<< ไปวัดใจที่ Rinjani >>

ก่อนอื่นขอสวัสดีชาว Pantip อีกครั้งครับ ห่างหายไปนานกับการตั้งกระทู้ กลับมาอีกครั้งกับทริปที่ผมรอคอยอีกหนึ่งทริป
คราวนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปชมภาพจากภูเขาไฟ Rinjani ครับ


ก่อนอื่นขอเกริ่นประวัติคร่าวๆของภูเขาไฟลูกนี้ก่อนซักเล็กน้อยครับ
Rinjani เป็นภูเขาไฟที่สูงเป็นอันดับสองของอินโดนีเซีย มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,726 เมตร ในอดีตเคยมีความสูงมากกวานี้
แต่เพราะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้บางส่วนยุบตัวลงเกิดเป็นแอ่งและกลายเป็นทะเลสาบที่ชื่อ Danau Segara Anak จากนั้นบางส่วนที่มีการปะทุฟอร์มตัวเป็นภูเขาไฟลูกเล็กอยู่ตรงกลางทะเลสาบ คือ Barujari


ทริปนี้ผมไประหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคม มีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 11 คน ใช้บริการของ John Adventure
รายละเอียดพร้อมค่าใช้จ่ายโดยละเอียด ติดตามได้จากกระทู้นี้เลยครับ http://pantip.com/topic/34103797 เจ้าของกระทู้
เป็นหนึ่งในสมาชิกหญิงแกร่งของพวกเรา ที่สามารถขึ้นถึง summit ได้ครับ
ส่วนกระทู้ของผมจะเน้นไปที่ภาพ และเรื่องราวความทรงจำที่ผมประทับใจครับ
ติดตามผลงานและพูดคุยได้ที่ https://www.facebook.com/punnawits
หรือติดตามทางเพจ https://www.facebook.com/SkyTale1980

อุปกรณ์ที่ใช้ในทริปนี้ คือ Sony A7, Sony NEX6 เลนส์ FE 16-35 f4, FE 24-70 f4, และ FE 70-200 f4
Process LR, PS โดยส่วนใหญ่จบใน LR เพราะตั้งแต่ LR CC ทำ panorama กับ HDR ได้ ชีวิตสบายขึ้นเยอะครับ

มาเริ่มกันเลยครับ

การ trekking สู่ Rinjani พวกเราเริ่มต้นจากทาง  Sembalun ไปจบที่ Senaru ใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน
การเริ่มต้นจาก Sembalun ระยะทางจะสั้นกว่า แต่ก็จะชันกว่ามาก ความคิดเห็ส่วนตัว ถ้าเริ่มจาก Senaru ถึงจะไกลแต่ก็จะเดินสบายกว่ามากครับ

เส้น Sembalun จะเป็นลักษณะทุ่งหญ้า Sawana ไม่ค่อยมีต้นไม้ปกคลุม โชคดีที่มีเมฆบังแสงไว้ทำให้ไม่ร้อนมากนัก



เมื่อมาถึง Sembalun crater จะเป็นจุดตั้งแคมป์ มองลงไปจะเห็นหมอกไหล ที่นี่หมอกจะไหล 2 ช่วงเวลา คือช่วงสายๆ กับช่วงเย็นครับ


ภูมิประเทศโดยรอบ


Sembalun crater sunset
หลังตะเกียกตะกายจนมาถึงแคมป์ตรง Sembalun crater ผมพักรอเพื่อนจนกระทั่งช่วงบ่ายคล้อยตะวันใกล้ตกดิน จึงชวนสมาชิกอีกคนไปถ่ายยังเนินที่สูงกว่าจุดตั้งเต้นอีก 2 เนิน เพื่อหามุมที่คาดว่าน่าจะดีกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เป็นตะวันตกดินที่สวยงามอีกหนึ่งวัน จากนั้นรีบกลับไปกินข้าวแล้วเข้านอน เพราะภาระกิจหลักคือการขึ้น summit รออยู่


แฟล์ฝุ่นหนักมาก เช็ดไม่หวาดไม่ไหว ข้อเสียหลักๆของการมาภูเขาไฟคือเรื่องฝุ่น ไม่เหมาะสำหรับคนแพ้ฝุ่น เป็นภูมิแพ้ กล้องอย่างน้อยควรกันฝุ่นไดบ้าง ขนาดกล้องผม Sony A7 เค้าว่ากันฝุ่น ตอนหลังยังมีรวน กดทีเดียวถ่ายต่อเนื่องตลอด กับมีปัญหาตรง EVF หน้าจอบางครั้งจะดับเองเพราะฝุ่นไปเกาะเซนเซอร์สำหรับปิด LCD ครับ


การมา Trekking ที่นี่ นักท่องเที่ยวฝรั่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว หน้าตาดี หุ่นดี ไม่เหมือนทางเส้นเนปาล ซึ่งมักจะสูงวัยกว่าครับ


วันที่สองของการเดินทาง เป็นวันที่หนักมาก เพราะต้องขึ้น Summit เราต้องตื่นเวลาตี 1 ครึ่ง เริ่มออกเดินทางจากแคมป์พักเวลาตี 2 โดยเดินไปตามเส้นทางไต่สู่ยอด Rinjani ในความมืด เพราะฉะนั้นไฟฉายคาดหัวเป็นสิ่งจำเป็นมาก ตลอดเส้นทางเป็นทางที่ชันและร่วนมากๆ เมื่อไต่สูงขึ้นลมจะแรงและหนาว สำหรับความโหด เอาไปเลย 10 กะโหลก เล่นเอาถอดใจไปซะหลายรอบ โดยเฉพาะเนิน 700 เมตรสุดท้าย มันโหดร้ายมาก กลุ่มเราถึงยอด 8 คน จากทั้งหมด 11 คนครับ

The Summit
หลังผ่านเนิน 700 เมตรมรณะ และเหล่าฝูง ซอมบี้ trekker ราวกับหลุดมาจาก The walking dead (ทุกคนจะเดินแบบ 2-3 ก้าว หยุดทีนึงตลอด เหมือน ซอมบี้มากกกก) ก็จะมาเจอกับมุมเงาปิระมิดในตำนาน มุมนี้ถ้าขึ้นมาช้าจะไม่ทันได้เห็นครับ ผมขึ้นมาถึงตรง Summit ประมาณ 6.15 ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง 15 นาที (ไกด์บอก ปกติ 3 ชั่วโมง OMG!!!!) พอขึ้นมาถึงคนเต็มกว่าจะได้มุม ก็ค่อนข้างลำบากพอสมควร ข้างบนหนาวและลมแรงมากครับ


อีกด้านที่หันเข้าหาทะเล ยังกับไม่ได้อยู่บนโลก


ชม Zombie trekker กันแบบชัดๆ ดูในภาพอาจไม่ชันมาก แต่เชื่อผมเถอะครับ มันโหดกว่าที่คิดไว้มากมายนัก ขาลงต้องวิ่งครับ ฝุ่นตลบตลอดทาง


ราชินีแห่ง  ลอมบอก ต้องคู่กับดอกไม้


ผมลงมาถึงจุดตั้งแคมป์ประมาณ 9 โมงเช้า ตามเวลาที่เรานัดหมายกันไว้ เพื่อจะเริ่มเดินทางไป Senaru crater ตามแผนแรก โดยต้องเดินลงไปที่ทะเลสาบ 5 ชั่วโมง และเดินขึ้น Senaru crater ชันๆอีก 3 ชม. (สันเขาตรงกลางภาพ)


"เสียงส่วนมาก"

เวลาที่เดินทางเป็นกลุ่ม เมื่อสมาชิกมีความเห็นต่างกัน วิธีการตัดสินที่มักจะใช้ คือการโหวตแล้วทำตามเสียงส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับกลุ่มของเรา หลังลงจาก summit มีสมาชิกเริ่มมีอาการบาดเจ็บ ทำให้กังวลว่าแผนการเดิมที่เราจะเดินทางไป Seneru crater คงไม่ไหว  ในใจผมยังไงก็อยากไป Seneru crater เพราะเป็นมุมเด็ดที่อยากไปเก็บแสงเย็น และตัดสินใจบอกสมาชิกว่าให้เราโหวตหาทางออกกัน พี่เค (trekker ผู้มากประสบการณ์ที่สุดในกลุ่ม) หันมาทางผมและกระซิบว่า "พี่ว่าการโหวตไม่ใช่ทางออกที่ดีในการแก้ปัญหา เพราะไม่ว่าจะออกมาในทางใด ย่อมทำให้รู้สึกไม่ดีทั้งสองฝ่าย สมมติว่าโหวตไม่ขึ้น Seneru ฟ้าคงรู้สึกไม่ดี หรือโหวตขึ้นสมาชิกที่ไม่ไหวคงรู้สึกแย่" ฉับพลันนั้นเอง ผมระลึกขึ้นมาได้เลยว่าบางทีเสียงข้างมากอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเสมอไป ในที่สุดเราจึงได้ข้อสรุปว่าเราจะลงมาพักที่ทะเลสาบ แล้วจึงเดินขึ้น Seneru crater ในวันถัดไป

สุดท้ายแล้วการมาพักที่ทะเลสาบกลับดีกว่าที่คาดคิดไว้ เพราะทำให้เราได้เห็นมุมแปลกๆสวยๆ และทีมไกด์หาที่พักให้เราได้เหมาะเหม็งมากครับ
โบเก้ยังงี้ ถ่ายย้อนแสง ตั้งให้ชิดน้ำที่สุด แล้วเปิด f กว้างสุดเลยครับ เลนส์ที่ผมใช้กว้างสุดที่ f4 ครับ


มุมปางอุ๋ง


นอนทะเลสาปก็ดีไปอีกแบบ มีเวลามองพระอาทิตย์ตกกับกลุ่มเพื่อนแบบเป็นส่วนตัว มีเวลาไปแช่ Hot spring จนตัวสะอาด (แนะนำเลยครับ มาแล้วไม่ควรพลาด เป็น Hot spring ที่เป็นน้ำตก เสียดายไม่ได้ถ่ายมา มัวแต่แช่เพลินเลยลืมครับ) ถึงจะไม่เห็นพระอาทิตย์แบบเต็มๆ แต่ก็ยังเห็นแสงสีแดงพาดผ่านหุบเขา slow life แบบสุดๆ แต่พอพระอาทิตย์ตกเท่านั้นแหละ หนาวเลย ที่นี่ไม่หนาวลม ออกแนวเย็นยะเยือก คงเพราะติดน้ำ


คืนนี้มีช้างด้วย เสียดายขึ้นสูงไปหน่อย
ภาพนี้ ISO 1600, Panorama 4 ใบใน LR CC ครับ เพราะกว้างจนเก็บช้างไม่หมด


Startrails at Anak lake
ออกมาหมุนดาวอยู่คนเดียวหน้าแคมป์พัก อากาศเย็นยะเยือก ISO100 ตั้งกล้องทิ้งไว้ มุดเข้าเต็นท์ซุกถุงนอนรอ 10 นาที ค่อยออกมาเก็บ ใบเดียวจบ เพราะหนาวไม่ไหวแล้วววว 5555 จริงๆอยากทิ้งไว้นานกว่านี้ให้หางดาวยาวหน่อย แต่กลัวจะเข้าเต็นป์แล้วหลับทิ้งกล้องไว้ถึงเช้า


เช้าวันที่ 3 คือวันเดินทางกลับ นัดตื่นตี 5 แต่ออกจริงก็  6 โมงกว่าๆ (จะนัดทำไมว้าาา 5555) พอเดินขึ้นมาสูง วิวก็จะเริ่มสวยขึ้นเรื่อยๆ


Baby Rinjani แบบชัดๆ


ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ผมก็ขึ้นมาถึง Senaru crater หมอกเริ่มไหลเข้าทะเลสาบแล้ว
Panorama แนวตั้ง 6 ใบ ใน LR CC เช่นเคยครับ


น้ำแร่สีเหลืองตัดกับน้ำทะเลสาบสีฟ้า


"เหนือเมฆ"
Rinjani จะถูกล้อมรอบด้วยเมฆตลอดเวลา ทั้งฝั่ง Sembalun และ Seneru เหมือนยืนอยู่เหนือทะเลหมอกตลอดทั้งวัน ยอดเขาที่เห็นไกลๆทางด้านซ้ายคือ ภูเขาไฟอากุง (ภูเขาที่สูงที่สุดบนเกาะบาหลี)


ลากันด้วยภาพนี้ครับ แสงเช้าวันสุดท้ายจากที่พัห John Adventure


สรุป เป็นหนึ่งในทริปสุดโหดเกินคาด เพราะเดินแต่ละวันค่อนข้างเยอะและชันมาก โดยเฉพาะวันขึ้น Summit เพราะฉะนั้นคนที่จะมา ควรเตรียมตัวล่วงหน้าจะดีมากครับ ฝุ่นเยอะ ควรเตรียมอุปกรณ์กันฝุ่นเช่นผ้าบัฟ อากาศหนาวลมแรง เสื้อกันลมสำคัญมาก ข้อเสียของที่นี่คือ ขยะเยอะมากกกก เยอะทุกที่ครับ น่าเสียดาย


ทริปนี้อาจจะไม่ได้รูปสวยมากนัก แต่ได้ความทรงจำที่สวยงามกลับไปเต็มๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย




ถ้าชอบรบกวนกด + เป็นกำลังใจนะครับ
V
V
V
V
V
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่