สัมภาษณ์: บิ๊กเอไอเอส ตอบทุกคำถาม ไม่หนักใจถูกไล่บี้สัมปทานมือถือ

กระทู้ข่าว

          พลันที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 มีวาระให้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ไปเร่งรัดให้
          บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการตามกรอบกฎหมายกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำพิพากษาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่มีการแก้ไขสัญญาปรับลดส่วนแบ่งรายได้ระบบเติมเงิน (พรีเพด) และ แก้ไขสัญญาสัมปทานจากส่วนแบ่งรายได้เป็นภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม

          หากแต่มติดังกล่าวกลับไม่มีผลต่อราคาหุ้นของ เอไอเอส  เท่าใดนัก ปิดตลาดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 ราคาอยู่ที่ 236 บาท เปลี่ยนแปลงแค่ -4% ติดลบ เพียง 1.67%

          อย่างไรก็ตาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเอไอเอส เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยที่ทุกคำถามที่เขาตอบ.น่าสนใจยิ่ง

          คิดอย่างไรต่อกรณีมติครม.
          เหตุการณ์แบบนี้สำหรับ เอไอเอส เกิดมาหลายครั้งแล้ว  แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งอื่นๆ เนื่องจากป.ป.ช.มีการชี้มูล ความผิดในเรื่องนี้ และได้แจ้งตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว และเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับ ทีโอที นั้น เอไอเอส ยืนยันสิ่งที่ทำมาทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมาย

          ถูกต้องตามกฎหมาย คือ
          การแก้สัญญาร่วมการงานโทรคมนาคมไม่ใช่แต่ เอไอเอส เพียงรายเดียวเท่านั้น แต่สัญญาของ เอไอเอส ได้แก้ไขสัญญาเมื่อปี 2533 ระหว่างนั้นยังไม่มี พ.ร.บ.2535 เกิดขึ้นแต่อย่างใด

          แต่สัญญาแรกที่เกิดในช่วง พ.ร.บ. ร่วมทุน คือ สัญญาของ ดีแทค (บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มีการแก้สัญญาครั้งที่หนึ่งในปี 2536 เปลี่ยนระยะเวลาสัมปทานจาก 15 ปีเป็น 22 ปี และได้มีการสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาออกมาชัดเจนว่า การแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ เกิดก่อนปี 2535 ไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่ขอให้คณะกรรมการมาตรา 22 ผ่านการเห็นชอบ ซึ่งยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด

          จนกระทั่งในปี 2550 หลังปฏิวัติสมัย ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาในครั้งนั้นได้อธิบายว่าในการแก้สัญญาอะไรต่างๆ ต้องนำเข้า ครม.แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาเขียนชัดเจนว่าสัญญาเก่าๆ ที่ไม่เข้า ครม. ก็ขอให้ เข้า ครม. และ ครม.มีสิทธิ์ 2 อย่าง คือ เห็นว่าไม่ถูกต้องชอบธรรมยกเลิกและกลับไปใช้สัญญาหลัก และถ้าครม.เห็นชอบว่าสมควรแล้วก็ให้คงสัญญานั้นได้

          ในช่วงนั้นที่ ศ.ดร.สิทธิชัยส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ใช่แค่กรณีของเอไอเอส เท่านั้นมีของทรู และดีแทค  ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและตีความออกมาครบถ้วนหมดทุกอย่าง พอออกมาเป็นแนวทางในการอนุมัติ และไม่ทราบด้วยเหตุผลอะไรไม่มีการนำเข้า ครม.  เรื่องนี้ผ่านมา  4 รัฐบาลแล้ว ตั้งแต่ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี, นายจุติ ไกรฤกษ์, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และ ศ.ดร.สิทธิไชย โภไคยอุดม และเพิ่งมีการนำเข้าครม.ในครั้งนี้ (นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีไอซีที คนปัจจุบัน)

          สิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายอย่างไร
          ผมเข้าใจว่าทุกคนทำตามหน้าที่เมื่อมีเรื่องจาก ป.ป.ช. ส่งมา โดย ทีโอที เสนอผ่านบอร์ด มายัง รมต.ไอซีที และ ก็นำเข้า ครม. บริษัทมีความพร้อมอธิบายข้อมูล เอไอเอส ไม่ใช่ไม่เคยผ่านกระบวนการตรวจสอบแบบนี้มาก่อน เราเคยถูกตรวจสอบสมัยปี 2549 ตั้งแต่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการกองทัพบก และ  อดีตประธานกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และได้แต่งตั้งคณะกรรมการ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ กระบวนการตรวจสอบไม่มีความเสียหาย

          และยังมีการตรวจสอบสมัย ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี  มีการตรวจสอบโดย พล.ต.อ.สุชาติ  วงศ์อนันต์ชัย ระบุว่า ไม่สามารถระบุความเสียหายได้ ซึ่ง เอไอเอส โดนตรวจสอบมาแล้ว 2 รอบ ครั้งนี้ก็อีกครั้งหนึ่งได้ให้ข้อมูลกับสังคมและสาธารณะมากสุด

          ครั้งนี้หนักใจไหม
          ไม่หนักใจ เรามีความเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรม ผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นครม.ชุดไหนก็ให้ความเป็นธรรมเมื่อดูข้อมูลครบถ้วน กระบวนการที่ ครม.อนุมัติเป็นเรื่องที่ชอบให้ตรวจสอบ ถ้าตรวจสอบเน้นข้อมูลที่ถูกต้อง ยึดหลักตามกฎหมาย ผิดก็ว่าตามผิด ถูกก็ว่าถูก

          ครั้งนี้อาจจะมีความพิเศษตรงที่ว่ามีคำสั่ง ป.ป.ช.มีการลงโทษผู้บริหาร ทีโอที 2 ท่าน (นายสุธรรม มลิลา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายโอฬาร เพียรธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่) ทำให้ต่างกับค่ายอื่น

          จังหวะไม่ดี
          เป็นเรื่องธรรมชาติ เอไอเอส ผ่านช่วงสมัยพี่สม (นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน))  ใหม่ ๆ หนักกว่านี้เยอะ

          แต่กำลังเข้าประมูล
          ทุกวันศุกร์ ผมจะมีการสื่อสารกับพนักงานผ่านแอพพลิเคชันภายใต้ชื่อ "AIS GO NEXT" คอนเซ็ปต์ คือ เอไอเอส ต้องก้าวไปข้างหน้า ผมจะทำคลิปสั้น ๆ เป็นเวลา 5 นาที และเรื่องที่เกิดขึ้นได้มีการชี้แจงผ่านไปแล้ว ปัจจุบันมีพนักงาน 1.2 หมื่นคน และได้มีการสื่อสารกับพนักงานมาโดยตลอด อย่างกรณีให้โบนัสพิเศษ ผ่านระบบเอ็ม-เพย์

          โบนัสพิเศษให้กรณีไหน
          เอไอเอส กระตุ้นพนักงานตลอดเวลา เช่นครึ่งปีแรกทำผลงานได้ดี ทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีมาก และ คลื่นความถี่มีน้อย แต่สามารถสร้างรายได้ และให้เงินพิเศษ 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท แต่ระดับผู้อำนวยการส่วนงานต่างๆ จำนวนกว่า 100 คนไม่ได้รับเงินพิเศษ  ได้จ่ายเงินพิเศษไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

          ผู้บริหารโดน แต่บริษัทไม่โดนมีผลอะไรไหม
          ยอมรับมีผลไม่เช่นนั้นเรื่องต่างๆ ของ เอไอเอส ที่ได้เสนอเข้าไปให้กับทีโอที จบไปนานแล้วล่ะ เอไอเอส สามารถทำให้ ทีโอที อยู่รอดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เอไอเอส ทำทุกอย่างแบบจริงใจ และตรงไปตรงมา เอไอเอส ได้ส่งมอบทรัพย์สินสัญญาร่วมการงานให้กับ ทีโอที เป็นจำนวนเงิน  1.86 แสนล้านบาท ส่งมอบแบบไม่บิดพลิ้ว จากส่วนแบ่งรายได้ปีละ 2 หมื่นล้านบาท พนักงานทีโอที ส่วนใหญ่อยากให้ เอไอเอส เข้าไปทำงาน

          พันธมิตรกับ ทีโอที
          เอไอเอส ได้เสนอเงื่อนไขการเป็นพันธมิตรกับ ทีโอที จำนวน 5 ธุรกิจ อยู่ระหว่างการเจรจา 2 ธุรกิจ คือ เสนอเช่าใช้ และลงทุนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ในรูปแบบของ MVNO (เช่าใช้เครือข่ายเพื่อนำไปบริการ) และ 2.ธุรกิจเสาสัญญาณ โดย เอไอเอส จะเข้าไปร่วมลงทุนในสัดส่วน 51% เพื่อเช่าใช้เสาสัญญาณจำนวน 1.3 หมื่นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตีมูลค่าทรัพย์สิน และหลังจากนั้นคาดว่า บมจ.ทีโอที จะนำเรื่องเสนอต่อกระทรวงไอซีที เพื่อให้ครม.พิจารณา

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558 (หน้า 17,23)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  Mobile Operator AIS AIS 3G 2100 tot
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่