เที่ยวประเทศอิตาลี กับ Sony A7R2 กับเลนส์สองตัว แบบไปทัวร์ 8 วัน ป.ล. รูปเยอะครับ



     นี่เป็นกระทู้ที่สองของผมครับ   ต่อจากกระทู้ครบรอบหนึ่งปีกับกล้องฟูลเฟรม   http://pantip.com/topic/34565318   หากผิดพลาดประการใดขออถัยไว้ล่วงหน้าครับ เนื่องจากประสบการณ์มีน้อยครับ

   เนื่องจากได้เข้ามาสู่โลกของกล้องฟูลเฟรม ซึ่งลงทุนไปเป็นเงินมากพอสมควร ซึ่งกล้อง Sony A7R2 ก้ได้รางวัล Camera of the year 2015 ปกติก็ฝึกถ่ายตามที่ต่างๆ แต่จะลองเอาไปเที่ยวกับทัวร์ซึ่งมีข้อจำกัดทางด้านเวลามากๆ  แล้วจัวผมจะสามารถควบคุมกล้องในสภาวะนั้นๆแล้วได้ภาพที่ต้องการแค่ไหน    ผมได้มีโอกาส ไปเที่ยวประเทศอิตาลิกับ บ. HIT TOUR ครับ เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวใหม่หน่อย  เเละเนื่องจากมีข่าวเฝ้าระวังการโจมตีที่โรม  มิลานด้วย ผมเลยเลือกโปรแกรมเที่ยวที่ไม่ไปเมืองสำคัญมากครับ   โดยการไปเที่ยวกับบริษัท เวลาในการท่องเที่ยวแต่ละที่มีจำกัด ผมจึงวางแผนเอาเลนส์ไปสองตัวเท่านั้น เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง การใช้งานและ การดูแลทรัพย์สินของตนเองครับ เพราะ ประเทศอิตาลิ มีชื่อเสียงเรื่องการขโมยมากๆ    ผมเลือกเลนส์  FE 16-35mm. F4  กับ G 70-200 mm.  F4     เลนส์ตัวแรกเป็นเลนส์ตัวหลักถ่ายมุมกว้างเน้นวิว ทิวทัศน์  และ ถ่ายทั่วไปเท่าที่จะทำได้ครับ   ส่วนเลนส์เทเลซูม  เอาไว้ใช้ในหลายๆโอกาส  โดยจะอธิบายตามภาพนะครับ   

ท่องเที่ยวและชมรูปประกอบไปด้วยกันนะครับ

เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลา 12 ชม. 35  นาที ถึงสนามบิน  Malpensa International Airport เวลา 7.10 เวลาประเทศอิตาลิ



บรรยากาศที่สนามบินครับ  มาถึงก็รีบเดินไปเช็คอากาศทันที จะได้เตรียมตัวถูก




เมื่อถึงแล้วรับกระเป๋าเรียบร้อย   เดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่งครับ ก็ฟังไกด์  แล้วก็หลับไปบ้างครับ   ออกเดินทางไปเมืองซีรมิโอเน่ Sirmione

มาถึงเมืองแล้วครับ

เดินเข้าไปเจอปราสาทเก่าแก่ของเมือง   Sirmione Peninsela    มีกำแพงล้อมค่อนข้างชิดครับ ถ้าไม่มีเลนส์  16-35 mm.  ลำบากแน่ๆ ครับ

หน้าปราสาท มีท่าเรือ


ติดกับปราสาทคือทะเลสาปกราด้า  Garda lake





มีโบถส์สวยงามในเมือง




รับประทานอาหารมื้อแรก  ก็อร่อยดีนะครับ



ต่อมาเดินทางไปเมืองเวโรน่า Verona เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก ซึ่งอดีตเป็นเมืองที่สวยที่สุดสมัยโรมันเลยครับ

ไปถึงก็เจอ Arena Di Verona เป็นสนามวงรีที่สร้างด้วยอิฐสีชมพู อายุกว่า 1,900  ปี  มีความสมบูรณ์ไม่แพ้โคลอสเซี่ยมครับ





รอบๆมีตลาด  ผมก็เก็บบรรยากาศมาให้รับชมครับ


สินค้าขายดีที่พลาดไม่ได้ พินอคคิโอ


และทีเด็ดของวันแรกนี้  คือ บ้านจูเลียต ครับ  นี่คือสถานที่จริงที่ โรมิโอ ได้พูดคุยกับ จูเลียต  



  คนเยอะมากๆ










เค้าให้เขียนชื่อกัน ผมก็เอาด้วยแน่นอนครับ



จบวันแรกไปด้วยดีครับผม..
ต่อวันที่สองที่เวนิสครับ  Venice Mestre  เมืองหลวง และเมืองสุดท้ายของฝั่งแผ่นดินใหญ่ในแคว้นเวเนโต้ Veneto   ซึ่งเวนิส ได้สร้างจากเกาะเล๊กๆถึง 118  เกาะ มีทะสาปที่สวยขึ้นชื่อครับ  โดยมีฉายาว่าเมืองแห่งสายน้ำ The City of water    เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมาก เต็มไปด้วยศิลปะวัฒธรรมครับ      มาชมกันครับ

ก้าวแรกที่เวนิสครับ   สวยงามแท้ๆ







จุดสำคัญ โบถส์ซานมาโคร  San Marco  ตรงจตุรัสที่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันมาก  มีสภาปัตยกรรมสวยงามครับ


















แล้วมาถึงส่วนสำคัญ คือ ถ้าไม่ได้เอาเลนส์ G 70-200 F4 จะถ่ายภาพจากบนเรือเฟอรี่   ยากมากๆครับ  เลนสื กับกล้องมีกันสั่น   พอได้ภาพมาก็รู้สึกว่าคุ้มที่แบกไปด้วยครับ













บรรยากาศแบบเจาะลึก โดนการล่องเรือ กอนโดลาครับ   แพงหน่อย  แต่ถ้านั่งหกคนเต็มลำก็คุ้มอยุ่ครับ

ชมภาพครับ

ผมเอง














บ้านคาสโนว่า  ตัวจริง  มีรูปปั้นสาวๆ เพียบ  










ต่อมาวันที่สามครับ   ไปต่อกันที่เมืองฟลอเรนซ์ Florence  แต่วันนี้ฝนตกทั้งวันครับ มีหมอก  ได้ภาพอีกแนวเลยนะครับ

มาถึงฟลอเรนซ์ ก็แวะ มหารวิหารซานตามาเรีย เดล ฟิโอเร   Santa Maria Del Flore       หรือ Duomo   เป๋็นมหาวิหารขนาดใหญ่ อายุแปดร้อยปี  ถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยครับ     ชมภาพครับ





ถึงมหาวิหารละครับ  มีทหารถือปืนรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการโจมตีของไอสิส ครับ




ต่อมาที่จตุรัสซินญอเรีย Piazza della Signoria     อาคารศาลากลางเมืองแห่ง ฟลอเรนซ์พร้อมรูปปั้นจำลองเดวิด ของ ไมเคิล แองเจโล่ ครับ








ภาพต่อมาก็เป็นบรรยากาศทั่วไปในเมืองที่ฝนตกนะครับ






เสียเงินค่าร่มไปสิบยูโร กับ พวกท่าน








ห้างของคนไทยครับ   ของเซ็นทรัลนั่นเอง


ตู้ไปรษณีย์


ร้านปืน



ทีเด็ดคืออาหารกลางวันครับ    อาคารเคยเป็นสถานที่สำคัญมาก่อน มีอายุเก่าแก่มากๆ  ผมนี่ถ่ายรูปเพลินเลยครับ




















ออกจากร้านอาหาร  ก็นั่งรถ  แล้วลงเดินฝ่าฝนไปดูโบถส์เล็กๆแห่งหนึ่ง    สวยงามดีครับ









เหนื่อยและตากฝน มาทั้งวันแล้ว  ช่วงเย็นๆ ก็มุ่งตรงไปที่ Pisa   ไปดูหอเอนปิซ่า  ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ควรได้ไปเยี่ยมเยียนสักครั้งครับ  ไปถึงก็มืดแล้ว แล้วฝนตกตลอดครับ กล้องมีเอ๋อๆ พักนึง  แต่ก็สู้เพื่อรูปครับ

เชิญรับชมครับ



























  ส่วนรูปแท้ๆ ดูได้ที่เฟสผมครับ  
https://www.facebook.com/king144/media_set?set=a.10153525284542585.1073742170.596282584&type=3
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่