[CR] [CR]ปาย ปางอุ๋ง ฤดูฝน กับผู้หญิงสองคน **A memorable trip**

กำลังจะนอน เสียง line เด้งขึ้นมา
...กับคำถามเพื่อนรัก ที่ว่า..."ถ้าจะไปเชียงคานคนเดียวจะโอเคมั้ย"
ลึกๆสัมผัสได้ว่า นางไม่น่าจะโอเคนะถามมาแบบนี้
..."ถ้าแกจะไป ชั้นไปด้วย แต่ขอเป็นปายได้มะ".. "ไปปายหน้าฝน กันเถอะ!!!"
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ค่ะ ..

จัดการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เรียบร้อย
วันเดินทางไป คือ วันที่ 6 ก.ย.58 ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง เวลา 10.45 น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลา 12.10 น.
และ เดินทางกลับ วันที่ 8 ก.ย.58 ขึ้นเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ เวลา 15.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 16.25 น.

ขั้นตอนต่อไป วางแผนแบบคร่าวๆ ว่าจะไปนอนที่ปาย 1 คืน และ ปางอุ๋ง 1 คืน
จึงดำเนินการจองที่พัก
คืนวันที่ 6 ก.ย.58 ที่ The heart of Pai ผ่าน agoda ราคา 600 บาท
คืนวันที่ 7 ก.ย.58 ที่ รวมไทยเกสท์เฮ้าส์ ที่ปางอุ๋ง ราคา 650 บาท
นั่นเป็นความคิดแบบไม่รู้เรื่องและยังไม่ได้อ่านรีวิวใดๆ มาก่อน ผลคือ ...
เราต้องยอมทิ้งค่าที่พักที่ปางอุ๋ง เพราะเสี่ยงต่อการเดินทางมาขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพไม่ทัน
ขอบคุณคำแนะนำจากกระทู้นี้ด้วยค่ะ http://pantip.com/topic/34138984
ทำให้เราตัดสินใจกันใหม่ ว่าเราจะนอนปาย ทั้งสองคืนเลย
แล้วซื้อ tour แบบ 1 day trip เพื่อสะดวกในการเดินทางเที่ยวเมืองสามหมอก
.........................................................................................................
วันที่ 6 ก.ย.58 เมื่อลงเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่แล้ว เราก็โบกสองแถวไปอาเขตเก่า
คุณลุงจะคิดเงินเราคนละ 100 บาท แต่เราต่อรองเหลือคนละ 50 บาท คุณลุงลังเลแต่สุดท้ายก็ตกลงค่ะ 555
มาถึงอาเขตเก่า เวลา 13.10 น. ลงจากสองแถว
ก็มีพี่คนขับรถตู้ ตะโกนถามว่า "ไปปายเปล่าน้อง รีบซื้อตั๋วเลย รอบ 13.30 น.นะ รถจะออกแล้ว"
เราเดินไปซื้อตั๋วที่เปรมประชา พนักงานขายตั๋วบอกว่ามีรอบ 14.30 น. (โห!!รออีก 1 ชั่วโมงแน่ะ)
เมื่อดูที่นั่งที่เหลือมีแต่หลังสุด เราตัดสินใจ ยังไม่ซื้อแล้วกัน เดินออกมาตั้งหลัก ปรึกษากันก่อน
เจอลุงคนเดิม ถามว่า "ได้ตั๋วยัง" เราบอก "ยังไม่ได้เลยค่ะ มีแต่รอบ 14.30 น."
ลุงบอกไม่เป็นไร ให้นั่งรอ เผื่อคนไม่เต็ม ..(เสี่ยงก็ได้ เลวร้ายสุดก็ไปรอบ 14.30 น.นั่งหลังสุดเหมือนเดิม)
แล้วโชคก็เข้าข้าง เราได้นั่งไปปายรอบ 13.30 น.และเป็นที่นั่งหลังคนขับเลยค่ะ

ระหว่างทางอากาศก็มีฝนตกสลับกับแดดออก คนข้างๆกรีดร้องเป็นระยะ เวลาล้อรถปะทะกับน้ำฝนที่ถนนแล้วสาดใส่ตัวรถ
เราสองคนกินยาแก้เมารถ เปิดเพลงจากมือถือขับกล่อม แล้วก็หลับไป
พาพันง่วง
มารู้สึกตัวตื่นอีกที ก็ครึ่งทางไปปายแล้วค่ะ รถตู้จอดให้พักเข้าห้องน้ำ แล้วเดินทางต่อ
เรามาถึงที่ท่ารถตู้เปรมประชาที่ปาย บริเวณถนนคนเดิน ก็เริ่มเย็นมากแล้ว
สอบถามทางไปที่พัก check in เก็บของ แล้วออกมาเดินหาทัวร์ 1 day trip ที่ถนนคนเดินอีกครั้ง

เราเดินสอบถามประมาณ 2-3 ที่ ก็พบว่า ไม่มีทัวร์แบบกลุ่มเลยค่ะเนื่องจากเป็นช่วง Low season ไม่มีคนไทยมาเที่ยวเลย
ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน ที่ถนนคนเดินก็ดูเงียบเหงามาก เราสองคนตัดสินใจเหมารถไปเที่ยวกันค่ะ ไม่อยากขับเองเพราะไม่ชำนาญทาง
ต่อรองราคาไปมา สรุปว่าได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นแล้วในราคา 2500 บาท

บรรยากาศบริเวณถนนคนเดิน




ท้องเริ่มร้องแล้ว เดินหาอะไรกินกันเถอะ
มื้อเย็นวันนี้ขอฝากท้องที่ร้านขนมจีนนั่งยอง ถนนคนเดินค่ะ

ต่อด้วยเค้กสักหน่อย ชีวิตจะได้ไม่ขาดความหวาน อันที่จริง เป็นวิถีหมู มากกว่า 555


จากนั้นก็เดินกลับมาที่พัก อาบน้ำ นอนกันดีกว่า


เวลา 5.00 น. ท้องฟ้ายังมืดสนิท พี่คนขับมาพร้อมกับรถ avanza โทรมาปลุก
บอกว่ามารอรับอยู่ที่ The Heart of Pai แล้ว ตรงเวลามากค่ะ

เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ลุกข้าวหลาม"
แต่หมอกหนาค่ะ ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย

เผลอลืมผ้าพันคอไว้ที่นี่ แต่พี่คนขับรถบอกว่าตอนกลับต้องผ่านจะแวะดูให้อีกที ว่ายังอยู่มั้ย

ไปต่อกันที่ ปางอุ๋ง ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ เราสองคนแบกขาตั้งกล้อง เดินเล่นชมวิวไปเรื่อยๆ
สักพักฝนก็หยุดตก บรรยากาศเงียบสงบมาก เราไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเลยสักคน นอกจากชาวบ้านที่นั่น

แบกขาตั้งกล้องมาเพื่อสิ่งนี้

เหนื่อยกับอะไรก็ตาม นั่งพักสักหน่อย ก็คงดี


เพลิดเพลินกับบรรยากาศ อากาศดี ทำให้คนมาเที่ยวอารมณ์ดีตามไปด้วย

เด็กน้อยมานั่งตกปลา น่ารักจัง

น้องหมาเจ้าถิ่น

หงส์ดำเล่นน้ำกันเป็นคู่ๆ น่าเอ็นดู

หงส์ขาวสง่างามมาก เป็นภาพที่ประทับใจจริงๆ




ออกจากปางอุ๋งก็เริ่มหิวแล้ว ไปหาข้าวกินที่บ้านรักษ์ไทยดีกว่า
เราได้มาจิบชาชมวิวที่ลีไวน์รักไทย





อากาศดีดี ฝนตกแบบนี้ เราไปเที่ยวน้ำตกดีกว่า
ที่นี่ คือ น้ำตกผาเสื่อค่ะ


พี่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า สะพานซูตองเป้ได้รับความเสียหาย นาข้าวก็น้ำท่วม อย่าไปเลย
แต่ด้วยความดื้อรั้น มาถึงที่นี่แล้ว อีกนิดเดียวเอง จึงอยากไปดูให้เห็นกับตา
  
ระหว่างทางไปสะพานซูตองเป้  เริ่มเมื่อยตัว เมื่อยเท้า เพราะเดินเพลินไปหน่อย
เราไปนวดผ่อนคลายกันที่ "ภูโคลน" ดีกว่าเนอะ
แต่ด้วยเวลาจำกัด ยังอยากไปเที่ยวต่ออีกหลายที่
เราสองคนจึงได้แค่นั่งจิบกาแฟและโกโก้แช่เท้าในบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ
อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส ตอนแรกจุ่มเท้าลงไป ยกขึ้นทันที โอ้ย!!!ร้อน
แต่พอปรับตัวได้ สบายเท้าอย่างบอกไม่ถูกเลย
มาถึงภูโคลนทั้งที ถ้าไม่ได้พอกหน้าที่นี่ จะซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปลองใช้ที่บ้านก็ได้นะคะ
ที่นี่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายทั้งสบู่ โลชั่น โคลนพอกหน้า สเปร์น้ำแร่ น่าใช้ๆทั้งนั้นเลย


สถานที่ต่อไป "สะพานซูตองเป้" ไปชมสะพานไม้ไผ่ที่ยาวสุดในประเทศไทย กันค่ะ
คำว่า "ซูตองเป้" เป็นภาษาไทใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จสัมฤทธิผล
ฟ้าฝนก็ยังตกอยู่ ทุ่งนาข้าวได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลากไปบ้าง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของสะพานไม้แห่งนี้ลดลงเลย จริงๆนะ หลงรักที่นี่มากๆ ค่ะ




ไม่ไกลจากที่นี่ เราได้ไปชม "หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว" มีของที่ระลึกวางขายมากมาย
พี่คนขายก็น่ารัก เป็นมิตรมาก



จากนั้น เราสองคนก็ไปสักการะพระธาตุดอยกองมู เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต



แล้วก็ไปให้อาหารปลาที่ ถ้ำปลา ปลาที่นี่ตัวใหญ่มาก เป็นปลาที่กินพืชด้วย
จะมีอาหารปลาเป็นเมล็ดข้าวโพดและพืชชนิดหนึ่ง (ไม่ทราบว่าต้นอะไรเหมือนกันค่ะ)
ขายในราคาถุงละ 20 บาท


พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว เราไปชมพระอาทิตย์กันที่ดอยกิ่วลม
แต่ก็ไม่เห็นตามเคย เพราะหมอกบัง อากาศที่นี่ก็หนาวมากมาย
รีบกลับดีกว่า เดี๋ยวไม่สบาย


กลับมาถึงปาย เราไปเดินถนนคนเดิน หาข้าวกินกัน
ปายในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน ดูคึกคักมีของขายเยอะกว่าเมื่อวาน เหมือนไม่ใช่ที่เดียวกัน
แม่ค้าที่นั่นบอกว่า วันเสาร์อาทิตย์ ที่นี่จะเงียบ เพราะนักท่องเที่ยวไปเดินถนนคนเดินเชียงใหม่กันหมด
วันจันทร์จึงดูคึกคักกว่าเสาร์อาทิตย์
เรามานั่งกินขนมจีนร้านเดิม แต่เปลี่ยนเมนูเป็นน้ำยากะทิ กินเครป กินน้ำผลไม้ปั่น

แล้วก็ไปเดินเล่น เขียน postcard เป็นที่ระลึกกัน

ร้านนี้เราสามารถนำรูปในกล้องหรือในมือถือมาทำเป็น postcard ของตัวเองได้ด้วยค่ะ

เขียนไปเขียนมา ดึกมากแล้ว กลับดีกว่า

เช้าวันที่ 8 ก.ย. เรา check out ออกจากที่พัก
แต่ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปกับบ้านกลับหัว แลนด์มาร์คของที่นี่

พนักงานของรีสอร์ทพาเรานั่งรถสามล้อพ่วงไปส่งที่ถนนคนเดิน
ขึ้นรถที่ท่ารถตู้ เรามาถึงก่อนเวลา แวะทานโจ๊กหมูสับเห็ดหอม
ไม่ลืมที่จะทานยาแก้เมารถ แล้วก็หลับตลอดทาง
รถตู้จากปายมาส่งที่อาเขต


พวกเรานั่งสองแถวไปซื้อของฝากกันที่เซ็นทรัล แอร์พอร์ต
หาข้าวกลางวันทาน แล้วก็นั่งรถสองแถวอีกครั้ง ไปสนามบิน
เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ



นี่เป็น review แรก ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะคะ
เรื่องราวแสนประทับใจของทริปนี้ ก็อยู่ที่ มิตรภาพของคำว่าเพื่อน
ถึงแม้เราจะตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปบ้าง แต่เพื่อนก็ไม่เคยโกรธ
เพื่อนที่ถูกคอกัน หาไม่ได้ง่ายๆ และนี่ก็คือ เพื่อนแท้ของเราค่ะ
หากว่าเพื่อนได้อ่าน ขอบคุณที่ชวนเราไปเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำดีดีครั้งนี้
...รักเธอ....
ชื่อสินค้า:   ปาย ทะเลสาบปางอุ๋ง บ้านรักษ์ไทย น้ำตกผาเสื่อ ภูโคลน สะพานซูตองเป้ หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว พระธาตุดอยกองมู ถ้ำปลา ดอยกิ่วลม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่