PART 1 Day 1 น้ำตกเอราวัณ
สวัสดีครับ ผมอยู่ภูเก็ตน่ะครับ นี่เป็นกระทู้เเรกของผมเลย
ผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยไว้ก่อน
ผมจะบอกว่าผมอยากจะมาเล่าเรื่องมากกว่ารีวิวซะอีก
ทนๆ อ่านไปหน่อยเเล้วกันน่ะครับ
จริงๆ ผมตั้งใจไปเขาช้างเผือกครับ กะว่าไปพักบ้านอิต๋องสักคืน แล้วเช้ามาอีกวันก็ขึ้นเขาช้างเผือก
แต่เเล้ว...ปีนี้ อช.ทองผาภูมิก็ประกาศไม่เปิดให้ขึ้นเขาช้างเผือก
แต่ทำไงล่ะ ตั๋วเครื่องบินก็จองไปแล้ว
ยังไงก็ต้องไปให้ได้ที่ไหนสักที่ในกาญจนบุรี งั้นเราไปลุยกันเลยย
ปล. รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง sony a6000 น่ะครับ

เดินทางจากภูเก็ต สู่ กทม ด้วยเที่ยวบิน FD3016 ไปถึงกทม ก็เที่ยงคืนครึ่งเเล้วล่ะครับ
จากนั้นเดินทางไปพักห้องเพื่อนต่อ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมอชิต
พักเอาแรงสัก สามชั่วโมง ก่อนออกเดินทางต่อไปกาญฯ
โดยต้องไปขึ้นรถตู้ที่หมอชิต2 นั่นแหละครับ
ตื่นตั้งเเต่ตีห้าเพื่อไปขึ้นรถที่หมอชิต2 เข้าสู่ ตัวเมืองกาญฯ

เราขึ้นรถตู้ของ บ.หนุมานทัวร์ ไปลงที่ บขส.กาญ ในราคาคนละ 120 บาท
ข่าวดีคือเราไม่ต้องรอรถนาน
ข่าวร้ายคือรถที่เรานั่งไปแอร์เสียครับ ร้อน สั..ๆ กว่าจะถึงกาญฯ
ระหว่างรอรถตู้ออกตอน 6.00 น. ก็เกิดหิวขึ้นมา เลยจัดมื้อรองท้องไปก่อนหนึ่งมื้อ
"ไวตามิ้ลค์" แก้หิวไปก่อนล่ะกานนครับ
8.30 น. ในที่สุดดดดด... ก็เดินทางมาถึง บขส กาญฯ
แผนสด (อันที่จริงก็ไม่สดเท่าไหร่ เพราะตกลงกันเเล้วเมื่อคืน) คือไปน้ำตกเอราวัณครับ แล้วก็มีรถเที่ยวที่จะออกใน อีก 10 นาที ต่อจากนี้พอดี
ข้าวเช้าก็ยังไม่กิน ออกเดินทางต่อเเล้วกัน ตั๋วรถราคา 70 บาทครับ
จะบอกว่านี่รถหรือปลากระป๋อง ยัดกันแน่นมากกกครับ
แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ 55555+

ในรถมากกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยก็เห็นจะมีผมกับเพื่อน เเล้วคนในพื้นที่อีกไม่กี่คนเองงครับ
พอถึงอุทยานเราก็ต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 100 บาท สำหรับคนไทย
ส่วนชาวต่างชาติ ก็ คูณ 3 ไปเลยยยครับบ โอะๆ ราคาไม่เบาเหมือนกันน่ะครับ
สวัสดี อช.เอราวัณณ เวลา 10.30 น.
ตอนนี้หิวมากแล้วแวะกินอะไรแถวนี้ก่อนเเล้วกันนนน
หลังจากกินกันจนอิ่มเเล้ว ก็ลุยต่อครับ จากป้ายนี้ ไปน้ำตกชั้นที่ 1 ระยะทางประมาณ 500 เมตรครับ สองข้างทางก็มีต้นไผ่และไม้น้อยใหญ่เป็นระยะๆ มีร่มไม้ให้พอได้คลายร้อนจากแสงแดดที่ค่อนข้างจ้า
ไปลุยกันนนน
น้ำตกเอราวัณ มีทั้งหมด 7 ชั้นน่ะครับ จะไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้น 7 เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร และสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร
...เดินกันต่อมุ่งหน้าสู่ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เป็นระยะทาง 500 เมตร จากจุดนี้ครับ
ธารน้ำด้านล่าง ผมก็นึกว่าถึงชั้นที่ 1 เเล้ว แต่จริงๆ คือยังไม่ถึง ต้องเดินขึ้นไปอีก 100 กว่าเมตรจากตรงนี้ครับ
จนกว่าจะถึงป้ายน้ำตกป้ายใหญ่ นั้นแหละถึงจะถึง ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง
ถึงเเล้วววว ชั้นที่ 1 " ไหลคืนรัง" เเต่เราจะยังไม่เล่นน้ำหรอกครับ จนกว่าจะพิชิต ทั้ง 7 ชั้นได้
เดินต่อไปอีกหน่อย ก็ถึงชั้นที่ 2 ครับ "วังมัจฉา"
ระหว่างชั้นที่ 2 กับ 3 จะมีชั้นที่สองครึ่งครับ ตอนจะข้ามสะพานไป
ผมว่าตรงนี้ก็สวยเหมือนกันน่ะะะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครตั้งชื่อให้มันหรือยัง
ข้ามสะพานนี้ไป เดินไปอีกหน่อย ก็ถึงชั้นที่สามครับ
นี่ไงชั้นที่ 3 "ผาน้ำตก" สมชื่อจริงๆ ฤดูที่มีน้ำเยอะที่นี่คงสวยไม่เบา
ต่อไปก็เป็น ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อครับ เขาว่ากันว่าหลายคนมาไม่ถึงน้ำตกชั้นนี้ เพราะไปไม่ไหว มากันได้ถึงเพียงแค่ชั้นผาน้ำตก เพราะระยะทางที่ต้องเดินต่อไปนั้นต้องไปอีกราว 250 เมตร ดูเหมือนจะไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ แต่ความชันของเส้นทางก็เล่นเอาถอดใจกันเป็นแถวเหมือนกันครับ
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับพวกเรา 5555+
ระหว่างทางก่อนจะถึงชั้นที่ 4 จะมีจุดชมวิวครับ ผมว่ามันสวยดีน่ะ เราเลยแวะเก็บภาพกันตรงนี้ครับ
แล้วเราก็เดินทางจนถึงครึ่งทางของเราาาา ชั้นที่ 4 "อกนางผีเสื้อ" ดูรูปเอาเเล้วกันน่ะครับสำหรับที่มาของชื่อ 55555+
จากชั้นที่ 4 ไปชั้นที่ 5 ระยะทางเริ่มไกลขึ้นครับ ต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกถึง 600 เมตรกันเลยทีเดียว นี่ก็เป็นระหว่างทางที่เราจะเดินต่อไปชั้น 5 "เบื่อไม่ลง" แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเบื่อรึป่าว ดูท่าว่าน้ำจะน้อยจริงๆ 5555

แล้วมันก็น้อยจริงๆ เบื่อไม่ลงคงไม่เหมาะสำหรับ ฤดูนี้ น่าจะชื่อ ลืมไม่ลง มากกว่าครับ น้ำน้อยมากก
แต่บรรยากาศมันยังคุ้มอยู่ครับ



แต่เราก็ยังหยุดไม่ได้ ภารกิจเรายังไม่บรรลุเลย สู้ต่อไป แดดเริ่มร้อนขึ้น เรื่อยๆ
ชั้นที่ 6 "ดงพฤกษา" น้ำก็ยิ่งน้อยมากไปอีกครับ แต่เอาว่ะะะ ใกล้ถึงสวรรค์ชั้น 7 เเล้ววว 555+
ท่านผู้ชมครับ แล้วในที่สุดดดด
เราก็มาถึงชั้นที่ 7 ครับบ "ภูผาเอราวัณ"
Mission complete มาถึงนี่ก็เที่ยงพอดี ใช้เวลา ราว 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ครับ
รออะไรละครับ โดดสิครับ โดดน้ำให้หายเหนื่อยกันหน่อยยย

ขึ้นไปอีกหน่อยจะมีปลาตอดเท้าน่ะครับ นั่งทำสปาปลาแบบธรรมชาติๆ ได้เลยย
แล้วหลังจากนี้เราก็ต้องลงกลับไป บขส.กาญ อีกครั้ง เพื่อต่อไปไปกางเต้นนอนที่ อช.ทองผาภูมิ
หวังจะเก็ยภาพวิวในตอนเช้า เฝ้ามองเขาช้างเผือกจากมุมไกล
แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ
มันเกิดอะไรขึ้นหรอ ไว้ผมจะมาเล่าต่อน่ะครับบบ
ภาคต่อครับ
เรานั่งรถกลับไป บขส.กาญ ถึง บขส สี่โมงกว่าเเล้ว และพบว่า หากเราไปทองผาภูมิตามแผนเดิมเราจะไปได้แค่ถึงตลาด เพราะกว่าจะไปถึงก็เกือบสองทุ่มมั้งครับ ตอนนั้นไม่มีรถขึ้นไปอุทยานเเล้วต้องเหมารถขึ้นไปในราคา 1500 บาท สำหรับเราชาว backpack ถือว่ามันแพงเกินไปด้วยงบที่มีจำกัด เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนกระทันหัน จากทองผาภูมิเป็นสังขระบุรีครับ
แต่!!!!!!! มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นสิครับ รถที่จะไปสังขระบุรี มันหมดเเล้วครับบบ โถว่ นี่เราต้องไปทองผาภูมิ โดยไม่ได้อะไรเลยจริงๆ หรอนี่
ม่ายยน่ะโว้ยยยยยยยยย มันต้องไม่เป็นแบบนี้
ไม่มีทางเลือกอื่นเเล้วครับจำใจนั่งรถไปทองผาภูมิ เเล้วประชุมกันบนรถและได้ข้อสรุปว่าเราจะไปสังขระให้ได้ โดยไปลงที่ทองผาภูมิ เเล้วจะโบกรถต่อไปสังขระครับ
20.00 น. ท่านผู้อ่านครับบบ เรามาถึงทองผาภูมิเเล้วว มันดึกมากก แล้วใครจะจอดให้เราาาขึ้นไปสังขระกันล่ะะะะ เราจึงตัดสินใจลงรถที่สามแยกที่จะไปสังขระ พร้อมพี่ทหารคนนึง และเดินตามพี่ทหารไปที่ด่าน ขอให้ทหารช่วยโบกรถให้เรา
แล้ว!!! พระเจ้าาาายังเข้าข้างเราอยู่ครับ นาทีนั้น ดีใจมากกกกก มีพี่ใจดีขับกระบะสีขาว ให้เราติดรถไปได้ครับ เรารอดชีวิตเเล้ววว
ระยะทาง 60 กิโล จากทองผาภูมิไป สังขระบุรี กับการขึ้นเขาในเวลา 80 นาที บนหลังกระบะ เป็นอะไรที่ตื่นมากครับ มีความหวาดเสียวเกิดขึ้นตลอดเวลา ลมหนาวก็ปะทะตัว เย็นสะท้านไปหมด เราเฝ้าภาวนาให้ถึงจุดหมายไวๆ
และแล้ว 21.20 น. เราก็มาถึงสังขระบุรีครับ ด้วยความหิว เราจึงมุ่งตรงไป ไปเจอกับ
หมูจุ่มซอสแดงพม่าไม้ละบาท
งานนี้ต้องลองเเล้วล่ะครับบ
อีกเมนูคือ ยำสาวมอญ ครับ
ลืมบอกไประหว่างที่เรานั่งรถมานี่ เราก็ดิวกับที่พักดังที่นึงของสังขระ ว่าเราขอจองห้องพัก และ จนท.บอกเราว่าไม่ต้องจองสามารถเข้ามาเลือกห้องพักได้เลย เราก็บอกเเล้วว่าเราไปถึงราวสามทุ่มกว่า จนท. ก็ยืนยันว่าสามารถเข้าไปเลือกห้องได้ไม่ต้องจองครับ
แต่!!! พอไปถึง (นั่งวินจากหน้าเซเว่นไปที่พักคนละ 20 บาท) ไม่มี จนท. สักคน โทรก็ไม่รับสายครับ ความซวยของเราคือ...เเล้วคืนนี้จะนอนไหนนน โชคดีมีคุณน้าคนนึงเดินผ่านมาเเล้วแนะนำเราว่า ลองเดินออกไปที่ถนนฝั่งตรงข้ามน่าจะมีที่พัก
เราจึงไม่รอช้าครับ ลองดูอีกสักตั้ง
และเเล้วว เราก็มีที่ซุกหัวนอนนนน
เรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านี้ครับ คือว่าเจ้าของ Haiku Guesthouse ลดราคาให้เราเป็นพิเศษ ปกติ ห้องล่ะ 600 บาท นอนได้ 2 คนต่อห้อง
เจ้าของให้เราพัก 2 ห้องในราคา 600 บาท พระเจ้าาาาาในเรื่องแย่ๆ ยังมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ ซาบซึ้งใจมากกกกก
โอ้ววว มีที่นอนแล้วว ยืมรถมมอไซต์เจ้าของ Guesthouse ไปซื้ออะไรมาดื่มกินแก้หนาวกันซักหน่อยยย
เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธ์ และตักบาตรเช้ากันครับ
ขอตัวไปนอนก่อนครับ เดี่ยวพรุ่งนี้เช้า จะเก็บภาพมาให้ชมกันนนนน ^_^
[CR] เที่ยวเมืองกาญ แบบมั่วๆ 3 วัน 3 คืน น้ำตกเอราวัณ - สังขระบุรี - สะพานข้ามเเม่น้ำเเคว
PART 1 Day 1 น้ำตกเอราวัณ
สวัสดีครับ ผมอยู่ภูเก็ตน่ะครับ นี่เป็นกระทู้เเรกของผมเลย
ผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยไว้ก่อน
ผมจะบอกว่าผมอยากจะมาเล่าเรื่องมากกว่ารีวิวซะอีก
ทนๆ อ่านไปหน่อยเเล้วกันน่ะครับ
จริงๆ ผมตั้งใจไปเขาช้างเผือกครับ กะว่าไปพักบ้านอิต๋องสักคืน แล้วเช้ามาอีกวันก็ขึ้นเขาช้างเผือก
แต่เเล้ว...ปีนี้ อช.ทองผาภูมิก็ประกาศไม่เปิดให้ขึ้นเขาช้างเผือก
แต่ทำไงล่ะ ตั๋วเครื่องบินก็จองไปแล้ว
ยังไงก็ต้องไปให้ได้ที่ไหนสักที่ในกาญจนบุรี งั้นเราไปลุยกันเลยย
ปล. รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง sony a6000 น่ะครับ
เดินทางจากภูเก็ต สู่ กทม ด้วยเที่ยวบิน FD3016 ไปถึงกทม ก็เที่ยงคืนครึ่งเเล้วล่ะครับ
จากนั้นเดินทางไปพักห้องเพื่อนต่อ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมอชิต
พักเอาแรงสัก สามชั่วโมง ก่อนออกเดินทางต่อไปกาญฯ
โดยต้องไปขึ้นรถตู้ที่หมอชิต2 นั่นแหละครับ
ตื่นตั้งเเต่ตีห้าเพื่อไปขึ้นรถที่หมอชิต2 เข้าสู่ ตัวเมืองกาญฯ
เราขึ้นรถตู้ของ บ.หนุมานทัวร์ ไปลงที่ บขส.กาญ ในราคาคนละ 120 บาท
ข่าวดีคือเราไม่ต้องรอรถนาน ข่าวร้ายคือรถที่เรานั่งไปแอร์เสียครับ ร้อน สั..ๆ กว่าจะถึงกาญฯ
ระหว่างรอรถตู้ออกตอน 6.00 น. ก็เกิดหิวขึ้นมา เลยจัดมื้อรองท้องไปก่อนหนึ่งมื้อ
"ไวตามิ้ลค์" แก้หิวไปก่อนล่ะกานนครับ
8.30 น. ในที่สุดดดดด... ก็เดินทางมาถึง บขส กาญฯ
แผนสด (อันที่จริงก็ไม่สดเท่าไหร่ เพราะตกลงกันเเล้วเมื่อคืน) คือไปน้ำตกเอราวัณครับ แล้วก็มีรถเที่ยวที่จะออกใน อีก 10 นาที ต่อจากนี้พอดี
ข้าวเช้าก็ยังไม่กิน ออกเดินทางต่อเเล้วกัน ตั๋วรถราคา 70 บาทครับ
จะบอกว่านี่รถหรือปลากระป๋อง ยัดกันแน่นมากกกครับ
แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ 55555+
ในรถมากกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยก็เห็นจะมีผมกับเพื่อน เเล้วคนในพื้นที่อีกไม่กี่คนเองงครับ
พอถึงอุทยานเราก็ต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 100 บาท สำหรับคนไทย
ส่วนชาวต่างชาติ ก็ คูณ 3 ไปเลยยยครับบ โอะๆ ราคาไม่เบาเหมือนกันน่ะครับ
สวัสดี อช.เอราวัณณ เวลา 10.30 น.
ตอนนี้หิวมากแล้วแวะกินอะไรแถวนี้ก่อนเเล้วกันนนน
หลังจากกินกันจนอิ่มเเล้ว ก็ลุยต่อครับ จากป้ายนี้ ไปน้ำตกชั้นที่ 1 ระยะทางประมาณ 500 เมตรครับ สองข้างทางก็มีต้นไผ่และไม้น้อยใหญ่เป็นระยะๆ มีร่มไม้ให้พอได้คลายร้อนจากแสงแดดที่ค่อนข้างจ้า
ไปลุยกันนนน
น้ำตกเอราวัณ มีทั้งหมด 7 ชั้นน่ะครับ จะไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้น 7 เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร และสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร
...เดินกันต่อมุ่งหน้าสู่ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เป็นระยะทาง 500 เมตร จากจุดนี้ครับ
ธารน้ำด้านล่าง ผมก็นึกว่าถึงชั้นที่ 1 เเล้ว แต่จริงๆ คือยังไม่ถึง ต้องเดินขึ้นไปอีก 100 กว่าเมตรจากตรงนี้ครับ
จนกว่าจะถึงป้ายน้ำตกป้ายใหญ่ นั้นแหละถึงจะถึง ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง
ถึงเเล้วววว ชั้นที่ 1 " ไหลคืนรัง" เเต่เราจะยังไม่เล่นน้ำหรอกครับ จนกว่าจะพิชิต ทั้ง 7 ชั้นได้
เดินต่อไปอีกหน่อย ก็ถึงชั้นที่ 2 ครับ "วังมัจฉา"
ระหว่างชั้นที่ 2 กับ 3 จะมีชั้นที่สองครึ่งครับ ตอนจะข้ามสะพานไป
ผมว่าตรงนี้ก็สวยเหมือนกันน่ะะะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครตั้งชื่อให้มันหรือยัง
ข้ามสะพานนี้ไป เดินไปอีกหน่อย ก็ถึงชั้นที่สามครับ
นี่ไงชั้นที่ 3 "ผาน้ำตก" สมชื่อจริงๆ ฤดูที่มีน้ำเยอะที่นี่คงสวยไม่เบา
ต่อไปก็เป็น ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อครับ เขาว่ากันว่าหลายคนมาไม่ถึงน้ำตกชั้นนี้ เพราะไปไม่ไหว มากันได้ถึงเพียงแค่ชั้นผาน้ำตก เพราะระยะทางที่ต้องเดินต่อไปนั้นต้องไปอีกราว 250 เมตร ดูเหมือนจะไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ แต่ความชันของเส้นทางก็เล่นเอาถอดใจกันเป็นแถวเหมือนกันครับ
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับพวกเรา 5555+
ระหว่างทางก่อนจะถึงชั้นที่ 4 จะมีจุดชมวิวครับ ผมว่ามันสวยดีน่ะ เราเลยแวะเก็บภาพกันตรงนี้ครับ
แล้วเราก็เดินทางจนถึงครึ่งทางของเราาาา ชั้นที่ 4 "อกนางผีเสื้อ" ดูรูปเอาเเล้วกันน่ะครับสำหรับที่มาของชื่อ 55555+
จากชั้นที่ 4 ไปชั้นที่ 5 ระยะทางเริ่มไกลขึ้นครับ ต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกถึง 600 เมตรกันเลยทีเดียว นี่ก็เป็นระหว่างทางที่เราจะเดินต่อไปชั้น 5 "เบื่อไม่ลง" แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเบื่อรึป่าว ดูท่าว่าน้ำจะน้อยจริงๆ 5555
แล้วมันก็น้อยจริงๆ เบื่อไม่ลงคงไม่เหมาะสำหรับ ฤดูนี้ น่าจะชื่อ ลืมไม่ลง มากกว่าครับ น้ำน้อยมากก
แต่บรรยากาศมันยังคุ้มอยู่ครับ
แต่เราก็ยังหยุดไม่ได้ ภารกิจเรายังไม่บรรลุเลย สู้ต่อไป แดดเริ่มร้อนขึ้น เรื่อยๆ
ชั้นที่ 6 "ดงพฤกษา" น้ำก็ยิ่งน้อยมากไปอีกครับ แต่เอาว่ะะะ ใกล้ถึงสวรรค์ชั้น 7 เเล้ววว 555+
ท่านผู้ชมครับ แล้วในที่สุดดดด
เราก็มาถึงชั้นที่ 7 ครับบ "ภูผาเอราวัณ"
Mission complete มาถึงนี่ก็เที่ยงพอดี ใช้เวลา ราว 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ครับ
รออะไรละครับ โดดสิครับ โดดน้ำให้หายเหนื่อยกันหน่อยยย
ขึ้นไปอีกหน่อยจะมีปลาตอดเท้าน่ะครับ นั่งทำสปาปลาแบบธรรมชาติๆ ได้เลยย
แล้วหลังจากนี้เราก็ต้องลงกลับไป บขส.กาญ อีกครั้ง เพื่อต่อไปไปกางเต้นนอนที่ อช.ทองผาภูมิ
หวังจะเก็ยภาพวิวในตอนเช้า เฝ้ามองเขาช้างเผือกจากมุมไกล
แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ
มันเกิดอะไรขึ้นหรอ ไว้ผมจะมาเล่าต่อน่ะครับบบ
ภาคต่อครับ
เรานั่งรถกลับไป บขส.กาญ ถึง บขส สี่โมงกว่าเเล้ว และพบว่า หากเราไปทองผาภูมิตามแผนเดิมเราจะไปได้แค่ถึงตลาด เพราะกว่าจะไปถึงก็เกือบสองทุ่มมั้งครับ ตอนนั้นไม่มีรถขึ้นไปอุทยานเเล้วต้องเหมารถขึ้นไปในราคา 1500 บาท สำหรับเราชาว backpack ถือว่ามันแพงเกินไปด้วยงบที่มีจำกัด เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนกระทันหัน จากทองผาภูมิเป็นสังขระบุรีครับ
แต่!!!!!!! มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นสิครับ รถที่จะไปสังขระบุรี มันหมดเเล้วครับบบ โถว่ นี่เราต้องไปทองผาภูมิ โดยไม่ได้อะไรเลยจริงๆ หรอนี่ ม่ายยน่ะโว้ยยยยยยยยย มันต้องไม่เป็นแบบนี้
ไม่มีทางเลือกอื่นเเล้วครับจำใจนั่งรถไปทองผาภูมิ เเล้วประชุมกันบนรถและได้ข้อสรุปว่าเราจะไปสังขระให้ได้ โดยไปลงที่ทองผาภูมิ เเล้วจะโบกรถต่อไปสังขระครับ
20.00 น. ท่านผู้อ่านครับบบ เรามาถึงทองผาภูมิเเล้วว มันดึกมากก แล้วใครจะจอดให้เราาาขึ้นไปสังขระกันล่ะะะะ เราจึงตัดสินใจลงรถที่สามแยกที่จะไปสังขระ พร้อมพี่ทหารคนนึง และเดินตามพี่ทหารไปที่ด่าน ขอให้ทหารช่วยโบกรถให้เรา
แล้ว!!! พระเจ้าาาายังเข้าข้างเราอยู่ครับ นาทีนั้น ดีใจมากกกกก มีพี่ใจดีขับกระบะสีขาว ให้เราติดรถไปได้ครับ เรารอดชีวิตเเล้ววว
ระยะทาง 60 กิโล จากทองผาภูมิไป สังขระบุรี กับการขึ้นเขาในเวลา 80 นาที บนหลังกระบะ เป็นอะไรที่ตื่นมากครับ มีความหวาดเสียวเกิดขึ้นตลอดเวลา ลมหนาวก็ปะทะตัว เย็นสะท้านไปหมด เราเฝ้าภาวนาให้ถึงจุดหมายไวๆ
และแล้ว 21.20 น. เราก็มาถึงสังขระบุรีครับ ด้วยความหิว เราจึงมุ่งตรงไป ไปเจอกับ หมูจุ่มซอสแดงพม่าไม้ละบาท
งานนี้ต้องลองเเล้วล่ะครับบ
อีกเมนูคือ ยำสาวมอญ ครับ
ลืมบอกไประหว่างที่เรานั่งรถมานี่ เราก็ดิวกับที่พักดังที่นึงของสังขระ ว่าเราขอจองห้องพัก และ จนท.บอกเราว่าไม่ต้องจองสามารถเข้ามาเลือกห้องพักได้เลย เราก็บอกเเล้วว่าเราไปถึงราวสามทุ่มกว่า จนท. ก็ยืนยันว่าสามารถเข้าไปเลือกห้องได้ไม่ต้องจองครับ
แต่!!! พอไปถึง (นั่งวินจากหน้าเซเว่นไปที่พักคนละ 20 บาท) ไม่มี จนท. สักคน โทรก็ไม่รับสายครับ ความซวยของเราคือ...เเล้วคืนนี้จะนอนไหนนน โชคดีมีคุณน้าคนนึงเดินผ่านมาเเล้วแนะนำเราว่า ลองเดินออกไปที่ถนนฝั่งตรงข้ามน่าจะมีที่พัก
เราจึงไม่รอช้าครับ ลองดูอีกสักตั้ง
และเเล้วว เราก็มีที่ซุกหัวนอนนนน
เรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านี้ครับ คือว่าเจ้าของ Haiku Guesthouse ลดราคาให้เราเป็นพิเศษ ปกติ ห้องล่ะ 600 บาท นอนได้ 2 คนต่อห้อง
เจ้าของให้เราพัก 2 ห้องในราคา 600 บาท พระเจ้าาาาาในเรื่องแย่ๆ ยังมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ ซาบซึ้งใจมากกกกก
โอ้ววว มีที่นอนแล้วว ยืมรถมมอไซต์เจ้าของ Guesthouse ไปซื้ออะไรมาดื่มกินแก้หนาวกันซักหน่อยยย
เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธ์ และตักบาตรเช้ากันครับ
ขอตัวไปนอนก่อนครับ เดี่ยวพรุ่งนี้เช้า จะเก็บภาพมาให้ชมกันนนนน ^_^