ห่างหายกันไปซักพักใหญ่ๆกับรีวิวยุโรปครับ จริงๆอันนี้ไปมาก่อนกลับไทยแต่ว่าพอกลับไทยแล้วมันไม่ได้เขียนซักที แหะๆ
ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับไม่ต้องสาธยายอะไรกันให้มากมาย ทริปนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากมีรุ่นพี่ที่พึ่งเรียนจบจากอังกฤษอยากมาเที่ยวก่อนกลับไทย ก็เลยวางแผนกันว่าจะไปเจอกันสักนิด ที่ Fuessen (หลายๆคนอาจจะไม่ชินกับชื่อนี้นะครับ เอาเป็นว่าเป็นเมืองที่มีปราสาท Neuschwanstein หรือไม่ก็ปราสาทดิสนีย์ที่โด่งดังกันละกันเนอะ) กับ Munich (Muenchen) แต่ด้วยความซวยอะไรต่ออะไรหลายๆอย่าง ทริปนี้ก็เลยยืดจนกลายเป็น Fuessen >> Munich >>
Bergtesgaden/Venice แต่กว่าจะไปถึงจุดหมายสุดท้ายมันต้องผ่านอะไรมากมายเหลือเกิน…..
Part1 Fuessen (Neuschwanstein)
หลังจากวางแผนกันมาร่วมเดือน… ก็มาถึงวันเดินทางวันแรก… ผมคว้ากระเป๋าและตั๋วรถไฟ ICE ที่ซื้อเตรียมไว้แล้วเพื่อเดินทางไปเจอกับเพื่อนวัยเบญจเพสคนแรกที่ Munich จากเมืองที่ผมอยู่ (Siegen) ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย ก้มมองดูนาฬิกาเป็นเวลาประมาณ 13:30 ตามเวลาท้องถิ่น ค่อยๆเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือออกมาโทรหาคุณเพื่อน… “อยู่ไหนๆ ถึงแล้วรอนานรึเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากนัดกันไว้ว่าจะเจอกันตอน 13:15… “เออ หาไรกินก่อนเลย รถไฟดีเลย์ชั่วโมงนึงอ่ะ ขอโทษทีเว้ย…น่าจะถึงประมาณ 2โมงกว่าๆ” ความซวยแรกเริ่มมาถึง แต่ไม่คิดอะไรมากครับ…
ค่อยๆเยื้องย่างกายไปชั้นสองของสถานีรถไฟ เพื่อหาอะไรกินระหว่างรอคุณเพื่อน สุดท้ายก็ไปจบที่ร้าน Burger King ร้านมาตรฐานในรสชาติ เชื่อได้ว่าอร่อยแน่นอน ระหว่างกินก็นั่งดูคนในสถานีเดินบ้างวิ่งบ้างตามสไตล์เมืองใหญ่ แต่ครั้งนี้ดูจะมากกว่าปกตินิดหน่อย ตำรวจก็เยอะขึ้นด้วยแฮะ… สงสัยจะมีจัดงานอะไรกัน นั่งกินนั่งอู้ไปสักประมาณครึ่งชั่วโมง คนในร้านก็เริ่มเยอะที่นั่งเริ่มไม่มี ด้วยความเป็นพลเมืองดี (ชมตัวเองสักนิด โลกจะแจ่มใส่ครับ
) ก็เลยลุกออกไปเก็บถาด ลงไปเดินเล่นรอเพื่อนข้างล่าง… ทันใดนั้นเองก็มีตำรวจพาคนกลุ่มใหญ่(มาก) เดินลงจากรถไฟแล้วพาเดินไปไหนกันก็ไม่รู้ เริ่มใจไม่ดีแล้วเกิด “อะไรขึ้นรึเปล่าน้อ…” แอบคิดในใจเบาๆ แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยสนอะไรพวกนี้ก็เลยปล่อยมันผ่านไป…
เวลาประมาณ 14:20 โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเบาๆ “อยู่ไหน ถึงแล้วนะ”เสียงจากปลายสายดังขึ้นมาทันทีที่รับ ในที่สุดก็ได้เจอเพื่อนร่วมชตากรรมคนแรก ว่าแล้วก็ออกเดินไปซื้อตั๋วเดินทางเพื่อไปเมือง Fuessen เป้าหมายแรกของเรา มองหาตั๋ว Bayern Ticket (Bavaria Ticket) สำหรับสองคน ราคา 28Euro ตกคนละ 14Euro (ตั๋วนี้ใช้ได้ทั้งรัฐ Bravaria นะครับ ทั้งรถเมล์ รถไฟ รวมถึงรถขนส่งสาธารณะเกือบทุกอย่าง แน่นอนครับว่าไม่รวม Taxi และรถไฟความเร็วสูง IC/ICE/EC) ได้ตั๋วมาก็จัดการหารถไฟกันเลย….
“ไม่มีรถไฟตรงอ่ะ… ปกติมันมีนี่หว่า…” ผมพูดออกมาเบาๆ หลังจากตรวจเส้นทางรถไฟจาก app DB Navigator (ใครจะมาเที่ยวเยอรมัน แนะนำให้โหลดนะครับ จะช่วยชีวิตท่านทั้งหลายได้เยอะเลย) ก็ลองอ่านข้อมูลที่ app แจ้งมาได้ความว่ามีการซ่อมแซมทางรถไฟ… มาซ่อมอะไรกันตอนนี้น้อ… เส้นทางอ้อมก็ไม่นานมากครับ แค่จาก 2ชั่วโมง เป็นเกือบ 4ชั่วโมงเท่านั้นเอง… ทำใจเผชิญความซวยที่สองกันไป เพราะไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
รถไฟคันน้อยเริ่มเคลื่อนขบวนออกจาก Munich ตอนเวลาประมาณ 15:40… เปลี่ยนขบวนกันเล็กๆน้อย ก้มมองนาฬิกาอีกทีก็ทุ่มกว่าๆ ก็ Fuessen พอดี.. แน่นอนครับเรายังไม่ถึงจุดหมายดี.. คว้ากระเป๋าวิ่งลงจากรถไฟไปขึ้นรถบัสสาย78 มุ่งหน้าไป Hohenschwangau, Schwangau (Schloesser) จริงๆนั่งได้ทั้งสาย 73 และ 78 นะครับ เข้าไปยืนบนรถบัสค่อยๆเอามือล้วงกระเป๋าควานหาตั๋ว Bavaria Ticket มาโชว์ให้คนขับดูก็เข้าไปหาที่นั่งได้อย่างสบายใจ (สำหรับคนที่มาตอนเช้า อาจจะไม่สบายเท่าไหร่นะครับ เพราะคนจะเยอะมากกกกกก แต่ผมมากันตอนที่ชาวบ้านเค้าเริ่มกลับกันแล้ว เลยโล่งหน่อย) ใช้เวลาไม่นานประมาณ 10นาที เราก็มาถึงจุดหมายกันแล้วครับ…
ก่อนอื่นเลยไป check in เข้าที่พักกันก่อน เพราะเริ่มเยนมากแล้ว ค่อยๆเดินแบกเป้ไปซักพักก็ถึงแล้วครับ โรงแรมของเรา!! โรงแรม Romantik Pension ราคาค่อนข้างสูงนะครับ ส่วนนึงเพราะว่าอยู่บนเขาเลยด้วย และน่าจะเพราะวิวด้วยครับ มองไปด้านหลังก็เห็นปราสาท Neuschwanstein แล้ว จัดการโยนกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเตียงแล้วเริ่มออกไปถ่ายรูปกันเลยครับ กว่าจะได้เริ่มถ่ายก็จะสองทุ่มแล้ว แต่สบายใจได้ครับดูมาแล้วว่าวันนี้พระอาทิตย์ตกเกือบๆสี่ทุ่ม มีเวลาอีกนานเลยกว่าจะได้ถ่ายรูปดาวตอนกลางคืนกัน
เดินออกมากจากโรงแรมเราก็ต้องมีภาพโรงแรมเก็บไว้บ้าง จัดกันไปเบาๆ
ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปดูทำเลถ่ายรูปดาวแถวๆ Alpsee ระหว่างทางจะต้องผ่านปราสาท Hohenschwangau ซึ่งเป็นปราสาทของพระบิดาของ Ludwig II ผู้เป็นเจ้าของประสาท Neuschwanstein นั่นเอง ตัวปราสาทสีเหลืองสวยงามตั้งอยู่บนยอดเขาเขียวๆ มีทางเดินขึ้นไปได้ถึงตัวปราสาท
เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาขึ้นไปดูด้านบนกันครับ เดินผ่านปราสาทตรงไปเรื่อยๆ อีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายของเราในวันนี้นั้นคือ Alpsee นั่นเอง ตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม บรรยากาศงามๆ
ถ่ายรูปไปนิดๆหน่อยๆ ท้องก็เริ่มส่งสัญญานแล้วว่าต้องหาอะไรใส่ลงไปได้แล้ว… “เมื่อกี้ผ่านร้าน ไส้กรอกมา ไปซื้อไรกินกัน”คุณเพื่อนตะโกนมาแต่ไกล ผมรีบเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพลงกระเป๋าแล้วเดินตามไปทันที… หยุดลงที่หน้าร้าน คุณเพื่อนออกแรงดันประตูให้เปิดออก “ล็อกอ่ะ สงสัยปิดแล้ว…”คุณเพื่อนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเริ่มมีกังวล “เออ… ไม่เป็นไรร้านอื่นคงเปิดแหละ” ผมปลอบเพื่อน แต่ในใจก็กังวลไม่แพ้กันเลย… และแล้วความกังวลก็เป็นจริง ร้านขายของเล็กๆ รวมถึงร้านขนมทั้งหลายปิดกันหมดแล้ว… “วันนี้ซวยจริงอ่ะ จะหาไรกินได้ป่าววะ”คุณเพื่อนเริ่มตัดพ้อนิดๆ แน่นอนความรู้สึกผมไม่ต่างกันเลย หลังจากบ่นกันซักพักแอบเห็นร้านอาหารยังเปิดไฟสว่าง รีบเดินกันอย่างรวดเร็ว ผลักประตูร้านออกแล้วนั่งกัน โดยไม่ได้ดูบรรยากาศรอบข้างเลย หลังจากนั่งกันไปไม่นานพนักงานก็เอาเมนูอาหารมาให้เลือกสั่งกัน ทันทีที่เปิดเมนูออกมา เหมือนมีสัญญานบางอย่างให้เงยหน้ามามองกัน “แพงมากกกกกกกกกกกกกกก” สายตาของเพื่อนและผมสื่อออกมาชัดเจนมาก… แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ทำไรอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าหมดตัวตั้งแต่วันแรกนะครับ ส่วนเครื่องดื่มแน่นอนครับว่าต้องไม่พลาด ถูกกว่าโค้กจะไม่สั่งได้อย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กินกันนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ รอให้ฟ้าด้านนอกมืดสนิทก็ค่อยๆเคลื่อนพลออกจากร้านเพื่อไปตามเส้นทางเดิมเพื่อไปถ่ายดาวเหนือ ทะเลสาบแอลป์กัน แค่คิดก็ฟินแล้วครับ แต่แล้ว…ความจริงไม่เป็นไปถามที่คิด… เมื่อพยากรณ์อากาศพยากรณ์พลาด ความซวยอีกครั้งก็บังเกิด… แผนทุกอย่างที่วางมา ยอมเสียเงินแพงขึ้นอีกหน่อยเพื่อมาถ่ายรูปทะเลสาบยามค่ำคืน ทุกอย่างแตกเป็นผงทันทีที่ออกจากร้าน…
ใช่แล้วครับ.. ความจริงนี้มันทำร้ายกันสุดๆ เมื่อท้องฟ้าปิดไม่เห็นดาวซักดวง แถวยังมีฝนตกปรอยๆด้วย… “เอาไง… ถ่ายไม่ได้กลับห้องเลยเปล่า” หันไปปรึกษากับเพื่อนด้วยอารมณ์เสียใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่เลิกคิดในแง่บวก “เดี๋ยวฝนก็หยุดเว้ย ตกเบาๆเอง ฟ้าหลังฝนอาจจะสวยไปอีกแบบ” ฟังดูเป็นการเข้าข้างตัวเองกันสุดๆไปเลยนะครับ เดินไปทางเดิม ก็ถ่ายมุมเดิมๆคนละเวลามาให้ดูกันนะครับ
เมื่อถึงทะเลสาบก็จัดการวางขาตั้งกล้อง ลองกดถ่ายภาพท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ได้รูปมืดๆมา 1รูป…
ระหว่างที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ หามุมถ่ายรูปกันอยู่นั้นเอง… เหมือนพระเจ้าเมตตา…
พระเจ้าคงสงสารเหลือเกินว่าวันนี้เดินทางมาเหนื่อยๆ ควรจะมีอะไรดีๆ เข้ามาบ้าง…
“เก็บกล้องทันเปล่า… วันนี้ซวยไปแล้วนะ….” หันไปคุยกับเพื่อนด้วยร่างกายที่เปียกชุ่ม เอากล้องซ่อนไว้ใตเสื้อกันฝน… ใช่แล้วครับ… พระเจ้าคงสงสารอยากให้พักผ่อนกัน เลยตัดสินใจเทน้ำลงมาจากท้องฟ้า จะได้ไม่ต้องรอกันต่อ…. ฝนตกลงมาอย่างหนัก… ผมกับเพื่อนจึงต้องขอวิ่งกลับไปโรงแรมกันก่อนนะครับ….
เดี๋ยวมาต่อให้กับวันที่2 นะคร้าบ ขอไปมหาลัยก่อน
[CR] เมื่อเหล่าหนุ่มสาววัยเบญจเพสมารวมตัวกัน ความซวยก็บังเกิด (Fuessen>>Munich>>Bergtesgaden/Venice) Part 1 Fuessen
ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับไม่ต้องสาธยายอะไรกันให้มากมาย ทริปนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากมีรุ่นพี่ที่พึ่งเรียนจบจากอังกฤษอยากมาเที่ยวก่อนกลับไทย ก็เลยวางแผนกันว่าจะไปเจอกันสักนิด ที่ Fuessen (หลายๆคนอาจจะไม่ชินกับชื่อนี้นะครับ เอาเป็นว่าเป็นเมืองที่มีปราสาท Neuschwanstein หรือไม่ก็ปราสาทดิสนีย์ที่โด่งดังกันละกันเนอะ) กับ Munich (Muenchen) แต่ด้วยความซวยอะไรต่ออะไรหลายๆอย่าง ทริปนี้ก็เลยยืดจนกลายเป็น Fuessen >> Munich >>
Bergtesgaden/Venice แต่กว่าจะไปถึงจุดหมายสุดท้ายมันต้องผ่านอะไรมากมายเหลือเกิน…..Part1 Fuessen (Neuschwanstein)
หลังจากวางแผนกันมาร่วมเดือน… ก็มาถึงวันเดินทางวันแรก… ผมคว้ากระเป๋าและตั๋วรถไฟ ICE ที่ซื้อเตรียมไว้แล้วเพื่อเดินทางไปเจอกับเพื่อนวัยเบญจเพสคนแรกที่ Munich จากเมืองที่ผมอยู่ (Siegen) ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย ก้มมองดูนาฬิกาเป็นเวลาประมาณ 13:30 ตามเวลาท้องถิ่น ค่อยๆเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือออกมาโทรหาคุณเพื่อน… “อยู่ไหนๆ ถึงแล้วรอนานรึเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากนัดกันไว้ว่าจะเจอกันตอน 13:15… “เออ หาไรกินก่อนเลย รถไฟดีเลย์ชั่วโมงนึงอ่ะ ขอโทษทีเว้ย…น่าจะถึงประมาณ 2โมงกว่าๆ” ความซวยแรกเริ่มมาถึง แต่ไม่คิดอะไรมากครับ…
ค่อยๆเยื้องย่างกายไปชั้นสองของสถานีรถไฟ เพื่อหาอะไรกินระหว่างรอคุณเพื่อน สุดท้ายก็ไปจบที่ร้าน Burger King ร้านมาตรฐานในรสชาติ เชื่อได้ว่าอร่อยแน่นอน ระหว่างกินก็นั่งดูคนในสถานีเดินบ้างวิ่งบ้างตามสไตล์เมืองใหญ่ แต่ครั้งนี้ดูจะมากกว่าปกตินิดหน่อย ตำรวจก็เยอะขึ้นด้วยแฮะ… สงสัยจะมีจัดงานอะไรกัน นั่งกินนั่งอู้ไปสักประมาณครึ่งชั่วโมง คนในร้านก็เริ่มเยอะที่นั่งเริ่มไม่มี ด้วยความเป็นพลเมืองดี (ชมตัวเองสักนิด โลกจะแจ่มใส่ครับ
เวลาประมาณ 14:20 โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเบาๆ “อยู่ไหน ถึงแล้วนะ”เสียงจากปลายสายดังขึ้นมาทันทีที่รับ ในที่สุดก็ได้เจอเพื่อนร่วมชตากรรมคนแรก ว่าแล้วก็ออกเดินไปซื้อตั๋วเดินทางเพื่อไปเมือง Fuessen เป้าหมายแรกของเรา มองหาตั๋ว Bayern Ticket (Bavaria Ticket) สำหรับสองคน ราคา 28Euro ตกคนละ 14Euro (ตั๋วนี้ใช้ได้ทั้งรัฐ Bravaria นะครับ ทั้งรถเมล์ รถไฟ รวมถึงรถขนส่งสาธารณะเกือบทุกอย่าง แน่นอนครับว่าไม่รวม Taxi และรถไฟความเร็วสูง IC/ICE/EC) ได้ตั๋วมาก็จัดการหารถไฟกันเลย….
“ไม่มีรถไฟตรงอ่ะ… ปกติมันมีนี่หว่า…” ผมพูดออกมาเบาๆ หลังจากตรวจเส้นทางรถไฟจาก app DB Navigator (ใครจะมาเที่ยวเยอรมัน แนะนำให้โหลดนะครับ จะช่วยชีวิตท่านทั้งหลายได้เยอะเลย) ก็ลองอ่านข้อมูลที่ app แจ้งมาได้ความว่ามีการซ่อมแซมทางรถไฟ… มาซ่อมอะไรกันตอนนี้น้อ… เส้นทางอ้อมก็ไม่นานมากครับ แค่จาก 2ชั่วโมง เป็นเกือบ 4ชั่วโมงเท่านั้นเอง… ทำใจเผชิญความซวยที่สองกันไป เพราะไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
รถไฟคันน้อยเริ่มเคลื่อนขบวนออกจาก Munich ตอนเวลาประมาณ 15:40… เปลี่ยนขบวนกันเล็กๆน้อย ก้มมองนาฬิกาอีกทีก็ทุ่มกว่าๆ ก็ Fuessen พอดี.. แน่นอนครับเรายังไม่ถึงจุดหมายดี.. คว้ากระเป๋าวิ่งลงจากรถไฟไปขึ้นรถบัสสาย78 มุ่งหน้าไป Hohenschwangau, Schwangau (Schloesser) จริงๆนั่งได้ทั้งสาย 73 และ 78 นะครับ เข้าไปยืนบนรถบัสค่อยๆเอามือล้วงกระเป๋าควานหาตั๋ว Bavaria Ticket มาโชว์ให้คนขับดูก็เข้าไปหาที่นั่งได้อย่างสบายใจ (สำหรับคนที่มาตอนเช้า อาจจะไม่สบายเท่าไหร่นะครับ เพราะคนจะเยอะมากกกกกก แต่ผมมากันตอนที่ชาวบ้านเค้าเริ่มกลับกันแล้ว เลยโล่งหน่อย) ใช้เวลาไม่นานประมาณ 10นาที เราก็มาถึงจุดหมายกันแล้วครับ…
ก่อนอื่นเลยไป check in เข้าที่พักกันก่อน เพราะเริ่มเยนมากแล้ว ค่อยๆเดินแบกเป้ไปซักพักก็ถึงแล้วครับ โรงแรมของเรา!! โรงแรม Romantik Pension ราคาค่อนข้างสูงนะครับ ส่วนนึงเพราะว่าอยู่บนเขาเลยด้วย และน่าจะเพราะวิวด้วยครับ มองไปด้านหลังก็เห็นปราสาท Neuschwanstein แล้ว จัดการโยนกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเตียงแล้วเริ่มออกไปถ่ายรูปกันเลยครับ กว่าจะได้เริ่มถ่ายก็จะสองทุ่มแล้ว แต่สบายใจได้ครับดูมาแล้วว่าวันนี้พระอาทิตย์ตกเกือบๆสี่ทุ่ม มีเวลาอีกนานเลยกว่าจะได้ถ่ายรูปดาวตอนกลางคืนกัน
เดินออกมากจากโรงแรมเราก็ต้องมีภาพโรงแรมเก็บไว้บ้าง จัดกันไปเบาๆ
ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปดูทำเลถ่ายรูปดาวแถวๆ Alpsee ระหว่างทางจะต้องผ่านปราสาท Hohenschwangau ซึ่งเป็นปราสาทของพระบิดาของ Ludwig II ผู้เป็นเจ้าของประสาท Neuschwanstein นั่นเอง ตัวปราสาทสีเหลืองสวยงามตั้งอยู่บนยอดเขาเขียวๆ มีทางเดินขึ้นไปได้ถึงตัวปราสาท
เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาขึ้นไปดูด้านบนกันครับ เดินผ่านปราสาทตรงไปเรื่อยๆ อีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายของเราในวันนี้นั้นคือ Alpsee นั่นเอง ตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม บรรยากาศงามๆ
ถ่ายรูปไปนิดๆหน่อยๆ ท้องก็เริ่มส่งสัญญานแล้วว่าต้องหาอะไรใส่ลงไปได้แล้ว… “เมื่อกี้ผ่านร้าน ไส้กรอกมา ไปซื้อไรกินกัน”คุณเพื่อนตะโกนมาแต่ไกล ผมรีบเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพลงกระเป๋าแล้วเดินตามไปทันที… หยุดลงที่หน้าร้าน คุณเพื่อนออกแรงดันประตูให้เปิดออก “ล็อกอ่ะ สงสัยปิดแล้ว…”คุณเพื่อนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเริ่มมีกังวล “เออ… ไม่เป็นไรร้านอื่นคงเปิดแหละ” ผมปลอบเพื่อน แต่ในใจก็กังวลไม่แพ้กันเลย… และแล้วความกังวลก็เป็นจริง ร้านขายของเล็กๆ รวมถึงร้านขนมทั้งหลายปิดกันหมดแล้ว… “วันนี้ซวยจริงอ่ะ จะหาไรกินได้ป่าววะ”คุณเพื่อนเริ่มตัดพ้อนิดๆ แน่นอนความรู้สึกผมไม่ต่างกันเลย หลังจากบ่นกันซักพักแอบเห็นร้านอาหารยังเปิดไฟสว่าง รีบเดินกันอย่างรวดเร็ว ผลักประตูร้านออกแล้วนั่งกัน โดยไม่ได้ดูบรรยากาศรอบข้างเลย หลังจากนั่งกันไปไม่นานพนักงานก็เอาเมนูอาหารมาให้เลือกสั่งกัน ทันทีที่เปิดเมนูออกมา เหมือนมีสัญญานบางอย่างให้เงยหน้ามามองกัน “แพงมากกกกกกกกกกกกกกก” สายตาของเพื่อนและผมสื่อออกมาชัดเจนมาก… แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ทำไรอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าหมดตัวตั้งแต่วันแรกนะครับ ส่วนเครื่องดื่มแน่นอนครับว่าต้องไม่พลาด ถูกกว่าโค้กจะไม่สั่งได้อย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กินกันนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ รอให้ฟ้าด้านนอกมืดสนิทก็ค่อยๆเคลื่อนพลออกจากร้านเพื่อไปตามเส้นทางเดิมเพื่อไปถ่ายดาวเหนือ ทะเลสาบแอลป์กัน แค่คิดก็ฟินแล้วครับ แต่แล้ว…ความจริงไม่เป็นไปถามที่คิด… เมื่อพยากรณ์อากาศพยากรณ์พลาด ความซวยอีกครั้งก็บังเกิด… แผนทุกอย่างที่วางมา ยอมเสียเงินแพงขึ้นอีกหน่อยเพื่อมาถ่ายรูปทะเลสาบยามค่ำคืน ทุกอย่างแตกเป็นผงทันทีที่ออกจากร้าน…
ใช่แล้วครับ.. ความจริงนี้มันทำร้ายกันสุดๆ เมื่อท้องฟ้าปิดไม่เห็นดาวซักดวง แถวยังมีฝนตกปรอยๆด้วย… “เอาไง… ถ่ายไม่ได้กลับห้องเลยเปล่า” หันไปปรึกษากับเพื่อนด้วยอารมณ์เสียใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่เลิกคิดในแง่บวก “เดี๋ยวฝนก็หยุดเว้ย ตกเบาๆเอง ฟ้าหลังฝนอาจจะสวยไปอีกแบบ” ฟังดูเป็นการเข้าข้างตัวเองกันสุดๆไปเลยนะครับ เดินไปทางเดิม ก็ถ่ายมุมเดิมๆคนละเวลามาให้ดูกันนะครับ
เมื่อถึงทะเลสาบก็จัดการวางขาตั้งกล้อง ลองกดถ่ายภาพท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ได้รูปมืดๆมา 1รูป…
ระหว่างที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ หามุมถ่ายรูปกันอยู่นั้นเอง… เหมือนพระเจ้าเมตตา…
พระเจ้าคงสงสารเหลือเกินว่าวันนี้เดินทางมาเหนื่อยๆ ควรจะมีอะไรดีๆ เข้ามาบ้าง…
“เก็บกล้องทันเปล่า… วันนี้ซวยไปแล้วนะ….” หันไปคุยกับเพื่อนด้วยร่างกายที่เปียกชุ่ม เอากล้องซ่อนไว้ใตเสื้อกันฝน… ใช่แล้วครับ… พระเจ้าคงสงสารอยากให้พักผ่อนกัน เลยตัดสินใจเทน้ำลงมาจากท้องฟ้า จะได้ไม่ต้องรอกันต่อ…. ฝนตกลงมาอย่างหนัก… ผมกับเพื่อนจึงต้องขอวิ่งกลับไปโรงแรมกันก่อนนะครับ….
เดี๋ยวมาต่อให้กับวันที่2 นะคร้าบ ขอไปมหาลัยก่อน