.... พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ฯ กล่าวว่าแม้สำคัญผิดว่าบรรลุโสดาบันนั้นก็เกิดประโยชน์ ซึ่งถูกต้อง สอดคล้องกับพุทธวจน ....

จากกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/34086719/comment19



คลิปเต็ม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
พุทธศาสนิกชนได้โปรดฟังคลิปความยาว 6 นาที 2 วินาที คลิปนี้ให้จบ...
แล้วตัดสินใจเองเถิดว่าควรตำหนิ หรือควรสักการะ พระรูปนี้...


สุนักขัตตสูตร

...ดูกรสุนักขัตตะ  ในภิกษุเหล่านั้น  ภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบแท้นั้น  ย่อมมีอรหัตผล
จริงทีเดียว  ส่วนในภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญว่าตนได้บรรลุนั้น ตถาคตมี
ความดำริอย่างนี้ว่า  จักแสดงธรรมแก่เธอ...

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๔
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ หน้าที่ ๔๗ ข้อที่ ๖๗ – ๗๙

http://etipitaka.com/read/thai/14/47/?keywords=%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%9C%E0%B8%A5

ปล.1 สุนักขัตตสูตร ไม่ได้กล่าวถึงการสำคัญผิดในการเป็นโสดาบันโดยตรง
แต่ผู้มีปัญญาย่อมแทงตลอดอย่างดีด้วยความเห็นในคำกล่าวของพระศาสดา

ปล.2 ผู้ที่ไม่ต้องการให้คำสอนของพระศาสดาขจรขยายไปยังพุทธศาสนิกชนโดยการจ้องทำลายพระภิกษุที่เผยแผ่คำพระศาสดา
กรุณาเอาให้จบทีละประเด็น อย่าแปะมั่วหลายประเด็น ที่จะสร้างความยุ่งยากในการอธิบาย
เอาทีละประเด็น  

กระทู้นี้ว่าด้วยการสำคัญผิดในการเป็นโสดาบันมีประโยชน์
กระทู้นี้ว่าด้วยการสำคัญผิดในการเป็นโสดาบันมีประโยชน์
กระทู้นี้ว่าด้วยการสำคัญผิดในการเป็นโสดาบันมีประโยชน์
กระทู้นี้ว่าด้วยการสำคัญผิดในการเป็นโสดาบันมีประโยชน์

ใครว่าการสำคัญผิดว่าเป็นโสดาบันไม่มีประโยชน์ก็แย้งมาครับ...

(เพิ่ม)
คำพูดของพระพุทธเจ้าจะสอดรับไม่ขัดแย้งกัน
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ,
ตลอดเวลาระหว่างนั้นตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมดย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.
อิติวุ.ขุ. ๒๕ /๓๒๑ / ๒๙๓.

เรื่องภิกษุสำคัญว่าได้บรรลุ
ภิกษุเป็นอันมาก สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้เห็นว่าได้เห็น
สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้ถึงว่าได้ถึง จึงเกรงกันว่าจะอาบัติปาราชิก จึงไปทูลถามพระศาสดาผ่านพระอานนท์

พระศาสดาบัญญัติว่า อนึ่ง ภิกษุใด ไม่รู้เฉพาะ กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความรู้
ความเห็น อย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตนว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้
ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น อันผู้ใดผู้หนึ่ง ถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือ
เอาตามก็ตาม เป็นอันต้องอาบัติแล้ว มุ่งความหมดจด จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า
แน่ะท่าน ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น ได้กล่าวว่ารู้ ไม่เห็นอย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น ได้
พูดพล่อยๆ เป็นเท็จเปล่าๆ เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรรลุ แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก
หาสังวาสมิได้.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ภิกษุสำคัญว่าได้บรรลุ ๑ ภิกษุไม่ประสงค์จะกล่าวอวด ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุ
มีจิตฟุ้งซ่าน ๑ ภิกษุกระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติ.
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๓๕    ข้อที่ ๒๓๓

สำคัญผิดว่าบรรลุ ไม่เป็นความผิด ไม่ต้องอาบัติ ไม่ปาราชิก


ที่พระองค์บัญญัติว่าการสำคัญผิดว่าได้บรรลุไม่เป็นปาราชิก เพราะพระองค์เล็งเห็นประโยชน์จากการสำคัญผิด
ตามที่บัญญัติใน สุนักขัตตสูตร
...ดูกรสุนักขัตตะ  ในภิกษุเหล่านั้น  ภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบแท้นั้น  ย่อมมีอรหัตผล
จริงทีเดียว  ส่วนในภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญว่าตนได้บรรลุนั้น ตถาคตมี
ความดำริอย่างนี้ว่า  จักแสดงธรรมแก่เธอ...

แล้วพระศาสดาตรัสสอนสรุปได้ว่า ผู้น้อมใจไปในเรื่องใด ก็ถนัดแต่เรื่องที่เหมาะแก่เรื่องนั้นเท่านั้น  
ย่อมตรึก  ย่อมตรองธรรมอันควรแก่ เรื่องนั้น  คบแต่คนชนิดเดียวกัน  และถึงความใฝ่ใจกับคนเช่นนั้น


พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๔
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ หน้าที่ ๔๗ ข้อที่ ๖๗ – ๗๙

อรรถกถา เป็นการแต่งขึ้นใหม่ในภายหลัง สิ่งใดสอดคล้องก็รับฟังได้ สิ่งใดขัดแย้งก็รับฟังไม่ได้
แต่พระองค์บัญญํติไว้แล้วว่า สาวกห้ามบัญญัติเพิ่ม...

จาก คห.24
"อรหัตตสูตร"
อรรถกถา มาตีความ คำว่า "เข้าใจผิด" เป็นคำว่า "สำคัญผิดว่าได้บรรลุ"
ซึ่งขัดแย้งกับคำของพระศาสดา...

นี่แหละเหตุผลสำคัญที่เราควรจะศึกษาเฉพาะ "พุทธวจน"
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
ท่านก็บอกแล้วว่าให้ฟังคำพระพุทธเจ้า
อะไรที่มีคนถามให้ท่านต้องตอบเอง เป็นคำของท่าน
ก็ถือเป็นคำของสาวกไปสิคะคู๊ณ ยากตรงไหน

ท่านไม่ได้เน้นตรงนั้น
ท่านไม่ได้โฆษณาว่าท่านดีท่านเก่งยังไง
ท่านไม่ได้ว่าท่านเป็นพระอริยะชั้นไหน ท่านเป็นสาวกที่
พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะรักษาคำสั่งสอนของพระศาสดา
ใช่ ท่านไม่รักษาอรรถกถา...ข้อดีข้อเสีย พวกท่านก็ตีความกันไป

แต่คนๆนึงที่ออกมาชำระ รวบรวมเอาคำที่พระศาสดาท่านทรงอุตสาหะบอกสอน
ให้คงไว้ ให้ชัดเจน ให้ไม่ปะปน กับคำของคนอื่นไม่ว่าจะใคร
เป็นสิ่งดีงามน่านับถือ
ท่านใดศึกษาเคารพอรรถกถาว่าดี ว่ามีคุณ ท่านก็รวบรวมก็ศึกษาไป
...แต่อย่าลืมว่า อรรถกถานั้นสาสกผู้เป็นอริยะได้แต่งขึ้นเพื่ออธิบาย-ขยายความคำสอนพระศาสดา
การรวบรวมไม่ให้ปะปนกันกับคำของ "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ" ก็เป็นสิ่งที่ดี
ท่านๆที่วิจารย์การรวบรวมพระพุทธวจนะคงจะทราบกันว่า

การที่พระสมณโคดมท่านได้สำเร็จเป็นพระพทุธเจ้านั้น...ท่านได้เสียสละบำเพ็ญบารมีมามากมายและเนิ่นนานปานใด
พระสงฆ์แม้พระอริยะในศาสนาของท่านนั้นแม้จะเลิศด้วยปัญญาปานใด ก็ไม่เหมือนท่าน

คนในโลกมีมากมาย บางท่านอาจต้องอ่านอรรถกถาเพื่อที่จะเข้าใจคำที่พระพุทธเจ้าสอนอาจมี
นั้นเป็นคุณของอรรถกถา
แต่จะบอกว่า อรรถกถา  คือคำของพระพุทธเจ้า ยกขึ้นมาเท่าเทียมกัน เสมอกัน...มันใช่เหรอ
ก่อนจะปรินิพาน ท่านก็ได้ตรัสแล้วว่า ให้ยกเอา "พระธรรม" เป็นศาสดา
ไม่ใช่แม้แต่พระอริยะสาวกองค์ใดๆ

ทำไมจะต้องออกมาดิ้นทุรนทุรายกับการที่มีคนมีพระรูปนึงคณะนึงจะชำระคำศาสดา
ให้คนทั่วไปให้พระสงฆ์ได้เปรียบเทียบตรวจทานว่า สิ่งที่เชื่อๆกันมานั้นถูกหรือผิดไปจากที่ศาสดาสอน
ถ้ารักจะเป็น "พุทธ" ท่านจะกลัวอะไรกับคำศาสดา

แล้วแค่แยกคำศาสดากับคำของพระรูปนี้...มันยากตรงไหน
ทำไมต้องโจมตี ต้องติเรือทั้งโกลนให้มันเสียประโยชน์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
1) มั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
แต่ยังด่า พระสาวก ไม่เอาอรรถกถา   ข้อแรกก็ไม่ผ่านแล้ว

2) ป่านนี้คงสำคัฯตนผิดกันทั้งสำนัก
ก็ควรแก้ให้ตรงเหตุที่สำคัญตนผิด

ส่วนพระสูตรที่ยกมา พระอริยบุคคลที่ผ่านมาสามด่านแล้ว
ด่านสุดท้ายพระพุทธเจ้าแก้ให้

คึกฤทธิ์ควรแก้ พวกสำคัญตนผิดให้ ละสังโยชน์สามให้ตรงทาง
ไม่ใช่สนับสนุน

สำคัญตนผิด พลเอกปลอม ต้องหลอกตัวเอง ว่าเป็นนายพล มันมีข้อดียังไง
มันแปลว่า สำนักนี้ ขาดสติ ขาดสัมมาสติ
เพราะสำนักนี้ ไม่ปฏิบัติ สัมมาสติ
ทำสมาธิไม่เป็น ปฏิบัติไม่เป็น
มันเป็นแค่นักอ่านตำรา มานั่งตีความทีไร ผิดๆถูกๆ ให้คนหัวเราะเยาะตลอด
ไปเชิญ ครูบาอาจารย์พระป่า มาสอนปฏิบัติดีกว่าไหม
ปริยัติอย่างเดียว หลงทาง อย่างที่เห็น


ที่มันบ้า ก็ตรง พยายามทำตัวเป็นผุ้ตีความ
ตีความทีไร หัวเราะกันทั้งประเทศ
ไม่เอาอรรถกถา  แต่ตัวเองใส่ความเห็นบิดเบือน ผิดๆถูกๆ
บาลีก็ไม่เอาอ่าว แต่ชอบแปล เสนอหน้า
ไม่เอาพระไตรปิฏกที่มี อรรถกถา
แต่หารู้ไม่ว่า พระสูตรที่นึดเอามาทำหนังสือขาย
ก็ล้วนมาจากผลงานของ พระอรรถกถา

ทำไมไม่แปลเองทั้งเล่ม
ความคิดเห็นที่ 6
#5
อย่าตีความเองครับ พวกเราเป็นสาวก ควรฟังพระศาสดา...

แว่นส่องความเป็นพระโสดาบัน

อานนท์ ! เราจักแสดง ธรรมปริยายอันชื่อว่า
แว่นธรรม ซึ่งหากอริยสาวกผู้ใด ได้ประกอบพร้อมแล้ว
เมื่อจำนงจะพยากรณ์ตนเอง ก็พึงทำได้
ในข้อที่ตนเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดเดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว
มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว,
ในข้อที่ตนเป็นพระโสดาบัน
ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน เป็น
ผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า ดังนี้.

อานนท์ ! ก็ธรรมปริยายอันชื่อว่า แว่นธรรม
ในที่นี้ เป็นอย่างไรเล่า ?

อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบพร้อมแล้วด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
ไม่หวั่นไหวในองค์พระพุทธเจ้า... ในองค์พระธรรม...
ในองค์พระสงฆ์... และอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
ประกอบพร้อมแล้วด้วยศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจ
ของเหล่าอริยเจ้า คือ เป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง
ไม่พร้อย เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา เป็นศีลที่ผู้รู้ท่าน
สรรเสริญ เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไป
เพื่อสมาธิ.

อานนท์ ! ธรรมปริยายอันนี้แล ที่ชื่อว่าแว่นธรรม
ซึ่งหากอริยสาวกผู้ใดได้ประกอบพร้อมแล้ว เมื่อจำนง
จะพยากรณ์ตนเอง ก็พึงทำได้, ดังนี้แล.


มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๕๐-๔๕๑/๑๔๗๙-๑๔๘๐.

ความคิดเห็นที่ 2
อย่าไปสนใจ คนพวกนี้เลยครับ คนเราย่อมเข้ากันโดยธาตุ

พวกที่นับถือพระสูบบุหรี่  พระรับเงิน  พระเรียนทางโลก   จะเข้ากันได้อย่างไรกับ คนที่นับถือ พระพุทธเจ้า

พวกตาบอดคลำช้าง  อย่าไปสนใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่