ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ผู้บริโภคไทยหมดอาลัยเศรษฐกิจและการเมือง
ด้าน
นายกรัฐมนตรียืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นเพราะโครงการประชารัฐ
นสพ.ไฟแนนเชียลไทมส์ (เอฟที) ตีพิมพ์บทความระบุถึงสภาพเศรษฐกิจไทยว่า
ยังคงเป็น
ประเทศที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีอัตราเติบโตต่ำว่าทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่ราวครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะโต 2.7%
เอฟทีรายงานอีกว่าการส่งออกของไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่เก้า
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนย่ำแย่ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง
ชาวบ้านในชนบทกำลังเผชิญกับภาวะรายได้หดหาย
เพราะ
ราคาสินค้าภาคเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
เอฟทีระบุว่า FT Confidential Research (FTCR) หน่วยวิจัยของเอฟที
สำรวจพบว่าผู้บริโภคไทยเริ่มหมดอาลัยกับสภาพเศรษฐกิจและการเมืองมากขึ้น
โดยจากการสำรวจของ FTCR เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าผู้เข้าร่วมในการสำรวจ 48%
เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ 17% เห็นว่าแย่มาก ขณะที่ 8% เห็นว่าดี และ 2% เห็นว่าเศรษฐกิจดีมาก
ซึ่งผลสำรวจที่ได้ถือว่าออกมาในเชิงลบมากกว่าผลสำรวจในช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมาเล็กน้อย
แต่แย่กว่าไตรมาสแรกของปีนี้อยู่มาก
ส่วนความเห็นเกี่ยวกับสภาพการเมืองนั้น 34% เห็นว่าแย่/แย่มาก 35% เห็นเป็นกลาง ๆ 31% เห็นว่าดี/ดีมาก
ผลสำรวจของ FTCR ยังพบด้วยว่าคนไทยส่วนใหญ่ (58%)
เชื่อว่าไทยจะมีการเลือกตั้งได้ในปี 2561 หรือหลังจากนั้น เทียบกับ 28% ที่คิดว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560
และ 18% ที่คิดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปีหน้า
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.)
โดยกล่าวถึง
แนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น
จากการที่มีโครงการประชารัฐลงไป ทำให้ในชุมชน ในพื้นที่มีเงินออกมาหมุนเวียนในการใช้จ่ายบ้าง
แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีระบุว่าไทยยังมีผู้มีรายได้น้อยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่มีอยู่ 40 ล้านคน
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น แต่การส่งออกยังชะลอตัว
เนื่องจากไทยกำลังสร้างนวัตกรรม พัฒนาปรับปรุงโรงงานต่าง ๆ ให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา
แต่ได้มีมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อจะเร่งรัดให้เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุดในปีนี้และปีหน้า
ในส่วนการส่งออกนั้นนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยมีตัวเลขติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น
แต่ในระหว่างนี้จำเป็นต้องอดทน และร่วมมือกันหาทางเพิ่มมูลค่าการผลิต
ที่มา บีบีซีไทย - BBC Thai
ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ผู้บริโภคไทยหมดอาลัยเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าขณะนี้เศรษฐกิจดีขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรียืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นเพราะโครงการประชารัฐ
นสพ.ไฟแนนเชียลไทมส์ (เอฟที) ตีพิมพ์บทความระบุถึงสภาพเศรษฐกิจไทยว่า
ยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีอัตราเติบโตต่ำว่าทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่ราวครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะโต 2.7%
เอฟทีรายงานอีกว่าการส่งออกของไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่เก้า
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนย่ำแย่ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง
ชาวบ้านในชนบทกำลังเผชิญกับภาวะรายได้หดหาย
เพราะราคาสินค้าภาคเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
เอฟทีระบุว่า FT Confidential Research (FTCR) หน่วยวิจัยของเอฟที
สำรวจพบว่าผู้บริโภคไทยเริ่มหมดอาลัยกับสภาพเศรษฐกิจและการเมืองมากขึ้น
โดยจากการสำรวจของ FTCR เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าผู้เข้าร่วมในการสำรวจ 48%
เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ 17% เห็นว่าแย่มาก ขณะที่ 8% เห็นว่าดี และ 2% เห็นว่าเศรษฐกิจดีมาก
ซึ่งผลสำรวจที่ได้ถือว่าออกมาในเชิงลบมากกว่าผลสำรวจในช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมาเล็กน้อย
แต่แย่กว่าไตรมาสแรกของปีนี้อยู่มาก
ส่วนความเห็นเกี่ยวกับสภาพการเมืองนั้น 34% เห็นว่าแย่/แย่มาก 35% เห็นเป็นกลาง ๆ 31% เห็นว่าดี/ดีมาก
ผลสำรวจของ FTCR ยังพบด้วยว่าคนไทยส่วนใหญ่ (58%)
เชื่อว่าไทยจะมีการเลือกตั้งได้ในปี 2561 หรือหลังจากนั้น เทียบกับ 28% ที่คิดว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560
และ 18% ที่คิดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปีหน้า
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.)
โดยกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น
จากการที่มีโครงการประชารัฐลงไป ทำให้ในชุมชน ในพื้นที่มีเงินออกมาหมุนเวียนในการใช้จ่ายบ้าง
แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีระบุว่าไทยยังมีผู้มีรายได้น้อยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่มีอยู่ 40 ล้านคน
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น แต่การส่งออกยังชะลอตัว
เนื่องจากไทยกำลังสร้างนวัตกรรม พัฒนาปรับปรุงโรงงานต่าง ๆ ให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา
แต่ได้มีมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อจะเร่งรัดให้เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุดในปีนี้และปีหน้า
ในส่วนการส่งออกนั้นนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยมีตัวเลขติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น
แต่ในระหว่างนี้จำเป็นต้องอดทน และร่วมมือกันหาทางเพิ่มมูลค่าการผลิต
ที่มา บีบีซีไทย - BBC Thai