[CR] เชียงดาว-แม่กำปอง-บ้านแม่กลางหลวง 1,800 บาท 5คืน 6วัน

สวัสดีค่ะ   วันนี้เราจะมาอวดความลำบากปนกับความสุขที่สุดจะฟินของเราค่ะ หลังจากที่เราได้ติดตามอ่านกระทู้ในพันทิพมามากมายหลายกระทู้ จนความอยากมันมีมากกว่าความกลัวแล้วค่ะ ความคึกคะนองก็เริ่มเดือดประทุ จากที่อ่านมาเยอะ ข้อมูลก็แน่นพอสมควร(หรอ?) แล้วจะรีรออะไรเล่า จัดกระเป๋าสิ จัดสิ ไปดิ ลุยโลด
ทริปนี้เราตั้งใจจะไปแบบประหยัดให้มากที่สุด เป็นทริปแบบลุยๆ ซึ่งแน่นอนว่าหนีความลำบากไม่ได้แน่ๆ สมาชิกทริปนี้มี 3 คน ญ2 ช1 จัดไป

       วันที่ 24 สิงหาคม 2558 เราเลือกใช้บริการของรถไฟไทยค่ะ เป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชนสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รถออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง เวลา 13.45 น. ตามตารางเวลาแล้วจะถึงเชียงใหม่ 04.05 นาทีแต่ถึงจริงก็ตีห้ากว่า ก็ใช้เวลาประมาณ 16 ชั่วโมงกว่า เบาๆ (หราาาา) ที่นั่งตากแดด ตากลม ฝนตก กลางคืนก็หนาว เหลือแค่ยังไม่เจอหิมะเท่านั้นเอง ของฟรีต้องอดทน ฮึ๊บๆ


       วันที่ 25 สิงหาคม 2558 เนื่องจากเราทำบุญมาเยอะ(ต้องอาศัยบุญกันเลยทีเดียว)และเป็นคนอัธยาศัยดี(คุยไปทั่ว) พี่ที่นั่งตรงข้ามเลยชวนเราติดรถไปด้วย ชื่อพี่แจ๊กใจดีมากกกกก บ้านพี่เค้าอยู่แม่แตงติดกับเชียงดาวเลย และพี่เค้าอาสาพาเราไปส่งที่เชียงดาว แค่เริ่มต้นก็เริศแล้วทริปนี้ กิกิ พี่แจ๊กให้น้องมารับที่สถานีรถไฟ และพาเราแวะเที่ยวบ้านพี่แกก่อน ใกล้ศูนย์ฝึกช้างเชียงดาว(ได้เข้าไปดูช้างฟรีด้วย) ต้องขอบคุณ พี่แจ๊ก พี่โจ และพี่...(ที่ขับรถในสภาพกรึ่มๆ กลัวเจอด่านเรียกเป่าแอลกอฮอล์มาก 555)
พี่แจ๊กกระซิบมาบอกว่าแกจะทำโฮมสเตย์ด้วยเร็วๆนี้ ใครจะไปพักแถวนั้น ทัก จขกท.มาเลยเดี๋ยวแจกเบอร์พี่เค้าให้ค่ะ



       พอมาถึงเชียงดาว บุญของเราอีกแล้ว เพราะทุกเช้าของวันอังคารจะมีตลาดนัดที่ใหญ่มาก มีผลไม้ ผัก ของบนดอยหลากหลายมาก เดินชมสักหน่อยเนื่องจากมาถึงเร็วกว่ากำหนด หลังจากนั้นเราก็เดินไปซอยที่มีป้ายเขียนบอกว่า วัดถ้ำเชียงดาว ยืนรอซักพักก็มีพี่คนนึงมาถามว่าจะขึ้นไปข้างบนใช่มั้ย เราก็ แน่นอนกระโดดขึ้นรถพี่เค้าเลย 555 พอถึงบ้านระเบียงดาว พี่เค้าคิดค่าติดรถมาด้วยคนละ 50 บาท แหง่ะๆๆ นึกว่าจะฟรี แต่ไม่เป็นไรระยะทางก็ไกลพอสมควร

       พอมาถึงบ้านระเบียงดาวแล้ว ด้วยความหิวบวกกับความเหนียวตัว เลยสั่งอาหารไม่ทำตามสั่ง อ่านไม่ผิดค่ะ คือที่นี่มีอะไรก็สั่งตามนั้น 555 เลยได้ข้าวผัดหมู 40 บาท และน้ำบลูฮาวายโซดา 35 บาท และพี่เค้าให้อาบน้ำฟรี ใจดีขนาดเลย ระหว่างที่นั่งกินข้าวจะมีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาจองที่พักของที่นี่เยอะมาก จะบอกว่าใครจะไปช่วงหน้าหนาวรีบๆโทรไปจองเลยนะคะ พอกินอิ่ม เราก็ถ่ายรูปเล่นที่ระเบียง มีเมฆล่องลอยตลอดเวลา วิวสวยมาก ฟินนาเร่



        เนื่องจากว่าเรามาแบบประหยัด จึงไปสอบถามที่กางเต้นท์กับคุณลุงนิคม(เจ้าของระเบียงดาว) แกเลยแนะนำให้เราลองไปหาพี่พลที่กำลังสร้างโฮมสเตย์อยู่ พอที่จะให้เราพักก่อนได้ แต่ยังไม่มีน้ำ ไฟ เวลาอาบน้ำ กินข้าว ชาร์จแบตก็ให้มาระเบียงดาวได้ แกใจดีมากๆ และคนที่นี่ใจดีมากพูดเลย พอเราเอากระเป๋าไปไว้ที่โฮมสเตย์พี่พลเสร็จ ลุงนิคมเลยชวนลงไปเที่ยวถ้ำเชียงดาว เพราะแกจะลงข้างล่างพอดี และฝากเราไว้กับเจ้าหน้าที่ที่หน้าด่านว่าเดี๋ยวเด็กๆกลับมา ฝากหารถให้เด็กๆขึ้นไปข้างบนหน่อยนะ(ใจดีอีกแล้ว)

        ฝากเนื้อฝากตัวเรียบร้อย ไปลุยถ้ำเชียงดาวกันเลย ค่าใช้จ่ายตอนเข้าไปดูถ้ำ 20 บาท ใครใส่กางเกงขาสั้นจะมีผ้าซิ่นให้นุ่ง ค่าเสียหาย20 บาท และถ้าเข้าถ้ำต้องเช่าตะเกียงไฟ 100 และค่าไกด์นำทางแล้วแต่จะให้ค่ะ เป็นถ้ำที่ใหญ่มาก หินงอกหินย้อยเต็มไปหมด



       ระหว่างรอรถกลับขึ้นไปที่บ้านระเบียงดาว เราแวะซื้อดาวลอย(ตามรอยกระทู้ในพันทิพค่ะ)ขวดละ 45 บาท ซักพักพี่เจ้าหน้าที่ก็เรียกเราขึ้นรถ ผู้ใหญ่ใจดีคันนี้เค้าจะขึ้นไปเมื่องคองซึ่งไกลจากระเบียงดาวไปอีกเท่านึง ตอนแรกเราคุยกันว่าจะขึ้นไปเที่ยวดู แต่เจอฝนตกระหว่างทาง โชคดีนะที่รถพี่เค้าเป็นกระบะสองตอน(ตอนแรกนั่งกระบะหลัง) ไม่งั้นฉ่ำแน่ เลยขอลงบ้านระเบียงดาวแบบเดิม ข้าวมื้อเย็นที่บ้านระเบียงดาวเหมาต่อคนละ 100 บาท มีแกงจืด ผัดผักรวม ไข่เจียว และน้ำพริกนรก(นรกจริงๆ แค่ดมก็เผ็ดแล้ว)แต่อร่อยนะเออ มีร้านขายของชำด้วยนะอยู่ติดถนนก่อนลงไปบ้านระเบียงดาว มีขนมจุกจิกขาย ซื้อได้ตลอด 24 ชม. นอนแล้วก็ปลุกได้ จะลุกมาขายให้ 555

       ที่นี่เค้านอนค่อนข้างเร็วค่ะ พอมืดแล้วก็เงียบสงัดเลย แต่ระเเบียงดาวเปิด24ชม. มีบ้านไม่กี่หลังที่เปิดไฟ เพราะที่นี่ใช้แผงโซล่าเซลล์ เราก็รีบไปอาบน้ำที่บ้านระเบียงดาวแล้วกลับไปนอนที่โฮมสเตย์พี่พล หลับสบายนอนตายอย่างเขียด ว่าจะตื่นเช้าๆมาดูพระอาทิตขึ้น ตื่นจริงๆก็ 8 โมงเช้า 555 แต่ด้วยหมอกหนาๆและเมฆเยอะมากๆเลยไม่ได้เห็นเห็นพระอาทิตย์สวยๆตอนเช้า เอ้า นอนพอแล้ว เราก็รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน(น้ำไม่อาบ) ช่วยเค้าประหยัดน้ำค่ะ เพราะที่นี่เค้าต้องขนน้ำมาจากข้างล่าง(จริงๆ หนาวค่ะ 555) เก็บของลุยกันต่อ ก่อนออกมาเลยคิดกันว่าให้ค่าที่พักพี่พลคนละหนึ่งร้อยบาท รวมแล้วก็ 300 บาท

**ที่ระเบียงดาวไม่สัญญาณโทรศัพท์นะคะ ต้องเดินขึ้นออกมาข้างนอก แต่ที่พักพี่พลมีนิดหน่อย มีๆหายๆ ตามใจฉัน


       มารอโบกรถที่ศาลาริมถนน ก็มีชาวบ้านใจดีลงไปข้างล่าง ก็รีบขึ้นหลังรถโลด ระหว่างทางลงมา โค้งหักศอกเยอะมาก ไม่ต้องตกใจที่จะได้ยินเสียงแตรบีบตลอดทางเพื่อให้รถที่สวนทางได้รู้ พอมาถึงที่เดิมที่พี่แจ๊กมาส่งเรา ก็หาข้าวเช้ากินก่อน ข้าวราดแกง 40 บาท แล้วก็เดินทางต่อ ตอนแรกก็โบกรถเพื่อเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไม่มีใครจอดรับเลย เลยนั่งสองแถวไปท่ารถช้างเผือก 40 บาท

      เป้าหมายต่อไปของเราคือหมู่บ้านแม่กำปอง เนื่องจากเราตามกระทู้ในพันทิพมา เขาบอกว่าให้นั่งรถสองแถวไปสันกำแพง เราก็นั่งไปอย่างไม่สงสัย(หารู้ไม่ว่าไม่ใช่) เพราะจริงๆแล้วเป้าหมายของเราคือตลาดสหกรณ์สันกำแพง จ่ายค่าเสียหายไป 25 บาท/คน  เมื่อเลือกไม่ได้ก็ต้องเหมาสองแถวเพื่อให้เค้าไปส่งที่ตลาดสหกรณ์ ค่าเสียหาย300บาท น้ำตาจิไหล
** เรามารู้ตอนหลังว่า มีคิวรถสองแถวสีเหลืองที่กาดหลวง เชียงใหม่-ป่าป้อง-ดอยสะเก็ด-น้ำพรุร้อนสันกำแพง แล้วไปลงที่ตลาดสหกรณ์สำกำแพง  ประมาณ 50 บาท เจ็บใจ ฮือๆๆ
       พอมาถึงตลาดสหกรณ์มีสองทางให้เลือก คือเหมาสองแถวขึ้นไปแม่กำปอง(อีกแระ)กับโบกรถ เลือกไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ โบกสิคะโบก สายโบกก็มา มาแล้ว คนใจดีมาแล้ว เป็นคุณลุง..บ้านอยู่นนทบุรีมาทำสวนอยู่ที่เชียงใหม่(ไม่ได้ถามชื่อ เสียใจ) ตอนแรกจะติดรถแล้วลงตรงกลางทาง เพราะแกไปไม่ถึง พอคุยไปมา แกบอกว่าจะไปส่งที่โครงการหลวงตีนตกให้ ใกล้ดี และก็มีรถขึ้นไปหมู่บ้านแม่กำปองแน่นอน ใจดีจุงเบยยย เมื่อมาถึงโครงการหลวง ก็เดินเรื่อยเปื่อยเพื่อหารถคันต่อไป มาแล้วๆ พี่ผู้ชายใจดีสองคน รีบโบกกันเลย ขอติดรถพี่เค้าโดยที่ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะไปที่ไหน(ดีใจเกินไป 555) เราก็นั่งไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้จุดหมายที่จะลง ผ่านหมู่บ้านแม่กำปองนอกก็แล้ว ผ่านแม่กำปองกลางก็แล้ว ก็ยังนิ่งไม่ลงอีก จนถึงแม่กำปองใน ลังเลละว่าจะลงดีมั้ย แต่ก็ไม่รู้จะลงตรงไหน พี่แกก็ขับไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกแม่กำปอง พี่แกลงรถมาแล้วถามน้องจะไปไหนอ่ะ นั่งฮาเลย ไม่รู้เหมือนกัน ก็ตามพี่มานี่แหล่ะค่ะ  ไหนๆก็มาละ ลงไปดูน้ำตกหน่อยละกัน แต่เสียดายที่ก่อนหน้านี้มีพายุ ดินถล่มเลยขึ้นถึงแค่ชั้นสามอดชมน้ำตกสวยๆเลย ขากลับคิดว่าจะกลับกับพี่แกเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ พี่แกนัดเพื่อนมาจิบเบียร์ที่น้ำตก ยาวเลยทีนี้ จะลงไปกี่โมงวะเนี่ย เอาวะ........ นั่งจิบกับพี่แกซักหน่อยก็ดี 555 (จริงๆก็อยากจิบ)



      แล้วพี่แกก็มาส่งที่วัด ง้อววว เหมือน...โดนปล่อยวัด 555
ก็นั่นแหล่ะฮะท่านผู้ชม ตามรอยพันทิพเขามากางเต้นท์นอนที่วัดกัน เราทำการคุยกับพระที่วัดเลย แต่มีพระรูปนึงท่านบอกให้ไปถามพ่อหลวงพรหมมินทร์เผื่อแกจะมีที่ให้พักฟรี แต่จริงๆไม่มี พ่อหลวงเลยให้ไปติดต่อที่ KP รีสอร์ท ด้วยความที่เราไม่อยากไปที่รีสอร์ท(กลัวเปลือง) เลยหาเบอร์ในอากู๋เพื่อหาที่กางเต้นท์ ได้เบอร์มาละจ๊าา ตอนแรกโทรไปไม่รับ โอเควัดก็วัด เก๋ไปอีกแบบ ซักพักเค๊าติดต่อกลับมาไม่ใช่ KP นะ แต่เป็นบ้านสายชลโฮมสเตย์ ป้าแกเสนอราคา 200 บาท รวมค่าที่กางเต้นท์ กับห้องน้ำ คิดไปมาหารสามแล้ว งืมมมม (จะคิดทำไม คุ้มขนาดนี้) ตรงดิ่งไปที่โฮมสเตย์ป้าเลย ป้าชื่อป้านก แกบอกว่าได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อย เลยไม่อยากคิดแพง ใจดีอีกแล้วววว เราก็ทำการกางเต้นท์อย่างว่องไวแล้วเดินไปหาอะไรกิน ก่อนมืดซะก่อนระหว่างนั้นก็ถ่ายรูประหว่างทางเดินไปเรื่อยๆ จะได้ยินน้ำตกอยู่ตลอดเวลาเพราะน้ำตกไหลตามข้างๆทางเดินเลย และแล้วก็เจอร้านอาหารตามสั่งร้านนึง มี wi-fi เล่นด้วยนะเออ ขอบอกว่าข้าวร้านนี้อร่อยจริงๆ แล้วเป็นข้าวสวยของคนดอย เม็ดใหญ่อย่างกะข้าวญี่ปุ่น จานละ 40 บาท  จากนั้นก็เดินกลับมาที่พักก็ผลัดกันอาบน้ำ ระหว่างนั้นป้าแกก็ชวนคุย พร้อมกับจิบเบียร์ไป ด้วยเบียร์ในร่างกายที่กินไปตอนเย็นที่น้ำตกมันติดรมณ์ ป้าก็ให้ยืมมอไซค์ไปซื้อเบียร์มานั่งกินด้วยกัน หมดไปประมาณ10ขวดได้ ป้าแกก็ชวนคุยเรื่องโน้นนี้ แกเคยเป็นพยาบาลมาก่อน จบที่สวิตเซอร์แลนด์ (ไม่ทำดานะจะบอกให้) เราก็หยิบขนมป้ากินจุ๊บจิ๊บ เรื่อย ๆ ๆ ๆ เห้ย ตีสามแล้ว ขอตัวไปนอนด่วน!!!
**เวลานอนที่นี่จะรู้สึกเหมือนฝนตกตลอดคืนเลยค่ะ แต่จริงๆคือเสียงน้ำตกคิดดูว่าบรรยากาศดีขนาดไหน เพื่อนนอนกรนเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีผล 55

       วันที่ 26 สิงหาคม 2558 คิดว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และไร่กาแฟของชาวบ้านที่นี่ หึ ตื่นซะ 9โมงกว่าขนาดนั้น ชิวเลยทีนี้ ก็ลุกอาบน้ำเก็บของกัน แล้วเช้านี้ป้านกเลยชวนข้าวเช้าด้วย แกจะแกงหน่อไม้ให้กิน หน่อไม้จากข้างๆน้ำตกที่พักนี่แหล่ะ

เจ้าลั๊กกี้ เป็นเจ้าบ้านอีกตัวนึง ที่คอยเดินไปเดินมา

       กินเสร็จนั่งคุยกันซักพัก เราก็ขอกินผลไม้ที่ป้านกวางไว้ 555 คุ้มจริงๆเลย เลยขอตัวไปร้านชมนกชมไม้ เป็นร้านที่ทุกคนต้องไปไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงแม่กำปอง (ว่าไปนั่น) เดินเท้าไปอย่างเหนื่อย ทางชันมาก กล้ามขาแทบขึ้น คนไม่เยอะเท่าไหร่ ราคาเครื่องดื่มประมาณ 55-65 บาท เค้กก็ 50-70 บาท  รสชาติให้สี่ วิวดีให้สิบเต็ม


      เนื่องจากป้านกเป็นผู้ใหญ่ใจดีในแม่กำปองของเรา เลยขอตอบแทนด้วยการโปรโมทที่พักให้แกซะเลย เพิ่งเปิดได้สองเดือนเองค่ะ ป้านกใจดีมากๆ แกดูวัยรุ่น เป็นกันเองมากๆ 062-298-9556 ป้านก โฮมสเตย์ บ้านสายชล มี wi-fi เล่นด้วย จะมาพักในโฮมสเตย์ หรือแบบเต้นท์ก็มีค่ะ


      จากร้านชมนกชมไม้ เราก็ไปเอากระเป๋าที่บ้านป้านก แล้วก็เดินทางต่อ เดินจริงๆ ไม่มีรถผ่านเลย ส่วนมากจะเป็นรถเก๋ง เดินไปไกลพอสมควร จากแม่กำปองในจนถึงแม่กำปองนอกได้มั้ง 55 ไกลจริงๆ ก็เลยพากันหยุดพัก นั่งกลางทางซะเลย สักพักก็มีรถจากวัดแม่กำปองจะเดินทางไปวัดที่จังหวัดลำพูน ท่านเลยบอกให้เราขึ้นรถมา และตอนนั้นมีพระกับน้องเณรนั่งหลังกระบะอยู่แล้ว 3 รูป เราก็ต้องนั่งแบบสำรวมนิดนุง จากนั้นรถพระท่านก็ต้องหลงทางเพราะมัวแต่สนใจว่าจะไปส่งพวกเรายังไง(หัวเราะจะบาปมั้ยคะ #บาป) ท่านก็จอดให้เราลง บอกว่านี่ใกล้ตัวเมืองแล้วหารถไปต่อเอานะ ยกมือไหว้ขอบคุณพระท่านเป็นการยกใหญ่ แต่ว่าที่เราลงไม่มีสองแถวผ่านเลย เดินสักพักก็เจออยู่คันนึงแต่เหมาอีกแล้ว ค่าเสียหายคนละ 50 บาท ไปท่ารถช้างเผือก
ชื่อสินค้า:   เชียงดาว - แม่กำปอง - บ้านแม่กลางหลวง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่