[CR] ผู้หญิงคนเดียว เที่ยวเมืองคอน นอนคีรีวง


เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นครั้งแรกที่มาคีรีวง  เป็นครั้งแรกที่นั่งรถไฟมาเที่ยวภาคใต้คนเดียว

เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด  จากผู้คนที่เราได้พบเจอ

เพราะเราเชื่อเสมอว่า  ระหว่างทางที่เราเดิน  สำคัญกว่าจุดหมายจริงๆ

จากการเดินทางด้วยรถไฟครั้งก่อนนู้นที่ถือว่าเป็นการนั่งรถไฟที่ยาวนานที่สุดสำหรับเราแล้ว นั่นก็คือการนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปปีนัง  ซึ่งใช้ชีวิตในรถไฟถึง 1 วันเต็ม  ขาไป  และขากลับอีก 1 วันเต็ม จากกระทู้เดิม

http://pantip.com/topic/34295084 เมื่อชะนีไทย นั่งรถไฟไปปีนังคนเดียว กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ 2 คืน 5 วัน กับงบไม่ถึง 3,500 บาท

แต่ครั้งนั้นมันเป็นการเดินทางด้วยรถไฟที่โคตรจะสบายเลย

ตอนแรกเรากะจะไปอีกจังหวัดนึงของภาคใต้  แต่ลองเช็คแล้ว  แถบนั้นใกล้ทะเลและดันมีพายุพอดี  เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเลยเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ว  หาข้อมูลเดินทางแค่ 2-3 วัน  งี้แหละ  เวลาไปคนเดียว ตัดสินใจไปเร็วมาก  ดีตรงที่ไม่ต้องถามใคร  และไม่คิดว่าการลงใต้ครั้งนี้จะเป็นการนั่งรถไฟครั้งที่โหดมากๆสำหรับเราอีกครั้งหนึ่ง  ตอนแรกถามเพื่อนว่า "แกๆ ถ้าชั้นนั่งรถไฟไปนครฯนี่ ไปรถนอนคนเดียวจะโดนข่มขืนมั้ยวะ"  เพื่อนบอก  "ก็เส้นทางนี้แหละที่เป็นข่าว พนง.รถไฟฆ่าข่มขืนเด็ก"  จิตตกไป 3 วิ  แล้วเพื่อนก็พูดต่อว่า  "จะยากอะไร  ก็ไปรถที่ไม่ต้องนอนสิ"


นั่นแหละค่ะ  รถที่ไม่ต้องนอน  ที่ทั้งถูกและประหยัด และเคยนั่งมาแล้ว  แต่เป็นระยะทางใกล้ๆ  "รถไฟชั้น 3"  ผู้หญิงคนไหนนั่งชั้น 3 ได้นี่จะถือว่าแกร่งและถึกมากในระดับนึงเลยทีเดียว   จะรออะไรล่ะ  ตั้งใจจะลงใต้แล้ว  ไปทะเลไม่ได้  แล้วถ้าภาคใต้ในแบบที่ไม่มีทะเลมันจะเป็นยังไง จะเที่ยวยังไง  เที่ยวใต้ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี่นะ  จากข้อมูลที่หามาได้น้อยนิด  แล้วค่อยไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน

2 วัน 1 คืน ที่จะไม่มีวันลืมเลย  สำหรับการนั่งรถไฟชั้น 3 ลงใต้ และการตั้งใจไปปั่นจักรยานในหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาที่นี่

"คีรีวง"

ข้อมูลที่เป็นสาระอาจไม่ค่อยมีเยอะนัก  หากให้ข้อมูลผิดตรงไหนรบกวนช่วยแก้ไขได้นะคะ

ช่วงนี้กระทู้ตกเร็ว  หากใครต้องการสอบถามข้อมูลทีหลัง  อินบ๊อกมาคุยกันได้  https://www.facebook.com/bowie.TT/media_set?set=a.10207613208746375.1073741862.1175648006&type=3  ให้ข้อมูลได้นิดๆหน่อยๆในส่วนของการเตรียมตัวขึ้นรถไฟสำหรับผู้หญิงคนเดียว  แต่หากข้อมูลท่องเที่ยวนี่ต้องลองไปสัมผัสเองจริงๆ

สำหรับการไปคนเดียว แล้วใครที่ยังสงสัยว่าถ่ายรูปยังไง  เข้าไปดูในกระทู้เก่าๆได้ค่ะ  เรามีบอกไว้  เทคนิคการถ่ายพร้อมอุปกรณ์ราคาแสนถู๊กถูก

บางรูปอาจจะไม่ชัด เพราะเราถ่ายจากมือถือ และกล้องดิจิตอลเก่าๆใช้ถ่านก้อน เอามาปรับแสงและความคมชัดนิดหน่อย แต่รับรองว่าของจริง  สวยกว่าที่เห็นในรูปหลายเท่า  แถมเรายังได้สูดอากาศเต็มปอดอีกต่างหาก

ปกติเราจะนั่งรถไฟไปเที่ยว เริ่มขึ้นรถไฟช่วงกลางวัน  แต่นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่เราเริ่มขึ้นรถไฟกันตอนกลางคืน  โดยเริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา  19.30 น. เวลาที่เราจะถึงนครศรีธรรมราชคือเวลา  10.55 น.ของอีกวันโดยประมาณ  แต่ก็นะเผื่อใจไว้รถไฟไทยเวลาออกตรงเวลามากๆ  แต่เวลาถึงตรงเวลาน้อยมาก  ขึ้นรถไฟปุ๊บเตรียมตัวหลับปั๊บ  เพราะรถไฟชั้น 3 ไม่มีเตียง  เราต้องหาเวลางีบได้เท่าที่เราจะมี เพื่อเก็บแรงไว้ลุยต่อในวันรุ่งขึ้น  แถมยังต้องหลับๆตื่นๆตลอดทางระหว่างทางที่รถไฟจอดรับผู้โดยสารทุกจังหวัด

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อนคือ เราโดนยุงกัด!! กัดเยอะมากด้วย  จากที่จะได้นอนหลับแต่กลับโดนกัดจนถึงเพชรบุรีนู่นกว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่โดนยุงหามไปได้  เพราะเส้นทางลงใต้ผ่านต้นไม้ใบหญ้าเยอะเกินไป  เราชะล่าใจเองที่ไม่ได้พกยากันยุงมา  แถมเดินทางวันธรรมดา คนบนรถไฟก็น้อย  ไม่มีใครช่วยแบ่งเลือดให้ยุง นั่งอยู่คนเดียวเลย  ที่นั่งห่างเราไปอีกก็มีแต่เด็ก  ผู้หญิง คนแก่  เด็กน้อยร้องเจื้อยแจ้ว  ในใจคิด "ชั้นมาทำอะไรเนี่ย"  อุปสรรคของการเดินทางมันเพิ่งเริ่มต้นใช่มั้ย  นี่ใช่มั้ยรสชาติของชีวิต  คิดนู่นนี่  เดินทางเที่ยวช่วงฝนตกแบบนี้จะเจออะไรร้ายๆอีกบ้างมั้ย คิดนั่นคิดนี่จนเผลอหลับไป   เนื่องจากเป็นคนอยู่ง่าย  กินง่าย  นอนตรงไหนก็หลับได้หมด  อันนี้เลยสบายใจไปมาคนเดียวได้  ถ้ามากับเพื่อน  ล้านเปอร์เซ็นมีดราม่าแน่นอน  นี่แหละคือเหตุผลที่ต้องมาคนเดียว


7.00 น.วันรุ่งขึ้น  ในขณะที่เรายังนอนคุดคู้ ขดตัวอยู่บนเก้าอี้รถไฟ   "น้าๆ ถึงไชยาแล้ว"

ใช่ค่ะ  เด็กน้อยเมื่อคืน 2-3 คนที่เราสุดแสนจะรำคาญและไม่กล้าทักใครก่อน  ด้วยความที่กลัวว่าคนใต้นี่ต้องดุแน่ๆเลย  ตลอดเวลาที่นั่งมาเมื่อคืนเลยไม่อยากยุ่งกับใครเลย  เพราะเดินทางกลางคืนด้วย


แกงค์เด็กแสบเมื่อคืน  กลายเป็นเด็กน่ารักในเช้าวันนี้  แม่น้องคงให้น้องมาปลุกเรา เพราะเค้าไม่รู้ว่าเราลงตรงไหน น้ำใจคนใต้ได้มาแล้วตั้งแต่ตื่นนอนเลย


ไอ้เราก็นั่งเปิดเน็ตใหญ่เลย  "ไชยานี่มันที่ไหนวะ"   ถึงบางอ้อเมื่อรู้ว่าถึงสุราษฎร์ธานีแล้ว  นั่งรถไฟแป๊บๆมาถึงใต้แล้ว  อีกนิดเดียว  โหยตื่นเต้น   แต่เดียวก่อนนะ  ได้กลิ่นอะไรโชยมา

ไก่ทอดมั้ยจ๊ะไก่ทอด  ถึงไม่ใช่หาดใหญ่ก็มีไก่ทอด  เสน่ของการนั่งรถไฟมันอยู่ตรงนี้อีกอย่างคือ  ทุกๆจังหวัดที่แวะเราจะเจอกับของกินที่แวะขึ้นมาขายอย่างไม่ขาดสาย  อร่อยๆทั้งนั้น  ตื่นปุ๊ป กินปั๊บ  ฟันไม่แปรง หน้าไม่ล้าง  หญิงไทยพันธุ์ใหม่ค่ะ  โอย...หอม  กินไก่ท่ามกลางธรรมชาติเขียวๆ


สักพักเด็กๆก็ลงสถานีบ้านส้อง   น่าจะเป็นสถานีที่ยังอยู่ไชยา  คนลงหมดเลย  ทั้งคันมีแต่เรา  เราไม่ได้ลงผิดใช่มั้ย  สุราษฎร์ถึงก่อนนครฯ  ปลายทางคือนครฯ  เรายังไม่ต้องลงใช่มั้ย  กลัวลงผิดสถานีมากอ่ะ


ระหว่างทางที่รถไฟจอดหลายสถานีซึ่งนี่ก็จำไม่ได้เลยว่าจอดที่ไหนบ้าง  ชมวิวเพลินลืมมองป้าย  ฝนก็ปรอยๆ  ครึ้มๆ  ต้นไม้ชุ่มฉ่ำไปหมด





ท่ามกลางความหวาดกลัวต่างๆนานาที่เราตัดสินใจนั่งรถไฟลงใต้ ที่คิดว่ามันแสนโหด  แต่ในวันรุ่งขึ้นเรากลับละสายตาไม่ได้เลยกับภาพที่เห็นข้างทาง  ภาคใต้ในแบบไม่มีทะเล  ภูเขาของภาคใต้ในช่วงหน้าฝนไม่คิดว่าจะดีงามขนาดนี้  อยากให้ลองได้สัมผัสกันจริงๆ  โดยเฉพาะเส้นทางก่อนจะลอดอุโมงค์ช่องเขา  อุโมงค์รถไฟแห่งเดียวของภาคใต้  รถไฟจะวิ่งเส้นนี้อย่างช้าๆ  เพราะซ้ายมือนี่ติดเขา ขวามือนี่ก็เป็นห้วยลึกลงไป  มันละสายตาไม่ได้เลยจริงๆกับภาพที่เห็น  จากที่เหนื่อยกับการเดินทางเมื่อคืน  เหนื่อยกับการที่โดนยุงกัดและเสียงมนุษย์เด็กเจื้อยแจ้ว  เจอวิวสองข้างทางแบบนี้ไป มันหายเป็นปลิดทิ้งเลย  อีกนิดเดียวก็ปลายทางแล้ว  ตอนนี้ทั้งคันมีแต่เราเป็นผู้โดยสารคนเดียว  และ พนง.รถไฟที่เดินไปมาและคอยเก็บขยะ


ไม่ช้า  เราก็มาถึง


ปู๊น ปู๊น  นครศรีธรรมราช  โอย  ตื่นเต้นเป็นบ้า  เอาเป็นว่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เดินทางคนเดียวแหละ


ถึงนครศรีธรรมราชประมาณ 11.00 น. ก่อนอื่นมองหาสองแถวเข้าหมู่บ้านก่อนเลย  จากที่หาข้อมูลได้มาอันน้อยนิด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องเดินไปหาสองแถวตรงไหน  แผนที่อยู่ที่ปาก  เดินซอกแซกไปมา  ถามทางมาเรื่อยๆจนเจอ



บอกเป็นแนวทางให้ว่า  ออกจากรถไฟมาแล้ว  หันหลังให้รถไฟ  เดินมาหลังสถานีแล้วเลี้ยวขวาเลยค่ะ  เดินถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้าย  ตรงไปเจอแยกแล้วเลี้ยวขวา  ประมาณนี้จำไม่ค่อยได้ละ  เอาเป็นว่าแผนที่อยู่ที่ปากนะทุกคน


เดินถามตลอดทาง หาสองแถวเพื่อเข้าหมู่บ้านคีรีวง ต่อรองกับคนขับอยู่  ไปหมู่บ้าน 25 บาท แต่ขอให้ไปส่งถึงที่พักเพราะเข้าซอยลึก คิด 35 บาท เราก็โอเค  จู่ๆลุงคนนี้ขึ้นรถปุ๊บ ทักเลยจ้า (คนซ้ายมือ) ถ่ายบนสองแถวมันมืดนะ  
ลุง : มาจากไหนนิ?
เรา : กรุงเทพค่ะ  
ลุง : นี่พักที่ไหนนิ?
เรา : ...ที่.....ค่ะ
ลุง : อ่อ....ตะเจือป้ะ  ตะเจือน่ะ   โอ้ย! ญาติกัน เดี๋ยวโทรบอกให้นิ  
เรา : เจือไหนอ่ะลุง  หนูติดต่อคนชื่อแหนม  ไม่เป็นไรค่ะ  เดี๋ยวให้รถไปส่งในที่พักเลย  
ลุง : โอ้ยยยยย...ไม่ได้ (ส่ายหัวหลุกหลิก) เป็นผู้หญิง  มาคนเดียว   จะให้ไปคนเดียวยังไง
....ลุงกดโทรศัพท์ยิกๆ  พูดใต้รัวๆ  นาทีนั้นคือฟังเค้าคุยโทรศัพท์ไม่ออกแล้ว  แล้วนางยื่นโทรศัพท์ให้คุยเฉย  ให้คุยกับใครยังไม่รู้เลย  ปลายสายเป็นผู้ชาย  "ขอให้สนุกนะครับ  แต่ที่สำคัญ  ถ้าเล่นน้ำแล้วน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขอให้รีบขึ้นนะครับ"   ลุงคือมองหน้าเหมือนเราไม่ไว้ใจแก  แกมือสั่นควักบัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรข้าราชการให้เต็มมือ  กลัวเราไม่เชื่อและกลัว
ลุง : (ไม่หยุด) นิโทรบอกที่พักยัง?
เรา : แบตหนูไม่มีแล้วค่ะ  ไม่เป็นไร  จองแล้ว  ไปถึงก็เข้าได้เลย
ลุง : ไม่ได้  เอาเบอร์มา
เอาโทรศัพท์แกโทรบอกให้เราอีก  ยื่นให้เราคุยอีก
ตอนแรกดูแกจุ้นจ้านมากนะ   แต่พอถึงท่ารถในหมู่บ้าน  ลุงแกรีบลงรถก่อน แล้วควักแบงค์ 50 ให้คนขับ  แล้วเรียกเราขึ้นมอเตอร์ไซค์แก  เราวิ่งไปจ่ายเงิน 25 บาท  คนขับยิ้มบอกไม่ต้องๆ  วิ่งเอาเงินไปให้ลุงก็ไม่เอา  คว้ามอเตอร์ไซค์เรียกเราซ้อน  แล้วไปส่งที่พัก คือทางไกลเอาเรื่อง แต่ความจริงถ้าไม่มาส่งก็เดินได้  มาเห็นป้ายหน้าบ้านพัก นายเจือ เพ็ชรวงศ์  อ้าว! นามสกุลเหมือนกัน เป็นญาติกันจริงๆด้วย  นี่แถวนี้ญาติกันหมดเลยเหลอ  ลุงปล่อยลง  แล้วบึ่งรถเลย  ขอบคุณเกือบไม่ทัน
เรา : (ถามพี่ที่ดูแลบ้าน)  พี่ๆ  นี่ใครอ่ะ  
พี่เค้าตอบ "พี่ยังไม่รู้เลยว่าใคร ญาติเยอะ"  อ้าว!!

ชื่อสินค้า:   คีรีวง นครศรีธรรมราช
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่