Osaka | Kyoto "Walk alone find the unknown me in Japan" เดินคนเดียวเที่ยวค้นหาสิ่งที่ฉันไม่รู้ในญี่ปุ่น

สวัสดีครับ อ่า...เอาไงดีล่ะ จะต้องขนาดแนะนำตัวไหม ผมกานต์ครับ อมยิ้ม17
มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นตามหวังที่ตั้งไว้มาครับ เลยจะมาเล่าเรื่อง...เราประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอมากับตัวเองให้ได้อ่าน และภาพถ่ายในมุมของผมครับ
ขอออกตัวก่อนเลย ว่ากระทู้นี้ไม่ใช่กระทูรีวิวนะครับ แต่ถ้าใครข้องใจ อยากรู้ อยากสอบถามอะไรก็ถามเข้ามาได้ครับ ผมทราบผมยินดีตอบครับผม
เวลาของทริปอยู่ระหว่าง 26 - 31 มีนาคม 2556 ครับ เดินทางคนเดียวโซโล่เดียวๆเลย เลยใช้คอนเซปว่า Walk alone นั่นแหละครับ
ผมไปเพื่ออยากรู้จักในสิ่งที่ผมชอบแต่ไม่รู้จัก(แบบจริงๆ) ไปค้นหาในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ 'Find the unknown me'  
แล้วรวมกันออกมาเป็นทริปนี้แหละครับ "Walk alone find the unknown me in Japan."
สถานที่ที่ผมไป มี 2 จังหวัด คือ Osaka ฐานทัพหลักของทริป และ Kyoto ครับผม ดูน้อยใช่ไหม ผมเลือกไปในที่ๆสนใจสำหรับผมจริงๆนั่นแหละครับ
ซึ่งที่จริงก็ไม่น้อยนะ เดินขาลากเชียวล่ะ

เนื้อหาอาจไร้สาระไปบ้าง ไม่ค่อยจะเป็นปประโยชน์อะไร รูปอาจจะเยอะไปหน่อย ภาษาก็ไม่ทางการ ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับผม
งั้น...เริ่มเลยแล้วกันเนอะ


-วันแรก-
March 26, 2016    
1.03 PM

ผมนั่งอยู่ที่เกต หมายเลข 22 ของสนามบินดอนเมือง ผมเคยมาที่นี่ครั้งแรกก็พึ่งเมื่อวานนี้เอง ทุกอย่างใหม่หมดและผมต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ยังเหลือเวลาอีกมาก เพราะความตื่นตูมของผม (โปรดเรียกว่ารอบคอบ) เลยมารอเช็คอินตั้งแต่เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านด่านต่างๆจนมาที่เกตเป็นที่เรียบร้อย ผมเปิดกล้องของไอโฟนถ่ายหน้าพาสปอร์ตที่มี บอร์ดดิ้ง พาส แนบอยู่ภายในเล่มไว้อัพโหลดโชว์ผู้คนในโซเชียล มีเดีย ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ทำ
นี่เป็นการขึ้นเครื่องครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรแล้วล่ะ เสียใจนิดหน่อยที่ไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง บวกกับความเซ็งอีกไม่น้อย ที่จะต้องนั่งนิ่งๆอยู่กับที่ไปประมาณ 4 ชั่วโมง โดยที่เวลาปลายทางเร็วกว่าต้นทางไป 2 ชั่วโมง ( สิริ 6 ชั่วโมง ) ปลอบใจตัวเองไว้นะ อยากเที่ยวไกลก็ต้องอดทน ใหญ่ละอดเอา  กับระยะเวลาแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก นั่งรถทัวร์จากอาเขตไปหล่มสักยังนานกว่าเลย, นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปเชียงใหม่ก็ยังนานกว่า..กว่า (เติมคำว่ากว่าไปอีกหลายๆครั้ง)


11.28 PM
ดีใจมากกก...ผ่าน ตม.ญี่ปุ่นมาได้แล้ว ได้เที่ยวแล้วโว้ยยย
ตอนนั้นมันทั้งดีใจทั้งโล่งใจที่ได้เข้าประเทศเขาอย่างเป็นเต็มตัวแล้ว ก่อนหน้านั้นลุ้นมากเลยแหละ จะโดนอะไรไหม ไอ้ที่เคยโดนใบสั่งจากพี่ตำรวจเมื่ออดีต แล้วยังไม่ได้ไปจ่ายค่าปรับนั้นจะเอามาเกี่ยวจนเป็นปัญหารึเปล่า(ไม่ใช่แระ) คนเยอะมาก เห็นหลายคนที่โดนเจ้าหน้าที่ ตม. ผลักไสไล่ส่งกลับมาก็ไม่น้อย ยิ่งดูยิ่งเสียวสันหลัง ถ้าเราโดนไล่กลับมาคงหน้าอายน่าดูคนเยอะแยะขนาดนี้ เอ.... เจ้าหน้าที่ช่องนั้นดุจัง คงต้องเลี่ยงช่องนั้นแล้ว  เอ...ใบตม. เรากรอกถูกแล้วใช่ไหมน้อ? เอ... ตม.ช่องนั้นหน้าตาดีแฮะ เฮ้ย ไม่ใช่แล้ววว!! สังเกต เจ้าหน้าที่ไป ก้มดูใบตรวจคนเข้าเมืองไป จนถึงคิวเรา และก็ผ่านมาได้โดยที่ไม่โดนอะไรเลย เย้!!!
ปล. เจ้าหน้าที่คุมแถวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมีสายตาที่ดี และตาไวมาก ทั้งที่คนเยอะ แต่ลุงเจ้าหน้าที่แค่เดินผ่านผม ก็เห็นข้อผิดพลาดของผมได้อย่างง่ายดาย คือผมลืมเขียนหมายเลขเที่ยวบินในใบตรวจคนเข้าเมืองน่ะ ลุงเจ้าหน้าที่แกก็มาทัก มาช่วยบอกให้ ขอบคุณมากนะครับผม (ทำเอาประทับใจตั้งแต่ยังไม่เข้าประเทศเลยเชียว)


ข้าวกล่องจาก FamilyMart อาหารมื้อแรกในประเทศญี่ปุ่น


ที่หลับที่นอนคืนแรกในญี่ปุ่น


เอาล่ะ ผ่านมาได้แล้วก็อย่ามัวแต่ดีใจไป คืนนี้ต้องหาที่หลับที่นอนในสถานที่ที่ไม่เคยไปให้ได้ มันไม่ง่ายเลยนะเมื่อต้องแบกกระเป๋า backpacker กับกระเป๋ากล้องอีกใบไปด้วย (เจอแล้ว ข้อผิดพลาดแรก : ควรใช้กระเป๋าแบบมีล้อลาก เมื่อตัวเองยังมีกระเป๋ากล้องใบใหญ่มาด้วย ซึ่งมันหนักด้วยนะครับ เหมือนตัวเองเป็นพวกบ้าหอบฟาง เอาเลนส์นั่นเลนส์นี่ไป สุดท้ายก็ใช้ fix50 ตลอดเวย์ ที่เหลือก็เอาไว้แบกหามให้หนักๆเล่น )

ก่อนจะจับจองที่นอนอสำหรับคืนนี้ขอหาอะไรทานหน่อยแล้วกัน หิวมากเลยเหอะตอนนั้น ตัดสินใจทิ้งกระเป๋าตัวเบ้งไว้หน้า family mart ชั่วคราว ซึ่งจะให้เอาเข้าไปคงจะไปกวาดสินค้าเค้าลงไปกองกับพื้นเป็นแน่แท้ เสี่ยงให้มันอยู่หน้าร้านดีนี่แหละ น่าจะคุ้มกว่า (หนึ่งข้อเสียของการเที่ยวคนเดียว)
ครั้งแรกกับร้านค้าในญี่ปุ่น ขนมนมเนยล่อตาล่อใจมากมาย อยากกินไปหมด อยากเดินดูให้เพลินๆ แต่ก็กลัวกระเป๋าจะเหงาและหนีหายไป  รีบหยิบรีบออกก่อนดีว่า ซึ่งก็ได้กล่องข้าวปั้น, น้ำส้ม Orangina และของหวานปิดท้ายมานิดหน่อย
  
เดินออกจากร้านมา ก็กลายเป็นวันที่ 27 ไปแล้ว ข้าวมื้อแรกที่ญี่ปุ่น กินตอนเที่ยงคืนรึนี่ ฮ่าๆ (หัวเราะอะไร?) ได้ข้าวแล้วก็หาที่นอนกันเถอะ ว่าแต่...ที่ไหนดีล่ะ ด้านหน้าห้องน้ำฝั่ง FamilyMart คนไทยจับจองที่นอนกันเยอะแล้ว  อีกฝั่งแถวๆ Lawson ก็ไม่ต่างกัน เดินโฉบไปมาสักพัก สักพักที่ว่านี่คือไม่ไหวแล้ว กระเป๋าหนักบ่าฉิบ... ตัดสินในเดินไปด้านหน้า ที่ไม่มีคนไทยเลย มีแต่คนญี่ปุ่น เด็กวัยรุ่นประเทศเขา นั่งๆนอนๆกันอยู่ แต่ที่ว่างเยอะดี เป็นแถวยาวพอให้เรานอนได้สบาย
เอามันที่นี่แหละ พวกนาย...เราขอนอนด้วยคนนะ ฮาจิเมะมะชิเตะนะจ้ะ
ได้ที่หลับที่นอนแล้ว ก็แชทบอกทางบ้านกับเพื่อนหน่อยแล้วกันว่าปลอดภัยดี และได้เข้าประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว ตอนนั้นมัน.... อยาก  จะ   ร้องงง  ดังๆ พูดให้ใครต่อใครได้รู้ทั่วกาน ด่าดาดาดัม จ่าดัม จ่าดัม ด่าด้า จ๊าด้า จ๊าด้า...
พอเห้ออออ - -“  
กว่าจะได้กินข้าวก็ปาไปตี 2นิดๆ คิดไว้แล้วล่ะ ว่าคืนนี้อาจจะไม่ได้นอน  ที่แบบนี้ เก้าอี้แบบนี้ ไฟสว่างแบบนี้ คนเยอะแบบนี้ ใครจะไปหลับลงกันวะ  
ทานโทษนะฮะ หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนและหลับสนิทไปจน ตี 5 ครึ่งเลยเชียว zzZ


ตั๋วใบแรกในการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น


ขึ้นรถไฟครั้งแรกในการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น


แสงแรกของผมในดินแดนอาทิตย์อุทัย


ครั้งแรก
March 27, 2016
5.22 AM
วันนี้แหละ วันนี้จะได้ลงไปเหยียบผืนแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว เย้!! แต่ก่อนหน้านั้น
ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนเหอะนะ อดกลั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนละ (ตอนนั้นไม่อยากจะลุกไปไหน เดียวจะกลายเป็น รุกเสียม้า คนละลุกละเฮ้ย)   
เวลาล่วงมาจนเกือบจะ 6 โมงเช้า ผมกำลังยืนงงอยู่หน้าตู้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าที่สนามบิน กวาดตามองไปที่ป้ายขนาดใหญ่ด้านบน ที่มีเส้นสายสีต่างๆ ระโยงรยางค์กันอย่างสวยงาม แต่ตอนนั้นสิ่งเดียวที่ผมคิดคือ “กูจะทำไงดีวะเนี่ย?!!” ก็ไอ้เจ้านี่น่ะ ผมพึ่งเห็นครั้งแรกนะ -O-  ใจเย็นเข้าไว้ๆ หันไปมองคนข้างๆ คนไทยรึเปล่าน้า หันไปอีกทาง เอะ...นั้นคนจีนนิ กำลังงงกันอยู่หรอ ดูเครียดๆนะ ดูน่าเป็นห่วงจัง (ห่วงตัวเองก่อนไหม???)
ดีที่ได้ทดลองขึ้น BTS มาก่อนหน้าจะมา 1 วัน ทำให้พอจะดูออกบ้าง กำลังคิดละสิ ผมอยู่ไปไหนมา ทำไมไม่เคยขึ้น BTS ผมเด็ก ตจว. นะครับนะคร้าบ นานนน...จะเข้ากรุงเทพทีนึง และครั้งแรกก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง นั่นคือ ‘กดตู้ซื้อตั๋ว’ ที่จริงมันเป็นอะไรที่ง่ายนะ ก็แค่ใส่เงินลงไป - กดราคาของสถานีปลายทางที่ระบุไว้บนป้ายใหญ่นั้น  แต่บางสถานีตู้ก็ต่างออกไปนิดหน่อย งงบ้างแต่ก็รอดมาได้

ครั้งแรกอีกครั้งที่ต้องเดินหาชานชลา ครั้งแรกอีกที่ต้องสังเกตป้ายและรถไฟ ลุ้นมากเลยตอนนั้นว่าจะขึ้นถูกหรือไม่ ใช่หรือเปล่า ดูชื่อขบวน ดูเวลาของรถไฟ บน google map เทียบกับป้ายที่ชานชลาอยู่อย่างนั้น จนตัดใจลุยเข้าไปนั่งอย่างอาจหาญ ตัวคนเดียวเว้ย ไม่ต้องรับผิดชอบใคร รับผิดชอบแค่ตัวเอง เสี่ยงแค่นี้ ไม่มีไรจะเสียอยู่อยู่แล้ว การเดินทางในญี่ปุ่นของข้า ได้เริ่มขึ้นแล้ว สู้เว้ย!
และก็ขึ้นมาถูกวะ ตอนนั้นความรู้สึกบอกแบบนั้น แต่จะผิดก็ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้วิวข้างทางสวยมากเลยล่ะ พระอาทิตย์กำลังขึ้น ท้องฟ้าเป็นสีส้มอ่อน ตัดกับสีฟ้าเทาๆด้านบน ด้านล่างคือทะเลสีเข้มๆ หูยยย อยากจะหันไปทำตาโตๆ อ้าปากกว้างๆใส่คนข้างๆ ให้เขาได้รู้ว่าเราตื่นเต้นแค่ไหน แต่อังเอิญว่ามาคนเดียวอะนะ และคนข้างๆนี่ใครไม่รู้ ไม่รู้จักซะด้วยสิ เลยต้องเก็บอาการนั้นไว้ (ข้อเสียของการมาคนเดียวอีกแหละ) และใช้ตามองออกไป ใช้สมองเก็บรายละเอียด และใช้ใจจดจำความรู้สึกนั้นไว้ เพื่ออให้มันชัดเจนที่สุดเวลาที่กลับมานึกถึงในวันข้างหน้า ข้ามผ่านทะเลมาได้ก็เจอกับเมืองแรกของการเดินทาง พอรู้อยู่ว่านี่คือ Rinku Town เมืองที่ก่อนหน้านั้นคิดว่าจะมาขึ้นชิงช้าดูวิวสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ขึ้น มันเอ็กซ์เปนซีฟมากแหละเธ้อออ...
ผมเอามือบีบแขนอีกข้างของตัวเองจนแน่น ให้แน่ใจว่ากำลังรู้สึกตัวอยู่ไม่ใช่ฝันไปกับภาพข้างหน้า บรรยากาศที่รถไฟแล่นผ่าน บ้านเรือน อาคาร ตึกรา แม่น้ำสายน้อยใหญ่ มันไม่ต่างจากที่เคยเห็นในหนังสือการ์ตูนเลย ตะลึงจริงๆ จะมีผิดหวังก็เพียงเล็กน้อย ที่ต้นซากุระข้างทางยังไม่ผลิดอกเบ่งบานเลย ช่างเถอะน่า การได้มาถึงนี่ นับว่าดีมากๆแล้ว
อาจเพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับความงดงาม ไม่นานรถไฟก็จอดเทียบท่าสถานี Nankai Namba ก้าวแรกที่เหยียบลงที่นี่น่ะหรอ ไม่ทันได้คิดอะไรหรอก คนเยอะมาก ดูเร่งรีบกันมาก แต่กลับไม่รู้สึกถึงความวุ่นวายเลยแฮะ ทึ่งมาก ทึ่งทึงทึ้งจริงๆ เดินไปทึ่งไป




ยามเช้า ณ สถานี Nankai Namba
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่