[รีวิวรึเปล่า] การต่อสู้กับโรคคลั่งผอม -เมษา, the former anorexic เจ้าเก่า

= = updated- 2020 = =

* สวัสดีใครก็ตามที่ได้เข้ามาเจอกระทู้นี้ในเวลานี้นะคะ กระทู้นี้ถูกตั้งขึ้นตั้งเเต่ปี 2559 
ข้อมูลต่อไปนี้ถูกเขียนไว้นานมากเเล้ว จนบางรายละเอียดเราเองก็จำไม่ค่อยได้เป๊ะๆ
เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ต้องการทักมาปรึกษาพูดคุยกัน ขอให้ตั้งสติอ่านให้จบก่อนนะคะ

** ช่วงนี้เป็นต้นไป ขออนุญาตไม่เเปะช่องทางติดต่อไว้เเล้วนะคะ
เนื่องด้วยการเรียนที่หนักขึ้น เวลาว่างเเทบไม่มี ต้องเตรียมสอบใบประกอบอีก
เเละด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ทำให้ไม่อยากจะรับความเครียดเข้ามาเพิ่มเเล้ว
ขอเวลาไปใช้ชีวิตตัวเอง ทำชีวิตตัวเองให้ดีกว่านี้นะคะ ยิ้ม
ตอนเเรกคิดว่าจะลบกระทู้ดีไหม เเต่เราคิดว่าอย่างน้อยก็อยากให้ประสบการณ์ของเรามันช่วยเตือนใจคนอื่นได้
ก็อ่านกระทู้ไปพลางๆเเล้วกันเนอะ ถ้าต้องการคำปรึกษา จิตเเพทย์ก็ยังคงเป็นทางเลือกเเรกที่เราอยากเเนะนำอยู่ดี

อีกข้อสำคัญคือ การที่คุณทักมาขอคำปรึกษาจากเราเเล้ว เราอยากให้มันเกิดจากความพร้อมจะเปลี่ยนเเปลงของคุณ
ไม่ใช่เเค่การมาคุยมาเเชร์เรื่องราวกันผ่านไป โดยไม่มีอะไรคืบหน้าในส่วนของการรักษา คำเเนะนำที่เราให้ไปคือเราอยากให้คุณปรับพฤติกรรม
ไม่ใช่เเค่การรับรู้ เเล้วไม่ปฏิบัติ เเบบนั้นมันก็เสียเวลาทั้งคุณเเละเรานะคะ ถ้าคิดว่าไม่พร้อมจะหาย ไม่พร้อมจะรักษาตัว ฉันจะใช้ชีวิตเเบบนี้ต่อไป
ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับเราค่ะ เราไม่ได้เก่งถึงขนาดสามารถจะโน้มน้าวจิตใจคุณได้ทุกคน อยากให้คุณเริ่มด้วยใจของคุณเองก่อน ขอเเค่คุณมีเเรงใจอยากจะรักษาตัว อย่างน้อยซัก 40% เป็น baseline เราจะพยายามช่วยคุณให้ดีที่สุด เเต่อย่างที่ควรเข้าใจกันคือ เรื่องเกี่ยวกับความนึกคิด จิตใจ ยังไงคุณก็มีอิทธิพลต่อจิตใจคุณมากที่สุด ถ้าไม่พร้อมจะสู้ก็ไม่ต้องเสียเวลาตรงนี้หรอกค่ะ เราก็รู้สึกไม่ดีถ้าความพยายามของเรามันไม่ช่วยอะไรคุณเลย 


สวัสดีค่ะ เเนะนำตัวก่อนนะ เมษา ปัจจุบัน(2559) อายุ 18 ค่ะ ขอเรียกตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ว่า ผู้รอดชีวิตจากโรค anorexia ค่ะ
ปัจจุบันหายขาดเเล้วค่ะ น้ำหนัก ร่างกาย จิตใจ เเละความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทุกอย่างกลับมาปกติเเล้วค่ะ กลับมาเป็นเมษาาคนบ้าบอเหมือนเดิม
===

จริงๆเเล้ว ในกระทู้นี้เราตั้งใจจะรีวิวอาการของเราหลังจากหายจากโรค anorexia nervosa หรือที่เรียกกันในภาษาไทยคือ โรคคลั่งผอม อธิบายสั้นๆคือ ยิ่งผอมยิ่งกลัวอ้วนนั่นเองค่ะ เเต่ก็กลัวจะไม่มีที่มาที่ไปเกิน เลยจะดึงมาจากกระทู้ที่เราเคยเขียนเมื่อปีที่เเล้วเกี่ยวกับประสบการณ์ในเรื่องนี้ของเรา (http://pantip.com/topic/34250637)
โดยเราจะเรียบเรียงใหม่ให้ในนี้เลย ง่ายๆก็คือ rewrite เเหละ(ถึงเเม้ว่าจะต้องพิมพ์ซ้ำอีกรอบเนื่องจากการกลั่นเเกล้งของนิ้วชี้ตัวเองเมื่อชั่วโมงก่อนหน้า-_-)

ขอเริ่มต้นอธิบายความหมายเเละลักษณะอาการของโรคนี้ก่อนนะคะ
เราจะให้ anorexia nervosa เป็น subset ของ eating disorder(โรคค.ผิดปกติทางการกิน) ซึ่งสมาชิกของไอ้เซต eating disorder(ตัวย่อ ED) ได้เเก่
1. anorexia คือ การที่เลือกกิน เเละกินน้อยกว่าที่ร่างกายใช้ ในขณะที่บ้าโหมออกกำลังอย่างหนัก
2. bulimia คือ การกินเเบบยัด(ภาษาฝรั่งคือ binge) เเบบ no more tomorrow(โนวโนวโนวโน๊วหม่อร์ ถึมอร์โร๊ว, มันเป็นเพลงค่ะ-_-) เเล้วไปล้วงคออ้วกออกทีหลัง
3. orthorexia คือ การเลือกกินเเต่อาหารคลีน คลีนจัด กินเเบบที่(คิดว่า)healthy af
สามสิ่งข้างต้นนี้ เมื่อเกิดการ restrict มากไป ทำให้ร่างกายผอม(เกิน) ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายผิดปกติ อารมณ์เเปรปรวน(มาก)
===

ก่อนอื่นต้องบอกว่า เรา"ไม่เคยอ้วน"ค่ะ เป็นคนหุ่นสมส่วนมาตั้งเเต่เด็ก ค่าBMI ปกติตลอด เคยน้ำหนักตัวมากสุดที่ 51 โล(ม.4,ปี57) ตอนนั้นสูงประมาณ 162-163 เเต่ตามพันธุกรรมเราเป็นคนโครงร่างใหญ่ค่ะ กระดูกใหญ่มาก ช่วงเอวกับขาเราลงไปจะค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับช่วงบน เเล้วหลังจากเริ่มออกกำลังกายเเละคุมอาหาร น้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ จนเหลือต่ำสุดที่ 37 โล(ม.5,ปี58) รอบเอวจาก26-27 ลงมาเหลือ 21 กับส่วนสูงคงที่ 163เซนค่ะ(ปกติส่วนสูงเราจะเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 1 เซนต์ เเต่สองปีนั้นหยุดไปเลยค่ะ
อันนี้เป็นรูปตอนที่ผอมเเบบวิกฤตสุดๆค่ะ เอวบางๆขาเล็กๆงี้ อาจเป็น body goal ของสาวๆวัยรุ่นในยุคนี้หลายคน


เดี๋ยวนี้เขาฮิตกันใช่ปะ ไอ้น้ำหนักเลขสามเนี่ย บ้าบอ


---

ดักไว้ก่อนว่า ตั้งเเต่เเรกที่เราเริ่มลดหุ่นเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราอยากผอมบาง หรือว่าอยากมีหุ่นเเบบนางเเบบวิคตอเรียนะ เราเเค่อยากมีกล้ามหน้าท้องค่ะ
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมม.4 ก่อนขึ้น ม.5 เราเริ่มจากออกกำลังหน้าท้องทุกคืนก่อนนอน เเละยังกินทุกอย่างปกติค่ะ เราทำอย่างงี้ไปประมาณเดือนกว่าได้ค่ะ สังเกตว่าหน้าท้องยุบ เเถมลายหน้าท้องก็เริ่มโผล่ ดีใจมาก ก็เล่นต่อไปจนเกือบจะได้สี่ก้อน(บางๆเเต่เห็นชัดค่ะ) ตอนนั้นเราก็ไปหาข้อมูลจากเน็ตมาเพิ่มก็ได้รู้ว่า ถ้าอยากให้ลายกล้ามเนื้อชัดขึ้น ก็ต้อง shred fat โดยการ cardio เราเลยเริ่ม t25 ทุกคืน ย้ำว่าทุกคืนค่ะ(ช่วงนั้นเป็นช่วงที่t25ยังไม่เข้ามาเกลื่อนในไทย)
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเปิดเทอมม.5พอดี ตอนนี้เเหละค่ะ ที่เริ่มคุมอาหาร ซึ่งก็กินทุกมื้อเเล้วก็ไม่ได้คุมเเคลอรี่เลยนะคะ เเต่จะเลี่ยงคาร์บ เลี่ยงเเฟต กินอะไรก็จะเน้นเเต่โปรตีน ข้าวที่โรงเรียนก็ไม่กิน ห่อข้าวจากบ้านไปกินเองค่ะ น้ำหวานก็ไม่กินเลย ขนมก็ลดจนเเทบเรียกได้ว่าไม่กิน กลับบ้านมาหลังกินข้าวเย็นเสร็จก็ขึ้นห้องไปเล่น t25 ทุกคืน เเล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกประมาณตี 4 เพื่อจะตื่นขึ้นมาเล่นหน้าท้องก่อนอาบน้ำเเต่งตัวไปโรงเรียนค่ะ
ใช้ชีวิตเเบบนี้ไปเรื่อยๆ ผอมลงเรื่อยๆ ไม่ได้สังเกตว่าตัวเองผอมลงเยอะไปเปล่า เพราะทุกเช้าตอนเเต่งตัวจะดูเเค่หน้าท้องตัวเองค่ะ ว่ามีลายมั๊ย พุงโผล่มั๊ย
อีกอย่างที่เปลี่ยนไปเยอะ คือความสัมพันธ์กับเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ พอไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อน ก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกันน้อยลง บวกกับตั้งเเต่ช่วงนั้นเริ่มจะจริงจังกับการเรียนมากขึ้น วันๆก็อ่านหนังสือทำการบ้านไม่คุยกับใคร เเล้วก็ชอบทำหน้าตาย หน้าบึ้ง เลยยิ่งไม่มีใครกล้าคุยด้วย(ปกติเป็นคนพูดจากวนโอ๊ยอยู่เเล้วด้วย ยิ่งเวลาพูดเเล้วทำหน้าตายนี่คนยิ่งเข้าใจว่าเราอารมณ์ไม่ดี) ขนาดเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งเเต่ม.2 เเถมยังนั่งข้างๆกันทุกวัน บางวันยังไม่ได้คุยกันซักคำเลยค่ะ ตอนหลังเพื่อนบอกว่าเห็นเราเงียบ ก็ไม่กล้าคุยด้วย กลัวโดนเหวี่ยง ทุกคนบอกว่าตอนนั้นเราน่ากลัวมาก เลยไม่มีใครกล้ายุ่ง5555
---

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัว ทะเลาะกับเเม่เรื่องการกินบ่อยมากค่ะ มีครั้งนึงที่ร้องไห้ให้กับเรื่องนี้เป็นครั้งเเรก ตอนนั้นก็บอกกับพ่อว่าอยากจะกลับไปกินได้เหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ก็คิดว่าจะพยายามที่สุดนะคะ สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ อย่างมากก็กินขนมบ้าง กินมากขึ้น(นิดนึง) เเต่ที่มากตาม(ไม่นิด)คือ การออกกำลังค่ะ
พอดีกับตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมเล็ก(ของม.5 เทอม 1)ค่ะ เลยมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น สำหรับชีวิตของเราในช่วงปิดเทอมเล็กนี้ คือ
ตอนเช้าออกไปเรียนพิเศษ
กลับบ้านมาตอนสายๆเกือบเที่ยงก็ขึ้นห้องไปออกกำลัง(จากที่เมื่อก่อนเคยเเค่เล่นหน้าท้องกับ t25 ก็เปลี่ยนมาเล่นอย่างอื่นบ้าง ชีวิตผ่านมาเกือบหมดเเล้วค่ะ ทั้ง weight training, hiit, liss, yoga, pilates, barre, tabata, kick boxing cardio)
ออกกำลังเสร็จประมาณเที่ยง ลงมากินอะไรนิดหน่อย ไม่ค่อยกินเป็นมื้อ
เสร็จเเล้วก็ออกไปเรียนต่ออีกที่นึง ออกไปเรียนบ่ายๆนี่ก็ไม่ค่อยกินอะไรด้วยนะ อย่างมากก็นมจืด ซึ่งต้องกินทุกวันอยู่เเล้ว บางทีก็พวก jerky เพราะเน้นโปรตีน นานๆทีถึงจะพกขนมพวกcarbs กับ fatไป
เรียนเสร็จ กลับบ้านมา หลังข้าวเย็นก็ขึ้นไป t25 ต่อค่ะ

บ้าเนอะ5555555
**นี่t25 ทุกคืนจริงๆนะไม่โม้ •×• (พอเล่าให้ใครฟังว่าt25 ครบ 25 นาทีทุกคืนมีเเต่คนทำตาโตเเล้วบอกว่า ทำไปได้ไง5555 คือเวลาทำก็เหนื่อยนะคะ ปวดเข่าด้วย เเต่พอทำเสร็จเเล้วเรารู้สึกเฟรชมาก อะดรีนาลีนมันหลั่ง5555 พอดีเราเป็นคนที่เหงื่อออกยากมากกก(ก.ไก่58ล้านตัว) ช่วงสัปดาห์เเรกๆที่เล่น t25 นี่คือเล่นเสร็จเเล้วตัวยังเเห้งอะ ชื้นหน่อยเเต่ไม่เห็นเหงื่อเลยซักเม็ด-_- จำได้ว่าครั้งเเรกที่เห็นเหงื่อเยอะเเยะนี่ตื่นเต้นมาก-_-)

---

เข้าเรื่องต่อ เราออกกำลังเเบบนี้ทุกวันค่ะ ทุกวันจริงๆ ไม่เคยพักเลย ก็รู้นะคะว่าออกกำลังต้องพัก เเต่วันไหนตั้งใจจะพัก พอถึงเวลาจริงก็อดไม่ได้ คือมันเสพติดการออกกำลังไปเเล้วอะ เหมือนกลัวว่าพักไปวันนึงไขมันจะพุ่งขึ้นงั้นอะ5555

เป็นเเบบนี้ไปจนเปิดเทอม2(ม.5) ค่ะ ยิ่งมีโลกส่วนตัวสูงมากขึ้นกว่าเดิมอีก คือตอนปิดเทอมที่ผ่านไปนี่เราไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนคนไหนเลยค่ะ เเม้เเต่เพื่อนสนิทในกลุ่ม เท่ากับว่าเรากีดกันทุกคนออกจากตัวเอง อยู่เเต่กับความเครียดทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิน เเละเรื่องออกกำลัง เวลาอยู่บ้านหรือนั่งรถไปไหน ถ้าไม่อ่านหนังสือเรียนก็ดูพวกคลิปออกกำลัง ประมาณว่าคืนนี้เล่นคลิปไหนดี-_-
ในตอนนั้นเองค่ะ ที่ได้อ่านเจอบทความเกี่ยวกับโรคอะนอเรคเซีย อ่านครั้งเเรกเเล้วเรารู้ตัวเลยนะคะ ว่าเราเป็นโรคนี้เเน่ๆ ก็คุยกับเเม่ เเต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจรักษาอย่างจริงจังหรอกค่ะ บอกเเม่ไปว่าจะรักษาตัวเอง เเต่กว่าเราจะเริ่มจริงๆ ก็ปาเข้าไปเดือนสองเดือน ซึ่งน้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆไม่หยุด มีครั้งนึงทะเลาะกับเเม่จนเเม่สั่งห้ามไม่ให้เราออกกำลังกาย เราเลยลองหันมาคุมเเคลอรี่บ้าง เพราะกลัวไขมันพุ่ง วันนึงประมาณ1800-1900ค่ะ นับเเบบประมาณเองด้วยนะ นับเกินไว้ก่อน กลางวันจะไม่ห่อข้าวไปเเล้วค่ะ เเต่จะพกขนมหรือของกินประเภทsnack 1 ห่อกับนมอีก 1 กล่องไปจากบ้าน พักเที่ยงทั้งชั่วโมงกินเเค่นั้นจริงๆค่ะ
ช่วงนั้นก็ทะเลาะกับพ่อเเม่บ่อยมากขึ้น เเทบไม่เว้นวันเลยค่ะ
มีครั้งนึงเเม่ลากเราไปยืนหน้ากระจกเเล้วบอกให้ดูสารรูปตัวเอง ผอมกระดูกปูดเหมือนเอเลี่ยน5555


เเละในส่วนของร่างกายน้านนน ร่างกายของเรามีการเปลี่ยนเเปลงดังนี้ค่ะ

- เริ่มจากประจำเดือนไม่มาติดต่อกันหลายเดือนค่ะ(รวมทั้งสิ้นก็นับได้เป็นปีนึง) เพราะไขมันเราหายไปเยอะมาก ทำให้ไม่มีไขมันไปสร้างฮอร์โมน(เข้าใจใช่มั๊ยคะ คือ ฮอร์โมนestrogen กับ progesterone ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการตกไข่เเละการเตรียมความพร้อมของมดลูกผู้หญิงเนี่ย มันเป็น steroid hormone ซึ่งชื่อก็บอกอยู่เเล้วว่าต้องอาศัยไขมันในการสังเคราะห์ ถ้าไม่มีไขมันมันจะเกิดไหมล่ะเออ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่