[CR] ++เจาะอิตาลีงบประหยัด 3 แคว้น 10 วัน++ Part 1: Florence-Modena-Parma

พูดถึงประเทศอิตาลี อย่างแรกเลยหลายๆคนคงจะนึกถึง  พิซซ่า พาสต้า หอเอนปิซ่า  รวมไปถึงหนุ่มหล่อหน้าเข้ม (จิกหมอนเล็กน้อย krikri หัวเราะ) สาวสเลนเดอร์ผิวสีน้ำผึ้งใช่ไหมคะ วันนี้จขกท จะพาทุกท่านไปดื่มด่ำความเป็นอิตาเลี่ยนในราคาประหยัด ที่แคว้น ทัสคานี (Tuscany) อเมเลีย โรมันญ่า (Emilia Romagna) และ ลิกูเรีย (Liguria) กันค่ะ

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า จขกท อาศัยอยู่ที่เยอรมันนี เมือง มิวนิค ฉะนั้น ราคาตั๋วเครื่องบินจะไม่นับรวมกับค่าอื่นๆที่กำลังจะกล่าว
ทริปนี้ จขกท เดินทางกับสามีค่ะ ช่วงเดือนมิถุนา ระยะเวลา 10 วัน เริ่มจากฟลอเรนซ์ Florence โมเดน่า Modena พาร์มา Parma เซสต้ากอดาโน Sesta Godano เลวานโต Levanto โบนาสโซลา Bonassola ชิงกเวเทเร่ Cinque Terre พอร์โตเวเนียเร Portovenere ปิซ่าPisa แล้วกลับมา Florence เราตัดสินใจเช่ารถคันเล็กๆกัน เพราะว่าจะได้เดินทางที่ไหนก็ได้ที่เราอยากไป จะขับหลงก็ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นประสบการณ์

พร้อมมะ ลุย!! เท่


Day 1: เราเริ่มบินกันจากมิวนิค ใช้เวลาแค่ประมาณ 3 ชม ลงที่สนามบินฟลอเรนซ์ Florence  หรือ Firenze ที่สนามบินจะมีรถบัสขับเข้าเมืองไปที่สถานีกลาง (SMN )ป้ายรถบัสจะอยู่แอบๆ รถจะเก่าๆหน่อย แต่แอร์เย็น  ราตาตกคนละ 6-7 ยูโร ใช้เวลาประมาน 20นาทีก็ถึง

Credit: aeroporto.firenze.it

ทริปนี้เราไม่ง้อโรงแรมค่ะ เราจองที่นอนผ่านเว็ป www.airbnb.com เป็นห้องหรือบ้านที่เจ้าของปล่อยเช่า ราคาก็มีตั้งแต่ถูกถึงแพงมากก เราจองห้องห่างจากใจกลางเมือง แต่เน้นว่าจะต้องเดินทางสะดวก ห้องสำหรับ 2คน ตกคืนละ 32 ยูโร. มาเร็วเกิน ยังเข้าบ้านไม่ได้ เราเลยฝากของที่ locker ที่สถานีกลาง คิดเป็น ชั่วโมง ตก ชม ละประมาณ 3-4 ยูโร  

ฝากของเสร็จก็ออกเดินทาง ตั๋วรถสำหรับเดินทางใช้ได้สำหรับรถบัส รถราง ต่อใบราคาประมาน 1.6 ยูโรต่อการเดินทาง 1ครั้ง มีอายุการใช้ 2 ชม. เดินทางไปกลับไม่ได้นะ เราควรจะซื้อจากร้าน cafe bar หรือ จากเค้าเตอร์ขายตั๋ว ที่มีเครื่องหมาย ataf แปะไว้หน้าร้าน ซื้อเป็นเซ็ตเก็บเอาไว้ เวลาใช้ก็แค่สแตมป์ในรถ เพราะถ้าซื้อกับคนขับ ราคาจะบวกเพิ่มเกือบ 1 ยูโร ดูรายละเอียดเพิ่มที่ เว็ปไซต์ www.ataf.net

เป้าหมายแรก Basilica di San Lorenzo เดินจากสถานีกลาง แต่5 นาทีก็ถึง เราไม่ได้เข้าไป แค่เปรยๆ อยู่ข้างนอก


เป้าหมาย 2 Cattedrale di Santa Maria del Fiore  หลายๆคนเรียกติดปากว่า Duomo อันนี้ถ้าไม่มาถือว่ามาไม่ถึง Florence เตรียมไม้เซลฟี่ไว้ได้เลย ไม่ต้องอาย โบสถ์สวยมากกกก ประดับด้วยหินอ่อนสีขาว แดง เขียว คือดูแล้วละลานตามาก ทึ่ง ประหลาดใจ




เริ่มหิวละ เดินไป Conad City supermarket ใกล้ โบสถ์หนะแหละ ซื้อแซนวิชอันละ 2 ยูโรคนละอัน กับชีสเพลทอีก ไม่เกิน 6 ยูโร กลับมานั่งกินใกล้ๆโบสถ์ สำรวจผู้คนและความงามของสถาปัตยกรรมไปพลางๆ

หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินไปที่ Loggia dei Lanzi มีรุปปั้นหินอ่อนแบบต่างๆ ตามตำนานรบของกรีกโรมัน ระหว่างทางจาก Duomoและใกล้ๆ Loggia จะมีตลาดนัดขายของโดยเฉพาะเครื่องหนังอิตาเลี่ยนและเสื้อผ้า (จากจีน) ซึ่งดูแล้วไม่น่าซื้อเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับราคา



จาก Loggia เราเดินไป สะพาน Ponte Vecchio กัน สามารถเดินลัดผ่าน  Uffizi Gallery ได้ เดินตามแม่น้ำ Arno ถ่ายรูปบ้านเรือนไปเรื่อยๆ ก็ถึงสะพาน สะพานนี่จะขายเครื่องประดับ นาฬิกาซะมาก เป็นร้านเก่าแก่






เดินลงสะพานมาก็หิวอีกละ คริๆ เค้าล้อเล่น ลงสะพานเลี้ยวซ้ายแวะเข้าร้านเจลาโต้  La Strenga Nocciola ร้านนี่ไม่แพงและคนไม่หนาแน่นมาก จัดไป 2 สกู๊ป รสชอคโกแลต อีกอันจำไม่ได้ ราคาประมาน 3 ยูโร แบ่งกันกับสามี


แดดเริ่มร่มละ เราจะไปดูพระอาทิตย์ตกกับบนเทือกเขาเล็กๆ Piazzale Michelangelo ซึ่งมีโบสถ์ San Miniato Monte อยู่ใกล้ๆด้วย เดินตามแม่น้ำไปเลย แล้วเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ขึ้นเขา ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อย ร้อนมั้ย ร้อนมากกกก อมยิ้ม20ใช้เวลาประมาน 20นาที ขาสั่นไปหมดเลย

แต่ผลลัพธ์ก็คือ วิวพาโนรามาของเมืองฟลอเรนซ์ อันแสนสวย เราจะเห็นรูปปั้นพ่อหนุ่ม David ตั้งตระหง่า อยู่ตรงกลาง มองฮีเท่าไหร่ก็ไม่น่าเบื่อ



หลังจากอิ่มกับฮีและวิวพาโน เราก็จะเดินขึ้นไปอีก!! เราเดินขึ้นไปอีก 5 นาทีก็จะถึงโบสถ์ San Miniato Monte เป็นโบสถ์เล็กๆ แต่รอบล้อมด้วยดอกมะลิหรือดอกส้มก็ไม่รู้ กลิ่นหอมตลบอบอวลทุกๆครั้งที่มีลมพัดผ่าน เราพยายามจะสูดอากาศและกลิ่นนี้เข้าไปให้มากที่สุด ให้มันเข้าไปฝังอยู่ในความทรงจำ




PS: หลายๆคนจะรอดูพระอาทิตย์ตกดินตรงรูปปั้น David เราแนะนำให้ขึ้นมาตรงโบสถ์ เพราะคนน้อยมาก สงบและหอม

พอก่อนสำหรับวันแรก เหนื่อยและเหนียว กลับที่พักเอาแรงก่อนคร่อกฟี้

Day 2: เรายังจะอยู่ที่ฟลอเรนซ์กัน จะเที่ยวแบบชิลๆ หลงๆ ไปเรื่อยๆ เก็บแรงไว้บู๊วันต่อไป เพราะยังไง 2 วันสุดท้ายของทริปนี้ก็จะกลับมาฟลอเรนซ์อยู่แล้ว เอารูปไปดูก่อนละกันนะ อมยิ้ม13
อาหารเช้าคนที่นี่จะกินแค่กาแฟกับขนมหวานแบบนี้ตอนเช้า แต่หนักมื้อเที่ยงและเย็น ซื้อที่บาร์แถวบ้าน อย่างละ 1ยูโร

ตลาดกลางเมือง คล้ายกับตลาด อตก

ขนมปังที่นี่สมัยก่อนจะไม่ใส่เกลือ แป้งเปล่าๆเลย เพราะภาษีเกลือแพงมากสมัยนั้น ปัจจุบันขนมปังในเมืองฟลอเรนซ์หลายๆที่ก็ยังคงทำแบบเดิมอยู่


ขนมจะขายเป็นกรัม ตก 70 cent /100g อันบนทาร์ตอาติโช้ค สามีว่าอร่อบ อันล่างเป็นพายผักโขม ไม่ผ่าน รสชาติเหมือนผักไม่ได้บีบน้ำ




Day 3: ตื่นเช้าเลย จะไปรับรถที่เช่าไว้ car rental นี่อยู่ใกล้ๆ airport แล้วเค้ามีบริการรถบัสฟรีจากสนามบินไปร้านเช่ารถ เราจองรถคันเล็กไว้ ราคาประมาณ 28 ยูโร ต่อวันไม่รวมน้ำมัน ร้านเช่า Firefly จะถูกกว่า Hertz หรือ Europcar กว่าเกือบ 40% แต่พอไปถึงพนักงานบอกรถเล็กยังทำความสะอาดไม่เสร็จ เอาคันใหญ่ไปละกัน เราได้รถ Ford  Focus Okรับได้ราคาเท่ากัน ยกของขึ้นรถ อ่ะ เริ่มสนุกละสิ อดรีนาลีนมาเต็ม สามีเป็นคนขับรถ ฮียิ่งกลัวๆสไตล์การขับของคนอิตาเลี่ยนในเมืองอยู่ น่ากลัวขนาดไหนอะหรอ นึกถึง กทม x มอเตอร์ไซค์ 3 เท่า ถนนเล็กเท่าซอย หนทางก็งง เพราะไม่ได้เช่า Navigator ไว้ เอาวะ!

จุดหมายคือ แวะปิซ่าก่อน ขับไปขับมา หลงเจ้าค่ะ! หลงมาเมือง Modena ต้นตำหรับ น้ำส้มสายชู Balsamic ที่โด่งดัง จอกรถไว้ข้างถนนก่อนถึงใจกลางเมือง จะได้จอดฟรี ตึกรามบ้านช่องจะสไตล์เก่าๆ แต่สีสันจัดจ้านและรักษาไว้ดี อีกอย่างนึงก็คือ บ้านคนเค้าจะปลูกดอกไม้ไว้เยอะมากตามกำแพง เราก็เดินสูดกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆมาตลอดทาง นึกถึงโบส์บนเขาขึ้นมาเลย เอารูปวิวรอบๆเมืองไปดูเลย จขกท ไม่ได้กินน้ำส้มสายชู หาไม่เจอ  


โบสถ์เอนๆ




เราเดินเล่นกันในเมืองอยู่ 2-3 ชม เห็นว่าเมือง Parma อยู่ห่างไปแค่ 20นาทีเอง ลองไปดีกว่า  มาถึงก็อยากลองกินหมูแฮมรมควัน Parma Hamที่เลื่องชื่อ จอดรถฟรีแล้วเดินเข้าเมือง แวะโบสถ์  สถาปัตยกรรมของที่นี่จะไม่ฉูดฉาดเหมือนที่โมเดนา ถ่ายรูปนิดหน่อย กะจะหาหมูกิน เจอร้านขายหมูแค่ไม่กี่ร้านเอง ขายแพงเกิน เลยไม่ได้ลองอีกละ มาถึงถิ่นแล้วก็ไม่ได้กิน แต่ได้กินเจลาโต้ที่อร่อยที่สุด เข้มข้นมาากกกก ราคาแค่ 4.5 ยูโร โคนใหญ่ เคยอ่านไว้ว่า ร้านเจลาโต้ที่ดีจะไม่โชว์ไอติมไว้หน้าร้าน ในตู้กระจก เพราะอากาศร้อนและแสงแดดจะทำให้รสชาติเปลี่ยน ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆใกล้โบสถ์กลางเมือง ซ่อนไอติมไว้ซะจนเราไม่รู้ว่านี่คือร้านเจลาโต้ เอารูปไปชมเลยจ้า






เดินเล่นอยู่สัก 3 ชม ถึงเวลาต้องบอกลาแคว้น Emilia Romagnaแล้ว คราวนี้เราจะขับไปที่ Sesta Godano ในแคว้น Liguria เคยได้ยินชื่อนี้กันไหมคะ หน้าตาเมืองเป็นยังไง แล้ว จขกท จะไปไหนต่อ ติดตามตอน 2 นะคะ

สรุปค่าใช้จ่ายต่อวันที่ฟลอเรนซ์
ค่าห้องสำหรับ 2คน 32 ยูโร (32*40= 1280 Baht)
ค่ากิน 10 ยูโร ต่อคน (400 Baht)
ค่าเดินทาง 3.5 ยูโร ต่อคน (140 Baht)
รอบนี้ไม่มีค่าพิพิธภัณฑ์ เพราะเก็บไว้วันท้ายๆ

สรุปค่าใช้จ่ายต่อวันที่โมเดนากับพาร์ม่า
ค่ารถเช่าบวกน้ำมันโดยประมาณ 35 ยูโร (35*40=1400 Baht)
ค่ามอเตอร์เวย์ 13 ยูโร (520 Baht)
ค่ากิน 10 ยูโร ต่อคน (400 Baht)

นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของ จขกท แนะนำติชม หรือคอมเม้นต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลย หลังไมค์มาก็ได้ ขอบคุณจากใจที่แวะเข้ามาชมจ้าา อย่าลืมตอน 2 นะยิ้ม
Part 2 ++เจาะอิตาลีงบประหยัด 3 แคว้น 10 วัน++ Part 2: Sesta Godano-Levanto-Bonassola http://pantip.com/topic/34190566
ชื่อสินค้า:   Gelato La Strenga Florence & K2 Parma, Italy
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่