กำหนดเคพีไอ 7 รัฐวิสาหกิจ เจ้ากระทรวงโดนบริหารห่วย
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ได้มอบหมายให้ สคร.ไปเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง คือ บมจ.ทีโอที, บมจ.กสท, บมจ.การบินไทย, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, การรถไฟแห่งประเทศไทย, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ต้องเป็นไปตามแผนที่ คนร. ตั้งไว้ และจะใช้ผลการแก้ไขมาเป็นตัวชี้วัดการทำงาน (เคพีไอ) ของคณะกรรมการ และผู้บริหาร รวมไปถึงกระทรวงเจ้าสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากทำไม่สำเร็จต้องรับผิดชอบร่วมกัน
"สคร.ต้องประสานกับกระทรวงเจ้าสังกัด ให้ติดตามและเร่งรัดรัฐวิสาหกิจในความดูแลต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะตอนนี้มีมาตรา 44 ออกมา ต่อไปต้องโดน เคพีไอด้วย เช่น สคร.เอง ก็โดนเหมือนกัน แม้จะเป็นคนออกหลักเกณฑ์เรื่องนี้ เพราะกระทรวงการคลังมี 2 แบงก์ที่ต้องดูแล และครอบคลุมในระดับปลัดกระทรวง และอธิบดีด้วย ซึ่งตามข้อเท็จจริงที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจได้พิจารณาแผนฟื้นฟูก็ได้คุยแต่ระดับผู้บริหาร ทำให้ทางบอร์ดรับทราบบ้างไม่รับทราบบ้างหากผู้บริหารไม่ไปรายงาน ตอนนี้จึงต้องให้บอร์ดรับทราบด้วย ส่วนกระทรวงต้นสังกัดจะได้กระตือรือร้น เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจในความดูแลให้งานสำเร็จได้ตามเป้า"
สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาดังกล่าว เริ่มจาก บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท ล่าสุดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้สรุปว่า ทั้ง 2 หน่วยงานใช้งานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน โดยให้ทีโอที เป็นผู้นำลงทุนโครงข่ายภายในประเทศ ส่วน กสท ให้ลงทุนในโครงข่ายระหว่างประเทศ ส่วนธุรกิจอื่น ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ และคราวด์ ให้ตกลงกันว่าจะไปดำเนินการร่วมกันอย่างไรด้านการบินไทย ที่ประชุมได้มอบให้ไปเร่งแก้ปัญหาโดยกำหนดตัวชี้วัดในปี 59 เรื่องกำไรจากการดำเนินงาน การลดค่าใช้จ่าย การจัดการทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นต้องถือครอง และต้องเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเทียบเคียงกับสายการบินชั้นนำด้วย
ขณะที่ ขสมก.ที่ประชุมได้มอบหมายให้ไปดำเนินงานตามแผน ทั้งการจัดหารถโดยสาร 3,183 คัน ต้องลดผลขาดทุนในเดือน เม.ย.-ก.ย. 59 ให้ได้มากกว่า 250 ล้านบาท เพิ่มจากข้อเสนอของ ขสมก.ที่เสนอมาเพียง 150 ล้านบาท หลังจากในช่วงเดิน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมาลดการขาดทุนไปแล้ว 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังปรับปรุงอู่จอดรถและจัดทำแผนเดินรถร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ด้านการรถไฟฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดด้วยการให้ไปเร่งส่งมอบพื้นที่ย่านมักกะสันให้กระทรวงการคลังภายในปีนี้ หาข้อสรุปการบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ รวมไปถึงการเร่งรัดสร้างรถไฟทางคู่ และการบริหารที่ดินเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงคมนาคม ไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมในภาพรวมทั้งหมดมาเสนอภายใน 1 เดือนจากนี้ เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้แต่ละโครงการมีแผนงานอย่างไร
ส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ส่วนใหญ่ทำได้ตามแผนที่กำหนดไว้ แต่ให้เร่งบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้เหลือไม่เกิน 18,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีรายย่อย รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท ภายในสิ้นปีให้ได้ 35,000 ล้านบาท
ส่วนธนาคารอิสลามฯ ได้มอบหมายให้เร่งหาพันธมิตร และเร่งการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) เพื่อแยกหนี้เสียของธนาคารให้ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
นอกจากนี้ยังได้รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ล่าสุดได้เสนอกฎหมายไปยัง ครม.แล้ว คาดว่าจะผ่านเห็นชอบในเดือน เม.ย.นี้ และดำเนินการเพื่อเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยตั้งเป้าหมายต้องจัดตั้งบรรษัทฯ ให้ได้ภายในปีนี้.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 7)
ข่าวอืนเพิ่มเติม
ทรูอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เดินหน้าขยายแบนด์วิดท์กว่า 2 เท่าตัว ตั้งเป้าสิ้นปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาด
http://pantip.com/topic/35062068
กสท.รื้อแผนยุติ "ทีวีอนาล็อก" ทยอยปิดระบบเป็นรายพื้นที่!
http://pantip.com/topic/35062162
ปลดล็อกศึกชิงคลื่น 900 คสช.จัดให้'เอไอเอส' ปรับแผนสู้รอบใหม่
http://pantip.com/topic/35065240
กำหนดเคพีไอ 7 รัฐวิสาหกิจ เจ้ากระทรวงโดนบริหารห่วย
กำหนดเคพีไอ 7 รัฐวิสาหกิจ เจ้ากระทรวงโดนบริหารห่วย
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ได้มอบหมายให้ สคร.ไปเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง คือ บมจ.ทีโอที, บมจ.กสท, บมจ.การบินไทย, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, การรถไฟแห่งประเทศไทย, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ต้องเป็นไปตามแผนที่ คนร. ตั้งไว้ และจะใช้ผลการแก้ไขมาเป็นตัวชี้วัดการทำงาน (เคพีไอ) ของคณะกรรมการ และผู้บริหาร รวมไปถึงกระทรวงเจ้าสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากทำไม่สำเร็จต้องรับผิดชอบร่วมกัน
"สคร.ต้องประสานกับกระทรวงเจ้าสังกัด ให้ติดตามและเร่งรัดรัฐวิสาหกิจในความดูแลต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะตอนนี้มีมาตรา 44 ออกมา ต่อไปต้องโดน เคพีไอด้วย เช่น สคร.เอง ก็โดนเหมือนกัน แม้จะเป็นคนออกหลักเกณฑ์เรื่องนี้ เพราะกระทรวงการคลังมี 2 แบงก์ที่ต้องดูแล และครอบคลุมในระดับปลัดกระทรวง และอธิบดีด้วย ซึ่งตามข้อเท็จจริงที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจได้พิจารณาแผนฟื้นฟูก็ได้คุยแต่ระดับผู้บริหาร ทำให้ทางบอร์ดรับทราบบ้างไม่รับทราบบ้างหากผู้บริหารไม่ไปรายงาน ตอนนี้จึงต้องให้บอร์ดรับทราบด้วย ส่วนกระทรวงต้นสังกัดจะได้กระตือรือร้น เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจในความดูแลให้งานสำเร็จได้ตามเป้า"
สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาดังกล่าว เริ่มจาก บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท ล่าสุดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้สรุปว่า ทั้ง 2 หน่วยงานใช้งานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน โดยให้ทีโอที เป็นผู้นำลงทุนโครงข่ายภายในประเทศ ส่วน กสท ให้ลงทุนในโครงข่ายระหว่างประเทศ ส่วนธุรกิจอื่น ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ และคราวด์ ให้ตกลงกันว่าจะไปดำเนินการร่วมกันอย่างไรด้านการบินไทย ที่ประชุมได้มอบให้ไปเร่งแก้ปัญหาโดยกำหนดตัวชี้วัดในปี 59 เรื่องกำไรจากการดำเนินงาน การลดค่าใช้จ่าย การจัดการทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นต้องถือครอง และต้องเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเทียบเคียงกับสายการบินชั้นนำด้วย
ขณะที่ ขสมก.ที่ประชุมได้มอบหมายให้ไปดำเนินงานตามแผน ทั้งการจัดหารถโดยสาร 3,183 คัน ต้องลดผลขาดทุนในเดือน เม.ย.-ก.ย. 59 ให้ได้มากกว่า 250 ล้านบาท เพิ่มจากข้อเสนอของ ขสมก.ที่เสนอมาเพียง 150 ล้านบาท หลังจากในช่วงเดิน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมาลดการขาดทุนไปแล้ว 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังปรับปรุงอู่จอดรถและจัดทำแผนเดินรถร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ด้านการรถไฟฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดด้วยการให้ไปเร่งส่งมอบพื้นที่ย่านมักกะสันให้กระทรวงการคลังภายในปีนี้ หาข้อสรุปการบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ รวมไปถึงการเร่งรัดสร้างรถไฟทางคู่ และการบริหารที่ดินเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงคมนาคม ไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมในภาพรวมทั้งหมดมาเสนอภายใน 1 เดือนจากนี้ เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้แต่ละโครงการมีแผนงานอย่างไร
ส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ส่วนใหญ่ทำได้ตามแผนที่กำหนดไว้ แต่ให้เร่งบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้เหลือไม่เกิน 18,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีรายย่อย รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท ภายในสิ้นปีให้ได้ 35,000 ล้านบาท
ส่วนธนาคารอิสลามฯ ได้มอบหมายให้เร่งหาพันธมิตร และเร่งการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) เพื่อแยกหนี้เสียของธนาคารให้ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
นอกจากนี้ยังได้รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ล่าสุดได้เสนอกฎหมายไปยัง ครม.แล้ว คาดว่าจะผ่านเห็นชอบในเดือน เม.ย.นี้ และดำเนินการเพื่อเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยตั้งเป้าหมายต้องจัดตั้งบรรษัทฯ ให้ได้ภายในปีนี้.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 7)
ข่าวอืนเพิ่มเติม
ทรูอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เดินหน้าขยายแบนด์วิดท์กว่า 2 เท่าตัว ตั้งเป้าสิ้นปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาด
http://pantip.com/topic/35062068
กสท.รื้อแผนยุติ "ทีวีอนาล็อก" ทยอยปิดระบบเป็นรายพื้นที่!
http://pantip.com/topic/35062162
ปลดล็อกศึกชิงคลื่น 900 คสช.จัดให้'เอไอเอส' ปรับแผนสู้รอบใหม่
http://pantip.com/topic/35065240