13 days in New Zealand
ประเทศที่ใครๆ เรียกว่า ดินแดนแห่งกีวี เพราะกีวีถูกและเยอะมากในนิวซีแลนด์ แต่ที่จริงแล้วเค้าหมายถึงนกกีวีต่างหาก
มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยรายละเอียดทั้งหมดของทริปนี้กัน แบมเดินทางกับแม่สองคนเท่านั้นในช่วง ปลายมิถุนายน – ต้นกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงหนาว ถ้าเกาะใต้ประมาณ 0 – 13 องศาเซลเซียล ถ้าเกาะเหนือประมาณ 8 – 20 องศาเซลเซียล เราสองคนตั้งใจจะเป็น backpackers กัน ทุกอย่างที่ไปและทุกอย่างที่เดินทางก็จะทำเหมือน backpackers ทั่วๆ ไป ความสะดวกสบายและความลำบากก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นความทรงจำอีกแบบที่น่าจดจำ
การเดินทาง : Bus แบบ flexipass ทั้งหมดทริป แบมเลือกใช้ของ intercity ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นการงงในการดูตั๋วด้วย แต่ intercity มีสองแบบให้เลือก คือ แบบ travelpass (ราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้ หรือถ้าอยากเลื่อนจะเสียเงินเพิ่มซึ่งเอาจริงๆ แพงกว่าซื้อใหม่) แบบ flexipass (ราคาแพงกว่าเท่านึง แต่สามารถเลื่อนเวลาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งสภาพอากาศหรือเรามีปัญหาอะไรสักอย่างหรือรถไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากสภาพอากาศ ยิ่งหน้าหนาว ตั๋วแบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) ซื้อตั๋ว 15 ชั่วโมงราคา $119 ซึ่งสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดและจองพร้อมกัน มันจะถูกกว่าซื้อแยก >>>> www.intercity.co.nz/bus-pass/flexipass/
รายละเอียดของรถ - รถของ intercity ทุกคันมีไวไฟให้เล่นตลอด ไม่รวมขึ้นเขาลงเขานะมันไม่มีสัญญาณหรอก และพนักงานขับรถจะพูดรายละเอียดอธิบายสถานที่แต่ละที่ ก่อนจะถึงก็จะเริ่มพูดแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ลองสังเกตดีๆ ส่วนห้องน้ำจะมีแค่บ้างคันเท่านั้นแต่ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะรถจะจอดตลอดให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ
ปล. ทุกครั้งต้องเช็ค เวลาถึงดีๆ นะเพราะว่ารถมันไม่ได้จอดป้ายเราป้ายสุดท้าย ถ้ามันเลยไปแล้วเราก็ซวยค่ะ จะต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาถึง 30นาที เพื่อเตรียมตัวและเก็บของเผื่อลืมอะไร และพนักงานขับรถไม่มาบอกด้วยนะว่าถึงแล้ว ป้ายของคุณ
ค่าเงิน : $1 = 25.07 บาท
ท่องเที่ยว : ขาไป Bangkok – Auckland (ต่อเครื่องเท่านั้น) - Chirstchurch และ ขากลับ Auckland – Bangkok
ที่พัก : ที่พักทั้งหมดสำหรับทริปนี้ ตั้งไว้ราคาไม่เกิน $90 ประมาณ 2,256 บาท สำหรับสองคน และจะเลือกโรงแรมที่ใกล้กับจุดจอดรถในวันถัดไปเสมอ เพื่อสะดวกและไม่ตกรถอีกด้วย
Information : ในนิวซีแลนด์ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ทุกเมืองจะมี Information Centre หรือเรียกง่ายๆ ว่า I-Site Visitor ให้ถามข้อมูลถามรายละเอียด
Wifi : โรงแรมส่วนใหญ่จะไม่มีไวไฟให้เล่น หรือมีก็จะมีแค่ 30นาทีเท่านั้นที่เหลือก็เสียเงินเอง ซึ่งไม่แพงมาก แต่ถ้าใครต้องเล่นทุกวันแนะนำซื้อ package wifi แบบพกพาดีกว่า มีที่สนามบิน
วันที่ 1.Chirstchurch แสนร้าง
มันไม่แปลกที่เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง มีสิ่งก่อสร้างมากมายกำลังสร้างตึก สร้างถนน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะแผ่นดินไหวในปี 2012 ทำให้ทุกอย่างในเมืองนี้หายเกือบหมด ถึงตอนหกโมงเย็นนั่งรถ bus คนละ $12 เข้าเมืองใช้เวลา 30 นาที และพักที่โรงแรม BreakFree on Cashel (Cashel Street&Manchester st) ซึ่งใกล้กับจุดจอดรถ bus ที่จะขึ้นวันถัดไป
โรงแรม >> ข้อดี : เพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือนทุกอย่างเลยใหม่และสะอาด
ข้อเสีย : ห้องเล็กมากจนไม่มีที่เดิน ไวไฟเล่นได้แค่ที่ lobby เท่านั้นและเพียงแค่ 30 นาที ที่เหลือต้องเสียเงิน
วันที่ 2. Lake Tekapo
ขึ้นรถที่ Armagh st.& Manchester st. เดินขึ้นไป 4 บล็อก จะมีจุดรอรถ ซึ่งสังเกตได้จะมีคนยืนรออยู่ และมีห้องสำหรับสอบถามข้อมูลเล็กๆ เข้าไปนั่งหลบหนาวได้ดีทีเดียว ระหว่างทางไป ชมข้างทางถือว่าสวยเลยล่ะ อยากให้นั่งฝั่งขวาข้างเดียวกับคนขับรถเพราะวิวสวยกว่า ที่จริงแล้ว Lake Tekapo ขึ้นชื่อเรื่อง ดอก Lupins สีม่วง สีชมพู เต็มทุ่งข้างทะเลสาบแต่ตอนนั้น หิมะตก จะเห็นดอกอะไรนอกจากหิมะล้วนๆ เลือกพักที่ Lakefront backpackers Tekapo เป็น Hostel ที่มีทั้งนอนรวมและห้องส่วนตัว เลือกพักแบบห้องส่วนตัวซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวตึกใหญ่กับห้องรวม ซึ่ง hostel นี้เดินประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าจะถึง ถ้าใครชอบเดินก็แนะนำ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แนะนำพักใกล้จุดจอดรถดีกว่า ราคาพอๆ กันเลย
โรงแรม >> ข้อดี : ระหว่างทางเดินวิวสวยมาก และมีรถมารับแต่ไม่มีรถมาส่ง สามารถโทรให้รถมารับที่ information centre ได้ ให้พนักงานในนั้นโทรให้ ซึ่งสภาพรถมันไม่ใช่รถสำหรับรับคน มันคือรถทำความสะอาด และให้เรานั่งย่องๆ หลังรถอะ
ข้อเสีย : ห้องพักส่วนตัวอยู่ข้างหลังตึกรวม เวลาอาบน้ำต้องเดินไปตึกใหญ่ ซึ่งหน้าหนาว พักแบบรวมเถอะ กว่าจะเดินผ่านหิมะ ตายดีกว่า , ฮีสเตอร์แทบไม่ทำงาน หนาวตัวขดในห้องกับแม่สองคน , ที่พักอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของ หิวก็ต้องกินๆ ไรในกระเป๋าไปก่อนละกัน ที่Hostel ไม่มีอะไรขายสักอย่าง
วันที่ 3. Mt.Cook
เดินไปขึ้นรถที่เดิมที่คนขับรถส่งเราลงนั้นแหละ และเดินไปโบสถ์ ที่แอบไกลอยู่ประมาณ 20 นาที เผื่อเวลาดีๆ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันรถ เพราะรถมีแค่รอบเดียวต่อวัน พอขึ้นรถ คนก็ยังน้อยเหมือนเดิม 10 คนได้ รถเป็นของเรา นอนยาวเลย

จนถึง YHA Mt.Cook ตอนลงจากรถตกใจมาก เพราะล้อมไปด้วยภูเขาและหมอกหนักมากๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ส่วน YHA เป็น Hostel ที่ทุกคนรู้จักกันดีใน นิวซีแลนด์ เพราะว่ามีทุกเมือง และเอาจริงๆ ก็ดีเกือบทุกเมืองเลย ยิ่งถ้าสมัครสมาชิกจะได้ราคาที่ถูกกว่าด้วย Hostel นี้แนะนำให้จองแต่เนิ่นๆ ถ้ารู้ว่าจะไปเพราะว่าเต็มเร็วมาก ใน Mt. Cook มีที่พักน้อยมาก ถ้าจองไม่ทันก็อาจจะไม่ได้ไปก็ได้ พอเช็คอินพนักงานจะบอกรายละเอียดว่า วันนี้ไปเที่ยวไหนได้บ้างที่ไหนเปิด ที่ไหนปิด ซึ่งปิดหมด เปิดแค่ที่เดียวเท่านั้นเพราะเค้าบอกว่าหิมะตกหนัก กระทั่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็ปิด จากนั้นก็ออกไปเดิน แวะ information centre ถ้าไปหน้าหนาวแนะนำถุงมือไปด้วย รองเท้ากันหิมะ เจ้าหิมะมันกัดเหมือนมันเกลียดฉัน
โรงแรม >> ข้อดี : มีไวไฟตลอดตึก เล่นไปเถอะ, มีของขายสำหรับทำอาหาร, มีห้องซาวน่า เปิดแค่ 7.00PM-9.00PM เท่านั้น, รถจอดรับที่พักเลย ไม่ต้องเดินไปไหน
ปล. แนะนำกิจกรรมที่ต้องทำ ล่องเรือ www.glacierexplorers.co.nz/glacier/glacier-trip มันจะเปิดเป็นช่วงเดือนเท่านั้น เช็คและจองก่อนไป อีกอย่างคือนั่ง เฮลิคอปเตอร์ไปชมบนเขา มันคือที่สุดของที่สุดจริงๆ แต่ทุกอย่างต้องเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางให้ดี ถ้าแพลนวันผิดทุกอย่างก็จบ
วันที่ 4. Queenstown มหัศจรรย์เมืองในฝัน
ที่จริงแล้ววันนี้แพลนว่าจะไปเดินดูต้นไม้ภูเขา เพราะรถมารับ 4.00PM แต่ตื่นเช้ามาฝนตกหนัก หิมะลงเยอะกว่าเมื่อวาน อากาศปาเข้าไป -1 องศาเซลเซียล ดูหนังหรือคุยกับ backpacker คนอื่น จะได้รู้ว่าเค้าทำอะไร หรือไปไหนกัน ก็ฝึกภาษาได้ดี งูๆปลาๆ มันก็รู้เรื่องแหะ เอองงเหมือนกัน พอรถมาถึง พนักงานขับรถจะเข้ามาและตามพวกเราขึ้นรถ ซึ่งนั่งรถใกล้ถึง Queenstown รถจะแวะตลาดผลไม้ ซึ่งถูกมาก ถ้าชอบก็ซื้อเลยเพราะถูกกว่าในเมือง แต่ไม่แนะนำให้ซื้อถั่วเด็ดขาด ผลไม้อย่างเดียวพอ โดยเฉพาะกีวี กีวีที่นี้มีสามชนิด แบบ green , gold , red แบมชอบ gold สุดนะ กีวี red เค้าบอกว่าเป็นพันธุ์ใหม่ที่บางเมืองยังไม่มี วันนี้เลือกพักที่ Haka Lodge Queenstown เดินจากจุดจอดรถแค่สองบล็อกซึ่งใกล้มากๆ และก็ถือว่าถูกและดี เป็นโฮลเทลที่มีห้องส่วนตัว จองแบบห้องส่วนตัวไป แต่ใช้ห้องน้ำรวม สะอาดมาก
โรงแรม >> ข้อดี : สะอาด และใกล้ในเมือง พนักงานเป็นกันเอง ช่วยเหลือทุกอย่าง สอบถามเรื่อง bus ทัวร์ต่างๆ ได้หมด แถมยังติดต่อให้อีกด้วย
ข้อเสีย : ห้องเต็มเร็วมาก ควรจะจองอย่างด่วน แต่นอนห้องรวมก็โอเค เพราะมันเป็นม่านกั้น สัดส่วนที่ชัดเจนเหมือนนอนคนเดียว แต่ถ้าไปสองคนนอนห้องเดี่ยวดีกว่า ราคาห้องรวมสองคนเท่ากันเลยมีทีวีด้วย
พอถึงที่พัก หิวสุดๆ ออกมากินเบอร์เกอร์ที่ดังที่สุดในเมืองนี้ คนต่อคิวยาวมาก มาตอนสามทุ่ม รอประมาณ 40 นาที สังเกตได้จริงๆ ว่าร้านนี้ เพราะคนจะยืนกันเต็มไปหมด ร้าน Fregburger ไม่ได้มีขายแค่เบอร์เกอร์ ยังมีเบเกอรี่ ไอศกรีม สามบล็อกติดกัน ระหว่างต่อคิวก็แอบไปซื้อ Peach Danish มากิน แต่ที่เด็ดสุดคือ Burger สั่ง Tropical Swine 13.90$ มันเยี่ยมจริงๆ เค้าทำใหม่หมดและทุกอย่างสด ถึงได้ทำนานกว่าปกติ ปล.สำหรับผู้หญิงแม่ลูก สั่งอันเดียวก็พอเพราะมันอันใหญ่มากๆ กินสองคนก็ยังอิ่มมาก
[CR] 1 3 d a y s i n N e w Z e a l a n d <N o r t h + S o u t h >
มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยรายละเอียดทั้งหมดของทริปนี้กัน แบมเดินทางกับแม่สองคนเท่านั้นในช่วง ปลายมิถุนายน – ต้นกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงหนาว ถ้าเกาะใต้ประมาณ 0 – 13 องศาเซลเซียล ถ้าเกาะเหนือประมาณ 8 – 20 องศาเซลเซียล เราสองคนตั้งใจจะเป็น backpackers กัน ทุกอย่างที่ไปและทุกอย่างที่เดินทางก็จะทำเหมือน backpackers ทั่วๆ ไป ความสะดวกสบายและความลำบากก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นความทรงจำอีกแบบที่น่าจดจำ
การเดินทาง : Bus แบบ flexipass ทั้งหมดทริป แบมเลือกใช้ของ intercity ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นการงงในการดูตั๋วด้วย แต่ intercity มีสองแบบให้เลือก คือ แบบ travelpass (ราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้ หรือถ้าอยากเลื่อนจะเสียเงินเพิ่มซึ่งเอาจริงๆ แพงกว่าซื้อใหม่) แบบ flexipass (ราคาแพงกว่าเท่านึง แต่สามารถเลื่อนเวลาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งสภาพอากาศหรือเรามีปัญหาอะไรสักอย่างหรือรถไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากสภาพอากาศ ยิ่งหน้าหนาว ตั๋วแบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) ซื้อตั๋ว 15 ชั่วโมงราคา $119 ซึ่งสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดและจองพร้อมกัน มันจะถูกกว่าซื้อแยก >>>> www.intercity.co.nz/bus-pass/flexipass/
รายละเอียดของรถ - รถของ intercity ทุกคันมีไวไฟให้เล่นตลอด ไม่รวมขึ้นเขาลงเขานะมันไม่มีสัญญาณหรอก และพนักงานขับรถจะพูดรายละเอียดอธิบายสถานที่แต่ละที่ ก่อนจะถึงก็จะเริ่มพูดแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ลองสังเกตดีๆ ส่วนห้องน้ำจะมีแค่บ้างคันเท่านั้นแต่ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะรถจะจอดตลอดให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ
ปล. ทุกครั้งต้องเช็ค เวลาถึงดีๆ นะเพราะว่ารถมันไม่ได้จอดป้ายเราป้ายสุดท้าย ถ้ามันเลยไปแล้วเราก็ซวยค่ะ จะต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาถึง 30นาที เพื่อเตรียมตัวและเก็บของเผื่อลืมอะไร และพนักงานขับรถไม่มาบอกด้วยนะว่าถึงแล้ว ป้ายของคุณ
ค่าเงิน : $1 = 25.07 บาท
ท่องเที่ยว : ขาไป Bangkok – Auckland (ต่อเครื่องเท่านั้น) - Chirstchurch และ ขากลับ Auckland – Bangkok
ที่พัก : ที่พักทั้งหมดสำหรับทริปนี้ ตั้งไว้ราคาไม่เกิน $90 ประมาณ 2,256 บาท สำหรับสองคน และจะเลือกโรงแรมที่ใกล้กับจุดจอดรถในวันถัดไปเสมอ เพื่อสะดวกและไม่ตกรถอีกด้วย
Information : ในนิวซีแลนด์ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ทุกเมืองจะมี Information Centre หรือเรียกง่ายๆ ว่า I-Site Visitor ให้ถามข้อมูลถามรายละเอียด
Wifi : โรงแรมส่วนใหญ่จะไม่มีไวไฟให้เล่น หรือมีก็จะมีแค่ 30นาทีเท่านั้นที่เหลือก็เสียเงินเอง ซึ่งไม่แพงมาก แต่ถ้าใครต้องเล่นทุกวันแนะนำซื้อ package wifi แบบพกพาดีกว่า มีที่สนามบิน
มันไม่แปลกที่เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง มีสิ่งก่อสร้างมากมายกำลังสร้างตึก สร้างถนน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะแผ่นดินไหวในปี 2012 ทำให้ทุกอย่างในเมืองนี้หายเกือบหมด ถึงตอนหกโมงเย็นนั่งรถ bus คนละ $12 เข้าเมืองใช้เวลา 30 นาที และพักที่โรงแรม BreakFree on Cashel (Cashel Street&Manchester st) ซึ่งใกล้กับจุดจอดรถ bus ที่จะขึ้นวันถัดไป
โรงแรม >> ข้อดี : เพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือนทุกอย่างเลยใหม่และสะอาด
ข้อเสีย : ห้องเล็กมากจนไม่มีที่เดิน ไวไฟเล่นได้แค่ที่ lobby เท่านั้นและเพียงแค่ 30 นาที ที่เหลือต้องเสียเงิน
ขึ้นรถที่ Armagh st.& Manchester st. เดินขึ้นไป 4 บล็อก จะมีจุดรอรถ ซึ่งสังเกตได้จะมีคนยืนรออยู่ และมีห้องสำหรับสอบถามข้อมูลเล็กๆ เข้าไปนั่งหลบหนาวได้ดีทีเดียว ระหว่างทางไป ชมข้างทางถือว่าสวยเลยล่ะ อยากให้นั่งฝั่งขวาข้างเดียวกับคนขับรถเพราะวิวสวยกว่า ที่จริงแล้ว Lake Tekapo ขึ้นชื่อเรื่อง ดอก Lupins สีม่วง สีชมพู เต็มทุ่งข้างทะเลสาบแต่ตอนนั้น หิมะตก จะเห็นดอกอะไรนอกจากหิมะล้วนๆ เลือกพักที่ Lakefront backpackers Tekapo เป็น Hostel ที่มีทั้งนอนรวมและห้องส่วนตัว เลือกพักแบบห้องส่วนตัวซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวตึกใหญ่กับห้องรวม ซึ่ง hostel นี้เดินประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าจะถึง ถ้าใครชอบเดินก็แนะนำ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แนะนำพักใกล้จุดจอดรถดีกว่า ราคาพอๆ กันเลย
โรงแรม >> ข้อดี : ระหว่างทางเดินวิวสวยมาก และมีรถมารับแต่ไม่มีรถมาส่ง สามารถโทรให้รถมารับที่ information centre ได้ ให้พนักงานในนั้นโทรให้ ซึ่งสภาพรถมันไม่ใช่รถสำหรับรับคน มันคือรถทำความสะอาด และให้เรานั่งย่องๆ หลังรถอะ
ข้อเสีย : ห้องพักส่วนตัวอยู่ข้างหลังตึกรวม เวลาอาบน้ำต้องเดินไปตึกใหญ่ ซึ่งหน้าหนาว พักแบบรวมเถอะ กว่าจะเดินผ่านหิมะ ตายดีกว่า , ฮีสเตอร์แทบไม่ทำงาน หนาวตัวขดในห้องกับแม่สองคน , ที่พักอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของ หิวก็ต้องกินๆ ไรในกระเป๋าไปก่อนละกัน ที่Hostel ไม่มีอะไรขายสักอย่าง
เดินไปขึ้นรถที่เดิมที่คนขับรถส่งเราลงนั้นแหละ และเดินไปโบสถ์ ที่แอบไกลอยู่ประมาณ 20 นาที เผื่อเวลาดีๆ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันรถ เพราะรถมีแค่รอบเดียวต่อวัน พอขึ้นรถ คนก็ยังน้อยเหมือนเดิม 10 คนได้ รถเป็นของเรา นอนยาวเลย
โรงแรม >> ข้อดี : มีไวไฟตลอดตึก เล่นไปเถอะ, มีของขายสำหรับทำอาหาร, มีห้องซาวน่า เปิดแค่ 7.00PM-9.00PM เท่านั้น, รถจอดรับที่พักเลย ไม่ต้องเดินไปไหน
ปล. แนะนำกิจกรรมที่ต้องทำ ล่องเรือ www.glacierexplorers.co.nz/glacier/glacier-trip มันจะเปิดเป็นช่วงเดือนเท่านั้น เช็คและจองก่อนไป อีกอย่างคือนั่ง เฮลิคอปเตอร์ไปชมบนเขา มันคือที่สุดของที่สุดจริงๆ แต่ทุกอย่างต้องเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางให้ดี ถ้าแพลนวันผิดทุกอย่างก็จบ
ที่จริงแล้ววันนี้แพลนว่าจะไปเดินดูต้นไม้ภูเขา เพราะรถมารับ 4.00PM แต่ตื่นเช้ามาฝนตกหนัก หิมะลงเยอะกว่าเมื่อวาน อากาศปาเข้าไป -1 องศาเซลเซียล ดูหนังหรือคุยกับ backpacker คนอื่น จะได้รู้ว่าเค้าทำอะไร หรือไปไหนกัน ก็ฝึกภาษาได้ดี งูๆปลาๆ มันก็รู้เรื่องแหะ เอองงเหมือนกัน พอรถมาถึง พนักงานขับรถจะเข้ามาและตามพวกเราขึ้นรถ ซึ่งนั่งรถใกล้ถึง Queenstown รถจะแวะตลาดผลไม้ ซึ่งถูกมาก ถ้าชอบก็ซื้อเลยเพราะถูกกว่าในเมือง แต่ไม่แนะนำให้ซื้อถั่วเด็ดขาด ผลไม้อย่างเดียวพอ โดยเฉพาะกีวี กีวีที่นี้มีสามชนิด แบบ green , gold , red แบมชอบ gold สุดนะ กีวี red เค้าบอกว่าเป็นพันธุ์ใหม่ที่บางเมืองยังไม่มี วันนี้เลือกพักที่ Haka Lodge Queenstown เดินจากจุดจอดรถแค่สองบล็อกซึ่งใกล้มากๆ และก็ถือว่าถูกและดี เป็นโฮลเทลที่มีห้องส่วนตัว จองแบบห้องส่วนตัวไป แต่ใช้ห้องน้ำรวม สะอาดมาก
โรงแรม >> ข้อดี : สะอาด และใกล้ในเมือง พนักงานเป็นกันเอง ช่วยเหลือทุกอย่าง สอบถามเรื่อง bus ทัวร์ต่างๆ ได้หมด แถมยังติดต่อให้อีกด้วย
ข้อเสีย : ห้องเต็มเร็วมาก ควรจะจองอย่างด่วน แต่นอนห้องรวมก็โอเค เพราะมันเป็นม่านกั้น สัดส่วนที่ชัดเจนเหมือนนอนคนเดียว แต่ถ้าไปสองคนนอนห้องเดี่ยวดีกว่า ราคาห้องรวมสองคนเท่ากันเลยมีทีวีด้วย
พอถึงที่พัก หิวสุดๆ ออกมากินเบอร์เกอร์ที่ดังที่สุดในเมืองนี้ คนต่อคิวยาวมาก มาตอนสามทุ่ม รอประมาณ 40 นาที สังเกตได้จริงๆ ว่าร้านนี้ เพราะคนจะยืนกันเต็มไปหมด ร้าน Fregburger ไม่ได้มีขายแค่เบอร์เกอร์ ยังมีเบเกอรี่ ไอศกรีม สามบล็อกติดกัน ระหว่างต่อคิวก็แอบไปซื้อ Peach Danish มากิน แต่ที่เด็ดสุดคือ Burger สั่ง Tropical Swine 13.90$ มันเยี่ยมจริงๆ เค้าทำใหม่หมดและทุกอย่างสด ถึงได้ทำนานกว่าปกติ ปล.สำหรับผู้หญิงแม่ลูก สั่งอันเดียวก็พอเพราะมันอันใหญ่มากๆ กินสองคนก็ยังอิ่มมาก