[CR] เมืองเก่าน่ารักๆ 'ฮอยอัน...ฉันรักเธอ' เวียดนาม 5 วัน 4 คืน

“ปีใหม่นี้ไปไหนดีอ่ะ?”
พอใกล้ปีใหม่คำถามนี้ก็เริ่มลอยขึ้นมาตั้งแต่ต้นๆธันวา
มันต้องรีบคิด รีบจองตั๋วแล้วไง เป็นที่รู้ๆกัน ช่วงวันหยุดเทศกาล นอกจากตั๋วจะแพงมากกกแล้ว เผลอๆ มันจะไม่มีตั๋วให้ไปเอา
ลูกไผ่: “ไปปายมั้ยคะพี่ปุ่น พี่ปุ่นยังไม่เคยไปเลยนี่นา ไผ่ชอบๆ”
พี่ปุ่น: “อื้ม น่าสนใจ”
………………………………………..
พี่ณดา: “ปีใหม่นี้ไปอ่างขางกันมั้ย พี่อยาก backpack นอนเต๊นท์”
อ่า...ขอแนะนำให้รู้จัก ‘พี่ณดา’ ผู้ร่วมทริป backpack  ตะลุยสังขละ ทริปในตำนานของเรา (ไว้เราจะมาเล่าทริปนี้ให้ฟัง)
ตั้งแต่ทริปนั้น เราก็หาเรื่องเที่ยวกันตลอด ละดูพี่ณดาจะติดอกติดใจทริป backpack เหลือเกิน
อ่างข่าง?............นอนเต๊นท์?......ช่วงเทศกาล?
ม่ายเอาอ่ะ คนต้องมหาศาลแน่นอน
“ไปไหนดีอ่ะ?”
เราเริ่มถามคำถามนี้กันทุกวัน จนวันนึงมันเริ่มจวนตัวจริงๆละ กลับบ้านต่างคนต่างเปิดคอม
นั่งเปิดเวปสายการบิน นั่งไล่เลยว่าเราไปไหนได้บ้าง
พี่ปุ่น: “เวียดนามมั้ย”
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นเคยไป ‘ซาปา’ มาแล้วนี่คะ”
พี่ปุ่น: “ไปฮอยอันกัน เราว่ามันน่าไปอยู่นะ”
ลูกไผ่: “โอเค ปะ ไป! จองเลย!

ละนึกขึ้นได้ว่า พี่ณดาก็มาชวนเที่ยวปีใหม่อยู่นี่นา เออ! ชวนไปเวียดนามด้วยกันเนี่ยแหละ
นึกได้ก็ line ไปหาตอนห้าทุ่ม
ลูกไผ่: “พี่ณดา ไปเวียดนามกัน ไปฮอยอันค่า ไปป่าว”
พี่ณดา: ไป!
นั่น! บ้าจี้พอกัน สรุปปีใหม่ที่ผ่านมา เราก็เลยไป ‘ฮอยอัน’ กัน
จองสิค้า รออะไร เราไป 25-29 ธันวา เลือกไปช่วงก่อนปีใหม่ เอาแบบว่ากลับมาทัน countdown กับที่บ้าน
-    ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Jet Airway ไป-กลับ กรุงเทพ – โฮจิมินห์ คนละ 4,000 บาท
-    ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Viet Jet ไป-กลับ โฮจิมินห์ – ดานัง คนละ 2,300 บาท
ฮอยอัน เป็นเมืองที่อยู่ภาคกลาง ไม่มีบินตรงไปลง (มีลงแค่ที่ โฮจิมินห์ กับ ฮานอย) เราเลยเลือกบินลงที่โฮจิมินห์ แล้วไปต่อสายการบินภายในอีกที
จริงนอกจากการเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศแล้ว ยังเดินทางด้วย รถเมล์ และรถไฟ ได้ด้วย แต่เราค้นข้อมูลดูแล้ว 2 อย่างนี้ใช้เวลาเดินทาง เกือบ 20 ชั่วโมง คือแบบหลับไปไม่รู้กี่ตื่นกว่าจะถึง แถมค่าเดินทางพอๆกับนั่งเครื่องบินที่ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงเดียว เอ่อม...เวลาเรามีน้อย พี่ขอนั่งเครื่องเลยละกันนะ
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเราก็ทยอยจองโรงแรมไว้
-    คืนแรกลงเครื่องดึก นอนค้างที่ดานัง 1 คืน คืนละ 660 บาท
-    แล้วย้ายมานอนที่ฮอยอัน 2 คืน คืนละ 750 บาท
-    คืนสุดท้ายมาค้างที่ โฮจิมินห์ ก่อนบินกลับกรุงเทพ คืนละ 1,500 บาท
สรุป 5 วัน 4 คืน เราเสียค่าที่พักคนละ 970 บาท
ส่วนที่เที่ยว ที่กินไปตายเอาดาบหน้า (เหมือนเดิม 555)
ปะ พร้อมละ คืนคริสมาสต์ เดินทางกัน!



Day 1:
เรานัดเจอกันที่สุวรรณภูมิ กะว่า check-in เสร็จ แล้วพี่ปุ่นบอกว่าจะพาลงไปทาน Food court ของสุวรรณภูมิที่ชั้นล่าง เราก็เพิ่งรู้จากพี่ปุ่นเนี่ยแหละว่าสุวรรณภูมิมี food court แถมราคาถูกมากอยู่ด้วย นี่แบบโง่ทานอิที่แพงๆข้างบนมาตั้งนาน พอรู้นี่ก็แบบว่าหมายหมั่นปั้นมือจะไปทานสุดฤทธิ์
เรา check-in เรียบร้อย
พี่ปุ่น check-in เรียบร้อย
แล้วเรื่องตื่นเต้นก็มาตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากประเทศ
พี่ณดาชื่อที่จองไม่ตรงกับ Passport!

เรื่องของเรื่องคือพี่ณดาแกเปลี่ยนชื่อ ตอนจองตั๋ว แกก็ให้ชื่อใหม่เรามาจอง แต่แกยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อใน Passport
เอาแล้วไง นี่ก็ยืนพยายามหาทางแก้กันหน้า counter อยู่พักใหญ่ ขอจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเปลี่ยนชื่อก็ไม่ได้
เอาแล้วไง พี่ณดา ก็ตั้งใจ เตรียมตัวจะไปเที่ยวเต็มที่แล้วไง หน้าหงอยเลย เค้าก็เริ่มถอดใจละ
“ก็ไม่เป็นไร พวกแกก็ไปกันเลย อย่างมากพี่ก็เรียก taxi กลับบ้าน”
คือ เข้าใจอารมณ์คนบิ้วตัวเอง เตรียมมาเที่ยวเต็มที่ป่ะ ละมา เฮ้ยยย จะไม่ได้ไป ตอน last minute อ่ะ มันเฟลมากนะแก๊!!!
รอเรื่องกันอยู่นานมาก ผลสรุป ทางแก้ที่ยังพอทำได้มีทางเดียว คือ
พี่ณดาต้องทิ้งตั๋ว แล้วซื้อตั๋วใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่นั้นนะ พี่ณดาต้องวิ่งให้ทัน เพราะ counter จะปิดแล้ว ต้องรีบวิ่งไปซื้อตั๋วให้ทัน ไม่งั้น จบ! เตรียมเรียก taxi กลับบ้านเลยจ้า
ระหว่างที่พี่ณดาวิ่งซื้อตั๋ว อิ 2 ตัวนี่ก็วิ่งไปแลกเงินสิค้า คือแบบ ชิลไง ไม่ได้แลกมาก่อน กะว่าเหลือเวลาเหลือเฟือ ค่อยมาแลกที่สนามบิน สรุปคือเป็นวันที่วิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นที่สนามบินมาก ไม่ต้องพูดถึง food court สุวรรณภูมินะ แซนวิชยังไม่มีเวลาไปซื้อกันเลย
พอแลกเงินเสร็จวิ่งขึ้นมาหาพี่ณดา สรุปว่าได้ไฟลท์แล้ว แต่บินตามเราไป เฮ้อออ โอเค หาทางไปได้แล้ว เราก็มองนาฬิกา
ชิท! นี่มันเวลา boarding ของเรากับพี่ปุ่นนี่หว่า! เขี๊ยะ! ตอนนี้ไม่ใช่พี่ณดาแล้วที่จะตกเครื่อง แต่เป็นกรูทั้งสองเนี่ยแหละ
วิ่งสิค้า รออะไร!

ในที่สุดเราก็เข้ามาอยู่ใน gate แล้วนั่งอยู่บนเครื่องโดยสวัสดิภาพ เฮ้อออ...ขาทั้งสองข้างที่พาเราวิ่งมาทันเวลา ( - -“)
นี่เป็นครั้งแรกที่เราเดินทางโดย Jet Airway ละก็เพิ่งรู้ว่าเป็นสายการบินแขก
การบริการดีมาก มีอาหารบนเครื่อง หน้าตาแปลกดี อร่อยรึเปล่าไม่รู้ จุดนั้นหิวมาก ฟาดเรียบ
ฟ้าบนเครื่องวันนี้สวยมาก…………



ไม่นานเราก็มาถึงสนามาบินนานาชาติโฮจิมินห์ ลงเครื่องมาเราก็เงอะๆ งะๆ ต้องไปทางไหนอะไรยังไงต่อ เห็นชาวต่างชาติเค้าเดินไปเข้าแถวเอา immigration form เราก็เดินตามเค้าไป อ้าว แล้วฟอร์มเอาตรงไหนหว่า เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าเลยบอกมาว่า “คนไทยไม่ต้องกรอก ไปต่อแถวที่ ตม ได้เลย” อ่อ....อย่างนี้นี่เอง
ระหว่างรอตรวจ ตม พี่ปุ่นก็ snap เก็บรูป ซักพัก มีคนไทยที่ต่อแถวอยู่อีกแถวแอบกระซิบบอกว่า “ในนี้เค้าห้ามถ่ายรูปนะครับ” น่านนน โชว์ความ Thailand Only เลยเรา
ผ่าน ตม แล้วไปเอากระเป๋า เรียบร้อย ก็งมทางกันต่อไป ประเด็นคือเราก็ล่กกันด้วย เพราะเราต้องรีบไปต่อเครื่อง domestic เพื่อบินไปดานังต่อ สายการบิน International กับ Domestic ของที่นี่จะอยู่คนละตึกกัน แต่ก็เดินลากกระเป๋าไปได้ ไม่ไกลมาก
พอเข้าไปถึงส่วนของ Domestic เท่านั้นแหละ โอ้ แม่เจ้า...นี่มันหมอชิตบ้านเราหรือเปล๊า......สาบานได้ว่านี่สนามบิน คนเยอะมาก ตัวอาคาร counter การจัดการ เหมือนหมอชิตบ้านเราเลยค้า
พอดูจากแถวคนที่ยาวคดเคี้ยวเป็นงูแล้ว เรากับพี่ปุ่นก็เริ่มกลัวแล้วว่า เราจะ check-in ทันเหรอว้า
“เราเลยตัดสินใจเดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่า เราบินไฟลท์นี้ แต่แถวยาวมาก เราจะทำยังไงได้บ้าง”
เค้าก็บอกว่า ให้เข้าแถวไป ถ้าใกล้เวลาเรียกขึ้นเครื่อง เดี๋ยวจะมีคนชูป้ายเรียกเอง บร๊ะ นี่มันวิถี local จริงๆ
เห็นสภาพแล้ว เราก็คุยกันว่า “เรายังดีนะมากัน 2 คน แล้วพี่ณดาจะเป็นไงมั่งเนี่ย” 555
ในที่สุดเราก็หลุดเข้ามาหน้า Gate จนได้ วันนี้คนเดินทางเยอะจริงๆ เราก็ลืมไปว่านี่มันคืนวันนคริสมาสต์ ใกล้จะปีใหม่นี่นา ใครๆเค้าก็เดินทางกลับบ้านกันทั้งนั้นนี่เนอะ
เราเดินมาหาของทานรองท้องข้างในสนามบิน ดูเหมือนของในสนามบินนี่จะแพงกว่าที่บ้านเรานะ เราได้แซนวิชกับ Pepsi มา
กระป๋อง Pepsi เวียดนาม หน้าตาสวยดี แต่ราคาไม่ค่อยสวยตามนะ กระป๋องนี้ราคา 20,000 ดอง (36 บาท)



ปรากฎว่าความพยายามที่เรารีบทั้งหมดทั้งปวง เพราะกลัวมาต่อเครื่องไม่ทันน๊านนนน....เครื่องดีเลย์ชั่วโมงกว่าค่า! ละไม่มีการบินว่าจะดีเลย์ด้วยนะ คือแบบบินตามใจฉัน เครื่องมาเมื่อไหร่ก็ออกเมื่อนั้นแหละคู้ณณณณ สวัสดีที่นี่เวียดนาม.....



ในที่สุดเราก็มาถึง ‘ดานัง’ ตอนประมาณ 5 ทุ่ม เราใช้บริการ taxi นั่งจากสนามบินมาที่โรงแรม พอเราเอาของขึ้นไปเก็บในที่พักโรงแรมแรกของเรา ‘โรงแรมบัค เกียง’ เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินลงมาข้างล่าง กะหา 7-11 เพื่อซื้อของใช้ ปรากฎว่า มืด เงียบ ทุกตึก ทุกบ้านปิดไฟหมด อย่าว่าแต่ 7-11 เลยจ้า จุดนี้ minimart ซักที่ก็ยังหาไม่เจอ เราก็เลยสุ่มเดินตามถนนข้ามแยกกันไปเรื่อยๆ อากาศดีมาก ถนนโล่ง ละเราก็เจอ ทะเล!
เฮ้ยยย มีทะเลอยู่ใกล้ๆโรงแรมเราแค่นี้เอง แถวข้างทางตรงหาดก็มีรถเข็นของกินด้วย เรากับพี่ปุ่นไม่รอช้า เดินพุ่งเข้าไปเลยจ้า
ที่นี่มีของกิน กับตั้งโต๊ะขายริมหาดก็จริง แต่ไม่เหมือนบางแสน หรือพัทยาบ้านเรานะ คนที่มากินส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นก็จริง แต่ไม่เสียงดัง โหวกแหวก ริมหาดก็สะอาด ละอีกอย่าง ท้องฟ้าที่ดานังสว่างมาก ถึงจะไม่มีแสงไฟ ก็เห็นวิวรอบข้างได้สบายๆ ไม่มืดเลย



เราเลือกเดินไปสั่งของกินที่รถเข็นนึง ก็ใช้ภาษามือ กับชี้ๆไปที่วัตถุดิบกันไป 555 เพราะว่าในเมนูเป็นภาษาเวียดนาม ถึงจะมีภาษาอังกฤษด้วย เราก็ไม่รู้หรอกว่าไอเมนูที่ว่านั่นหน้าตาเป็นไง สรุปเราก็ได้อาหารมาตามที่เห็นในรูป
มีต้มหอยลาย (คิดว่าคือหอยลายนะ) ที่มีน้ำซุปอร่อยมากกก มีความเผ็ดร้อนนิดๆ เมนูนี้อร่อยเลย แต่พอทานไปเรื่อยถึงตรงก้น จะเห็นว่าน้ำเริ่มดำๆ ประมาณว่าเศษดินจากหอยแหละ 555 แต่ทานได้ไม่ตายหรอก เราลองมาแล้ว
ละก็มีข้าวโพดเหมือนผัดกับเนย ใส่กระเทียม ก็รสชาติแปลกๆดี นอกจากนั้นก็เป็นลูกชิ้นทอดทั่วไปเหมือนบ้านเรา
เป็นมื้อที่ชิล ลมโชยริมทะเล อิ่มและอร่อยมากกก ไม่รู้ว่าพวกเราหิวหรืออะไร 555
ทานเกือบเสร็จพี่ณดาก็โทรเข้า line มาพอดี อ้อ ลืมบอก ตอนลงเครื่องจากสนามบิน เราแวะซื้อซิมชั่วคราวของที่นี่ไว้ เล่นเน็ต 3G ได้ และโทรออกได้นิดหน่อย แต่ทั้งทริปก็ไม่ค่อยได้โทรกันหรอก
เราเดินกลับมายืนรอพี่ณดาที่หน้าโรงแรม แล้วเดินขึ้นไปสลบเลยจ้า



Day 2:
เราตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว เก็บของกันเสร็จ ก็ลงมา check-out แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่ counter กะว่าจะเดินไปถ่ายรูปกันที่ทะเล แล้วก็หาอะไรทานกันก่อนที่จะเดินทางไป ‘ฮอยอัน’ กันต่อ



ท้องฟ้าที่ ดานัง สว่างจริงๆ นี่เกือบ 11 โมงแล้วยังไม่มีแดดเลย อากาศดีมากๆ ระหว่างทางเราเจอตู้ขายขนมปัง Baguette ที่มีอยู่ทุกๆ 1 เมตร ถี่ยิ่งกว่า 7-11 บ้านเราอีก (ซึ่งเรายังคงไม่เจอ 7-11 ที่นี่เลย)
พี่ปุ่นกับพี่ณดา ก็เลยเสร็จ Baguette ไปคนละ 1 ชิ้น อร่อยดีนะ (ชั้นแย่งพี่ปุ่นกินแงะ!) รสชาติคล้ายๆขนมปังเวียดนามที่ขายอยู่ในร้านอาหารเวียดนามบ้านเราแหละ



ถ่ายรูปกันเสร็จ ก็เดินไปหาของกินกัน แถวนั้นมีร้านอาหารทะเลเต็มไปหมด



“ร้านนี้มั้ย คนเยอะดี ท่าจะอร่อย”
“นั่นสิ มีของทะเลสดหน้าร้านเต็มเลยด้วย น่าจะมีอะไรให้ทานหลายอย่าง”
พอเข้าไปนั่งป๊าป ร้านนี้ไม่มีเมนูจ้า บวกกับพนักงานก็คุยกับเราไม่รู้เรื่อง ร้านนี้เหมือนกับว่าต้องเลือกของทะเลแล้วบอกร้านว่าจะทานเอะไร ลำบากละ เรา 3 คนมองหน้ากัน
“ปะ ลุกกันเถอะ เปลี่ยนร้านๆ” 5555
สุดท้ายมาได้ร้านอาหารทะเลตรงหัวมุมอีกร้าน ร้านนี้ดีหน่อย มีเมนูให้เราเลือกจิ้มๆได้
เราเลยจิ้ม
ข้าวผัดปู



ผัดเนื้อ



ละก็ปลา (อะไรซักอย่าง) ต้มน้ำปลา เมนูนี้ พนักงานเค้าไปช้อนกันสดๆ หน้าร้านแล้วเอามาให้เราดูว่า “ตัวนี้นะ?”



มื้อนี้ อย่าเรียกว่าอิ่ม เรียกว่าจุกกันเลยดีกว่า นี่ขนาดจุกนะ ระหว่างนั่งทาน ก็จะมีรถมอไซค์เอาผลไม้มาเสนอขายเราเป็นระยะๆ คันแล้วคันแล้ว จนสุดท้าย
“อุ่ย พี่เอาทุเรียนดีกว่า”
พี่ณดาซื้อทุเรียนอีกจ้า โอเค เอาเลยค่ะ เอาให้เต็มท้อง 555
ทานเสร็จเราแวะ minimart ที่หาโคตรยากกกที่นี่ เพื่อซื้อของใช้ ดูป้ายที่หน้าร้าน คือเค้าปิดตั้งแต่ 4 ทุ่มไง ถามว่ามาถึง 5 ทุ่มเมื่อคืน แกจะเจออาร๊าย!!!!!
ชื่อสินค้า:   ฮอยอันเวียดนาม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่