“ป้า เราจะแต่งงานแล้วนะ”
“หะ!!!....................เฮ้ยยยย เมื่อไหร่ๆๆ”
“กุมภานี้แหละ”
เพื่อนจะแต่งงาน!!!! ก็ใช่ไง เพื่อนแต่งงานตื่นเต้นอะไรนักหนา
ถ้าเป็นเพื่อนทั่วไปก็คงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่นี่เพื่อนสนิท โตมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล 1 ใช่! อ่านไม่ผิดหรอก คบกันมาตั้งกะอนุบาล 1
ตั้งแต่หนีครูไม่ยอมนอนกลางวัน ไปนั่งเล่นแปลงร่างเป็นจูเรนเจอร์ แล้วพอกลับมา นมของว่างหมด เหลือถุงเดียวครูต้องมาตัดแบ่งให้กินด้วยกัน แหมะ...พูดถึงเรื่องสมัยเด็กเยอะๆนี่มันรู้สึกได้ถึงความแก่จริงๆ 555
เพื่อนเราจัดงานแต่งงานที่ จ.ลำปาง พอดีว่าเพื่อนรู้จักกับน้องสาวเราก็เลยเชิญไปงานด้วย
ตอนแรกน้องสาวเราก็เลยแพลนว่า เสร็จจากงานแต่งที่ลำปาง แล้วจะไปเที่ยว ‘Camp meeting’ ที่เชียงใหม่ต่อ น้องก็มาชวน เอารูปมาให้ดู
เค้าจัดเป็นเหมือนแคมป์อินเดียนแดงน่ารักๆ มีปิ้งย่างทานกันริมน้ำ เฮ้ย! น่ารักมาก ไป!
เราจองตั๋วเครื่องบินผ่าน App Traveloka พอดีน้องสาวส่งมาให้ ช่วงนั้นมี Promotion ลด 50%!
Trick ในการจอง Traveloka ตอนนั้น ต้องจองขาไปก่อน แล้วอีกวันค่อยมาจองขากลับอีกที มันจะใช้ส่วนลดได้ 2 รอบ
- ตอนนั้นเรากับพี่ปุ่นเลยได้บินไปกลับ กรุงเทพ – ลำปาง ด้วย Nokair แค่คนละ 1,768 บาท
แต่!........
ช่วงใกล้ๆวันเดินทาง น้องเรา line ช่าวมาให้ดูว่า ‘Camp meeting’ ประกาศปิด เนื่องจากโดนแจ้งว่าทำลายสิ่งแวดล้อม
อ้าว เชี๊ยยยยย....มาปิดอะไรตอนนี้!!!!! หมด หมดกัน เคว้งเลย แล้วจะไปไหนล่ะนี่
ปะ ไปงานแต่งก่อนละกัน แล้วค่อยว่ากัน!
วันก่อนออกเดินทาง เรามีออกกองพอดี ส่วนพี่ปุ่นมี setup
พี่ปุ่น set up งานเสร็จตี 4!
ส่วนเราลากยาว เลิกกองตี 5! เป็นการออกกองที่ยาวนานที่สุดของเราละ ประเด็นคือเราบิน 8:55! เราควรต้องถึงสนามบินกัน 6:55 กองเราอยู่แถวๆลำลูกกา เลิกแล้วต้องรีบเหยียบกลับพระราม 9 เพื่อเก็บของ จัดกระเป่า แล้วนั่ง Taxi วกกลับมาสนามบิน
สภาพเป็น Zoombie มาขึ้นเครื่องกันทั้งคู่จ้า สว่างคาตา 555
เรานั่งเครื่องมาลงลำปาง เรานอนที่นี่ 2 คืนเพื่องานแต่งของเพื่อนเรา แล้วถึงจะออกเดินทางไปเชียงใหม่
ก่อนจะข้ามไปที่เชียงใหม่ เราของแชร์ wedding presentation ของเพื่อนเราที่เป็นที่มาของทริปนี้หน่อยเถอะนะ ขอเถิดดด เป็น wedding presentation ที่เราชอบมากกกที่สุดตั้งแต่เคยดูมา ไม่รู้ว่าเพราะเป็นของเพื่อนสนิทเรารึเปล่าไม่รู้ถึงอินขนาดนี้

Day1:
เมื่อคืนเรา พี่ปุ่น พลับ น้องสาวเรา และ พี่ฟิล์ม แฟนน้องสาวเรา พักที่โรงแรมที่จัดงานแต่งเพื่อนเรา เรานัดกันว่าจะตื่น 8 โมงเช้า แต่งตัวเสร็จแล้วออกเดินทาง พอตื่นมา ไร้วี่แววไอพลับจ้า
เอ๊ะ หรือพลับจะยังไม่ตื่น
เอ๊ะ หรือพลับจะไปหาอะไรทานแถวนี้
โทรจ้า ปรากฎว่าพลับกับพี่ฟิล์มออกไปหาย่าในเมืองก่อน ละเดี๋ยวกลับมารับ
มันบอกว่ามาเคาะประตูน้องแล้วไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ก็เลยออกไปธุระก่อนดีกว่า
เป็นพวกนอนดึก ตื่นยากอีกแล้วสินะคู่ฉัน - -“
เราเก็บของแต่งตัวเสร็จพลับกลับมารับพวกเราพอดี เย้!
ก่อนออกไปเชียงใหม่ เราแวะทานชาเย็นตอกไข่เจ้าอร่อย ข้างโรงเรียนบุญวาทย์ เติมพลังกันก่อน
ร้านนี้เป็นร้านรถเข็นเปิดมานานมากกกก มากแล้วจริงๆตั้งแต่สมัยเรายังเรียนมัธยม (และอาจจะเปิดมาก่อนหน้านั้นอีก)
พี่ฟิล์มเช่ารถฟอร์จูนเนอร์จากเชียงใหม่ (พอดีว่าพลับกับพี่ฟิล์มลงเครื่องที่นู้น แล้วเช่ารถขับกลับมาลำปางเมื่อวันงาน)
- ค่าเช่ารถฟอร์จูนเนอร์ 2,400 บาท / วัน
ป๊าดด 2,400!!!! ตอนแรกเราฟังก็ตกใจ คือมาคราวก่อนเราเช่าแค่ Attrage ไง วันละ 900 ขึ้นเขาทีนี่แทบจะอยากลงไปช่วยเข็น
พอถึงเชียงใหม่ เราไปแวะรับ ‘ปุก’ เพื่อนพลับ ซึ่งจะกลายเป็นเพื่อนเราไปแล้วด้วย ผู้ร่วมทริปอีก 1 คน ที่โรงแรมยาหยี
‘ยาหยี’ เป็นโรงแรมชิคๆ ตั้งอยู่ในซอยนิมมานเหมิน ข้อเสียหลักๆเลยคือ ไม่มีที่จอดรถจ้า แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้รถก็ควรค่าแก่การมาพัก สวยจริงๆ แต่คงต้องจองลวงหน้าหน่อยนะ ได้ข่าวว่าเต็มตลอด
ส่วน ปุก เหตุผลของการมาพักที่นี่คือ “เผื่อว่าจะเจออนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมจ้า” 555 ใช่! อนันดาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ค่า
โอเค สมาชิกครบ 5 คน ปะ เราไปที่แรกของวันนี้กัน ‘ม่อนแจ่ม’
เราขับรถออกไปทางแม่ริม แล้วตามพี่ google เค้าไปเรื่อยๆ ซักพักใหญ่ๆ เราก็ถึงม่อนแจ่ม
ที่ม่อนแจ่มจะมีที่สำหรับจอดรถ คิดค่าจอดรถ 30 บาท
จากนั้นต้องเดินขึ้นเนินชันๆขึ้นไปกันเอง เนินมันชันมาก และชันมากจริงๆ ตรงต้นเนินถึงขึ้นมีพี่วิน มอไซค์รับจ้าง ขอรับนักท่องเที่ยวขึ้น – ลงนะฮ้า รู้สึกว่าจะคิดค่าบริการที่ 20 บาท
หึ หึ ไม่ได้เงินเราหรอกเฟ้ย! เนินแค่นี้เอง!
.
.
“พี่ปุ่นๆ ไผ่เดินลงไปนั่งมอไซค์ได้มั้ยคะ”
“อะไรไผ่ แค่นี้เอง ขึ้นมาเร็ว”
T^T
ไงล่ะ ไม่ได้เงินไผ่หรอกเฟ้ย! โคตรเหนื่อย! (ไอพวกไม่ค่อยออกกำลังกายก็เงี๊ยะ)
ถึงบนม่อนซักที!
เนื่องจากเรามาช่วงกุมภาของประเทศไทย ในพ.ศ.2559 ซึ่งมันห่างไกลคำว่า ‘ฤดูหนาว’ ไปมากแล้ว
ข้างบนม่อนเลยแดดเปรี้ยงมาก!
ถามว่าบนม่อนแจ่มมีอะไร เราถือว่ามันเป็นจุดชมวิวที่มีการปลูกดอกไม้ตกแต่งไว้ละกัน แต่มาช่วงนี้ ดอกไม้ก็ไม่ได้บานสะพรั่งสวยเท่าที่ควรแล้ว คงเพราะแดดมันแรงมาก ต้นไม้ ดอกไม้บนนี้เลยแห้งๆไปซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอมีให้เราได้ถ่ายรูปกันบ้าง
ปุกดูจะกลมกลืนเข้ากับที่นี่สุดด้วยชุดเด็กดอยที่ใส่มา ซึ่งไผ่เพิ่งมาเห็นว่ามันฮิตมากตอนนี้ รู้งี้ซื้อกับปุกตั้งแต่ตอนนั้นละ
จากม่อนแจ่มมองลงไปจะเห็นเป็นวิวการปลูกพืชแบบขั้นบันได จำได้ว่าเรามาตอนเดือนตุลา ปีที่แล้ว อากาศและวิวสวยกว่านี้เยอะ ไว้เราจะเอารูปตอนนั้นมาให้ดูนะ
เราเดินถ่ายรูปกลางแดดกันครบทุกมุมละก็ ปะ หาน้ำดื่มกันเถอะ
บนม่อนแจ่มมีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง เราซื้อโค้กกระป๋องนึงที่ร้านนี้ แน่นอนว่าราคาแพงกว่าข้างล่าง ก็ต้องให้ค่าขนส่งเค้าไปล่ะนะ
เป้าหมายต่อไปของเราคือ ‘โรงแรม Veranda’
พักที่ Veranda เหรอ?
เปล่า! ฐานะอย่างเราจะมีตังค์จ่ายค่าห้องเค้ามั้ยหะ!
ไอพลับจะมาดูสถานที่จัดงานแต่งงาน ใช่! นอกจากเพื่อนสนิทเราจะแต่งงานไปเมื่อวาน น้องสาวเราก็จะแต่งงานสิ้นปีนี้เหมือนกัน!
เออ! แต่งกันเข้าไป ทิ้งเรากันไปหมดแล้วววว T^T (ดราม่าก็มา)
“พี่ปุ่น เมื่อไหร่แต่งอ่ะคะ”
“ใครบอกว่าจะแต่งอ่ะไผ่”
T^T
ระหว่างที่รอพลับกับพี่ฟิล์มคุยกับเซลล์โรงแรม เราหิวเลยสั่ง ‘ปอเปี๊ยะพะแนงกุ้ง” มาทานรองท้อง
ถามว่าอร่อยมั้ย “พลับๆ ตอนงานแก อาหารเราไม่เอาปอเปี๊ยะพะแนงกุ้งนะ โอเคนะ” 5555
เราทานเสร็จเซลล์ก็กำลังจะพาเดินไปดูสถานที่พอดี
วีรันด้าเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างกว้างใช้ได้เลย เดินครั้งแรกอาจมีหลงได้
ข้างในมีสวนต้นไผ่ปลูกข้างทางเดินไปโถงโรงแรม
โถงโรงแรมเป็นแบบเปิดโล่ง มีสระบัวใหญ่ๆตั้งอยู่ตรงกลาง
พอว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวคุยรายละเอียดเสร็จ ก็ถึงเวลากลับเข้าเมือง
พี่ฟิล์มนัดเพื่อนไว้ พอดีพี่ฟิล์มเป็นคนเจียงใหม่เจ้า เพื่อนพี่เค้าเลยจะพาเราไปทานข้าว ตกลงกันไป ตกลงกันมา ก็ได้ความว่า
มื้อเย็นนี้เราจะไปทานสลัดกัน ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็น ‘ร้าน Salad Concept’ ร้านดังตรงนิมมาน
แต่ไม่ใช่แฮะ
พี่เค้าพาเราไปทานที่ ‘ร้าน Salad Terrace’ เค้าบอกว่าอร่อยกว่า
พอเข้าไปเปิดเมนูในร้าน ทุกคนสตั๊นท์ไปแปปนึง หน้าตาบ่งบอกว่า “กุจะสั่งอะไรดีวะเนี่ย”
เมนูร้านนี้เรียกว่า เราไม่ค่อยจะคุ้นเคยดีกว่า มีการ fusion แบบแปลกๆ คงจะเป็นสูตรของร้านเค้า
เราก็เลยเลือกกันมาคนละอย่าง ณ จุดนั้นอะไรก็ได้ เพราะว่าหิวมากกก
ทานเสร็จได้เวลาไปส่งปุกที่ ยาหยี และเข้าที่พักของเรากันซักที
เรา พี่ปุ่น พลับ พี่ฟิล์ม จองโรงแรม ‘The Core’ ไว้ ตอนที่จองเรารู้คร่าวๆแค่ว่ามันอยู่แถวๆหน้ามอ พอมาถึงโรงแรม
เฮ้ย นี่มันอยู่ติดกับตลาดหน้ามอเลยนี่ ทำเลดีมาก! ตัวโรงแรมน่ารักมาก อาจจะเสียตรงที่ที่จอดรถอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ตอนเราไปก็ไม่ได้มีปัญหานะ พนักงานที่โรงแรมเค้าก็หาที่จอดให้ได้
ห้องพักที่ ‘The Core’ สะอาด และเตียงนอนสบายมาก พูดได้เลยว่าเราประทับใจที่นี่กันมาก
- เราจองโรงแรมผ่าน Agoda ไว้ที่คืนละ 1,458 บาท
เราเก็บของกันเสร็จ ก็ลงมาโบกรถแดงไปหาปุกที่ยาหยี ปุกชวนพวกเราไปนั่งชิลที่บาร์ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมยาหยี
โรงแรมไม่ได้ใหญ่มาก บนดาดฟ้าเลยเป็นดาดฟ้าเล็กๆ แต่ลมโชย เห็นวิว นั่งชิลได้อยู่ ข้างบนเค้าจะมีทั้งโต๊ะใหญ่นั่งล้อมวงกัน ละก็โต๊ะเคาน์เตอร์ที่วางไว้รอบๆขอบดาดฟ้า พอดีว่าเราไปกันหลัง 2 ทุ่ม ครัวปิดแล้ว เลยสั่งได้แค่เครื่องดื่ม
นั่งชิลล์กันสักพัก 5 ทุ่มละ ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน เราเดินออกจากซอยนิมมานเรื่อยๆ เพื่อมาเรียกรถแดงที่ถนนใหญ่ เดินไปเดินมา
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นๆ ไผ่หิว”
พี่ปุ่น: “หะ หิวอีกแล้วเหรอ”
ลูกไผ่: “แกๆ เดี๋ยวไปทานมนต์นมสดกันมั้ย หิวอ่ะ”
พลับ: “เออ ได้ดิๆ”
เดินไปถึงข้างหน้า มนต์นมสดปิดแล้วจ้า ตอนนี้คงจะเหลือเพียงร้านอาหารอิสานรถเข็นข้างหน้ามนต์ นมสด เป็นความหวังเดียวของเราแล้วแหละ
ตอนเรากำลังดูเมนู ก็ได้ยินเสียงโต๊ะข้างหลัง
“ป้าๆ มีตับหวานมั้ย”
“ตอนนี้เหลือแค่ส้มตำ กับคอหมูย่าง”
ป้าแกตอบไปล้างหม้อ ล้างจาน เตรียมปิดร้าน บอกเป็นนัยๆว่า พวกแกมาทานกันตอนนี้ ยังจะสั่งอะไรเยอะแยะ มีให้กินก็ดีแล้ว!
เรามองหน้ากัน แล้วก็
“ป้าคะ เอาส้มตำ กับคอหมูย่างค่ะ”
ไม่ต้องดูมันละเมนง เมนู
[CR] เที่ยว "เชียงใหม่" 2 วัน 1 คืน ทริปสั้นๆ ลุยๆ ชิลล์ๆ
“หะ!!!....................เฮ้ยยยย เมื่อไหร่ๆๆ”
“กุมภานี้แหละ”
เพื่อนจะแต่งงาน!!!! ก็ใช่ไง เพื่อนแต่งงานตื่นเต้นอะไรนักหนา
ถ้าเป็นเพื่อนทั่วไปก็คงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่นี่เพื่อนสนิท โตมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล 1 ใช่! อ่านไม่ผิดหรอก คบกันมาตั้งกะอนุบาล 1
ตั้งแต่หนีครูไม่ยอมนอนกลางวัน ไปนั่งเล่นแปลงร่างเป็นจูเรนเจอร์ แล้วพอกลับมา นมของว่างหมด เหลือถุงเดียวครูต้องมาตัดแบ่งให้กินด้วยกัน แหมะ...พูดถึงเรื่องสมัยเด็กเยอะๆนี่มันรู้สึกได้ถึงความแก่จริงๆ 555
เพื่อนเราจัดงานแต่งงานที่ จ.ลำปาง พอดีว่าเพื่อนรู้จักกับน้องสาวเราก็เลยเชิญไปงานด้วย
ตอนแรกน้องสาวเราก็เลยแพลนว่า เสร็จจากงานแต่งที่ลำปาง แล้วจะไปเที่ยว ‘Camp meeting’ ที่เชียงใหม่ต่อ น้องก็มาชวน เอารูปมาให้ดู
เค้าจัดเป็นเหมือนแคมป์อินเดียนแดงน่ารักๆ มีปิ้งย่างทานกันริมน้ำ เฮ้ย! น่ารักมาก ไป!
เราจองตั๋วเครื่องบินผ่าน App Traveloka พอดีน้องสาวส่งมาให้ ช่วงนั้นมี Promotion ลด 50%!
Trick ในการจอง Traveloka ตอนนั้น ต้องจองขาไปก่อน แล้วอีกวันค่อยมาจองขากลับอีกที มันจะใช้ส่วนลดได้ 2 รอบ
- ตอนนั้นเรากับพี่ปุ่นเลยได้บินไปกลับ กรุงเทพ – ลำปาง ด้วย Nokair แค่คนละ 1,768 บาท
แต่!........
ช่วงใกล้ๆวันเดินทาง น้องเรา line ช่าวมาให้ดูว่า ‘Camp meeting’ ประกาศปิด เนื่องจากโดนแจ้งว่าทำลายสิ่งแวดล้อม
อ้าว เชี๊ยยยยย....มาปิดอะไรตอนนี้!!!!! หมด หมดกัน เคว้งเลย แล้วจะไปไหนล่ะนี่
ปะ ไปงานแต่งก่อนละกัน แล้วค่อยว่ากัน!
วันก่อนออกเดินทาง เรามีออกกองพอดี ส่วนพี่ปุ่นมี setup
พี่ปุ่น set up งานเสร็จตี 4!
ส่วนเราลากยาว เลิกกองตี 5! เป็นการออกกองที่ยาวนานที่สุดของเราละ ประเด็นคือเราบิน 8:55! เราควรต้องถึงสนามบินกัน 6:55 กองเราอยู่แถวๆลำลูกกา เลิกแล้วต้องรีบเหยียบกลับพระราม 9 เพื่อเก็บของ จัดกระเป่า แล้วนั่ง Taxi วกกลับมาสนามบิน
สภาพเป็น Zoombie มาขึ้นเครื่องกันทั้งคู่จ้า สว่างคาตา 555
เรานั่งเครื่องมาลงลำปาง เรานอนที่นี่ 2 คืนเพื่องานแต่งของเพื่อนเรา แล้วถึงจะออกเดินทางไปเชียงใหม่
ก่อนจะข้ามไปที่เชียงใหม่ เราของแชร์ wedding presentation ของเพื่อนเราที่เป็นที่มาของทริปนี้หน่อยเถอะนะ ขอเถิดดด เป็น wedding presentation ที่เราชอบมากกกที่สุดตั้งแต่เคยดูมา ไม่รู้ว่าเพราะเป็นของเพื่อนสนิทเรารึเปล่าไม่รู้ถึงอินขนาดนี้
Day1:
เมื่อคืนเรา พี่ปุ่น พลับ น้องสาวเรา และ พี่ฟิล์ม แฟนน้องสาวเรา พักที่โรงแรมที่จัดงานแต่งเพื่อนเรา เรานัดกันว่าจะตื่น 8 โมงเช้า แต่งตัวเสร็จแล้วออกเดินทาง พอตื่นมา ไร้วี่แววไอพลับจ้า
เอ๊ะ หรือพลับจะยังไม่ตื่น
เอ๊ะ หรือพลับจะไปหาอะไรทานแถวนี้
โทรจ้า ปรากฎว่าพลับกับพี่ฟิล์มออกไปหาย่าในเมืองก่อน ละเดี๋ยวกลับมารับ
มันบอกว่ามาเคาะประตูน้องแล้วไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ก็เลยออกไปธุระก่อนดีกว่า
เป็นพวกนอนดึก ตื่นยากอีกแล้วสินะคู่ฉัน - -“
เราเก็บของแต่งตัวเสร็จพลับกลับมารับพวกเราพอดี เย้!
ก่อนออกไปเชียงใหม่ เราแวะทานชาเย็นตอกไข่เจ้าอร่อย ข้างโรงเรียนบุญวาทย์ เติมพลังกันก่อน
ร้านนี้เป็นร้านรถเข็นเปิดมานานมากกกก มากแล้วจริงๆตั้งแต่สมัยเรายังเรียนมัธยม (และอาจจะเปิดมาก่อนหน้านั้นอีก)
พี่ฟิล์มเช่ารถฟอร์จูนเนอร์จากเชียงใหม่ (พอดีว่าพลับกับพี่ฟิล์มลงเครื่องที่นู้น แล้วเช่ารถขับกลับมาลำปางเมื่อวันงาน)
- ค่าเช่ารถฟอร์จูนเนอร์ 2,400 บาท / วัน
ป๊าดด 2,400!!!! ตอนแรกเราฟังก็ตกใจ คือมาคราวก่อนเราเช่าแค่ Attrage ไง วันละ 900 ขึ้นเขาทีนี่แทบจะอยากลงไปช่วยเข็น
พอถึงเชียงใหม่ เราไปแวะรับ ‘ปุก’ เพื่อนพลับ ซึ่งจะกลายเป็นเพื่อนเราไปแล้วด้วย ผู้ร่วมทริปอีก 1 คน ที่โรงแรมยาหยี
‘ยาหยี’ เป็นโรงแรมชิคๆ ตั้งอยู่ในซอยนิมมานเหมิน ข้อเสียหลักๆเลยคือ ไม่มีที่จอดรถจ้า แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้รถก็ควรค่าแก่การมาพัก สวยจริงๆ แต่คงต้องจองลวงหน้าหน่อยนะ ได้ข่าวว่าเต็มตลอด
ส่วน ปุก เหตุผลของการมาพักที่นี่คือ “เผื่อว่าจะเจออนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมจ้า” 555 ใช่! อนันดาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ค่า
โอเค สมาชิกครบ 5 คน ปะ เราไปที่แรกของวันนี้กัน ‘ม่อนแจ่ม’
เราขับรถออกไปทางแม่ริม แล้วตามพี่ google เค้าไปเรื่อยๆ ซักพักใหญ่ๆ เราก็ถึงม่อนแจ่ม
ที่ม่อนแจ่มจะมีที่สำหรับจอดรถ คิดค่าจอดรถ 30 บาท
จากนั้นต้องเดินขึ้นเนินชันๆขึ้นไปกันเอง เนินมันชันมาก และชันมากจริงๆ ตรงต้นเนินถึงขึ้นมีพี่วิน มอไซค์รับจ้าง ขอรับนักท่องเที่ยวขึ้น – ลงนะฮ้า รู้สึกว่าจะคิดค่าบริการที่ 20 บาท
หึ หึ ไม่ได้เงินเราหรอกเฟ้ย! เนินแค่นี้เอง!
.
.
“พี่ปุ่นๆ ไผ่เดินลงไปนั่งมอไซค์ได้มั้ยคะ”
“อะไรไผ่ แค่นี้เอง ขึ้นมาเร็ว”
T^T
ไงล่ะ ไม่ได้เงินไผ่หรอกเฟ้ย! โคตรเหนื่อย! (ไอพวกไม่ค่อยออกกำลังกายก็เงี๊ยะ)
ถึงบนม่อนซักที!
เนื่องจากเรามาช่วงกุมภาของประเทศไทย ในพ.ศ.2559 ซึ่งมันห่างไกลคำว่า ‘ฤดูหนาว’ ไปมากแล้ว
ข้างบนม่อนเลยแดดเปรี้ยงมาก!
ถามว่าบนม่อนแจ่มมีอะไร เราถือว่ามันเป็นจุดชมวิวที่มีการปลูกดอกไม้ตกแต่งไว้ละกัน แต่มาช่วงนี้ ดอกไม้ก็ไม่ได้บานสะพรั่งสวยเท่าที่ควรแล้ว คงเพราะแดดมันแรงมาก ต้นไม้ ดอกไม้บนนี้เลยแห้งๆไปซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอมีให้เราได้ถ่ายรูปกันบ้าง
ปุกดูจะกลมกลืนเข้ากับที่นี่สุดด้วยชุดเด็กดอยที่ใส่มา ซึ่งไผ่เพิ่งมาเห็นว่ามันฮิตมากตอนนี้ รู้งี้ซื้อกับปุกตั้งแต่ตอนนั้นละ
จากม่อนแจ่มมองลงไปจะเห็นเป็นวิวการปลูกพืชแบบขั้นบันได จำได้ว่าเรามาตอนเดือนตุลา ปีที่แล้ว อากาศและวิวสวยกว่านี้เยอะ ไว้เราจะเอารูปตอนนั้นมาให้ดูนะ
เราเดินถ่ายรูปกลางแดดกันครบทุกมุมละก็ ปะ หาน้ำดื่มกันเถอะ
บนม่อนแจ่มมีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง เราซื้อโค้กกระป๋องนึงที่ร้านนี้ แน่นอนว่าราคาแพงกว่าข้างล่าง ก็ต้องให้ค่าขนส่งเค้าไปล่ะนะ
เป้าหมายต่อไปของเราคือ ‘โรงแรม Veranda’
พักที่ Veranda เหรอ?
เปล่า! ฐานะอย่างเราจะมีตังค์จ่ายค่าห้องเค้ามั้ยหะ!
ไอพลับจะมาดูสถานที่จัดงานแต่งงาน ใช่! นอกจากเพื่อนสนิทเราจะแต่งงานไปเมื่อวาน น้องสาวเราก็จะแต่งงานสิ้นปีนี้เหมือนกัน!
เออ! แต่งกันเข้าไป ทิ้งเรากันไปหมดแล้วววว T^T (ดราม่าก็มา)
“พี่ปุ่น เมื่อไหร่แต่งอ่ะคะ”
“ใครบอกว่าจะแต่งอ่ะไผ่”
T^T
ระหว่างที่รอพลับกับพี่ฟิล์มคุยกับเซลล์โรงแรม เราหิวเลยสั่ง ‘ปอเปี๊ยะพะแนงกุ้ง” มาทานรองท้อง
ถามว่าอร่อยมั้ย “พลับๆ ตอนงานแก อาหารเราไม่เอาปอเปี๊ยะพะแนงกุ้งนะ โอเคนะ” 5555
เราทานเสร็จเซลล์ก็กำลังจะพาเดินไปดูสถานที่พอดี
วีรันด้าเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างกว้างใช้ได้เลย เดินครั้งแรกอาจมีหลงได้
ข้างในมีสวนต้นไผ่ปลูกข้างทางเดินไปโถงโรงแรม
โถงโรงแรมเป็นแบบเปิดโล่ง มีสระบัวใหญ่ๆตั้งอยู่ตรงกลาง
พอว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวคุยรายละเอียดเสร็จ ก็ถึงเวลากลับเข้าเมือง
พี่ฟิล์มนัดเพื่อนไว้ พอดีพี่ฟิล์มเป็นคนเจียงใหม่เจ้า เพื่อนพี่เค้าเลยจะพาเราไปทานข้าว ตกลงกันไป ตกลงกันมา ก็ได้ความว่า
มื้อเย็นนี้เราจะไปทานสลัดกัน ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็น ‘ร้าน Salad Concept’ ร้านดังตรงนิมมาน
แต่ไม่ใช่แฮะ
พี่เค้าพาเราไปทานที่ ‘ร้าน Salad Terrace’ เค้าบอกว่าอร่อยกว่า
พอเข้าไปเปิดเมนูในร้าน ทุกคนสตั๊นท์ไปแปปนึง หน้าตาบ่งบอกว่า “กุจะสั่งอะไรดีวะเนี่ย”
เมนูร้านนี้เรียกว่า เราไม่ค่อยจะคุ้นเคยดีกว่า มีการ fusion แบบแปลกๆ คงจะเป็นสูตรของร้านเค้า
เราก็เลยเลือกกันมาคนละอย่าง ณ จุดนั้นอะไรก็ได้ เพราะว่าหิวมากกก
ทานเสร็จได้เวลาไปส่งปุกที่ ยาหยี และเข้าที่พักของเรากันซักที
เรา พี่ปุ่น พลับ พี่ฟิล์ม จองโรงแรม ‘The Core’ ไว้ ตอนที่จองเรารู้คร่าวๆแค่ว่ามันอยู่แถวๆหน้ามอ พอมาถึงโรงแรม
เฮ้ย นี่มันอยู่ติดกับตลาดหน้ามอเลยนี่ ทำเลดีมาก! ตัวโรงแรมน่ารักมาก อาจจะเสียตรงที่ที่จอดรถอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ตอนเราไปก็ไม่ได้มีปัญหานะ พนักงานที่โรงแรมเค้าก็หาที่จอดให้ได้
ห้องพักที่ ‘The Core’ สะอาด และเตียงนอนสบายมาก พูดได้เลยว่าเราประทับใจที่นี่กันมาก
- เราจองโรงแรมผ่าน Agoda ไว้ที่คืนละ 1,458 บาท
เราเก็บของกันเสร็จ ก็ลงมาโบกรถแดงไปหาปุกที่ยาหยี ปุกชวนพวกเราไปนั่งชิลที่บาร์ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมยาหยี
โรงแรมไม่ได้ใหญ่มาก บนดาดฟ้าเลยเป็นดาดฟ้าเล็กๆ แต่ลมโชย เห็นวิว นั่งชิลได้อยู่ ข้างบนเค้าจะมีทั้งโต๊ะใหญ่นั่งล้อมวงกัน ละก็โต๊ะเคาน์เตอร์ที่วางไว้รอบๆขอบดาดฟ้า พอดีว่าเราไปกันหลัง 2 ทุ่ม ครัวปิดแล้ว เลยสั่งได้แค่เครื่องดื่ม
นั่งชิลล์กันสักพัก 5 ทุ่มละ ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน เราเดินออกจากซอยนิมมานเรื่อยๆ เพื่อมาเรียกรถแดงที่ถนนใหญ่ เดินไปเดินมา
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นๆ ไผ่หิว”
พี่ปุ่น: “หะ หิวอีกแล้วเหรอ”
ลูกไผ่: “แกๆ เดี๋ยวไปทานมนต์นมสดกันมั้ย หิวอ่ะ”
พลับ: “เออ ได้ดิๆ”
เดินไปถึงข้างหน้า มนต์นมสดปิดแล้วจ้า ตอนนี้คงจะเหลือเพียงร้านอาหารอิสานรถเข็นข้างหน้ามนต์ นมสด เป็นความหวังเดียวของเราแล้วแหละ
ตอนเรากำลังดูเมนู ก็ได้ยินเสียงโต๊ะข้างหลัง
“ป้าๆ มีตับหวานมั้ย”
“ตอนนี้เหลือแค่ส้มตำ กับคอหมูย่าง”
ป้าแกตอบไปล้างหม้อ ล้างจาน เตรียมปิดร้าน บอกเป็นนัยๆว่า พวกแกมาทานกันตอนนี้ ยังจะสั่งอะไรเยอะแยะ มีให้กินก็ดีแล้ว!
เรามองหน้ากัน แล้วก็
“ป้าคะ เอาส้มตำ กับคอหมูย่างค่ะ”
ไม่ต้องดูมันละเมนง เมนู