ต่อเนื่องจากกระทู้รีวิวสี่วันที่ผ่านมา ตามนี้นะครับ
http://pantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://pantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
http://pantip.com/topic/34446484 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 3 : Emeishan - Chengdu
http://pantip.com/topic/34451013 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 4 : Chengdu - Jiuzhaigou
เข้าสู่วันที่ห้าของการเดินทาง ในที่สุดเราก็มาถึงจิ่วไจ้โกวแล้ว ได้เวลาเที่ยว และเป็นหนึ่งในที่ที่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองมานานมากกกกกกกก ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้ว (**หมายเหตุ : วันนี้รูปเยอะมากครับ**)
เราตื่นตีห้าครึ่ง กินโกโก้ร้อนคนละแก้วระหว่างเดินออกมาจากโรงแรม อากาศหนาวใช้ได้เลย ต้องใส่ถุงมือและหมวก Beanie ปิดหูเลยทีเดียว เดินออกจากโรงแรมตอนหกโมงครึ่ง ฟ้ายังมืดอยู่ ถึงกับต้องเอาไฟฉายจักรยานที่ติดไปด้วยออกมาส่องทาง ยังไม่วายเดินเลยทางเข้า ที่รู้ว่าเลยก็เพราะว่าเดินผ่านห้องน้ำสาธารณะถึงสองที่ เพราะปกติต้องผ่านที่เดียวแล้วก็ถึงทางเข้าแล้ว สรุปได้ออกกำลังกายแต่เช้าซะงั้น 5555
เรามาถึงทางเข้าหน้าห้องขายตั๋วก็เจ็ดโมงพอดี รอถึงเจ็ดโมงครึ่งเขาเปิดขายตั๋วก็เข้าไปซื้อ ยื่นเงินให้พอดี ค่าเข้าต่อคน 220 หยวน ค่ารถในอุทยาน 90 หยวน ทั้งหมดคนละ 310 หยวน เตรียมเงินไปให้พอดีก็ดีนะครับ เพราะวันถัดมา ผมยื่นไป 700 หยวน ได้ทอนมา 60 หยวน เท่ากับคนละ 320 หยวน สรุปแล้วที่เก็บเพิ่มคือค่า insurance 10 หยวน (ซึ่งประกันอะไรก็ไม่ทราบได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง 55555)
ถึงเวลาก็ผ่านประตูเข้าไป ไปขึ้นรถเมล์เขียวที่วิ่งบริการในอุทยานครับ เรามาเริ่มเที่ยวกันเลยคร้าบบบ ^^
ก่อนจะเริ่มเที่ยว เอาจุดที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวมาให้ดูกันก่อนครับ
อีกรูปนึง อันนี้ผมเซฟเป็น PDF มาจากเวปไหนจำไม่ได้ เอามาแปลงเป็น JPG ครับ
จากแผนผัง ที่ทำการอุทยาน หรือทางเข้าที่เราเข้ามาจะอยู่ข้างล่างสุด พอขึ้นมาตรงกลางจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นเซ็นเตอร์ แล้วก็จะแยกออกเป็นสองแกน ซ้ายกับขวา เหมือนเป็นตัว Y ครับ
นักท่องเที่ยวส่วนมากช่วงเช้าจะขึ้นแกน Y ด้านขวาก่อน แล้วก็ไล่ลงมาเรื่อย ๆ สาย ๆ เที่ยง ๆ ก็ลงมาตรงจุดกึ่งกลาง ก่อนจะขึ้นรถไปเที่ยวแกนซ้าย แล้วลงมาเที่ยวตรงกลางแกนตัว Y ต่อ เป็นอันเสร็จสรรพสำหรับการเที่ยว 1 วัน แต่จะเหนื่อยมากกกกก เพราะต้องเดินไกล หรือไม่งั้นนั่งรถก็ได้ แต่ก็จะเป็นแนว ฉี่ ช้อป แชะ คื่อไปถึงจุดนั้น ๆ ถ่ายรูป ขึ้นรถ เปลี่ยนจุด ลงรถ ถ่ายรูป ขึ้นรถ ประมาณนี้ครับ ถ้ามีเวลา อยากเที่ยวให้ทั่ว ๆ ไม่รีบร้อนมากก็เที่ยวสองวันเถอะครับ ^^
นี่คือบัตรผ่านประตูครับ บัตรเดียวรวมทั้งค่าผ่านประตูและค่ารถบัสเรียบร้อยแล้วครับ ^^
เราเข้าไปเจอกับกรุ๊ปทัวร์รอขึ้นรถอยู่ พี่จีนก็ไม่ค่อยจะรอใครอยู่แล้ว เบียด ๆ ไป ปรากฏว่าเราไม่มีที่นั่ง ต้องยืนไปจนถึงจุดบนสุดของแกน Y ระยะทางจากข้างล่างไปก็ไกลนะครับ 17 กิโลได้แน่ะ
พอไปถึงสุดทาง....ลงจากรถมา สิ่งที่รอเราอยู่คือสิ่งนี้ครับ ชื่อผาอะไรผมจำไม่ได้เป๊ะ ๆ น่าจะประมาณ Sword Cliff ประมาณนี้ครับ
ตรงจุดลงรถ ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโล ก็จะถึง The Virgin Forest เห็นว่าเป็นป่าดึกดำบรรพ์ แต่ผมไม่ได้เข้า ใจอยากจะไปดูสระน้ำมากกว่า เลยเริ่มเดินลงมาทาง Swan Lake ครับ
อากาศตรงจุดนั้นหนาวกว่าข้างล่างเยอะครับ พูดเป็นไอเลย ในขณะที่ข้างล่างแค่หนาว แต่พูดยังไม่ออกเป็นไอ
เดินมาเรื่อย ๆ ระหว่างทางไป Swan Lake มีวิวให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ เราก็แวะถ่าย(รูปนะ) ไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
ทางเดินที่นี่ทำไว้เป็นอย่างดี เป็นแผ่นไม้ตีไว้ที่พื้น แต่เป็นไม้เทียมนะครับ พอมองกลับไปทาง Sword Cliff ก็เห็นทางเดินโค้งเป็นสายไปหาภูเขา สวยดี แชะเสียหน่อย
ต้นไม้ใส่เสื้อ ^^ ชอบมากเลยเวลาเห็นต้นไม้ใส่เสื้อแบบนี้ รู้สึกได้ว่าอากาศสดชื่น และบริสุทธ์มากกกกกก
เราก็เดินไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงครับ Swan Lake ห่างจากจุดลงรถตอนแรกประมาณ 2 กิโลกว่าครับ
ถัดจาก Swan Lake มาก็จะเป็น Grass Lake ครับ สวยเหมือนกัน เรียกว่ากดไม่ยั้งเลยล่ะครับ
พอหมดจาก Grass Lake ต่อไปก็จะเป็น Arrow Bamboo Lake ซึ่งอยู่ห่างไปหลายกิโลอยู่ จึงต้องพึ่งรถโดยสารประจำทางครับ การขึ้นรถโดยสารที่นี่ต้องดูดี ๆ นะครับ ว่าป้ายไหนจอดให้คนขึ้น ป้ายไหนจอดให้คนลง บางป้ายได้ทั้ขึ้นทั้งลง บางป้ายขึ้นอย่างเดียว บางป้ายลงอย่างเดียว แต่ถ้ามีคนขึ้นลงแล้วเราอยู่ตรงนั้นพอดีก็ขึ้นได้ครับ แต่ถ้าไม่....บางทีคนขับจะโบกมือบอกให้ไปรอป้ายถัดไปครับ
ผมพยายามหาตารางรถบัสว่าป้ายไหนจอดให้ขึ้น ป้ายไหนจอดให้ลง แต่ไม่รู้ไปเซฟเก็บไว้ที่ไหน หาไม่เจอ ถ้าเจอเดี๋ยวจะมาลงเพิ่มเติมให้อีกทีนะครับ
แล้วเราก็มาถึง Arrow Bamboo Lake ตรงนี้บ่อจะเริ่มใหญ่แล้วครับ ผมไม่ชัวร์ว่า Arrow Bamboo Lake ชื่อนี้ได้มาเพราะมีไผ่นี้ขึ้นอยู่เยอะ ซึ่งระหว่างทางเดินเลียบบ่อน้ำด้านในก็มีต้นไผ่ขึ้นเยอะเหมือนกันครับ (มีทางเดินเลียบถนน กับทางเดินเลียบป่าด้านในให้เลือกเดินนะครับ บางจุดเลียบด้านนอกก็สวยกว่า เช่นตามแกนตัว Y แต่ตามแกนตัว Y ทางด้านขวา ผมว่าเดินเลียบในป่าสวยกว่าครับ)
ยังคงอยู่ใน Arrow Bamboo Lake
ยาวไป ยาวปายยยยย
ณ จุดนี้เรามานั่งพักกันครับ เป็นลานให้นั่งพักได้ ระหว่างรอยต่อ Arrow Bamboo Lake กับ Panda Lake ครับ รวมถึงเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยด้วย หลังจากเดินกันมานานเลย
เดินพ้น Arrow Bamboo Lake มาก็จะเจอกับน้ำตกอะไรหว่า น่าจะเป็น Panda Waterfall นะครับ พอพ้นตรงนี้ไปก็จะเป็น Panda Lake ครับ
ซึ่ง Panda Lake ชื่อได้มาจากในสระน้ำ เราจะเห็นมีแถบสีดำพาดสลับไปในบ่อ เหมือนลวดลายจากแพนด้าครับ (ข้อมูลเหล่านี้ผมดูมาจาก VTR บนรถนะครับ พากย์จีน แต่มีภาษาอังกฤษให้อ่าน อ่านทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ต้องขออภัย ^^)
Panda Lake ครับ
ต้นไม้ริมฝั่งก็น่ามองครับ ^^
ระหว่างทางเดินเลียบในป่าสน สวยดี ถ่ายมาเสียหน่อย
แล้วเราก็ผ่านมาถึง Five Flower Lake ครับ
Five Flower Lake ช่วงนี้ของแกนขวาจะเป็นช่วงที่สีสวยมากครับ
ตรงจุดนี้ ที่เห็นสะพานด้านขวา นั่นจะเดินขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมสูง และไปขึ้นรถเมล์ได้ครับ ถ้าเดินไปทางซ้ายก็จะต่อไปที่ Pearl Shoal ซึง่ผมว่าไม่สวยเท่าไหร่ครับ เป็นเหมือนน้ำตกไหลลัดเลาะลงมาตามลานหินที่เป็นปุ่ม ๆ หน่อยครับ ^^
Five Flower Lake ครับ
เห็นใบไม้สีแดง อยู่เหนือผืนน้ำสีเข้ม ๆ คิดถึงเลนส์ 70-200 ขึ้นมาจับใจ ><
แต่ได้แค่ 40 mm ของกล้อง mirrorless เท่ากับ 80 mm ของกล้อง SLR เอง ><
น่าจะเป็นมุมที่มองย้อนกลับไปที่ Five Flower Lake เช่นกันนะครับ เริ่มจำไม่ได้แล้ว
มีต่อครับ --->
[CR] [รีวิว] @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง ฉงชิ่ง-เล่อซาน-เอ้อเหม่ยซาน-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง-ซีอาน-อู่หลง-ฉงชิ่ง วันที่ 5 @@@
http://pantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://pantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
http://pantip.com/topic/34446484 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 3 : Emeishan - Chengdu
http://pantip.com/topic/34451013 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 4 : Chengdu - Jiuzhaigou
เข้าสู่วันที่ห้าของการเดินทาง ในที่สุดเราก็มาถึงจิ่วไจ้โกวแล้ว ได้เวลาเที่ยว และเป็นหนึ่งในที่ที่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองมานานมากกกกกกกก ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้ว (**หมายเหตุ : วันนี้รูปเยอะมากครับ**)
เราตื่นตีห้าครึ่ง กินโกโก้ร้อนคนละแก้วระหว่างเดินออกมาจากโรงแรม อากาศหนาวใช้ได้เลย ต้องใส่ถุงมือและหมวก Beanie ปิดหูเลยทีเดียว เดินออกจากโรงแรมตอนหกโมงครึ่ง ฟ้ายังมืดอยู่ ถึงกับต้องเอาไฟฉายจักรยานที่ติดไปด้วยออกมาส่องทาง ยังไม่วายเดินเลยทางเข้า ที่รู้ว่าเลยก็เพราะว่าเดินผ่านห้องน้ำสาธารณะถึงสองที่ เพราะปกติต้องผ่านที่เดียวแล้วก็ถึงทางเข้าแล้ว สรุปได้ออกกำลังกายแต่เช้าซะงั้น 5555
เรามาถึงทางเข้าหน้าห้องขายตั๋วก็เจ็ดโมงพอดี รอถึงเจ็ดโมงครึ่งเขาเปิดขายตั๋วก็เข้าไปซื้อ ยื่นเงินให้พอดี ค่าเข้าต่อคน 220 หยวน ค่ารถในอุทยาน 90 หยวน ทั้งหมดคนละ 310 หยวน เตรียมเงินไปให้พอดีก็ดีนะครับ เพราะวันถัดมา ผมยื่นไป 700 หยวน ได้ทอนมา 60 หยวน เท่ากับคนละ 320 หยวน สรุปแล้วที่เก็บเพิ่มคือค่า insurance 10 หยวน (ซึ่งประกันอะไรก็ไม่ทราบได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง 55555)
ถึงเวลาก็ผ่านประตูเข้าไป ไปขึ้นรถเมล์เขียวที่วิ่งบริการในอุทยานครับ เรามาเริ่มเที่ยวกันเลยคร้าบบบ ^^
ก่อนจะเริ่มเที่ยว เอาจุดที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวมาให้ดูกันก่อนครับ
อีกรูปนึง อันนี้ผมเซฟเป็น PDF มาจากเวปไหนจำไม่ได้ เอามาแปลงเป็น JPG ครับ
จากแผนผัง ที่ทำการอุทยาน หรือทางเข้าที่เราเข้ามาจะอยู่ข้างล่างสุด พอขึ้นมาตรงกลางจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นเซ็นเตอร์ แล้วก็จะแยกออกเป็นสองแกน ซ้ายกับขวา เหมือนเป็นตัว Y ครับ
นักท่องเที่ยวส่วนมากช่วงเช้าจะขึ้นแกน Y ด้านขวาก่อน แล้วก็ไล่ลงมาเรื่อย ๆ สาย ๆ เที่ยง ๆ ก็ลงมาตรงจุดกึ่งกลาง ก่อนจะขึ้นรถไปเที่ยวแกนซ้าย แล้วลงมาเที่ยวตรงกลางแกนตัว Y ต่อ เป็นอันเสร็จสรรพสำหรับการเที่ยว 1 วัน แต่จะเหนื่อยมากกกกก เพราะต้องเดินไกล หรือไม่งั้นนั่งรถก็ได้ แต่ก็จะเป็นแนว ฉี่ ช้อป แชะ คื่อไปถึงจุดนั้น ๆ ถ่ายรูป ขึ้นรถ เปลี่ยนจุด ลงรถ ถ่ายรูป ขึ้นรถ ประมาณนี้ครับ ถ้ามีเวลา อยากเที่ยวให้ทั่ว ๆ ไม่รีบร้อนมากก็เที่ยวสองวันเถอะครับ ^^
นี่คือบัตรผ่านประตูครับ บัตรเดียวรวมทั้งค่าผ่านประตูและค่ารถบัสเรียบร้อยแล้วครับ ^^
เราเข้าไปเจอกับกรุ๊ปทัวร์รอขึ้นรถอยู่ พี่จีนก็ไม่ค่อยจะรอใครอยู่แล้ว เบียด ๆ ไป ปรากฏว่าเราไม่มีที่นั่ง ต้องยืนไปจนถึงจุดบนสุดของแกน Y ระยะทางจากข้างล่างไปก็ไกลนะครับ 17 กิโลได้แน่ะ
พอไปถึงสุดทาง....ลงจากรถมา สิ่งที่รอเราอยู่คือสิ่งนี้ครับ ชื่อผาอะไรผมจำไม่ได้เป๊ะ ๆ น่าจะประมาณ Sword Cliff ประมาณนี้ครับ
ตรงจุดลงรถ ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโล ก็จะถึง The Virgin Forest เห็นว่าเป็นป่าดึกดำบรรพ์ แต่ผมไม่ได้เข้า ใจอยากจะไปดูสระน้ำมากกว่า เลยเริ่มเดินลงมาทาง Swan Lake ครับ
อากาศตรงจุดนั้นหนาวกว่าข้างล่างเยอะครับ พูดเป็นไอเลย ในขณะที่ข้างล่างแค่หนาว แต่พูดยังไม่ออกเป็นไอ
เดินมาเรื่อย ๆ ระหว่างทางไป Swan Lake มีวิวให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ เราก็แวะถ่าย(รูปนะ) ไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
ทางเดินที่นี่ทำไว้เป็นอย่างดี เป็นแผ่นไม้ตีไว้ที่พื้น แต่เป็นไม้เทียมนะครับ พอมองกลับไปทาง Sword Cliff ก็เห็นทางเดินโค้งเป็นสายไปหาภูเขา สวยดี แชะเสียหน่อย
ต้นไม้ใส่เสื้อ ^^ ชอบมากเลยเวลาเห็นต้นไม้ใส่เสื้อแบบนี้ รู้สึกได้ว่าอากาศสดชื่น และบริสุทธ์มากกกกกก
เราก็เดินไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงครับ Swan Lake ห่างจากจุดลงรถตอนแรกประมาณ 2 กิโลกว่าครับ
ถัดจาก Swan Lake มาก็จะเป็น Grass Lake ครับ สวยเหมือนกัน เรียกว่ากดไม่ยั้งเลยล่ะครับ
พอหมดจาก Grass Lake ต่อไปก็จะเป็น Arrow Bamboo Lake ซึ่งอยู่ห่างไปหลายกิโลอยู่ จึงต้องพึ่งรถโดยสารประจำทางครับ การขึ้นรถโดยสารที่นี่ต้องดูดี ๆ นะครับ ว่าป้ายไหนจอดให้คนขึ้น ป้ายไหนจอดให้คนลง บางป้ายได้ทั้ขึ้นทั้งลง บางป้ายขึ้นอย่างเดียว บางป้ายลงอย่างเดียว แต่ถ้ามีคนขึ้นลงแล้วเราอยู่ตรงนั้นพอดีก็ขึ้นได้ครับ แต่ถ้าไม่....บางทีคนขับจะโบกมือบอกให้ไปรอป้ายถัดไปครับ
ผมพยายามหาตารางรถบัสว่าป้ายไหนจอดให้ขึ้น ป้ายไหนจอดให้ลง แต่ไม่รู้ไปเซฟเก็บไว้ที่ไหน หาไม่เจอ ถ้าเจอเดี๋ยวจะมาลงเพิ่มเติมให้อีกทีนะครับ
แล้วเราก็มาถึง Arrow Bamboo Lake ตรงนี้บ่อจะเริ่มใหญ่แล้วครับ ผมไม่ชัวร์ว่า Arrow Bamboo Lake ชื่อนี้ได้มาเพราะมีไผ่นี้ขึ้นอยู่เยอะ ซึ่งระหว่างทางเดินเลียบบ่อน้ำด้านในก็มีต้นไผ่ขึ้นเยอะเหมือนกันครับ (มีทางเดินเลียบถนน กับทางเดินเลียบป่าด้านในให้เลือกเดินนะครับ บางจุดเลียบด้านนอกก็สวยกว่า เช่นตามแกนตัว Y แต่ตามแกนตัว Y ทางด้านขวา ผมว่าเดินเลียบในป่าสวยกว่าครับ)
ยังคงอยู่ใน Arrow Bamboo Lake
ยาวไป ยาวปายยยยย
ณ จุดนี้เรามานั่งพักกันครับ เป็นลานให้นั่งพักได้ ระหว่างรอยต่อ Arrow Bamboo Lake กับ Panda Lake ครับ รวมถึงเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยด้วย หลังจากเดินกันมานานเลย
เดินพ้น Arrow Bamboo Lake มาก็จะเจอกับน้ำตกอะไรหว่า น่าจะเป็น Panda Waterfall นะครับ พอพ้นตรงนี้ไปก็จะเป็น Panda Lake ครับ
ซึ่ง Panda Lake ชื่อได้มาจากในสระน้ำ เราจะเห็นมีแถบสีดำพาดสลับไปในบ่อ เหมือนลวดลายจากแพนด้าครับ (ข้อมูลเหล่านี้ผมดูมาจาก VTR บนรถนะครับ พากย์จีน แต่มีภาษาอังกฤษให้อ่าน อ่านทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ต้องขออภัย ^^)
Panda Lake ครับ
ต้นไม้ริมฝั่งก็น่ามองครับ ^^
ระหว่างทางเดินเลียบในป่าสน สวยดี ถ่ายมาเสียหน่อย
แล้วเราก็ผ่านมาถึง Five Flower Lake ครับ
Five Flower Lake ช่วงนี้ของแกนขวาจะเป็นช่วงที่สีสวยมากครับ
ตรงจุดนี้ ที่เห็นสะพานด้านขวา นั่นจะเดินขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมสูง และไปขึ้นรถเมล์ได้ครับ ถ้าเดินไปทางซ้ายก็จะต่อไปที่ Pearl Shoal ซึง่ผมว่าไม่สวยเท่าไหร่ครับ เป็นเหมือนน้ำตกไหลลัดเลาะลงมาตามลานหินที่เป็นปุ่ม ๆ หน่อยครับ ^^
Five Flower Lake ครับ
เห็นใบไม้สีแดง อยู่เหนือผืนน้ำสีเข้ม ๆ คิดถึงเลนส์ 70-200 ขึ้นมาจับใจ ><
แต่ได้แค่ 40 mm ของกล้อง mirrorless เท่ากับ 80 mm ของกล้อง SLR เอง ><
น่าจะเป็นมุมที่มองย้อนกลับไปที่ Five Flower Lake เช่นกันนะครับ เริ่มจำไม่ได้แล้ว
มีต่อครับ --->