[CR] ม่อนจอง เดี๋ยวจะจองอีกสักที (เมื่อคนทะเลแอบหนีไปขึ้นดอย)

"ม่ อ น จ อ ง"

ชื่อนี้วนเวียนๆ อยู่ในหัวมาหลายปี ต้นปีที่ผ่านมาเลยจัดซะหน่อย จะได้ไม่ต้องพลาดกันอีก
ข้อมูลต่างๆ ของดอยม่อนจอง ขอข้ามนะครับ รายละเอียด การเดินทาง / รถโดยสาร / ระยะทาง / พิกัด / เบอร์ติดต่อ / สิ่งอำนวยความสะดวก / เบอร์ติดต่อ ดูได้จากเวป http://www.doimonjong.com/travel/ นะครับ

มาเริ่มต้นเดินทางกันดีกว่าครับ
ทริปนี้เริ่มต้นที่ "สวนสนบ่อแก้ว" ว่ากันว่าที่นี่ก็เปรียบดังสถานที่ดังแห่งเกาะนามิ ของเกาหลีใต้ แต่ผมก็จะไม่เอ่ยว่านามิเมืองไทย เหมือนฟูจิ เมืองไทย กุ้ยหลินเมือนไทย หรอกครับ ก็ไม่รู้ทำไมต้องไปเรียกเช่นนั้น สวนสนบ่อแก้วก็คือสวนสนบ่อแก้ว มันเป็นของไทย อยู่ในไทย ไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ต้องไปเรียกให้โก้เก๋เหมือนอื่นเขา

ด้วยทิวสนที่เรียงรายเป็นแถวตรงอยู่รอบตัว จะหันมองไปทางใดก็เป็นแนวสน มันสวยมันน่ามองจริงๆครับ


เจอสองสาวเกาหลี(หรือเปล่า) ขอเก็บภาพหน่อยครับ

เดินเล่นกันสักพักได้เวลาไปกันต่อ เก็บภาพหมู่เท่ๆ อีกสักภาพ


แวะมื้อเช้าที่ตัวเมืองก่อนเข้าสู่เส้นทางการเดินทางพิชิตยอดดอยม่อนจอง ท้องอิ่มเตรียมออกเดินทาง
ไฟล์ภาพระหว่างทางในช่วงแรกเสียไม่สามารถกู้ได้ ขอข้ามมาช่วงปลายทางเลยนะครับ

ตัดมาระหว่างทางเลยครับ นี่ก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว แวะพักถ่ายรูปรับลมเย็นๆ ที่จุดนี้สักหน่อย

วิวสวย ลมแรงมาก อันตรายครับ

ผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นคนเริ่มพาผมเข้าป่า ไปดอยนั้นดอยนี้ตลอด 3-4ปีที่ผ่านมา
และนี่น้องชาย กับทุกๆ ทริปที่จะไปคู่กับยีนส์ตัวเก่ง

หันมาด้านล่างพี่สาวผมอีกคนชวนให้ขึ้นมาบนนี้ก็ไม่ยอมขึ้น


สองสาวสมาชิกใหม่ของกลุ่ม

ดอกไม้เราก็มีนะครับ

ด้านล่างทางค่อนข้างชัน พื้นเหมือนเรียบธรรมดาเป็นหญ้าแต่มันเป็นหลุมครับ เดินทีละก้าวแบบระมัดระวัง
เดินไม่ดีขาพลิกได้ครับ

นี่จะเป็นเนินลูกสุดท้ายก่อนถึงที่พัก ดูเหมือนง่ายแต่ระดับความเอียง 60องศา เหนื่อยพอสมควรครับ


ขึ้นมาเก็บภาพจากมุมบนบ้าง มองลงไปเดินกันสี่ขาเลย ทั้งขาทั้งมือ

นั่นครับ ยอดหัวสิงห์ เห็นอยู่ไกลลิบๆ โน้นแล้วครับ ไปครับ เดินกันอีกหน่อย


สองอึดใจก็มาถึงที่พัก ทำเวลาได้ดีพอควร ผมว่าดอยม่อนจองนี่เดินง่ายนะ ไม่เหนื่อยเท่าดอยอื่นๆ
น้ำที่พกมาสองขวด ของผมยังไม่ได้แกะทั้งสองขวด จะว่าไปเหนื่อยก็เหนื่อย
แค่หยุดพัก สูดลมหายใจยาวๆ ยืนรับลมเย็นๆ มันก็ช่วยให้คลายเหนื่อยได้ระดับหนึ่ง
นั่งพักให้พอหายเหนื่อย แดดร่มลมตกแล้วออกไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดหัวสิงห์กันครับ


เมื่อสักครู่นี้เดินมาจากยอดโน้นนน ใช้เวลาเดินประมาณ 10นาที

เดินมาครึ่งทางตัดสินใจไม่เดินขึ้นยอดดอยหัวสิงห์ หากเดินขึ้นยอดดอยหัวสิงห์วิวที่เห็นคงเปิดโล่ง
แต่ถ้าอยู่ตรงนี้ก็จะได้ยอดดอยหัวสิงห์ในภาพ ขอนั่งพักตรงนี้ดีกว่า



ระยะทางจากจุดนี้ไปยอดดอยหัวสิงห์ที่เห็นไกลๆนั่นประมาณ 3กิโลเมตร ดูด้วยตาก็ไม่ไกล แต่คำนวนดูแล้วมันก็ไกลเหมือนกัน เห็นสั้นๆ แค่นี้ก็เหอะครับ

แต่ก็นะ มาแล้วไม่ขึ้นยอดดอยหัวสิงห์ก็เหมือนมาไม่ถึงดอยม่อนจอง แต่ผมก็ยินดีจะกลับมาอีกครั้งในครั้งหน้า
เพราะมีบางอย่างที่ผมยังไม่ได้จากที่นี่ ภาพที่ผมคิดไว้ (ครั้งนี้) อาจจะยังไม่ได้ แต่ครั้งหน้ามั่นใจว่าต้องได้แน่ๆ

จากระยะนี้ ลองซูมไปที่ยอดหัวสิงห์ทีละนิดๆ

อีกนิด

ดึงไปดูบนนั้นหน่อยทำอะไรกันอยู่

ซูมให้หมดช่วงเลนส์กันเลย ระยะ 600มม.

ข้างบนก็กำลังเพลินเพลินกันเลยครับ

ยามเย็นแบบนี้ นั่งปล่อยกายปล่อยใจ ทอดกายทอดอารมณ์ไปกับแสงสีทองยามอาทิตย์อัสดังนี่ชั่งมีความสุขเสียจริงครับ

คนทะเลอย่างผมจะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่จะได้มา อยู่กับทะเล เห็นแต่ทะเลแทบทุกวัน
ทุกๆ วันเห็นแต่ท้องทะเล ฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล ก็อยากจะมีโมเม้นต์ชมอาทิตย์ตกดิน รับลมเย็นๆบนยอดเขา
ก็ต้องมา ออกมา มาให้เห็น ไม่มาก็ไม่เห็น อย่างว่า คนอยู่ทะเลก็อยากเข้าป่า ขึ้นเขา ขึ้นดอย คนอยู่ดอยก็อยากลงทะเล

บรรยากาศแบบนี้คนทะเล คนที่มาจากหัวเมืองชายทะเลอย่างผมนี่ชอบเป็นที่สุด


ตะวันตกดินแล้ว วันนี้เมฆด้านล่างค่อนข้างมาก ดวงอาทิตย์สุดท้ายก่อนจะลาจาก

ตะวันลาลับท้องฟ้าเริ่มมืดลง อากาศเย็นเริ่มแผ่เข้ามา ลมเริ่มพัดแรง ได้เวลากลับที่พัก มื้อค่ำรออยู่ (รู้สึกหิวครับ ^^)

อิ่มแล้วออกไปนั่งเล่น หยิบกล้องติดมือไปด้วย เผื่อได้ภาพดาวสักภาพสองภาพ
ค่ำนี้อากาศน่าจะประมาณ 8-9องศา

ท้องฟ้าคืนนี้ ดาวพรั่งพราวระยิบระยับเต็มฟากฟ้า มานั่งชมดาวไปพลางๆ ก่อนครับ
ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของทางช้างเผือกแบบปลายๆๆหาง (หรือเปล่านะ)
(ทางช้างเผือกยังไม่ขึ้น จะขึ้นตอนประมาณตีสาม)

(ก่อนออกจากเต้นท์แนะนำทาแป้งเย็นที่ตัวและหลัง ช่วยได้ระดับหนึ่ง) มายืนบนนี้เวลานี้ด้วยลมที่แรงและอุณหภูมิที่ต่ำเลขตัวเดียว
ได้ทางแป้งเย็นมาก่อน ผมก็ไม่รู้หรอกทำไม แต่รู้สึกว่าร่างกายมันอุ่นอยู่ น้ำค้างเริ่มลงกลับไปพักผ่อนเอาแรงก่อน เดี๋ยวตีสามมาเจอกันใหม่ครับ

zz zzZ z z  zz

เสียงนาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่ง นี่ผมตั้งเผื่อไปครึ่งชม.หรือมันปลุกตีสามแล้วผมขออีกครึ่งชม.กันแน่นะ!!
ไม่เป็นไร ลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันทาแป้งเล็กน้อย เตรียมอุปกรณ์ ไฟฉาย ทิชชู่ กล้อง ขาตั้งกล้องสายลั่น เสื้อกันลม และเทอร์โมมิเตอร์ พร้อมแล้วก็ออกเดินทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 10นาทีมาถึงจุดที่นั่งชมอาทิตย์ตกดินเมื่อวาน ระหว่างทางเดินแหงนมองขึ้นที่ท้องฟ้า
อุ๊ป!!! พระจันทร์เจ้ากรรม ขึ้นมาพอดี จังหวะไม่ดีเท่าไหร่ วันนี้แรม 12ค่ำ ดวงจันทร์ยังส่องแสงรบกวนค่อนข้างมาก
แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ทางช้างเผือกขึ้นมาแล้ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่ด้านหลังดวงจันทร์

ใจกลางทางช้างเผือกนี่อยู่พอดีกับตำแหน่งของดวงจันทร์ แต่รู้สึกเหมือนว่าผมจะลืมอะไรไปบางอย่าง
ใช่แล้ว...ลืมหยิบเลนส์มุมกว้าง 10-20mm. มาด้วย ต้องเดินกลับไปเอา คำนวนเวลาไปกลับแล้วประมาณ 30นาที ตั้งถ่ายต่อเนื่องทิ้งไว้เลย
เดินๆ วิ่งๆ แบบนี้ใช้ไป 30นาทีพอดี กลับมาเก็บภาพและชื่นชมกับทางช้างเผือกกันต่อ

ใช้เลนส์ 18-250 ตั้งถ่ายทิ้งไว้ระหว่างกลับไปเอาเลนส์ 10-20

ได้เลนส์ 10-20mm. มาพร้อมแล้ว รีบเก็บภาพทางช้างเผือกก่อนที่ฟ้าจะเริ่มสว่าง

ทางช้างเผือกที่ดอยม่อนจองถือว่างามนัก ได้ช้างทั้งตัวพาดตามแนวนอน นี่ถ้าไม่ตรงกับช่วงที่ดวงจันทร์ปรากฏ
ผมว่ามันต้องเป็นทางช้างเผือกที่สวยตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ด้วยเลนส์มุมกว้าง ก็เพียงพอที่จะได้ทางช้างเผือกแบบทั้งตัว ภาพที่ปรากฏตรงหน้า ดวงจันทร์ในใจกลางทางช้างเผือก
ธรรมชาติให้มาแบบไหนก็เก็บไปแบบนั้น มันมาพร้อมกัน มันมาคู่กันก็เก็บมันคู่กัน เห็นด้วยตาจริงเป็นเช่นไรก็ให้ภาพมันปรากฏตามเช่นไปเช่นนั้น

แสงจันทร์อาจรบกวนไปบ้างก็ยังรับได้ เนื่องจากวันที่มา เป็นช่วงสุดท้ายที่ทางหน่วยอนุญาตให้ขึ้น
ชื่นชมกับธรรมชาติ ดื่มด่ำกับความสุขให้เต็มที่ เพราะไม่รู้อีกเมื่อใดจะได้กลับมา อุณหภูมิเช้านี้ก็ 3องศา ถือว่าเย็นดีทีเดียวครับ
เวลาแห่งความสุขมันชั่งผ่านไปเร็วเสียจริงครับ ตีห้ากว่าแล้ว ทางช้างเผือกเริ่มเลือนลาง แสงจากขอบฟ้าเริ่มปรากฏ



เช้าวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

ระหว่างทางเราก็ยังได้พบเหมยขาบหรือแม่คะนิ้งตามรายทาง

มองออกไปไกลๆ ก็จะพบเจอดอกไม้นี่

หลายคนคิดว่ามันคือกุหลาบพันปี แต่มันไม่ใช่กุหลาบพันปี เป็นกุหลาบขาวชนิดหนึ่ง

ระหว่างเก็บภาพนี้ได้ยินเสียงคำราม ดังกึกก้องไปทั้งดอย ต้นเสียงมาจากป่าด้านล่าง ผมมั่นใจ 100% ว่าเสียงคำรามนั่น ไม่ใช่เสียงช้าง
ใครจะว่าเสียงช้าง ผมก็ยังเชื่อในหูของผมว่ามันไม่ใช่เสียงช้าง
กลับไปเตรียมตัวเก็บของเตรียมเดินทางกลับ
รูปหมู่สักภาพ



ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ และทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นอีกหนึ่งสุดทริปประทับใจ


แม้ไม่ใช่คนแรก แต่ก็เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวเท้าออกจากที่นี่ ปิดฤดูเที่ยวดอยม่อนจอง
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
zoonvors
ชื่อสินค้า:   ดอยม่อนจอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่