ทริปสั้นๆของพนักงานออฟฟิต / 3 วัน ณ เชียงใหม่ เยือนดอยอินทนนท์ เหนือสุดแดนสยาม ขอสักครั้งนึงในชีวิต

มือใหม่ขอเล่า... ขอเกริ่นก่อนเลยว่าผู้เขียนเองทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่ที่ออฟฟิตแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบการท่องเที่ยว ชอบเดินทางมากค่ะถ้ามีเวลาและบวกกับอารมณ์อยากออกเดินทาง ก็จะเก็บกระเป๋าและออกเดินทางไปยังที่ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศการออกไปเปิดหูเปิดตา อัพเดทโน่นนี่นั่นในประเทศหรือต่างประเทศ เป็นสิ่งที่จะช่วยเปิดโลกอีกใบนึงของเราได้เป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งของการเดินทางก็ไม่เคยเขียนรีวิวบอกเล่าประสบการณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียวมีแต่เขียนบันทึกเรื่องราวความประทับใจ เรื่องราวความลำบาก เรื่องราวความอบอุ่น ของสถานที่ต่างๆไว้ให้ตัวเองอ่านเพียงคนเดียวรีวิวนี้จึงเป็นรีวิวแรกที่ถ่ายทอดตัวหนังสือจากสมุดสู่โลกออนไลน์ค่ะ
    ถ้าจะนึกถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนให้ร่างกายได้ชาร์ตแบตสำหรับพนักงานออฟฟิตอย่างเราๆแล้ว ก็ดูจะเป็นเรื่องยากอยู่ ไหนจะค่าเดินทาง และวันเดินทางที่จะต้องคำนวนกันดีๆ  ทริปนี้เป็นการเดินทางโดยที่ตัวเจ้าของกระทู้เองไม่ได้วางแผนเลยเพียงแค่ผู้เขียนมีความเชื่ออยู่อย่างนึงว่า ถ้าใจเราเรียกร้อง เราก็แค่ทำตามหัวใจเพราะบางครั้งการวางแผนการเดินทางที่หลายๆคนเตรียมการกันมาเป็นปีๆพอถึงวันจริงก็พับแผนและไม่ได้เดินทางเลยก็มีค่ะ
มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่.... ทำไมถึงเลือกเชียงใหม่?  ผู้เขียนเคยไปเชียงใหม่ครั้งล่าสุดเมื่อตอนมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ ปี 2007 (พ.ศ. 2550) นับปีแล้วก็ 8 ปีพอดีคะกับการเดินทางสู่เชียงใหม่แต่ครั้งนั้นเป็นการเดินทางที่เยี่ยมชมมหกรรมพืชสวนโลกเพียงที่เดียวไม่ได้ไปยลโฉมสถานที่อันเลื่องชื่อที่อื่นๆในเชียงใหม่เลยค่ะ นี่คือเหตุผลของการกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง“เชียงใหม่”
    พลบค่ำวันอาทิตย์ ...คืนนั้นจำได้ว่านั่งดูข่าวเชียงใหม่ฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่บวกกับมีเสียงเล็กๆจากข้างในบอกให้ออกเดินทางไปหาสถานที่มาเขียนรีวิวแนะนำที่เที่ยวสำหรับคู่รัก(เนื่องจากผู้เขียนเพิ่งเปิดร้านขายชุดคู่รักในเวปไซต์ค่ะ จึงอยากมีบทความมาลงในเวปไซต์บ้าง)สิ้นเสียงขบคิดกับตัวเองผู้เขียนไม่รอช้าเปิดเวปไซต์หาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พักในทันใดผู้เขียนใช้บริการเดินทางโดยสายการบินสีเหลือง ซึ่งที่เชียงใหม่มีหลายสายการบินให้เลือกไล่ระดับBudget ในกระเป๋าของเราค่ะในช่วงที่ทุกท่านจะเดินทางควรเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบินก่อนค่ะเพราะราคาแต่ละช่วงโปรมั่นของแต่ละสายการบินจะต่างกัน  ผู้เขียนทำการจองตั๋วเดินทางขาไปวันศุกร์ที่จะถึง(พักร้อนวันศุกร์ 1 วัน) และเดินทางกลับเย็นวันอาทิตย์ 3 วัน 2 คืนมาดูกันว่าเราจะได้ไปเยือนที่ไหนบ้าง ตามมาเลยค่ะ

สนามบินดอนเมือง... ออกเดินทางด้วยเที่ยวบินเวลา 09.05 น. ถึงปลายทางเชียงใหม่เวลา 10.15 น. ของเช้าวันศุกร์ถึงที่พักก็ก่อนเที่ยง โรงแรมโดยทั่วไปให้ check in ได้หลังเที่ยงค่ะ ที่เชียงใหม่มีโรงแรมหลากหลายราคาให้เลือกค่ะ ผู้เขียนเลือกที่พักไม่แพงมากแต่เน้นอยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินลัดไปตลาดยามค่ำคืน “ไนท์พลาซ่า” ได้เลยค่ะ
ระหว่างรอห้องพักจึงเดินทางไปเที่ยวดอยสุเทพกันค่ะการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเนื่องจากว่าเราต้องการเดินทางไปยัง พระตำหนังภูพิงคราชนิเวศน์ และดอยปุยด้วยเราจึงใช้บริการของเอเจนซี่ที่โรงแรม ราคาตามตกลงกันนะคะ  โดยตกลงราคากันที่ 1,000 บาท เพื่อไปเยือนสถานที่ต่างๆดังนี้…

-ดอยสุเทพ เดิมชื่อว่า “ดอยอ้อยช้าง” ชื่อที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ได้มาจาก “พระฤาษีวาสุเทพ” ซึ่งเคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่เขาลูกนี้เมื่อพันกว่าปีมาแล้วค่ะเราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 11.30 น. ถึงดอยสุเทพประมาณ 12.30 น.ที่นี่จะมีการเดินทางขึ้นดอยให้เลือก 2 แบบคือ แบบเดินเท้าขั้นบันไดนาค 300 ขั้น

และแบบรถรางไฟฟ้าค่ะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น. ในราคาขึ้น-ลง คนละ 20 บาท (สำหรับคนไทย)และ 50 บาท (สำหรับชาวต่างชาติ) ขาขึ้นผู้เขียนลองเดินทางโดยรถรางค่ะ หน้าตาก็คล้ายๆกับลิฟท์ขนาดก็เท่าๆกับลิฟท์ค่ะ
ไม่ถึง 5 นาทีรถรางก็ได้แล่นมาถึงบนดอยสุเทพ สิ่งสักการะบนดอยสุเทพ มี 1.อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย 2.วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ด้านบนพระธาตุฯจะมีชุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้เลยคะ เสร็จจากการสักการะพระธาตุดอยสุเทพแล้วขึ้นต่อไปอีกนิดคะ ประมาณ 4 กม. ก็จะได้ชมความงามของพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่นี่ปิดให้เข้าชมตอนประมาณ 15:30น. จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังดอยปุย อยู่ห่างออกไปประมาณ4 กม. คะ ที่ซึ่งมีระดับความสูงที่ 1,658 เมตร จากระดับน้ำทะเลเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีอากาศเย็น สบายตลอดทั้งปีค่ะที่นี่มีหมู่บ้านชาวเขาดอยปุย จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง Hand made ในราคาไม่แพงเราเสร็จจากที่ดอยปุยก็เดินทางกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่เลยค่ะมาถึงโรงแรมประมาณ 17.30 น. ซึ่งเรามีนัดกันต่อที่ไนท์ซาฟรี คืนนี้ค่ะ

-ไนท์ซาฟารี... ใช้บริการทัร์ของทางโรงแรมอีกแล้วค่ะเนื่องจากการเดินทางโดยใช้บริการของทัวร์ที่มีอยู่หลากหลายตามโรงแรมต่างๆช่วยลดเวลาและสะดวกสบายในการเดินทางค่ะ รถตู้มารับผู้เขียนที่โรงแรม เวลา 18.30 น.ไปถึงไนท์ซาฟารี 19.10 น. ทันรอบนั่งรถชมสัตร์กลางคืนพอดี ซึ่งถ้าหมดรอบ 19.30 น.แล้ว จะเปิดในนั่งชมอีกครั้งรอบ 20.30 น. ค่ะ
ราคาตั๋ว : คนไทย 300 บาทต่อท่าน ต่างชาติ 800 บาทค่ะ (ผู้เขียนเดินทางร่วมกับทัวร์ ราคา 900 บาทต่อท่านค่ะ) ถ้าอยากเดินทางเองก็สามารถจองรถตุ๊ก ตุ๊ก หรือรถเท็กซี่จากในเมืองให้ไปส่งและรอรับได้คะ ราคาตามตกลงกัน ไนท์ซาฟารีห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 นาทีค่ะ ยังไงก็ลองคำนวนค่าเดินทางกันดูค่ะว่าแบบไหนประหยัดกว่ากัน^^

ที่นี่จะมีการแสดงต่างๆมากมายให้ได้เลือกชมระหว่างรอ ไนท์ซาฟารีเรียกได้ว่าเป็นที่รวมของสัตว์กลางคืนจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ค่ะรถที่เรานั่งชอบสัตว์จะมีไกด์คอยบรรยายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนในบางจุดที่รถผ่านก็จะมีสัตว์ที่ไม่เป็นอันตรายเดินผ่าน เราสามารถให้อาหารได้เลยค่ะที่นี่จะมีสองพื้นที่ในการชม รถจะพาเราไปชมทั้ง 2 ที่ค่ะใช้เวลารวมประมาณหนึ่งชั่วโมง ถือว่าประทับใจมากค่ะ สนุกมากๆ



เช้าวันที่ 2 ...ทริปดอยอินทนนท์อย่างที่ได้บอกไปว่าทุกการเดินทางของที่นี่ผู้เขียนใช้บริการของทัวร์หมดค่ะเนื่องด้วยเวลาที่จำกัด และความสะดวกสบายค่ะแต่ถ้าท่านไหนมีเวลาผู้เขียนว่าการเดินทางเองก็คงสนุกไปอีกแบบค่ะ (ราคา 1,200 บาทต่อท่านทั้งคนไทยและต่างชาติ) ถ้าไปเป็นหมู่คณะสามารถคุยกันในราคาเหมาจ่ายได้นะคะ หรือจะเช่ารถขับไปเองก็ได้ค่ะ แต่ผู้เขียนไม่แนะนำค่ะ เพราะความชำนาญในถนนคงไม่เท่ากับคนในพื้นที่ ยิ่งช่วงหน้าฝนมีทั้งสายฝน ทั้งหมอก แทบมองไม่เห็นทางเลยค่ะ รถตู้มารับเราแปดโมงครึ่ง และออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ไกด์ได้พาเราแวะชมที่ต่างๆเริ่มจาก..



-ศูนย์ทอผ้าแม่บ้าน สภอ.บ้านสบหาด ที่นี่จะเป็นชุมชนเล็กๆผู้หญิงภายในชุมชนจะยึดอาชีพการทอผ้าขายซึ่งผ้าทอที่นี่จะมีจำหน่ายที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น เด็กๆในชุมชนได้รับการเรียนในโรงเรียนเหมือนกับเด็กทั่วๆไปทุกคนในหมู่บ้านสามารถพูดภาษาไทยได้ เกษตรกรรมของที่นี่เป็นเแบบขั้นบันได และมีการปลูกต้นกาแฟเพื่อจำหน่ายเป็นกาแฟสดให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันในราคาแก้วละ 30 บาทค่ะ  

-น้ำตกสิริภูมิ ห่างไปไม่ไกลนักรถก็พาเรามายังน้ำตกแห่งนึง“น้ำตกสิริภูมิ” ทางเดินขึ้นน้ำตกทางชันเล็กน้อย ทางเดินบริเวณหน้าน้ำตกสิริภูมิลื่นพอดูนะคะ ระมัดระวังกันด้วยค่ะ อากาศที่นี่เย็นสบายค่ะยิ่งเข้าใกล้น้ำตกเท่าไหร่เราก็ ยิ่งได้ยินเสียงน้ำอันทรงพลังมากเท่านั้น เดินขึ้นมาถึงจุดที่ใกล้ที่สุดแล้วแหงนมองขึ้นไป สวยจับใจจริงๆ ค่ะ


-น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ใครที่อยากเก็บรูปใกล้ๆก็เปียกปอนกันทุกรายค่ะ เนื่องจากน้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีหน้าผาสูง1 ชั้น ด้วยแรงกระเซ็นของน้ำที่กระทบกับพื้นโดยตรง ทำให้มีละอองน้ำขนาดใหญ่กระเด็นโดนตัวโดยตรงค่ะที่นี่จะมีร้านกาแฟบรรยากาศดีๆให้นั่งพักผ่อนด้วยคะ นั่งทานกาแฟไปชมบรรยากาศของน้ำตกไปมีความสุขจริงๆค่ะ


นอกจากนนี้ก็ยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วยทัวร์ที่ผู้เขียนร่วมเดินทางมา ก็มาแวะทานอาหารที่นี่ค่ะ ซึ่งรสชาติก็อร่อยใช้ได้ค่ะ ห้องน้ำก็มีไว้บริการเพียงพอต่อนักท่องเที่ยวพื้นที่จอดรถก็เป็นลานกว้างเพียงพอแก่นักท่องเที่ยวค่ะ  ตามต่อภาค2 ค่ะ ใกล้ถึงดอยอินทนนท์แล้ว^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่