ครั้งหนึ่งที่เจแปน - Osaka, Kyoto, Nara 5 วัน 4 คืน #1 คืนแรกที่สนามบิน วันแรกที่โอซาก้า

สวัสดีค่าเพื่อนๆ มิตรรักชาวพันทิพย์ทุกท่าน สวัสดีวันสงกรานต์ ปีใหม่แบบไทยๆ เล่นน้ำกันแต่พอดีนะคะ ปีนี้น้ำแล้ง ว่าแต่เพื่อนๆชาวพันทิพย์มีใครไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกันบ้างไหมคะ ส่วนเราเองก็อยู่บ้านไปยาวๆค่ะ อากาศร้อน ถึงร้อนมาก นอนตากพัดลม และมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราให้เพื่อนๆฟังดีกว่าเนอะ

และสำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเที่ยวคันไซ แบบสั้นๆ กระชับ มีเวลาน้อย เต็มที่ก็แค่ 4 วัน ลองดูกระทู้นี้เป็นแนวทาง และปรับแก้ตามความเหมาะสมกันไปนะคะ

เกริ่นก่อนว่า ทริปนี้ของเราเกิดขึ้นจากเมื่อตอนประมาณเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เราเกิดอาการอยากชาร์จแบต อยากจะไปญี่ปุ่น อยากจะเห็นซากุระ และก็พอดีจังหวะมีโปรของป้าแดง Thai Air Asia Xเดินทางไม่เกิน 31 มีนาคม 2559 ก็เลยเกิดอาการมือลั่น จอง ดอนเมือง – โอซาก้า เดินทางวันที่ 22 – 27 มีนาคม 2559 เพราะคิดเองว่า ทางโอซาก้าน่าจะเห็นซากุระก่อนโตเกียว แต่พอจองเสร็จจึงได้รู้ความจริงว่าโอซาก้า บานช้ากว่าโตเกียวจ้า แป้กครั้งที่ 1

และพอมีพยากรณ์ซากุระออกมา ก็ทำให้เราดีใจอีกครั้ง เพราะเมื่อการพยากรณ์ครั้งล่าสุดก่อนเราไป 1 อาทิตย์ บอกว่าประมาณช่วงวันที่ 23 มีนา โอซาก้าจะเริ่มบาน เราก็หัวใจพองโต แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงจริงๆ อากาศกลับหนาวลง ทำให้ซากุระบานช้า งานนี้เลยได้เห็นแต่ดอกตูมๆ แบบเพิ่งเกิดอยากเดียวเลยค่ะ แต่ก็มีบางต้นที่บานสะพรั่งเต็มต้นแล้ว ก็ยังดีค่ะ ยังพอได้เติมเต็มหัวใจบ้าง

และก่อนที่เราจะเริ่ม ก็ต้องขอขอบคุณ “คุณติวเตอร์ตู่” เราได้เส้นทางการนั่งรถไฟ JR ผสมกับเกียวโตบัส ก็จากติวเตอร์ตู่นี่แหละค่ะ
ขอบคุณคุณ “s7014249” ที่สรุป pass ต่างๆมาให้เห็นภาพชัดขึ้น ทำให้เราเลือกปรับตามความเหมาะสมกับแต่ละสถานที่ที่เราเลือกไป
ขอบคุณคุณ “A couple of S” สำหรับการรีวิวเส้นทางไปหมู่บ้านนินจา Iga ค่ะ สามีชอบที่นี่มาก
ขอบคุณคุณพี่ใจดี (ไม่รู้เค้าเล่นพันทิพย์ไหม) ที่ให้ยืมบัตรสมาชิกของ Toyoko Inn ในการจองโรงแรม ซึ่งถ้าเป็นสมาชิก สามารถจองได้ล่วงหน้า 6 เดือนค่ะ (หลังจองตั๋วเสร็จ เรานี่รีบบุ้ควันที่ในปฏิทินเพื่อที่จะรอจองโรงแรมเลยค่ะ)
และก็ต้องขอขอบคุณสมาชิกพันทิพย์ท่านอื่นๆ ที่ได้เคยมารีวิวการไปสถานที่ต่างๆ ทำให้เราได้เอามาประกอบการตัดสินใจในการเลือกที่จะไปแต่ละที่ เนื่องจากเรามีเวลาเที่ยวแค่ 4 วันเต็มๆเท่านั้นเองค่ะ
สมาชิกห้องบลูอบอุ่นเสมอ ^__^



สรุป เบื้องต้นในทริปนี้ รูปแบบการเที่ยวของเราจะเป็นดังนี้ค่ะ
1.    DMK – KIX นอนที่สนามบิน ใน Aero plaza 1 คืน
2.    เที่ยวโอซาก้า 1 วัน (วัดชิเทนโนจิ, หอคอย Tsutenkaku, Tempozan Ferris Wheel, ปราสาทโอซาก้า และ Mizuno Flagship Store Osaka)
3.    เกียวโต 1 วัน (ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ, วัดคินคะคุจิ (วัดทอง), วันคิโยมิซึ (วัดน้ำใส))
4.    นารา 1 วัน (วัดชิเทนโนจิ, หมู่บ้านนินจา Iga)
5.    ช้อปปิ้งในโอซาก้า และเก็บตก

สำหรับการเตรียมตัวไปเที่ยวในทริปนี้ เราได้ http://www.hyperdia.com/en/ เป็นตัวช่วยในการคำนวณเงินที่จะใช้ในการเดินทางค่ะ เราเลือกนอนที่โรงแรม Toyoko-inn ใกล้สถานี Shin-Osaka ในส่วนที่ใกล้ทางออก JR โดยจะใช้ที่นี่เป็นเบสตลอด 3 คืนค่ะ ดังนั้นเงื่อนไขการเลือกพาสของเราคือ ความสะดวกสบายในการไปเมืองอื่น เราจึงเลือก
1.    JR West Kansai Area Pass แบบ 4 วันค่ะ ราคา 6,300 เยน
2.    Osaka Amazing 1 Day Pass 2,300 เยน
3.    Kyoto Bus 1 Day Pass 500 เยน ค่ะ

มาเริ่มต้นกันที่สนามบินดอนเมืองค่ะ คราวนี้เราใช้บริการสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เวลาเครื่องออก วันที่ 22 มีนาคม 2559 เวลา 15.20 น. XJ  610
เคาท์เตอร์เช็คอิน และโหลดกระเป๋า ของสายการบิน Thai Air Asia X จะอยู่ที่ชั้น 3 Row 4 Terminal 1 นะคะ จะมีพนักงานคอยถามว่าเช็คอินมาจากเว็บหรือยัง แล้วเค้าจะส่งเราไปตามแถวต่างๆค่ะ

เราไม่ได้เก็บภาพบนเครื่องบินมาฝากนะคะ แต่เรามีความประทับใจมาเล่าแทน ที่นั่งข้างๆเราเป็นคุณลุงชาวญี่ปุ่น มีน้ำใจ และอัธยาศัยดีมากๆค่ะ ตอนเราได้รับใบ ตม. ของญี่ปุ่น เราก็อ่านๆ คุณลุงนึกว่าเราจะเขียน ก็เลยเอาปากกาให้แบบพร้อมเขียนเลยค่ะ (คุณลุงกดปากกาให้เสร็จ) แล้วคุณลุงก็ชวนคุย ถามว่ามาเที่ยวหมดไปเท่าไหร่ มากับทัวร์หรือมาเอง คุณลุงพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เพราะเค้าต้องมาทำงานที่ไทย ไปๆกลับๆ เนื่องจากติดวีซ่าแบบทำงานยังไม่ได้น่ะค่ะ

พูดถึงใบ ตม. เรารู้มาว่าวันที่ 1 เมษานี้เป็นต้นไปเปลี่ยนรูปแบบใหม่แล้วเนอะ เราขอแปะเอาไว้ให้ เผื่อจะได้ไม่ต้องไปหาหลายๆกระทู้ เวลาหาข้อมูลนะคะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะเห็นว่า ต่อไปนี้เราจะไม่ต้องกรอกสัญชาติ เพศ และหมายเลขหนังสือเดินทาง และแบบฟอร์มจะมีเพียงหน้าเดียว มีแต่ใบขาเข้าประเทศญี่ปุ่นอย่างเดียวค่ะ โดยยกเลิกใบขาออก สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ

เมื่อเครื่องบินแลนดิ้งสนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น เรามาถึงก่อนเวลาที่เค้าประกาศไว้ประมาณ 10 นาทีค่ะ ก็คือเวลาประมาณ 22.30 ตามเวลาประเทศญี่ปุ่นค่ะ จะลงจอดที่ Terminal 1 ซึ่งเมื่อเราลงเครื่องมาแล้ว ก็เดินไปตามทาง ตามป้ายเลยค่ะ แต่จะยังไม่ถึงจุดตรวจคนเข้าเมืองนะคะ เราต้องนั่งรถไฟระหว่าง Terminal จากอาคารขนส่ง ไปยังอาคารผู้โดยสาร

เราโชคดีมากค่ะ เจอคุณ ตม. หนุ่มหน้าตาดี ใส่แว่น (ฟินเลย อิอิ) เขาไม่ได้ถามอะไรเลย แสกนพาสปอร์ตเสร็จ มองหน้าว่าตรงกันไหม แต่จุดนี้ เราตื่นเต้นมาก เพราะเค้ามองหน้าเราสลับกับจออยู่สักพัก ไม่ใช่เพราะสมุดขาวเล่มใหม่นะคะ แต่เพราะหน้าตาเราตอนไปทำพาสปอร์ต กับหน้าตอนลงเครื่องมาเนี่ย ไม่ค่อยจะเหมือนกัน เนื่องจากเมคอัพล้วนๆเลยค่ะ นี่ขนาดว่าเราเมคอัพไม่ได้เยอะ ไม่ได้ติดขนตาปลอมนะคะ ตอนลงเครื่องก็เขียนคิ้ว แต่ไม่ได้ทาตาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นสาวๆที่แต่งหน้าจัดเต็มไปทำพาสปอร์ตต้องระวังจุดนี้ด้วยนะคะ

แต่ก็ไม่มีอะไรค่ะ เราก็กล้าสบตาเค้า ยิ้มๆให้ สักพักเค้าก็ให้เราแสกนนิ้ว ถ่ายรูป ที่หน้าจอก็ขึ้นว่า ยินดีต้อนรับ และคืนพาสปอร์ตมาให้ เป็นอันว่า เราได้เที่ยวญี่ปุ่นแล้วค่ะ เย้ๆ

และเนื่องจากว่า เราเลือกพักที่ชินโอซาก้า และจากสนามบิน ไปยังสถานีชินโอซาก้า มีเพียงรถไฟฮารุกะเท่านั้นที่ไปถึงโดยไม่ต้องต่อสถานี คืนแรกที่ไปถึง เราเลือกที่จะนอนที่สนามบินค่ะ ดังนั้นเราเลยไม่ได้รีบอะไรมากนัก และกระเป๋ากว่าเราจะได้ก็เกือบๆห้าทุ่มแล้ว คืนแรกนี้ เราเลือกนอนที่ Aero Plaza Zone ที่เค้าจัดไว้ให้เรานอนน่ะค่ะ จะประมาณนี้ค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การเดินหาไม่ยากค่ะ เมื่อเราออกมาจากจุดรับกระเป๋า ผ่านศุลกากรแล้ว (เข้าช่องเขียวนะคะ เค้าจะถามข้อมูลเราคร่าวๆ อย่างเราก็โดนถามว่ามากี่วัน เราก็ตอบไปตามจริงค่ะ แล้วเค้าก็เก็บใบศุลกากรไป) เราจะอยู่ที่ชั้น 1 ของ Termianl 1 ค่ะ ให้เราขึ้นบันไดเลื่อน (เราเลือกขึ้นทางด้านขวามือ) ไปยังชั้น 2 ออกไปด้านนอกประตู จะมีทางเชื่อมไปโรงแรม Hotel Nikko Kansai Airport, Aero Plaza รวมถึงไปเทอร์มินอล 2 ด้วยค่ะ



ก่อนไปถึงทางเชื่อม เมื่อมองไปสองข้างทางเราจะเห็น ตู้ขายตั๋วรถไฟ subway และ JR Office ด้วยนะคะ ซึ่งทั้งสองที่นี้ จะอยู่ทางซ้ายมือ หลังจากออกมาจากเทอร์มินอล 1 แล้วค่ะ ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเข้าสถานีรถไฟ สีส้มๆ จะเป็น subway สีฟ้า จะเป็น JR ค่ะ office ของ JR จะเปิดในเวลา 5.30 น.นะคะ และรถไฟฮารุกะ จะวิ่งเที่ยวแรก 6.30 น. ค่ะ (พอดีรีบๆเลยลืมถ่ายรูปมาฝากค่ะ แหะๆ)


เมื่อเข้าไปถึงด้านใน aero plaza แล้ว ก็จะมีเบอร์เกอร์คิง อยู่ตรงข้ามกับที่เราจะนอนเลยค่ะ และข้างๆกันก็ยังมี Lawson ด้วย เผื่อว่าหิวๆก็กินได้เลย เบอร์เกอร์คิงจะเปิด 24 ชั่วโมงนะคะ
เข้าไปด้านในส่วนที่พัก เราจะเจอกับเคาท์เตอร์เจ้าหน้าที่ เราสามารถยืมผ้าห่มได้ตรงนี้แหละค่ะ เค้าจะให้เราลงชื่อ และไฟลท์ไว้ และจะบอกว่าให้มาคืนก่อน 6 โมงเช้านะ ผ้าห่มหนาดีค่ะ และกรุณาอย่าเอาไปปูรองนอนที่พื้นนะคะ เพราะเผื่อคนมาต่อไปเค้าได้ใช้แบบสะอาดๆนะคะ

ภาพบรรยากาศคร่าวๆค่ะ

หมายเหตุ: ข้อเสียของการนอนที่นี่คือ เค้าจะเปิดไฟตลอดคืนเลย เบาะที่นั่งเขียว สามารถนอนได้ 2 คน นี่คือดีสุดแล้วนะคะ แต่เพราะเรานอนขดตัว พอสักประมาณตีสอง มีชายหนุ่ม มานอนต่อจากเราด้วย พอเรายืดตัว ขาเราไปเตะเค้าเลยค่ะ แถมเค้าก็มาเตะโดนเราอีก เพราะฉะนั้น ไม่ต้องนอนหัวติดกับเพื่อนมากนะคะ เว้นระยะ และนอนให้พอดี 2 คนนอนดีกว่าค่ะ ไม่งั้นจะเจอแบบเรา เพราะไฟที่เปิดทั้งคืน บวกกับมีคนมานอนเตะเราด้วย ฮือ ประมาณตี 3 ครึ่ง เราก็ตื่นแล้วค่ะ ก็เลยไปอาบน้ำดีกว่ากลัวคนเยอะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่