[SR] เมื่อผมไปชมแสงจันทร์ นาขั้นบันได ทานอาหารริมลำธาร อันโรแมนติก กับผู้ชายสามคน ที่กระท่อมปลายนาแม่แจ่ม เชียงใหม่

เห็นหลายๆ กระทู้ท่องเที่ยว เริ่มพูดถึงอ. แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่กันแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็น นาขั้นบันได บ้านป่าปงเปียง วัฒนธรรมต่างๆ ผมอาจจะไม่ได้เน้นมากนะครับ ผมจะขอเน้นสถานที่พัก และบรรยากาศในการเดินทางซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผมได้เจอด้วยตัวเองมากกว่าครับ

รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของ จขกท นะครับ บ้านอยู่ใน อ.เมือง เชียงใหม่นี่เอง แต่ยังไม่ค่อยรู้จักแม่แจ่ม พึ่งจะมารู้จักกับสมาชิกพันทิปที่โพสท์กระทู้ยั่วยวนซะเหลือเกิน ยังไงติชมได้ครับ ความรู้สึกในรีวิวเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศ และสถานที่จริง ซึ่งในบางครั้งหากได้ไปเองอาจจะได้บรรยากาศคนละแบบกัน ยังไงสังคมพันทิป เป็นสังคมที่แบ่งปันความคิดเห็นกันได้นะครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

ปล. ขออภัยที่ไม่มีภาพระหว่างการเดินทางนะครับ พอดีกล้องอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า ได้หยิบออกมาอีกที ตอนถึงที่พักซะละ FacepalmFacepalm



ด้วยความที่รู้จักกับน้องเจ้าของที่พัก เมื่อสุดสัปดาห์วันปิยมหาราช (24-25 ตุลาคม 2558) ที่ผ่านมา เค้าชวนผมไปเที่ยว ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาเล็กๆ

น้อง: สนใจไปพักแม่แจ่มมั้ยครับ พอดีฝรั่งที่จองมาตกเครื่องไปไม่ได้ แต่เค้าจ่ายค่าที่พักมาแล้ว เลยพักฟรีพี่ ขอค่าน้ำมันพอ
ผม: จะดีเหรอน้อง พี่เกรงใจอ่ะ พี่จ่ายให้ก็ได้นะ
น้อง: ไม่เป็นไรพี่ ขอค่าน้ำมันก็พอ
ผม: แล้วฝรั่งเค้าจ่ายมาแล้ว จะมีปัญหารึเปล่า
น้อง: ผมบอกฝรั่งไปแล้วว่า ยูจ่ายมาแล้ว พร้อมมาเมื่อไหร่ก็บอก
ผม: เกรงใจอ่ะ จะดีเหรอ (ทำเสียงกรุ้มกริ่ม )
      (มือหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกมือนึงเปิดตู้เสื้อผ้าคว้ากระเป๋ามา เอาผ้ายัดๆ ลงไป แพคเสร็จใน 2 นาที เพี้ยนช้อปปิ้ง)
น้อง: ดีสิพี่  เดี๋ยวผมไปรับที่บ้าน เดี๋ยวมีเพื่อนผมไปอีกคนสองคน เราค่อยไปกินมื้อเย็นที่ริมลำธาร แล้วเล่นน้ำกัน
ผม: อืม.. ก็ได้
      (ทำสำเนียงประมาณว่ากำลังตัดสินใจอยู่ แต่ตัวเองแพคกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย พร้อมหอบปลั้กพ่วง ที่ชาร์จแบตอุปกรณ์ร้อยแปดยัดลงกระเป๋า รูดซิป  เพี้ยนออกทริป)



นี่จึงเป็นที่มาว่ากระทู้นี้ทำไมจึงเป็น Sponsored Review (SR) นะครับ เพราะว่าน้องบอกว่าให้พักฟรี แต่ก็ไม่ได้ขอให้ผมทำอะไรให้นะครับ ผมแค่อยากเล่าบรรยากาศที่ได้ไป เพื่อเป็นการตอบแทนที่น้องพาไปรู้จักกับแม่แจ่มอย่างลึกซึ้ง ได้รับคำแนะนำจากน้องว่าให้แต่งตัวตามสบาย เพราะเป็นทริปจัดกันเองตามสบาย ไม่ต้องเอาของไปเยอะ

ส่วนเราจัดของประมาณย้ายไปอยู่ถาวรเรียบร้อย ถ้าขนตู้เย็นได้ คงขนไป เพี้ยนเพลีย



บ่ายสามอีกวัน น้องมารับที่บ้าน เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ แวะรับเพื่อนร่วมทริปเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน กระเป๋าคนอื่นเป็นเป้สะพาย ส่วนกระเป๋าผมประมาณว่าจะไปค้างเป็นสัปดาห์ สืบเนื่องจากหอบเอาปลั้กไฟ ปลั้กพ่วงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่เราเป็นทาสมันจนขาดไม่ได้ หารู้ไม่ว่าไม่ได้ใช้ปลั้กเหล่านั้นเลย หึหึ..

เราแวะซื้ออาหารสด และเครื่องดื่มกันที่ตลาดโลตัสข้างๆ ทางขึ้นดอยอินทนนท์ ซึ่งจะพาเราไปสู่แม่แจ่ม ปลายทางของเรา ซึ่งกว่าเราจะเลี้ยวเข้าดอยอินทนนท์ก็ปาเข้าไปประมาณ 17.00 น.แล้ว



น้องขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ พาลัดเลาะซอกเขา ผ่านบ้านแม่กลางหลวง และถึงทางแยกขึ้นแม่แจ่ม เจอด่านของอุทยานที่ต้องเสียเงิน น้องเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อุทยาน เก็บค่าผ่านทาง ทั้งๆ ที่เป็นคนแม่แจ่มและต้องใช้เส้นทางนั้นเป็นประจำ ต่อมาไม่เก็บแล้ว เพราะว่ามีคนในพื้นที่ประท้วง .. เราขับผ่านจุดนั้นมาได้สัก 20 เมตร ก็ถึงทางเลี้ยวเข้าไปยังแม่แจ่ม

ถนนเส้นเล็กๆ สองเลนสวนกันแคบๆ คดเคี้ยว ลัดเลาะขึ้นเขา ลงเขา จนทำความเร็วไม่ค่อยได้ และถูกโอบล้อมอย่างอบอุ่นด้วยต้นไม้ป่าเขียวชอุ่ม ถนนราดยางค่อนข้างดี ที่โค้งมาต้อนรับเราสองข้างทาง แม้จะเป็นช่วงวันหยุดยาว แต่ก็มีรถสวนทางไม่มากนัก ความงามสองข้างทาง ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ขนลุกไปทั้งตัว ผมสัมผัสได้ถึงธรรมชาติที่ต้อนรับเรา เพราะการเดินทางที่ไม่สะดวกนัก ถึงทำให้แม่แจ่มเป็นเมื่องที่ยังคงรักษาธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตที่งดงาม การสวมใส่เสื้อผ้าที่ที่ทอขึ้นมาเองในท้องถิ่น ยังคงพบเห็นได้ในแม่แจ่ม สิ่งที่ผมประทับใจในทริปนี้คือ ความน่ารักของผู้คน ยิ้มที่เป็นธรรมชาติ



จู่ๆ น้องก็ชลอรถ เลี้ยวซ้ายลงถนนข้างทาง ที่เป็นถนนลูกรัง มีน้ำกัดเซาะ โขดหิน ครบเลยครับ ทั้งลงเนิน ขึ้นเขาล้อปัด ลงห้วยที่มีน้ำไหลตัดผ่านถนนไป ร่องถนนด้านข้างลึกมาก ถ้าเอารถเก๋งมาบอกได้เลยว่า เกียร์ถอยอย่างเดียวครับ ไม่มีทางกลับรถ น้องบอกว่าทางนี้เป็นทางลัด แค่ 10 นาทีเดี๋ยวก็ถึงตัวหมู่บ้าน ดีกว่าเส้นทางอีกเส้นหนึ่ง ที่ทางดีกว่านี้(หน่อยนึง) แต่ต้องอ้อมไปเกือบชั่วโมง ผมจับรถเอาไว้แน่น เพราะรถโยกไปมาเทียบเท่าแผนดินไหวระดับแปดริกเตอร์ อมยิ้ม08 เนื่องจากน้องต้องหลบหลุม ร่องถนนที่ลึกมาก ตลอดจนหินก้อนใหญ่กลางถนน พลันมองไปที่น้องคนขับว่า จะลักพาตัวเราไปไหน

คิดอะไรกับเราป่ะเนี่ยะ เม่าแพนิค



ตลอดสองข้างทางที่เป็นหุบเหว เรามองเห็นภูเขาเนินลูกเตี้ยๆ ที่เป็นไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน สลับกับนาขั้นบันไดเป็นระยะๆ ในเวลานั้นหกโมงกว่า ฟ้าสลัวแล้ว น้องก็พาเราลงมาถึงตัวหมู่บ้าน ยังคงเป็นถนนลูกรังเลนเดียวที่รถต้องจอดเพื่อสวนกัน น้องบอกว่า อีกแปปนึง เพราะเราต้องขึ้นเขาไปอีกลูก

เรานึกในใจ พลางเอามือทาบอก ...

"คุณพระ นี่ข้ามพรมแดนพม่าไปรึยังเนี่ยะ" เม่านอนไม่หลับ

เราจากหมู่บ้านมา ถึงทางขึ้นเขา ซึ่งเป็นถนนเลนเดียวที่รถไม่สามารถสวนกันได้ เพราะข้างนึงก็ติดภูเขา อีกข้างนึงก็เป็นเหวสูงที่ไม่มีอะไรกั้น ด้วยความชำนาญของน้องซึ่งเกิดและเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น จึงพาเรามาถึงที่นี่ได้ วิวข้างทางไม่พบบ้านของผู้คน มีเพียงป่าสลับกับนาขั้นบันได เป็นภาพที่สวย และสงบจนบรรยายไม่ถูก พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า สะท้อนแสงสีล้มลงมาโดนผืนนาขั้นบันได สลับกับทุ่งข้าวโพดสุดสายตา ฟ้าเริ่มมืดลงจนน้องคนขับต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อส่องทาง ผ่านทางขึ้นเนินเขาที่ราดซีเมนต์เฉพาะช่วงล้อ ส่วนตรงกลางถนนเป็นร่องถนนที่มีหญ้าขึ้น พระอาทิตย์กำลังจะบอกลาสำหรับวันนี้แล้ว ... เวลาผ่านไป ก็ยิ่งมืดลงทุกที



เดี๋ยวมาต่อครับผม ขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวแป๊ปนึง
เม่ากิจกรรม
ชื่อสินค้า:   โกวิท กระท่อมปลายนา แม่แจ่ม
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่