กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๒

กระทู้สนทนา
กลร้าย อุบัติรัก
นามปากกา ขอจันทร์
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/34058785 อมยิ้ม15

บทที่ 2
    
ภายในห้องพักของโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ร่างสูงที่มีผ้าขนหนูพันช่วงล่างเอาไว้เพียงผืนเดียว และผ้าขนหนูอีกผืนกำลังเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำหลังจากพึ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มเปิดโทรทัศน์รับฟังข่าวสารไปเรื่อยเปื่อยสักพักจนเกือบจะเคลิ้มๆหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ก็พอดีที่มีเสียงเรียกเข้าจากเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าตัวจึงลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอเป็นใครก็กดรับ กรอกเสียงหยอกล้อปลายสายอย่างอารมณ์ดี
    
“สวัสดีคร้าบ คุณนายจันทร์ฉาย อัคราพิศาล”
    
“สวัสดีย่ะ เป็นไง ยังอยู่ดีครบสามสิบสองมั้ย ฉันบอกว่าถึงแล้วให้โทรหา นี่อะไรไปถึงแล้วหายจ้อย”

    “โธ่ใจเย็นๆสิครับ รัวมาเป็นชุดไม่เว้นช่องให้ลูกชายสุดที่รักแก้ตัวบ้างเลย”
    
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอกจ๊ะ แล้วเป็นยังไงบ้างเขม ถึงตอนกี่โมงนะ”
    
“ถึงตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วครับ แต่พอดีเจอเพื่อน เลยโดนลากไปนู่นไปนี่ไม่หยุด พึ่งได้กลับเข้าที่พักเมื่อกี๊นี้เองครับ”
    
“นางไหนอีกละ แม่วิกกี้ละสิ” คนเป็นแม่พูดอย่างรู้ทัน เขมินท์จึงได้แต่หัวเราะแห้งๆไปให้กับปลายสาย  ทำไมมารดาของเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางแบบลูกครึ่งสาวคนนั้นมาติดพันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนอยู่ จุดเริ่มต้นมันก็ตั้งแต่ที่มีนิตยาสารฉบับหนึ่งมาติดต่อของใช้สถานที่ของไร่จันทร์ฉายในการถ่ายแบบ ซึ่งตัวนางแบบในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ใคร คือ วิกกี้ นี่เอง ทันทีที่เจอกันนางแบบสาวก็แสดงท่าทีว่าสนใจในตัวลูกชายของหล่อนอยู่ไม่น้อย และหลังจากนั้นก็ยังติดต่อเขมินท์อยู่ไม่ขาด แม้เขาจะไม่ได้มีทีท่า แต่เหมือนเธอจะยิ่งปักใจกับเขามากเสียเหลือเกิน
    
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ลูกรับปากจะดูแลหนูมุกของแม่แล้ว ลูกก็ต้องตัดแม่วิกกี้ให้เด็ดขาด มาค้างคาแบบนี้แม่ไม่โอเคเลยนะ”
    
“ครับๆ แม่ไม่โอเค ผมก็ไม่โอเคเหมือนกัน” เขมินท์หัวเราะน้อยๆตอบรับมารดาพลางเอนหลังพิงกับพนักโซฟา แล้วหันไปมองวิวภายนอกก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ “วันนี้ผมได้เจอหนูมุกของแม่แล้วนะครับ”
    
“ฮ้า เร็วขนาดนี้เชียว” ผู้เป็นแม่ฟังลูกชายแล้ว อดที่จะอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้นไม่ได้
    
“บังเอิญนะครับ”
    
“แล้วเป็นยังไงบ้าง หนูมุกเจอลูกแล้วเขาว่ายังไงบ้าง”

    “เขาไม่รู้หรอกครับ ว่าผมเป็นใคร เจอกันแค่ผ่านๆ” เขมินท์ปดมารดาไปนิด ขืนให้คุณนายจันทร์ฉายรู้ว่า ‘ หนูมุก’ เกือบจะมีเรื่องมีราวกับวิกกี้ มีหวังเขาคงโดนเพ่นกบาลแยก หรือไม่ก็โดนไล่ออกจากบ้านไปนอนข้างถนนกับไอตูบไอด่างแถวบ้านเป็นแน่

    “แล้วหนูมุกเป็นยังไง สวยกว่าในรูปมั้ย”
    
“ก็สวยอยู่แหละครับ แต่ดูท่าทางเอาเรื่องอยู่ ดูแสบๆยังไงไม่รู้ ลูกชายแม่นะชอบสาวหวานเรียบร้อย พูดน้อย คะๆ ขาๆ แบบนี้มากกว่านะครับ” ชายหนุ่มแกล้งพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ใส่โทรศัพท์ ให้คนเป็นแม่หมั่นไส้เล่น

    “โอ๊ย ถ้าแม่นางแอ๊บทั้งหลายนะแม่ไม่เอาด้วยหรอกจ๊ะ แม่เชื่อว่าถ้าเขมได้รู้จัก จะต้องชอบหนูมุกอย่างที่แม่ชอบ” คุณนายพูดอย่างหมายมาด อย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมให้เจ้าลูกชายบิดพลิ้วได้เป็นแน่

    “หืม ขนาดนั้นเลยหรือครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี

    “ก็คอยดูแล้วกัน”

    พูดจบผู้เป็นแม่ก็วางสายไป ปล่อยให้ชายหนุ่มใช้ความคิดอยู่กับตัวเองคนเดียว พลันใบหน้าหวานแฉล้ม กับท่าทางไม่ยอมใครของเธอก็ผุดขึ้นมาในความคิด จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจตั้งแต่แรกได้อย่างประหลาด

    หวนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถ่อลงมาจากเชียงใหม่ นั่นเพื่อมาดูหน้าคู่หมั้นสายฟ้าแลบของตัวเองให้เห็นกับตา มาพร้อมกับข้อข้องใจว่าเหตุใดอยู่ๆทั้งบิดาและมารดาจึงบอกว่าเขามีคู่หมั้นขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย แถมยังต้องแต่งงานกันในอีกสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย!!

    ในตอนแรกเขาตั้งใจไม่ว่าอย่างไรก็จะค้านหัวชนฝา เรื่องอะไรจะมาให้เขาแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันสักนิด นี่มาเลยยุคคลุมถุงชมมาถึงไหนแล้ว!

    แต่ความตั้งใจของเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อบิดาและมารดายื่นข้อเสนอ สร้างบ้านพักหลังเล็กๆตรงที่ติดริมน้ำ บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สวยซึ่งเหมาะที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการใกล้ชิดธรรมชาติ ติดก็แต่ว่าที่ตรงนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนกว่าสิบชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นคนงานของไร่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะขับไล่ไสส่งอย่างไร้ปรานี เขายินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ พร้อมกับหาที่พัก และให้เวลาในการขนย้าย

    เขาเคยคุยเรื่องนี้กับบิดามาหลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้ท่านได้ยื่นข้อเสนอให้เขาคือ เพียงเขายอมให้มุกรวีมาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นครบสามเดือนได้ เขาจะได้สิทธิ์ในพื้นที่นั้นไปทันที โดยที่การแต่งงานจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นไม่อยู่ในข้อตกลง ขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเขาและเธอเท่านั้น

    ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทุกคนกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ แต่ในเมื่อมีข้อเสนอที่น่าสนใจ หากเขาไม่รับไว้ก็คงโง่เต็มที ฉันอยากรู้นัก หากยายหนูมุกของคุณนายจันทร์ฉายได้รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้น เธอจะทำหน้ายังไง!
    


    แล้ววันที่มุกรวีไม่อยากให้มาถึง ก็มาถึงจนได้ เธอถูกบิดาเข้ามาปลุกตั้งแต่เช้าให้ไปอาบน้ำแต่งตัว คุณอรุณจัดแจงขนกระเป๋าสัมภาระที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกสาวจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งๆที่มุกรวีตั้งใจไว้ว่าจะเก็บไว้จัดเช้าวันนี้ ถ่วงเวลานานๆเผื่อจะไปไม่ทันเครื่อง แล้วเธอจะได้เลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปอีก แต่คุณป๊าก็ทำท่าว่าจะเดาทางเธอถูกไปซะหมด จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมพาเธอขึ้นรถมาส่งจนถึงสนามบินได้เป๊ะๆตรงตามเวลาที่วางเอาไว้
    มุกรวีมองคุณอรุณดับเครื่องรถแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังยกกระเป๋าใบเขื่อง 1 ใบ และใบย่อมๆอีก 2 ใบ ลงมา มุกรวีรีบเข้าไปช่วยคุณอรุณยกกระเป๋า เสร็จแล้วยืนจ้องมองที่ตัวรถนิ่ง ‘บางทีถ้าแอบเจาะยาง หรือถ่ายน้ำมันรถออก อาจทำให้มาช้าได้อีกสักสอง หรือสามชั่วโมง อืม น่าเสียดาย...’

    “มุก คิดอะไรอยู่ลูก ปะ เข้าข้างในเถอะ”

    “ค่ะ คุณป๋า” มุกรวีส่งยิ้มแห้งๆให้คุณป๋า ปัดความคิดไร้สาระออกไป แล้วเดินตามคุณป๋าเข้าไปภายในสนามบิน

    จัดการยื่นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย มุกรวีตั้งใจจะโทรไปบอกลาพิมพ์เพทายก่อน ควานหาโทรศัพท์ไม่เจอจึงนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว
    “คุณป๋า เมื่อเช้าที่คุณป๋ายืมโทรศัพท์มุกไป คุณป๋ายังไม่ได้คืนมุกเลยนะคะ”

    “จริงสิ คุณป๋าลืมทิ้งไว้ที่บ้านนะ” คุณอรุณทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้

    “เอางี้ เอาโทรศัพท์คุณป๋าไปใช้ก่อน”

    “แล้วคุณป๋าจะใช้อะไรละค่ะ”

    “คุณป๋ามีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องนี้คุณป๋าให้มุกไว้โทรหาคุณป๋า มุกจำเบอร์คุณป๋าได้มั้ย”

    “ได้สิค่ะ แต่มุกจำเบอร์คนอื่นๆไม่ได้เลยสักคน นี่มุกก็ว่าจะโทรไปหาพิมซะหน่อย”

    “นอกจากหนูพิมแล้ว มุกบอกใครอีกบ้าง ว่ามุกกำลังจะไปไหน”

    “ไม่เลยค่ะ มันฉุกละหุกมาก มุกไม่มีโอกาสได้คุยกับใครเลย กับคนที่บ้านใหญ่คนอื่นๆมุกก็ยังไม่ได้ไปลา”

    “ไม่เป็นไรหรอกลูก เดี๋ยวคุณป๋าจะบอกเค้าให้เอง แล้วไว้มุกถึงนู้นแล้ว คุณป๋าจะเมล์เบอร์เพื่อนๆของหนูไปให้นะ”

    “ค่ะ”

    จากนั้นมุกรวีก็ล่ำลาบิดา ใจนั้นร่ำๆอยากจะกลับบ้านไปกับคุณป๋าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งเธอและคุณป๋าอยู่ด้วยกันสองคนมาตลอด แต่นี่เธอต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ แล้วใครจะดูแลคุณป๋าของเธอกันเล่า ทั้งล่ำลา ทั้งปลอบโยนกันอยู่พักใหญ่คุณอรุณก็ไล่ให้ลูกสาวตัวแสบขึ้นเครื่อง คุณอรุณมองตามแผ่นหลังลูกสาวไป ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นกดหาคุณนายจันทร์ฉาย รอเสียงสัญญาณอยู่ครู่หนึ่ง

    “สวัสดีจ๊ะ อรุณ”

    “ครับคุณจันทร์ฉาย ผมส่งยายมุกขึ้นเครื่องไปแล้วนะครับ”

    “อุ๊ย! เร็วขนาดนี้เชียว เดี๋ยวฉันจะบอกให้คนไปรอรับหนูมุกที่สนามบินนะจ๊ะ”

    “ขอบคุณครับ ผมฝากดูแลยายมุกด้วยครับ”

    “ไม่ต้องเป็นห่วงนะอรุณ ฉันรักหนูมุกเหมือนลูกฉันคนหนึ่ง ฉันจะดูแลแกอย่างดีอย่างดีที่สุดให้สมกับที่เธอไว้ใจเลยละ”

    “ขอบคุณ คุณจันทร์ฉายมากนะครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยจริงๆ”

    “บุญคุณอะไรกันละ เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะอรุณ เธอมีปัญหาฉันก็ต้องช่วยนะถูกแล้ว อีกอย่างฉันก็รักหนูมุกเหมือนลูกสาวอยู่แล้ว ถ้าโชคดีคราวนี้ฉันอาจจะได้ลูกสะใภ้จริงๆ”

    “เรื่องนั้นคงจะยากมั้งครับ ยายมุกทั้งดื้อทั้งรั้น ไม่รู้ไปได้นิสัยนี้มาจากใคร” นายอรุณหัวเราะเบาๆให้ความคิดของคุณนายจันทร์ฉาย

    “ฮ่ะๆ คงต้องรอติดตามตอนต่อไปจ๊ะ ฉันก็หวังว่าถ้าพระนางเกิดแฮปปี้เอนดิ้งกันขึ้นมาจริงๆ คุณพ่อตาก็คงจะยินดีต้อนรับลูกเขยนะจ๊ะ”

    “ถึงตอนนั้นคงต้องมาทำความรู้จักกันอีกทีละครับ ผมก็มีลูกสาวแค่คนเดียวเสียด้วย จะยกให้ใครคงต้องคิดหนักหน่อย” คุณอรุณว่าเย้า

    “แหม ยังไม่ทันไรเลย ส่อแววเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวเสียแล้ว” คุณนายจันทร์ฉายพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ “ออ อีกอย่างนะอรุณ... เธอเลิกเรียกฉันว่าคุณจันทร์ฉายเสียทีเถอะ ฉันไม่ใช่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ แล้วเธอก็ไม่ใช่ช่างพลอยจนๆอีกต่อไปแล้วนะ”

    “ผมเรียกแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆ ติดปากมาจนแก่ คงเปลี่ยนยากแล้วละครับ”

    “แล้วแต่เถอะ แล้วก็เรื่องหนูมุกฉันจะบอกให้เธอมั่นใจอีกที ถึงนายเขมจะไม่ได้รู้เรื่องเบื้องหลังการหมั้นหมายครั้งนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะดูแลคนที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้นเขาอย่างดีที่สุด”


    วางสายจากคุณนายจัทร์ฉายไปแล้วคุณอรุณก็วางใจไปเปราะหนึ่ง ขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วคุณอรุณก้าวขายาวๆขึ้นบันไดสู่ชั้นบนของบ้านตรงเข้าไปในห้องนอนโดยที่จะไม่ลืมล็อคประตูตามหลัง เปิดลิ้นชักหยิบถุงพลาสติกใสที่บรรจุ เศษกระดาษสีขาว มีเนื้อความข้างในเป็นตัวหนังสือหวัดๆ

สละสิทธิ์จากกองมรดกซะ
ไม่อย่างนั้นกระสุนนัดต่อไปจะเป็นแก มุกรวี


    มือที่ถือกระดาษของคุณอรุณเกร็งขึ้นเล็กน้อย เมื่ออาทิตก่อนหลังจากมีการเปิดพินัยกรรมของคุณพิชิตชัย ตาแท้ๆของมุกรวี และพบว่าคุณอมรยกมรดกเกือบจะทั้งหมดให้กับเธอ จดหมายฉบับนี้ก็ถูกส่งมาที่บ้าน พร้อมกับกระสุนปืนที่ผ่านการใช้แล้ว ตอนแรกคุณอรุณไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้นัก จึงไม่ได้บอกใครแม้แต่มุกรวี  แต่เมื่อห้าวันที่แล้วมุกรวีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นก็มีจดหมายที่บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจของมันตามมาอีกฉบับ!

    แม้แต่มุกรวีก็ไม่รู้เรื่องนี้ คุณอรุณปรึกษากับคุณจันทร์ฉาย ซึ่งทั้งคุณจันทร์ฉายและคุณศรัณย์ซึ่งเป็นถึงอดีตนายตำรวจใหญ่ก็ยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่ ถ้าดูจากนิสัยของลูกสาวที่เขาเลี้ยงมากลับมือแล้ว ทันทีที่รู้เรื่องมุกรวีคงลุยไปสืบหาตัวคนร้ายด้วยตัวเองเป็นแน่

    คุณนายจันทร์ฉายจึงเสนอแผนการแต่งงานกำมะลอนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการดึงตัวมุกรวีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตอนแรกเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จได้ เพราะ มุกรวีเองไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรได้ง่ายๆ โดยเฉพาะแผนการจับคู่หมั้นที่มีกลิ่นทะยิ้มๆแบบนี้ แต่คุณอรุณก็รู้ว่ามุกรวีนั้นมีจุดอ่อนตรงความที่รักบิดามาก ด้วยความที่อยู่ด้วยกันสองคนมาโดยตลอด ดังนั้นเพียงเป็นคำขอของบิดา ซ้ำด้วยท่าทางคร่ำครวญอย่างแนบเนียน แม้เธอจะสงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็ยอมที่จะทำตามอย่างจำใจ

    ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อจัดการส่งมุกรวีให้ไปอยู่ไกลจากคนที่ต้องการทำร้ายเธอ รวมถึงอยู่ทางนี้เขาก็จะได้สืบหาตัวคนร้ายได้สะดวกมากขึ้น!
    
    (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่