YY Café ร้านกาแฟ By Dream Central ซอยปรีดีพนมยงค์ 20/1 แอบตกใจนิดหน่อยเมื่อมาถึง คือไม่คิดว่าจะมีร้านกาแฟดีไซน์เรียบง่าย ซ่อนอยู่ในมุมท้ายซอย ดูภายนอกนั้นจะรู้สึกว่า อุ๊ย! ร้านก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่นะ แต่พอได้ก้าวลงมาจากรถและยืนอยู่หน้าร้านเท่านั้นแหล่ะค่ะ
มาดูกันเลยดีกว่า
หน้าร้านจะมีโต๊ะอยู่ 2 โต๊ะ เป็นแบบ out door ไว้นั่งจิบกาแฟรับบรรยากาศ 2 โต๊ะ ที่น่าแปลกใจคือร้านนี้มีถึง 5 ชั้น แต่ละชั้นมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ
สัมผัสที่สองเมื่อก้าวเข้ามาในร้าน
เข้ามาในร้านเสร็จแน่นอนเราก็จะเห็นเคาเตอร์ขายกาแฟปกติ ซึ่งเมนูก็จะมีหลากหลาย ให้เลือกสรรพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองมากๆ แต่จุดสังเกตของร้านนี้อยู่มุมขวาของแคชเชียร์ค่ะ มีกล่องบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด พร้อมทั้งมีข้อความอธิบายด้วยค่ะ
ชอบอกว่ามาทานกาแฟที่นี่แถมอิ่มบุญ อิ่มใจอีกด้วย ทุกๆ 5 บาท ของทุกแก้วที่เราซื้อยังสามารถสร้างรอยยิ้มให้น้องๆได้อีกด้วย ^^
เมื่อรู้แบบนี้แล้วเราสองคนทีมงาน Double Demand ก็ไม่รอช้าที่จะสั่งกาแฟ และขนมมาตอบสนองความต้องการอย่างทันที เมนูขนมที่นี่เค้าก็ทำเองอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างไปดูภาพเอาละกันนะคะ ^^
ขอบอกว่าขนมที่เห็นเรียงรายอยู่ตรงนี้เจ้าของร้านเค้าทำเองใหม่ๆทุกวันนะคะ อยากรู้ว่าจะอร่อยขนาดไหนต้องไปชิมกันเองนะคะ
เสร็จจากการสั่งกาแฟและขนมเรียบร้อยก็เหลือบไปเห็นด้านหลัง ความสงสัยของเราสองคนก็มาอีกล่ะ คือด้านหลังจะมีชั้นวางของ 3 ชั้น
มีกระดาษ ปากกา ขวดโหล 2 อัน มีเกมส์ด้วย นี่ก็เริ่มสงสัยตรงขวดโหลนี่แหล่ะค่ะ ก็เลยไปถามเจ้าของร้านว่า ขวดโหลสองอันนี้มีความหมายยังไง เพื่ออะไรคะ ก็ได้เรื่องมาดังนี้ โดยเจ้าขวดโหล 2 อันนี้ เค้าเรียกว่า “ขวดโหลแห่งความสุข”
ขวดโหลขวดที่ 1 ทุกคนที่มาร้านนี้สามารถเขียนแบ่งปันความสุขของชีวิต ในวันนี้ที่คุณตื่นขึ้นมาคุณเจอความสุขอะไรบ้าง โดยจะมีปากกาเตรียมให้เรียบร้อยค่ะ
ส่วนขวดโหลขวดที่ 2 ทุกคนที่เข้ามาในร้านใครที่มีภาระใจหรือความทุกข์ ที่อยากแบ่งปันให้ช่วยอธิฐานเผื่อสามารถเขียนระบายแบบจัดเต็มลงไปได้เลยค่ะ
จะรอช้าอะไรล่ะคะเราทีมงาน Double Demand ก็จัดเต็มเขียนไม่ยั้งออกแนวเก็บกด อัดอั้นเล็กน้อย ฮ่าๆ และจับหย่อนลงขวดโหลเป็นอันเสร็จพิธี และรอรับพระพรกันได้เลยค่ะ
หลังจากเขียนระบายความอัดอั้นเสร็จ ก็ได้เวลาไปนั่งจิบกาแฟและขนมที่สั่งมา โดยเราสองคนทีมงานก็ได้เลือกจับจองที่นั่งชั้น 2
พอขึ้นบันไดมาก็ชั้น 2 แปลกใจอีกตามเคย เพราะชั้น 2 เค้าแบ่งออกเป็น 2 ห้องค่ะ ห้องแรกขึ้นบันไดมาอยู่ทางซ้ายมือค่ะ บราวนี่ ฝีมือเจ้าของร้านแสนสวย
ห้องนี้สำหรับคนที่อยากมานั่งทำงาน เขียนงาน ประชุมงาน เพราะเค้าได้จัดสรรทุกอย่างไว้อย่างลงตัว มีจอทีวีเอาไว้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อพรีเซ้นต์งาน มีเครื่องปริ้นท์ไว้สำหรับปริ้นงาน และจุดเด็ด ผนังเพดานสามารถขีดเขียนเพื่อประชุมงานได้อย่างสบายๆเลยล่ะค่ะ ทีมงาน Double Demand ก็ไม่รอช้ารีบจัดวางของเพื่อจับจองที่ไว้ทำงานกันแบบเพลินๆวันนี้คะ ^^
ฝั่งตรงข้าม ห้องที่สองขึ้นบันไดมาอยู่ขวามือ ห้องนี้เอาไว้คลายเครียดเลยก็ว่าได้ ห้องนี้ใหญ่และกว้างเลยล่ะค่ะ จะบอกว่าคงถูกใจสำหรับขาบอร์ดเกมส์ทั้งหลาย เพราะเค้าจัดมาเอาใจคนที่เข้ามาและอยากประลองความรู้ มีเกมส์หลากหลายให้เล่น แต่ส่วนมากจะออกแนวผจญภัยค่ะ มาถูกจังหวะน้องๆ กำลังเล่นเกมส์กันพอดี ก็เลยขอน้องๆ เค้าแชะภาพสักนิดนึง บอกน้องๆ ว่าไม่ต้องเขิลนะคะทำตัวชิลๆ เล่นเกมส์เพลินๆไปเลย ฮ่าๆๆ (น้องแอบเขิล)
เราสองคนไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นนะคะ คืออยากรู้ทุกเรื่องไปหมด เลยอดไม่ได้ที่จะไปดูต่อ เลยขออนุญาตสอบถามชั้นที่ 3, ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ที่เหลือ เพื่อจะทำการบุก เอ๊ยไม่ใช่ เพื่อที่จะคลายความสงสัยนั่นเอง ก็เลยขออนุญาตเจ้าของร้านตะเวนทั้ง 3 ชั้น เพื่อเก็บภาพนั่นเอง
เราสองคนก็ไม่รอช้าอีกล่ะ ขึ้นไปชั้น 3 อย่างรวดเร็ว เค้าบอกว่าชั้น 3 มีไว้เพื่อ Work shop และเรียนภาษาอังกฤษฟรี ในวันอาทิตย์ค่ะ ภายในห้องก็จะโล่งๆสบายๆ เรียบง่าย เก็บภาพมาฝาก
หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ชั้น 4 เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา อันนี้ต้องบอกว่าส่วนตัวมากๆเพราะชั้น 4 เป็นหอพักหญิงของเด็กๆที่มาเรียนและทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านค่ะ ขึ้นไปปุ๊บ ตอนนั้นเที่ยงพอดี น้องๆ กำลังกินข้าวเที่ยวกันอย่างเมามัน (ไปขัดจังหวะการกินน้องแพพ ฮ่าๆ)
บรรยากาศหอพักดูอบอุ่นมากๆมีครัวเล็กๆให้น้องทำอาหารกินเองด้วย
สุดท้ายอันนี้ตื่นเต้นมากไปที่ชั้น 5 กันต่อ เจ้าของร้านบอกว่าชั้น 5 คือสตูดิโอเอาไว้สำหรับเล่นดนตรี อัดเสียงเพลง ตัดต่อคลิปวิดีโอ พอขึ้นมาปุ๊บก็เฉยๆ แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ โอ้มายก๊อดดด ฮ่าๆๆๆ เป็นสตูดิโอที่น่าเอาตัวเองมาคลุกอยู่ที่ทั้งวันเลยก็ว่าได้ ไม่รู้จะบรรยายยังไงไปดูภาพเลยค่ะ
ภาพทุกภาพไม่มีการจัดแต่งฉากแต่อย่างไรเราเน้นสถานการณ์จริง เน้นความจริงไม่มีกั๊ก คืออยากนอนกลิ้งที่ห้องนี้เลย ถึงขั้นมโนว่า เราจะต้องมีสตูดิโอแบบนี้ที่บ้านให้ได้ ฮ่าๆ
แต่เอ๊ะ พอเดินออกมาจากห้องก็สังเกตเห็นบางอย่างอีกล่ะคือสงสัยตั้งแต่แรกล่ะว่ามันคืออะไรเป็นลิฟท์ผู้สูงอายุหรือเปล่า จริงๆเห็นตั้งแต่ชั้น 1 แต่ยังไม่ได้ถามมัวเพลิดเพลินค่ะ ฮ่าๆ
อันนี้เค้าเอาไว้ขนอุปกรณ์ดนตรีจากชั้นที่ 1 ไปชั้นที่ 5 ค่ะ โดยไม่ต้องแบกหามให้เสียเวลา ความคิดดีมาก แต่เจ้าของร้านกระซิบมาว่า “อันนี้ขนคนไม่ได้นะคะ ขนอุปกรณ์ดนตรีได้อย่างเดียว” แหม่ เจ้าของร้านแอบรู้ทันว่าเราอยากจะลองขึ้นลิฟท์ซะหน่อยฮ่าๆ
เจ้าของร้านน่ารัก ยิ้มแย้ม แจ่มใส
น้องๆ พนักงานก็น่ารักมากๆ บริการทุกระดับประทับใจด้วยรอยยิ้มค่ะ
เราสองคนก็สาสมใจกันมาได้สักพักใหญ่ๆ หลังจากที่ได้ตะเวนทัวร์ร้านกาแฟเล็กๆแต่ไม่ธรรมดา ทั้ง 5 ชั้นแล้ว ก็เลยถือโอกาสขออนุญาตเจ้าของร้านที่น่ารัก มาถามถึงเรื่องราวความเป็นมาซักหน่อยว่าทำไมถึงเกิดร้านนี้ขึ้นมา
ไปรีวิวต่อกันเถอะค่ะพรุ่งนี้จะเป็นรีวิวเรื่องราวที่ลึกซึ้งของร้านี้กันแล้ว ตื่นเต้นจัง
ส่วนใครอดใจไม่ไหวสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลยค่ะ
https://www.facebook.com/yycafe.bkk/?fref=ts
ร้านนี้เปิดเวลา 7.00-17.00. นะคะ ^^
ใครที่อยากอ่าน Part2 ต่ออ่านได้ที่นี่เลยนะคะ
http://pantip.com/topic/34780140
[SR] ความสุข ความรัก ความหวัง YY Café ที่ไม่ใช่แค่กาแฟ 1 แก้ว (Part 1)
YY Café ร้านกาแฟ By Dream Central ซอยปรีดีพนมยงค์ 20/1 แอบตกใจนิดหน่อยเมื่อมาถึง คือไม่คิดว่าจะมีร้านกาแฟดีไซน์เรียบง่าย ซ่อนอยู่ในมุมท้ายซอย ดูภายนอกนั้นจะรู้สึกว่า อุ๊ย! ร้านก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่นะ แต่พอได้ก้าวลงมาจากรถและยืนอยู่หน้าร้านเท่านั้นแหล่ะค่ะ
มาดูกันเลยดีกว่า
หน้าร้านจะมีโต๊ะอยู่ 2 โต๊ะ เป็นแบบ out door ไว้นั่งจิบกาแฟรับบรรยากาศ 2 โต๊ะ ที่น่าแปลกใจคือร้านนี้มีถึง 5 ชั้น แต่ละชั้นมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ
เข้ามาในร้านเสร็จแน่นอนเราก็จะเห็นเคาเตอร์ขายกาแฟปกติ ซึ่งเมนูก็จะมีหลากหลาย ให้เลือกสรรพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองมากๆ แต่จุดสังเกตของร้านนี้อยู่มุมขวาของแคชเชียร์ค่ะ มีกล่องบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด พร้อมทั้งมีข้อความอธิบายด้วยค่ะ
ชอบอกว่ามาทานกาแฟที่นี่แถมอิ่มบุญ อิ่มใจอีกด้วย ทุกๆ 5 บาท ของทุกแก้วที่เราซื้อยังสามารถสร้างรอยยิ้มให้น้องๆได้อีกด้วย ^^
เมื่อรู้แบบนี้แล้วเราสองคนทีมงาน Double Demand ก็ไม่รอช้าที่จะสั่งกาแฟ และขนมมาตอบสนองความต้องการอย่างทันที เมนูขนมที่นี่เค้าก็ทำเองอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างไปดูภาพเอาละกันนะคะ ^^
ขอบอกว่าขนมที่เห็นเรียงรายอยู่ตรงนี้เจ้าของร้านเค้าทำเองใหม่ๆทุกวันนะคะ อยากรู้ว่าจะอร่อยขนาดไหนต้องไปชิมกันเองนะคะ
เสร็จจากการสั่งกาแฟและขนมเรียบร้อยก็เหลือบไปเห็นด้านหลัง ความสงสัยของเราสองคนก็มาอีกล่ะ คือด้านหลังจะมีชั้นวางของ 3 ชั้น
มีกระดาษ ปากกา ขวดโหล 2 อัน มีเกมส์ด้วย นี่ก็เริ่มสงสัยตรงขวดโหลนี่แหล่ะค่ะ ก็เลยไปถามเจ้าของร้านว่า ขวดโหลสองอันนี้มีความหมายยังไง เพื่ออะไรคะ ก็ได้เรื่องมาดังนี้ โดยเจ้าขวดโหล 2 อันนี้ เค้าเรียกว่า “ขวดโหลแห่งความสุข”
ขวดโหลขวดที่ 1 ทุกคนที่มาร้านนี้สามารถเขียนแบ่งปันความสุขของชีวิต ในวันนี้ที่คุณตื่นขึ้นมาคุณเจอความสุขอะไรบ้าง โดยจะมีปากกาเตรียมให้เรียบร้อยค่ะ
ส่วนขวดโหลขวดที่ 2 ทุกคนที่เข้ามาในร้านใครที่มีภาระใจหรือความทุกข์ ที่อยากแบ่งปันให้ช่วยอธิฐานเผื่อสามารถเขียนระบายแบบจัดเต็มลงไปได้เลยค่ะ
จะรอช้าอะไรล่ะคะเราทีมงาน Double Demand ก็จัดเต็มเขียนไม่ยั้งออกแนวเก็บกด อัดอั้นเล็กน้อย ฮ่าๆ และจับหย่อนลงขวดโหลเป็นอันเสร็จพิธี และรอรับพระพรกันได้เลยค่ะ
หลังจากเขียนระบายความอัดอั้นเสร็จ ก็ได้เวลาไปนั่งจิบกาแฟและขนมที่สั่งมา โดยเราสองคนทีมงานก็ได้เลือกจับจองที่นั่งชั้น 2
พอขึ้นบันไดมาก็ชั้น 2 แปลกใจอีกตามเคย เพราะชั้น 2 เค้าแบ่งออกเป็น 2 ห้องค่ะ ห้องแรกขึ้นบันไดมาอยู่ทางซ้ายมือค่ะ บราวนี่ ฝีมือเจ้าของร้านแสนสวย
ห้องนี้สำหรับคนที่อยากมานั่งทำงาน เขียนงาน ประชุมงาน เพราะเค้าได้จัดสรรทุกอย่างไว้อย่างลงตัว มีจอทีวีเอาไว้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อพรีเซ้นต์งาน มีเครื่องปริ้นท์ไว้สำหรับปริ้นงาน และจุดเด็ด ผนังเพดานสามารถขีดเขียนเพื่อประชุมงานได้อย่างสบายๆเลยล่ะค่ะ ทีมงาน Double Demand ก็ไม่รอช้ารีบจัดวางของเพื่อจับจองที่ไว้ทำงานกันแบบเพลินๆวันนี้คะ ^^
ฝั่งตรงข้าม ห้องที่สองขึ้นบันไดมาอยู่ขวามือ ห้องนี้เอาไว้คลายเครียดเลยก็ว่าได้ ห้องนี้ใหญ่และกว้างเลยล่ะค่ะ จะบอกว่าคงถูกใจสำหรับขาบอร์ดเกมส์ทั้งหลาย เพราะเค้าจัดมาเอาใจคนที่เข้ามาและอยากประลองความรู้ มีเกมส์หลากหลายให้เล่น แต่ส่วนมากจะออกแนวผจญภัยค่ะ มาถูกจังหวะน้องๆ กำลังเล่นเกมส์กันพอดี ก็เลยขอน้องๆ เค้าแชะภาพสักนิดนึง บอกน้องๆ ว่าไม่ต้องเขิลนะคะทำตัวชิลๆ เล่นเกมส์เพลินๆไปเลย ฮ่าๆๆ (น้องแอบเขิล)
เราสองคนไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นนะคะ คืออยากรู้ทุกเรื่องไปหมด เลยอดไม่ได้ที่จะไปดูต่อ เลยขออนุญาตสอบถามชั้นที่ 3, ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ที่เหลือ เพื่อจะทำการบุก เอ๊ยไม่ใช่ เพื่อที่จะคลายความสงสัยนั่นเอง ก็เลยขออนุญาตเจ้าของร้านตะเวนทั้ง 3 ชั้น เพื่อเก็บภาพนั่นเอง
เราสองคนก็ไม่รอช้าอีกล่ะ ขึ้นไปชั้น 3 อย่างรวดเร็ว เค้าบอกว่าชั้น 3 มีไว้เพื่อ Work shop และเรียนภาษาอังกฤษฟรี ในวันอาทิตย์ค่ะ ภายในห้องก็จะโล่งๆสบายๆ เรียบง่าย เก็บภาพมาฝาก
หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ชั้น 4 เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา อันนี้ต้องบอกว่าส่วนตัวมากๆเพราะชั้น 4 เป็นหอพักหญิงของเด็กๆที่มาเรียนและทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านค่ะ ขึ้นไปปุ๊บ ตอนนั้นเที่ยงพอดี น้องๆ กำลังกินข้าวเที่ยวกันอย่างเมามัน (ไปขัดจังหวะการกินน้องแพพ ฮ่าๆ)
บรรยากาศหอพักดูอบอุ่นมากๆมีครัวเล็กๆให้น้องทำอาหารกินเองด้วย
สุดท้ายอันนี้ตื่นเต้นมากไปที่ชั้น 5 กันต่อ เจ้าของร้านบอกว่าชั้น 5 คือสตูดิโอเอาไว้สำหรับเล่นดนตรี อัดเสียงเพลง ตัดต่อคลิปวิดีโอ พอขึ้นมาปุ๊บก็เฉยๆ แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ โอ้มายก๊อดดด ฮ่าๆๆๆ เป็นสตูดิโอที่น่าเอาตัวเองมาคลุกอยู่ที่ทั้งวันเลยก็ว่าได้ ไม่รู้จะบรรยายยังไงไปดูภาพเลยค่ะ
ภาพทุกภาพไม่มีการจัดแต่งฉากแต่อย่างไรเราเน้นสถานการณ์จริง เน้นความจริงไม่มีกั๊ก คืออยากนอนกลิ้งที่ห้องนี้เลย ถึงขั้นมโนว่า เราจะต้องมีสตูดิโอแบบนี้ที่บ้านให้ได้ ฮ่าๆ
แต่เอ๊ะ พอเดินออกมาจากห้องก็สังเกตเห็นบางอย่างอีกล่ะคือสงสัยตั้งแต่แรกล่ะว่ามันคืออะไรเป็นลิฟท์ผู้สูงอายุหรือเปล่า จริงๆเห็นตั้งแต่ชั้น 1 แต่ยังไม่ได้ถามมัวเพลิดเพลินค่ะ ฮ่าๆ
อันนี้เค้าเอาไว้ขนอุปกรณ์ดนตรีจากชั้นที่ 1 ไปชั้นที่ 5 ค่ะ โดยไม่ต้องแบกหามให้เสียเวลา ความคิดดีมาก แต่เจ้าของร้านกระซิบมาว่า “อันนี้ขนคนไม่ได้นะคะ ขนอุปกรณ์ดนตรีได้อย่างเดียว” แหม่ เจ้าของร้านแอบรู้ทันว่าเราอยากจะลองขึ้นลิฟท์ซะหน่อยฮ่าๆ
เจ้าของร้านน่ารัก ยิ้มแย้ม แจ่มใส
น้องๆ พนักงานก็น่ารักมากๆ บริการทุกระดับประทับใจด้วยรอยยิ้มค่ะ
เราสองคนก็สาสมใจกันมาได้สักพักใหญ่ๆ หลังจากที่ได้ตะเวนทัวร์ร้านกาแฟเล็กๆแต่ไม่ธรรมดา ทั้ง 5 ชั้นแล้ว ก็เลยถือโอกาสขออนุญาตเจ้าของร้านที่น่ารัก มาถามถึงเรื่องราวความเป็นมาซักหน่อยว่าทำไมถึงเกิดร้านนี้ขึ้นมา
ไปรีวิวต่อกันเถอะค่ะพรุ่งนี้จะเป็นรีวิวเรื่องราวที่ลึกซึ้งของร้านี้กันแล้ว ตื่นเต้นจัง
ส่วนใครอดใจไม่ไหวสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/yycafe.bkk/?fref=ts
ร้านนี้เปิดเวลา 7.00-17.00. นะคะ ^^
ใครที่อยากอ่าน Part2 ต่ออ่านได้ที่นี่เลยนะคะ http://pantip.com/topic/34780140