดทงโบริ Osaka ครับ... การเดินทางก็คือนั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR-Namba ครับ เดินไปอีกนิดนึงก็จะถึงย่านโดทงโบริแล้วครับ
-ย่านโดทงโบริคือที่ที่คนชอบไปถ่ายกับป้ายไฟกูลิโกะใหญ่ๆ แต่ผมไปผมหาไม่เจอนะ สงสัยเดินมั่วไปหน่อย...

-บรรยากาศในร้านอาหารครับทริปนี้ผมแทบไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเลยครับ พอของมาก็กินเลยตลอด 5555
-สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ ประเทศนี้เค้าสูบบุหรีในร้านอาหารได้

-หอยเชลล์เผาเจ้านี้อร่อยมาก ชุดละ 300 เยน(ณ เวลานั้นนะ 555)




-เดินเล่น ดูบรรยากาศ หาของกินสักแปปนึงพวกเราก็นั่งรถไฟกลับไปที่สถานที kyoto เพื่อเข้าที่พัก พักผ่อนกันครับและนี้คือที่พักคืนแรกของเราครับ(คืนแรกยังไม่เหนื่อยมาก ยังมีความเห่อที่จะถ่ายรูปอยู่ 555)

…..ห้องน้ำครับ เล็กมากๆ แต่มีครบทั้งส้วมอย่างดี, อ่างล้างหน้า, อ่างแช่น้ำ เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกประหลาดใจมากว่า “เฮ้ย แบบนี้ก็ได้หรอวะ!! 55555”

…..ทุกๆคืนหลังจากการเที่ยว พอกลับมาถึงที่พัก พวกเราทุกคนจะต้องรีบอาบน้ำและเก็บกระเป๋า เพื่อที่จะทำให้วันรุ่งขึ้นเราไม่ต้องรีบมากครับ เพราะอย่างที่บอกไปตอนแรก ว่าทริปนี้พวกเราย้ายที่พักแทบทุกวัน..... พอทำอะไรเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็จะค่อยมานั่งเล่น นอนเล่น หรือจะทำอะไรก็ว่ากันไปครับ


-เช้าวันที่ 2 พวกเรา เริ่มต้นด้วยการ check-out ออกจากที่พักเดิม และก็ขนกระเป๋าไป drop ไว้ที่ ที่พักที่ต่อไปครับ.. เราย้ายจาก kyoto และไปพักคืนที่ 2 กันที่ kanazawa เพราะว่า ในวันที่3ของทริปนี้เรามีแพลนที่จะไปเที่ยวเดินเล่นกันที่ หมู่บ้านชาวนา Shirakawa-go ซึ่งสามารถขึ้นรถบัสได้ที่ kanazawa ครับ



บรรยากาศข้างทางครับ



-พอเรามาถึงที่สถานี kanazawa หลังจากที่เดินออกจากสถานีรถไฟแล้วเราก็ไปรับตั๋ว nohi bus ก่อนเลยครับ(nohi bus คือรถบัสที่ในวันรุ่งขึ้นจะพาเราไป Shirakawa-go) ที่สำนักงาน hokuriku tetsudo Reservation center จะอยู่ทางซ้ายของสถานีครับ
ปล. ตั๋ว nohi bus เราได้ทำการจอง online มาแล้วแต่อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆว่าจองมาจาก web ไหน จำได้แค่ว่าตอนนั้นก็ยุ่งยากพอสมควร T^T


-จากนั้นก็เอาของไป drop ไว้ที่ ที่พักเหมือนเช่นเคยครับ


-หลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อย เราก็จะได้ทำการเที่ยวกันซะที 555.... ในเที่ยวเมือง kanazawa นั้น การเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นการนั่งรถ Bus และ เดินครับ ถ้าจำไม่ผิดบริเวณสถานนี่จะมีแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้อยู่ครับ สามารถหยิบเป็นคู่มือในการท่องเที่ยวได้เลย....



-ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ Higashi chaya district หรือคนไทยเรียกกันว่าย่านเกอิชา
-พอถึงป้ายที่ต้องลง เราก็ลงเดินครับ

-เดินมาจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆ สวยมากครับ จังหวะนั้นหิมะแรกของทริปนี้ก็ตกลงมาพอดี ฟินฝุดๆ

-เดินหลงบ้างไรบ้างครับ เป็นสีสันของการท่องเที่ยว สนุกดีครับ เวลาหลงก็อย่าหงุดหงิดนะครับ ถือซะว่าไปเจอเส้นทางที่ไม่ได้คาดคิด


ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่