มาแล้วค่า
ต่อจากภาคแรกนะคะ
http://pantip.com/topic/33658503 ภาคแรกมีทั้งหมด 14 ตอน
1.ชีวิตนี้ที่ต่างแดน 2.โดนค้นที่ด่านตรวจ 3. Homestay 4.โรงเรียนภาษาที่รัก 5. เพื่อนๆ ตอนแรก 5.1.เพื่อนๆ ตอนจบ 6.รักแท้แพ้ค่าโทรศัพท์
7. สองศรีพี่น้อง 8.ไปเที่ยวกันดีกว่า 9.Shed 101 10.อาหารบ้านเรา 11. เรียนต่อดีไหม 12. วันเปิดเทอม 13.ทํางานพิเศษ 14. เรียนไปชิมไป
ภาคที่สอง
http://pantip.com/topic/34445386 มี 3 ตอน
15.ชีวิตนักเรียนนอกใครบอกสบาย 16.ร้านอาหารไทย 17.ร้านขายของมือสอง
ภาพบรรยากาศสวยๆจากนิวซีแลนด์ค่ะ
ถ้าใครอยากดูภาพบรรยากาศจากนิวซีแลนด์เพิ่มเติม ก็ลองไปดูกันได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/plaifahgallery/
ตอนที่ 18... ทำงานร่วมกับฝรั่งครั้งแรก
ช่วงที่เรียนการโรงแรม ปลาก็ได้มีไปฝึกงานตามสถานที่ต่าง รวมทั้งการทำงานหารายได้พิเศษ ถามว่ากลัวไหม บอกตรงๆว่ากลัว

กลัวอย่างแรกเลย คือ กลัวฟังไม่รู้เรื่อง และอย่างที่สองตามมา คือ เค้าจะฟังสำเนียงเราออกไหมเนี่ย เฮ้อ

แต่นาทีนั้นไม่มีทางเลือกแล้ว สู้โว้ย
การฝึกงานครั้งแรกที่ได้ทำร่วมกับฝรั่ง คือ งานทำความสะอาด Motel เป็นเวลา 3 วัน เริ่มงาน แปดโมงเช้า พอไปถึงวันแรก ก็เดินเข้าไปแบบอายๆนิดหน่อย ถึงแม้ว่าจะได้พูดภาษาอังกฤษตลอดเวลาที่เรียนก็เถอะ แต่ก็พูดก็คนเดิมๆ เพื่อนๆในห้องเรียน คือพวกมันเนี่ย คงจะชินกับสำเนียงเราแล้ว แล้วมันก็ตั้งใจพูดชัดๆ เพื่อให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงครูอีกสามคนที่แสนจะใจดี พูดช้าและชัดมากๆ
รูปนี้เป็น Motelที่ได้ไปฝึกงานจริงๆ

แล้วก็มีได้พูดเวลาไปซื้อของบ้างนิดหน่อย เวลาที่เราไปซื้อของตามห้าง พอถึงเวลาจ่ายเงิน แคชเชียร์ส่วนใหญ่เลย เค้าก็ชวนเราคุย
Hello …how are you? How ‘s going? What have you been up to? สวัสดีค่า สบายดีไหมคะ เป็นยังไงบ้าง วันนี้ทำอะไรมาแล้วจะไปไหนต่อ
เอ่อ ถามปานประหนึ่งว่า เป็นเพื่อนกันมานาน ดูหน้ากรูนิดนึงนะว่าฟังออกไหม

บางทีเค้าก้รอดูเชิงนะว่าเราจะพูดได้ไหม
พูดHi!! มา…แล้วก็มองหน้าเราแบบยิ้มรอว่าเราจะตอบไหม ช่วงแรกๆ ก็ตอบ Hi im fine thank you and you? คือเรียนมาแค่นี้อะ แล้วก็ยิ้ม งานเข้า

คิดในใจอย่าถามเพิ่มนะเฟ้ย เพราะกรูตอบได้นี้จริงๆ
แล้วก็แกล้งทำไปมองนู่นมองนี่ แกล้งเล่นมือถือบ้างอะไรบ้าง จนกว่าจะจ่ายเงินเสร็จ แล้วก็ถอนหายใจเฮือก รอดไปอีกวัน

จริงๆก็คิดนะว่าอย่าไปกลัว การพูดกับฝรั่งนี่แหละเป็นวิธีการฝึกภาษาที่ดีที่สุด เอาวะ ทีนี้ก็ซ้อมไปจากบ้านเลยค่า

เดี๊ยวถ้าเค้าถามมาแบบนี้ จะต้องตอบยังไง เตรียมตัวยังกับจะไปสอบ
พอไปถึงลูกค้าดั๊นเยอะ แคชเชียร์ก็พูดแค่ Hi อ้าว อุตส่าห์ท่องมา ถามกรูสิคะ
ไม่เป้นไร เดี๋ยวรอบหน้าจะมาแต่เช้าเลย แล้วเจอกันใหม่
กลับไปที่Motel ต่อ พอไปถึงก็เจอเจ้าของ สองคนเป็นสามีภรรยากัน เค้าก็ยิ้มให้เราอย่างเป็นมิตร ในใจคงคิดว่า ใช้แรงงานฟรี เดี๋ยวจะใช้ให้คุ้มเลย อิอิ หลังจากพูดจาทักทายกันแล้ว พี่แกคงจะเห็นว่าถ้าพูดเร็วๆแบบปกติที่แกพูดคงไม่ไหวแน่ รู้สึกว่าแกจะพูดช้าลง ใช้คําศัพท์ง่ายลง ทําให้เราปลาเข้าใจแกมากขึ้น แล้วพี่เค้าก็พาไปดูห้องต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะห้องซักผ้า ที่จะเป็นห้องทำงานของเรานั่นเอง

พร้อมด้วย รถเข็นประจำตำแหน่ง ที่รวบรวมอุปกรณ์ทำความสะอาดทุกรูปแบบ

และตามมาด้วย ชุดผ้ากันเปื้อนสีสันสดใสสะท้อนแสง อยู่คนละฝั่งถนนยังมองเห็น แล้วแกก็พาไปตามห้องที่ต้องทำความสะอาด เริ่มจาก การปูเตียง ถ้าทำคนเดียวนี่ไม่ง่ายเลย ยกไปยกมา ออกกำลังแขนไปด้วย ฮึ่บๆๆ เสร็จแล้วก็เช็ดทำความสะอาดห้องครัว ปิดท้ายด้วยห้องนํ้าที่จะต้องเช็ดทุกซอกทุกมุม บางวันก็มีไม่กี่ห้องที่จะต้องทำ เจ้าของก็จะหาอย่างอื่นให้ทำ เช่น งานใน office รับจองห้อง ใส่ข้อมูลในคอม
หรือบางทีก็พาออกข้างนอกไปทำสวน ทําทุกตําแหน่งจริงๆ

ว่าแล้วพี่แกก็แจกหมวกกันแดด พร้อมครีมกันแดดให้เสร็จสรรพ

พาไปปลูกต้นไม้ พรวนดิน รดน้าต้นไม้ ทำตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 3 โมงเย็น เป็นแบบนี้ทั้งหมด 3วัน เวลาหมดไปเร็วมากแล้ว
ก็รู้สึกสนุกดี ได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ได้คุยกับฝรั่งคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนตัวแสบ ซึ่งก็มีตะกุกตะกักบ้าง แต่เจ้าของใจดีมากๆ เค้าเข้าใจว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของเรา เค้าก็จะพูดช้าลง แล้วก็ใจเย็นเวลาอธิบายงาน เราก็ได้ฝึกการฟังไปด้วยในตัว
หลังจากฝึกงานที่ Motel เสร็จ ทีนี้ก็ถึงคราวร้านอาหารบ้าง ตอนนั้นเลือกฝึกงานที่ร้านอาหารไทย ถามว่าทำไม
เพราะว่าตอนนั้นทำงานพิเศษที่นั่นอยู่แล้ว ช่วงก่อนหน้านั้นร้านอาหารไทย เค้าประกาศรับสมัครเด็กเสริฟ ช่วงศุกร์ เสาร์ เราก็ไปลองสมัครดู ร้านอาหารไทย คนไทย โอ๊ย สบาย

พอเดินเข้าไป มองไปที่เคาเตอร์ แล้วก้มองไปรอบๆร้าน ฝรั่งหัวทอง ฝรั่งหัวแดง คนไทยไปไหนวะ

จะถอยออกไปตั้งหลักก็ไม่ทันแระ
Hi !!!!!! ฝรั่งหลังเคาเตอร์ทักมาก่อนเลย คงคิดว่าเราเป็นลูกค้า เราก็เอ่อ I saw your job ads…เอ่อ in the newspaper .. I want to apply please แล้วก็ยื่น CV. ไป นางก็อ่านดูแว๊บๆ แล้วก็บอกว่า you can start tonight
หา What!!!

กำลังมึน เอ่อ ok… thank you
จะไม่ให้ตั้งหลักเลยเหรอเนี่ย ดีใจนะแต่มึนมากกว่า

แล้วนางก็แนะนำตัวว่านาง เป็นผู้จัดการ แล้วก็แนะนำเด็กเสริฟอีกคนเป็นฝรั่งหัวแดง นาทีนั้นคิดว่านี่ร้านอาหารไทยป่าววะ คนไทยมีไหม แล้วทีนี้ก็ไปในครัว เจอพี่เชฟสองคน คนไทยค่า โอ้ววว ดีใจโคตร สวัสดีค่าพี่

หนูจะมาทำงานที่นี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ แล้วก็เม้ามอยภาษาไทยกันซักพัก เลยรู้ว่าพี่สองคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย รู้คำศัทพ์พื้นฐานทั่วไป เกี่ยวกับอาหาร พวกเครื่องปรุงต่างๆ แล้วก็รสชาติ เผ็ด ไม่เผ็ด อ้าวแล้วสื่อสารกันยังไงอ่ะคะ
พี่เค้าก็บอกว่า เด็กเสริฟจะรับออเดอร์มาเป็นตัวเลข ทุกรายการอาหารจะมีเบอร์กำกับอยู่ เวลารับออเดอร์มา ก็ เขียนประมาณว่า
1. spicy 2. mild 6 .medium 13. no peanut
แต่ถ้าลายละเอียดเยอะกว่านี้ก็ยุ่งแระ ต้องอธิบายกันด้วยภาษากาย เจ๊ผู้จัดการบอกว่ากำลังอยากได้คนไทยพอดี ถึงว่ารับเราเข้าทำงานไวเชียว หลังจากนั้นก้ทำมาเรื่อยๆ หน้าทีก็มีเด็กเสริฟ เด็กล้างจาน แคชเชียร์ บาร์เทนดี้ บาริสต้า
และสุดท้ายคือเป็นล่าม เวลาพี่เชฟกับเด็กเสริฟจะตีกัน

จะแปลให้ตัวเองฟังยังยากเลยเจ๊เอ๊ย นี่ต้องมาแปลให้คนอื่นเข้าใจอีก แล้วแถมยังต้องแปลให้ความหมายเบาที่สุด เพื่อความสามัคคีของคนในร้าน

แต่โดยรวมก็สนุกดี ได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
พอถึงวันนึงที่จะต้องเริ่มฝึกงาน ปลาก็ไปบอกเจ๊ผู้จัดการว่า เราคงต้องหยุดงานซักสองอาทิตย์ เพราะต้องไปฝึกงาน เจ๊บอก งั้นเธอก็มาฝึกที่นี่เลยสิ เออเข้าท่าแฮะ เลยไปถามครูว่าฝึกที่นี่ได้ไหม อาทิตย์ละ 30 ชั่วโมง เราก็สงสัยได้ทำงานฟรีแน่เลย ขาดรายได้ไปสองอาทิตย์ เฮ้อ
แต่เจ๊ผู้จัดการใจดี นางบอกว่าเธอก็มาฝึกช่วงวันจันทร์ ถึงวันพฤหัสให้ครบ 30 ชั่วโมง แล้ว ศุกร์ เสาร์ เธอก็รับเงินไปตามปกติ
“ Thank you soooo much!! “ โอ้ว ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ซึ้งใจสุดๆ

พูดถึงร้านอาหารไทย ปลาก็เคยทำทั้งกับ ฝรั่ง และ คนไทย ที่แตกต่างอย่างแรกเลย คือ การจ่ายเงิน ฝรั่งจะจ่ายเงินเป็นชั่วโมง เป๊ะๆ ส่วนคนไทยก็ เหมาจ่ายกันไป และอย่างต่อมาก็คือ ลักษณะของการทำงาน ถ้าเป็นฝรั่ง ก็จะค่อนข้างจริงจังเวลาทำงาน ไม่ค่อยเม้ามอยกันซักเท่าไหร่ แล้วก็จะเป๊ะ ทุกอย่างจะต้องเสร็จตามเวลา เค้าจะได้จ่ายค่าแรงเราถูกต้อง
แต่ถ้าเป้นคนไทย ก็จะผ่อนคลายนิดนึง ทําไปเม้าไป เม้าได้ทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ในครัวเดินออกมาข้างนอก มือถืออาหารไป วางอาหารเสร็จ เม้าต่อได้ทันที แล้วบรรยากาศก็จะสบายๆหน่อย ทำไปเรื่อยๆ เสร็จช้าได้ เพราะยังไงก็ค่าจ้างเหมาจ่ายอยู่แล้ว

แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของร้านด้วยว่าเค้าเป็นยังไงกัน อย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วในตอนที่ 16
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ชีวิตนี้ที่ต่างแดน @ New Zealand ภาค 3...by Pla
มาแล้วค่า
ต่อจากภาคแรกนะคะ
1.ชีวิตนี้ที่ต่างแดน 2.โดนค้นที่ด่านตรวจ 3. Homestay 4.โรงเรียนภาษาที่รัก 5. เพื่อนๆ ตอนแรก 5.1.เพื่อนๆ ตอนจบ 6.รักแท้แพ้ค่าโทรศัพท์
7. สองศรีพี่น้อง 8.ไปเที่ยวกันดีกว่า 9.Shed 101 10.อาหารบ้านเรา 11. เรียนต่อดีไหม 12. วันเปิดเทอม 13.ทํางานพิเศษ 14. เรียนไปชิมไป
ภาคที่สอง http://pantip.com/topic/34445386 มี 3 ตอน
15.ชีวิตนักเรียนนอกใครบอกสบาย 16.ร้านอาหารไทย 17.ร้านขายของมือสอง
ภาพบรรยากาศสวยๆจากนิวซีแลนด์ค่ะ
ถ้าใครอยากดูภาพบรรยากาศจากนิวซีแลนด์เพิ่มเติม ก็ลองไปดูกันได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/plaifahgallery/
ตอนที่ 18... ทำงานร่วมกับฝรั่งครั้งแรก
ช่วงที่เรียนการโรงแรม ปลาก็ได้มีไปฝึกงานตามสถานที่ต่าง รวมทั้งการทำงานหารายได้พิเศษ ถามว่ากลัวไหม บอกตรงๆว่ากลัว
การฝึกงานครั้งแรกที่ได้ทำร่วมกับฝรั่ง คือ งานทำความสะอาด Motel เป็นเวลา 3 วัน เริ่มงาน แปดโมงเช้า พอไปถึงวันแรก ก็เดินเข้าไปแบบอายๆนิดหน่อย ถึงแม้ว่าจะได้พูดภาษาอังกฤษตลอดเวลาที่เรียนก็เถอะ แต่ก็พูดก็คนเดิมๆ เพื่อนๆในห้องเรียน คือพวกมันเนี่ย คงจะชินกับสำเนียงเราแล้ว แล้วมันก็ตั้งใจพูดชัดๆ เพื่อให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงครูอีกสามคนที่แสนจะใจดี พูดช้าและชัดมากๆ
รูปนี้เป็น Motelที่ได้ไปฝึกงานจริงๆ
แล้วก็มีได้พูดเวลาไปซื้อของบ้างนิดหน่อย เวลาที่เราไปซื้อของตามห้าง พอถึงเวลาจ่ายเงิน แคชเชียร์ส่วนใหญ่เลย เค้าก็ชวนเราคุย
Hello …how are you? How ‘s going? What have you been up to? สวัสดีค่า สบายดีไหมคะ เป็นยังไงบ้าง วันนี้ทำอะไรมาแล้วจะไปไหนต่อ
เอ่อ ถามปานประหนึ่งว่า เป็นเพื่อนกันมานาน ดูหน้ากรูนิดนึงนะว่าฟังออกไหม
พูดHi!! มา…แล้วก็มองหน้าเราแบบยิ้มรอว่าเราจะตอบไหม ช่วงแรกๆ ก็ตอบ Hi im fine thank you and you? คือเรียนมาแค่นี้อะ แล้วก็ยิ้ม งานเข้า
แล้วก็แกล้งทำไปมองนู่นมองนี่ แกล้งเล่นมือถือบ้างอะไรบ้าง จนกว่าจะจ่ายเงินเสร็จ แล้วก็ถอนหายใจเฮือก รอดไปอีกวัน
พอไปถึงลูกค้าดั๊นเยอะ แคชเชียร์ก็พูดแค่ Hi อ้าว อุตส่าห์ท่องมา ถามกรูสิคะ
ไม่เป้นไร เดี๋ยวรอบหน้าจะมาแต่เช้าเลย แล้วเจอกันใหม่
กลับไปที่Motel ต่อ พอไปถึงก็เจอเจ้าของ สองคนเป็นสามีภรรยากัน เค้าก็ยิ้มให้เราอย่างเป็นมิตร ในใจคงคิดว่า ใช้แรงงานฟรี เดี๋ยวจะใช้ให้คุ้มเลย อิอิ หลังจากพูดจาทักทายกันแล้ว พี่แกคงจะเห็นว่าถ้าพูดเร็วๆแบบปกติที่แกพูดคงไม่ไหวแน่ รู้สึกว่าแกจะพูดช้าลง ใช้คําศัพท์ง่ายลง ทําให้เราปลาเข้าใจแกมากขึ้น แล้วพี่เค้าก็พาไปดูห้องต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะห้องซักผ้า ที่จะเป็นห้องทำงานของเรานั่นเอง
และตามมาด้วย ชุดผ้ากันเปื้อนสีสันสดใสสะท้อนแสง อยู่คนละฝั่งถนนยังมองเห็น แล้วแกก็พาไปตามห้องที่ต้องทำความสะอาด เริ่มจาก การปูเตียง ถ้าทำคนเดียวนี่ไม่ง่ายเลย ยกไปยกมา ออกกำลังแขนไปด้วย ฮึ่บๆๆ เสร็จแล้วก็เช็ดทำความสะอาดห้องครัว ปิดท้ายด้วยห้องนํ้าที่จะต้องเช็ดทุกซอกทุกมุม บางวันก็มีไม่กี่ห้องที่จะต้องทำ เจ้าของก็จะหาอย่างอื่นให้ทำ เช่น งานใน office รับจองห้อง ใส่ข้อมูลในคอม
หรือบางทีก็พาออกข้างนอกไปทำสวน ทําทุกตําแหน่งจริงๆ
ก็รู้สึกสนุกดี ได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ได้คุยกับฝรั่งคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนตัวแสบ ซึ่งก็มีตะกุกตะกักบ้าง แต่เจ้าของใจดีมากๆ เค้าเข้าใจว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของเรา เค้าก็จะพูดช้าลง แล้วก็ใจเย็นเวลาอธิบายงาน เราก็ได้ฝึกการฟังไปด้วยในตัว
หลังจากฝึกงานที่ Motel เสร็จ ทีนี้ก็ถึงคราวร้านอาหารบ้าง ตอนนั้นเลือกฝึกงานที่ร้านอาหารไทย ถามว่าทำไม
เพราะว่าตอนนั้นทำงานพิเศษที่นั่นอยู่แล้ว ช่วงก่อนหน้านั้นร้านอาหารไทย เค้าประกาศรับสมัครเด็กเสริฟ ช่วงศุกร์ เสาร์ เราก็ไปลองสมัครดู ร้านอาหารไทย คนไทย โอ๊ย สบาย
Hi !!!!!! ฝรั่งหลังเคาเตอร์ทักมาก่อนเลย คงคิดว่าเราเป็นลูกค้า เราก็เอ่อ I saw your job ads…เอ่อ in the newspaper .. I want to apply please แล้วก็ยื่น CV. ไป นางก็อ่านดูแว๊บๆ แล้วก็บอกว่า you can start tonight
หา What!!!
จะไม่ให้ตั้งหลักเลยเหรอเนี่ย ดีใจนะแต่มึนมากกว่า
พี่เค้าก็บอกว่า เด็กเสริฟจะรับออเดอร์มาเป็นตัวเลข ทุกรายการอาหารจะมีเบอร์กำกับอยู่ เวลารับออเดอร์มา ก็ เขียนประมาณว่า
1. spicy 2. mild 6 .medium 13. no peanut
แต่ถ้าลายละเอียดเยอะกว่านี้ก็ยุ่งแระ ต้องอธิบายกันด้วยภาษากาย เจ๊ผู้จัดการบอกว่ากำลังอยากได้คนไทยพอดี ถึงว่ารับเราเข้าทำงานไวเชียว หลังจากนั้นก้ทำมาเรื่อยๆ หน้าทีก็มีเด็กเสริฟ เด็กล้างจาน แคชเชียร์ บาร์เทนดี้ บาริสต้า
และสุดท้ายคือเป็นล่าม เวลาพี่เชฟกับเด็กเสริฟจะตีกัน
พอถึงวันนึงที่จะต้องเริ่มฝึกงาน ปลาก็ไปบอกเจ๊ผู้จัดการว่า เราคงต้องหยุดงานซักสองอาทิตย์ เพราะต้องไปฝึกงาน เจ๊บอก งั้นเธอก็มาฝึกที่นี่เลยสิ เออเข้าท่าแฮะ เลยไปถามครูว่าฝึกที่นี่ได้ไหม อาทิตย์ละ 30 ชั่วโมง เราก็สงสัยได้ทำงานฟรีแน่เลย ขาดรายได้ไปสองอาทิตย์ เฮ้อ
แต่เจ๊ผู้จัดการใจดี นางบอกว่าเธอก็มาฝึกช่วงวันจันทร์ ถึงวันพฤหัสให้ครบ 30 ชั่วโมง แล้ว ศุกร์ เสาร์ เธอก็รับเงินไปตามปกติ
“ Thank you soooo much!! “ โอ้ว ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ซึ้งใจสุดๆ
พูดถึงร้านอาหารไทย ปลาก็เคยทำทั้งกับ ฝรั่ง และ คนไทย ที่แตกต่างอย่างแรกเลย คือ การจ่ายเงิน ฝรั่งจะจ่ายเงินเป็นชั่วโมง เป๊ะๆ ส่วนคนไทยก็ เหมาจ่ายกันไป และอย่างต่อมาก็คือ ลักษณะของการทำงาน ถ้าเป็นฝรั่ง ก็จะค่อนข้างจริงจังเวลาทำงาน ไม่ค่อยเม้ามอยกันซักเท่าไหร่ แล้วก็จะเป๊ะ ทุกอย่างจะต้องเสร็จตามเวลา เค้าจะได้จ่ายค่าแรงเราถูกต้อง
แต่ถ้าเป้นคนไทย ก็จะผ่อนคลายนิดนึง ทําไปเม้าไป เม้าได้ทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ในครัวเดินออกมาข้างนอก มือถืออาหารไป วางอาหารเสร็จ เม้าต่อได้ทันที แล้วบรรยากาศก็จะสบายๆหน่อย ทำไปเรื่อยๆ เสร็จช้าได้ เพราะยังไงก็ค่าจ้างเหมาจ่ายอยู่แล้ว
เดี๋ยวมาต่อนะคะ