กลร้าย อุบัติรัก
นามปากกา ขอจันทร์
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/34058785
บทที่ 2
ภายในห้องพักของโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ร่างสูงที่มีผ้าขนหนูพันช่วงล่างเอาไว้เพียงผืนเดียว และผ้าขนหนูอีกผืนกำลังเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำหลังจากพึ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มเปิดโทรทัศน์รับฟังข่าวสารไปเรื่อยเปื่อยสักพักจนเกือบจะเคลิ้มๆหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ก็พอดีที่มีเสียงเรียกเข้าจากเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าตัวจึงลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอเป็นใครก็กดรับ กรอกเสียงหยอกล้อปลายสายอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีคร้าบ คุณนายจันทร์ฉาย อัคราพิศาล”
“สวัสดีย่ะ เป็นไง ยังอยู่ดีครบสามสิบสองมั้ย ฉันบอกว่าถึงแล้วให้โทรหา นี่อะไรไปถึงแล้วหายจ้อย”
“โธ่ใจเย็นๆสิครับ รัวมาเป็นชุดไม่เว้นช่องให้ลูกชายสุดที่รักแก้ตัวบ้างเลย”
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอกจ๊ะ แล้วเป็นยังไงบ้างเขม ถึงตอนกี่โมงนะ”
“ถึงตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วครับ แต่พอดีเจอเพื่อน เลยโดนลากไปนู่นไปนี่ไม่หยุด พึ่งได้กลับเข้าที่พักเมื่อกี๊นี้เองครับ”
“นางไหนอีกละ แม่วิกกี้ละสิ” คนเป็นแม่พูดอย่างรู้ทัน เขมินท์จึงได้แต่หัวเราะแห้งๆไปให้กับปลายสาย ทำไมมารดาของเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางแบบลูกครึ่งสาวคนนั้นมาติดพันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนอยู่ จุดเริ่มต้นมันก็ตั้งแต่ที่มีนิตยาสารฉบับหนึ่งมาติดต่อของใช้สถานที่ของไร่จันทร์ฉายในการถ่ายแบบ ซึ่งตัวนางแบบในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ใคร คือ วิกกี้ นี่เอง ทันทีที่เจอกันนางแบบสาวก็แสดงท่าทีว่าสนใจในตัวลูกชายของหล่อนอยู่ไม่น้อย และหลังจากนั้นก็ยังติดต่อเขมินท์อยู่ไม่ขาด แม้เขาจะไม่ได้มีทีท่า แต่เหมือนเธอจะยิ่งปักใจกับเขามากเสียเหลือเกิน
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ลูกรับปากจะดูแลหนูมุกของแม่แล้ว ลูกก็ต้องตัดแม่วิกกี้ให้เด็ดขาด มาค้างคาแบบนี้แม่ไม่โอเคเลยนะ”
“ครับๆ แม่ไม่โอเค ผมก็ไม่โอเคเหมือนกัน” เขมินท์หัวเราะน้อยๆตอบรับมารดาพลางเอนหลังพิงกับพนักโซฟา แล้วหันไปมองวิวภายนอกก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ “วันนี้ผมได้เจอหนูมุกของแม่แล้วนะครับ”
“ฮ้า เร็วขนาดนี้เชียว” ผู้เป็นแม่ฟังลูกชายแล้ว อดที่จะอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้นไม่ได้
“บังเอิญนะครับ”
“แล้วเป็นยังไงบ้าง หนูมุกเจอลูกแล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาไม่รู้หรอกครับ ว่าผมเป็นใคร เจอกันแค่ผ่านๆ” เขมินท์ปดมารดาไปนิด ขืนให้คุณนายจันทร์ฉายรู้ว่า ‘ หนูมุก’ เกือบจะมีเรื่องมีราวกับวิกกี้ มีหวังเขาคงโดนเพ่นกบาลแยก หรือไม่ก็โดนไล่ออกจากบ้านไปนอนข้างถนนกับไอตูบไอด่างแถวบ้านเป็นแน่
“แล้วหนูมุกเป็นยังไง สวยกว่าในรูปมั้ย”
“ก็สวยอยู่แหละครับ แต่ดูท่าทางเอาเรื่องอยู่ ดูแสบๆยังไงไม่รู้ ลูกชายแม่นะชอบสาวหวานเรียบร้อย พูดน้อย คะๆ ขาๆ แบบนี้มากกว่านะครับ” ชายหนุ่มแกล้งพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ใส่โทรศัพท์ ให้คนเป็นแม่หมั่นไส้เล่น
“โอ๊ย ถ้าแม่นางแอ๊บทั้งหลายนะแม่ไม่เอาด้วยหรอกจ๊ะ แม่เชื่อว่าถ้าเขมได้รู้จัก จะต้องชอบหนูมุกอย่างที่แม่ชอบ” คุณนายพูดอย่างหมายมาด อย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมให้เจ้าลูกชายบิดพลิ้วได้เป็นแน่
“หืม ขนาดนั้นเลยหรือครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“ก็คอยดูแล้วกัน”
พูดจบผู้เป็นแม่ก็วางสายไป ปล่อยให้ชายหนุ่มใช้ความคิดอยู่กับตัวเองคนเดียว พลันใบหน้าหวานแฉล้ม กับท่าทางไม่ยอมใครของเธอก็ผุดขึ้นมาในความคิด จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจตั้งแต่แรกได้อย่างประหลาด
หวนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถ่อลงมาจากเชียงใหม่ นั่นเพื่อมาดูหน้าคู่หมั้นสายฟ้าแลบของตัวเองให้เห็นกับตา มาพร้อมกับข้อข้องใจว่าเหตุใดอยู่ๆทั้งบิดาและมารดาจึงบอกว่าเขามีคู่หมั้นขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย แถมยังต้องแต่งงานกันในอีกสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย!!
ในตอนแรกเขาตั้งใจไม่ว่าอย่างไรก็จะค้านหัวชนฝา เรื่องอะไรจะมาให้เขาแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันสักนิด นี่มาเลยยุคคลุมถุงชมมาถึงไหนแล้ว!
แต่ความตั้งใจของเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อบิดาและมารดายื่นข้อเสนอ สร้างบ้านพักหลังเล็กๆตรงที่ติดริมน้ำ บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สวยซึ่งเหมาะที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการใกล้ชิดธรรมชาติ ติดก็แต่ว่าที่ตรงนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนกว่าสิบชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นคนงานของไร่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะขับไล่ไสส่งอย่างไร้ปรานี เขายินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ พร้อมกับหาที่พัก และให้เวลาในการขนย้าย
เขาเคยคุยเรื่องนี้กับบิดามาหลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้ท่านได้ยื่นข้อเสนอให้เขาคือ เพียงเขายอมให้มุกรวีมาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นครบสามเดือนได้ เขาจะได้สิทธิ์ในพื้นที่นั้นไปทันที โดยที่การแต่งงานจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นไม่อยู่ในข้อตกลง ขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเขาและเธอเท่านั้น
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทุกคนกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ แต่ในเมื่อมีข้อเสนอที่น่าสนใจ หากเขาไม่รับไว้ก็คงโง่เต็มที ฉันอยากรู้นัก หากยายหนูมุกของคุณนายจันทร์ฉายได้รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้น เธอจะทำหน้ายังไง!
แล้ววันที่มุกรวีไม่อยากให้มาถึง ก็มาถึงจนได้ เธอถูกบิดาเข้ามาปลุกตั้งแต่เช้าให้ไปอาบน้ำแต่งตัว คุณอรุณจัดแจงขนกระเป๋าสัมภาระที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกสาวจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งๆที่มุกรวีตั้งใจไว้ว่าจะเก็บไว้จัดเช้าวันนี้ ถ่วงเวลานานๆเผื่อจะไปไม่ทันเครื่อง แล้วเธอจะได้เลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปอีก แต่คุณป๊าก็ทำท่าว่าจะเดาทางเธอถูกไปซะหมด จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมพาเธอขึ้นรถมาส่งจนถึงสนามบินได้เป๊ะๆตรงตามเวลาที่วางเอาไว้
มุกรวีมองคุณอรุณดับเครื่องรถแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังยกกระเป๋าใบเขื่อง 1 ใบ และใบย่อมๆอีก 2 ใบ ลงมา มุกรวีรีบเข้าไปช่วยคุณอรุณยกกระเป๋า เสร็จแล้วยืนจ้องมองที่ตัวรถนิ่ง ‘บางทีถ้าแอบเจาะยาง หรือถ่ายน้ำมันรถออก อาจทำให้มาช้าได้อีกสักสอง หรือสามชั่วโมง อืม น่าเสียดาย...’
“มุก คิดอะไรอยู่ลูก ปะ เข้าข้างในเถอะ”
“ค่ะ คุณป๋า” มุกรวีส่งยิ้มแห้งๆให้คุณป๋า ปัดความคิดไร้สาระออกไป แล้วเดินตามคุณป๋าเข้าไปภายในสนามบิน
จัดการยื่นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย มุกรวีตั้งใจจะโทรไปบอกลาพิมพ์เพทายก่อน ควานหาโทรศัพท์ไม่เจอจึงนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว
“คุณป๋า เมื่อเช้าที่คุณป๋ายืมโทรศัพท์มุกไป คุณป๋ายังไม่ได้คืนมุกเลยนะคะ”
“จริงสิ คุณป๋าลืมทิ้งไว้ที่บ้านนะ” คุณอรุณทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้
“เอางี้ เอาโทรศัพท์คุณป๋าไปใช้ก่อน”
“แล้วคุณป๋าจะใช้อะไรละค่ะ”
“คุณป๋ามีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องนี้คุณป๋าให้มุกไว้โทรหาคุณป๋า มุกจำเบอร์คุณป๋าได้มั้ย”
“ได้สิค่ะ แต่มุกจำเบอร์คนอื่นๆไม่ได้เลยสักคน นี่มุกก็ว่าจะโทรไปหาพิมซะหน่อย”
“นอกจากหนูพิมแล้ว มุกบอกใครอีกบ้าง ว่ามุกกำลังจะไปไหน”
“ไม่เลยค่ะ มันฉุกละหุกมาก มุกไม่มีโอกาสได้คุยกับใครเลย กับคนที่บ้านใหญ่คนอื่นๆมุกก็ยังไม่ได้ไปลา”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก เดี๋ยวคุณป๋าจะบอกเค้าให้เอง แล้วไว้มุกถึงนู้นแล้ว คุณป๋าจะเมล์เบอร์เพื่อนๆของหนูไปให้นะ”
“ค่ะ”
จากนั้นมุกรวีก็ล่ำลาบิดา ใจนั้นร่ำๆอยากจะกลับบ้านไปกับคุณป๋าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งเธอและคุณป๋าอยู่ด้วยกันสองคนมาตลอด แต่นี่เธอต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ แล้วใครจะดูแลคุณป๋าของเธอกันเล่า ทั้งล่ำลา ทั้งปลอบโยนกันอยู่พักใหญ่คุณอรุณก็ไล่ให้ลูกสาวตัวแสบขึ้นเครื่อง คุณอรุณมองตามแผ่นหลังลูกสาวไป ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นกดหาคุณนายจันทร์ฉาย รอเสียงสัญญาณอยู่ครู่หนึ่ง
“สวัสดีจ๊ะ อรุณ”
“ครับคุณจันทร์ฉาย ผมส่งยายมุกขึ้นเครื่องไปแล้วนะครับ”
“อุ๊ย! เร็วขนาดนี้เชียว เดี๋ยวฉันจะบอกให้คนไปรอรับหนูมุกที่สนามบินนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ ผมฝากดูแลยายมุกด้วยครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะอรุณ ฉันรักหนูมุกเหมือนลูกฉันคนหนึ่ง ฉันจะดูแลแกอย่างดีอย่างดีที่สุดให้สมกับที่เธอไว้ใจเลยละ”
“ขอบคุณ คุณจันทร์ฉายมากนะครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยจริงๆ”
“บุญคุณอะไรกันละ เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะอรุณ เธอมีปัญหาฉันก็ต้องช่วยนะถูกแล้ว อีกอย่างฉันก็รักหนูมุกเหมือนลูกสาวอยู่แล้ว ถ้าโชคดีคราวนี้ฉันอาจจะได้ลูกสะใภ้จริงๆ”
“เรื่องนั้นคงจะยากมั้งครับ ยายมุกทั้งดื้อทั้งรั้น ไม่รู้ไปได้นิสัยนี้มาจากใคร” นายอรุณหัวเราะเบาๆให้ความคิดของคุณนายจันทร์ฉาย
“ฮ่ะๆ คงต้องรอติดตามตอนต่อไปจ๊ะ ฉันก็หวังว่าถ้าพระนางเกิดแฮปปี้เอนดิ้งกันขึ้นมาจริงๆ คุณพ่อตาก็คงจะยินดีต้อนรับลูกเขยนะจ๊ะ”
“ถึงตอนนั้นคงต้องมาทำความรู้จักกันอีกทีละครับ ผมก็มีลูกสาวแค่คนเดียวเสียด้วย จะยกให้ใครคงต้องคิดหนักหน่อย” คุณอรุณว่าเย้า
“แหม ยังไม่ทันไรเลย ส่อแววเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวเสียแล้ว” คุณนายจันทร์ฉายพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ “ออ อีกอย่างนะอรุณ... เธอเลิกเรียกฉันว่าคุณจันทร์ฉายเสียทีเถอะ ฉันไม่ใช่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ แล้วเธอก็ไม่ใช่ช่างพลอยจนๆอีกต่อไปแล้วนะ”
“ผมเรียกแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆ ติดปากมาจนแก่ คงเปลี่ยนยากแล้วละครับ”
“แล้วแต่เถอะ แล้วก็เรื่องหนูมุกฉันจะบอกให้เธอมั่นใจอีกที ถึงนายเขมจะไม่ได้รู้เรื่องเบื้องหลังการหมั้นหมายครั้งนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะดูแลคนที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้นเขาอย่างดีที่สุด”
วางสายจากคุณนายจัทร์ฉายไปแล้วคุณอรุณก็วางใจไปเปราะหนึ่ง ขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วคุณอรุณก้าวขายาวๆขึ้นบันไดสู่ชั้นบนของบ้านตรงเข้าไปในห้องนอนโดยที่จะไม่ลืมล็อคประตูตามหลัง เปิดลิ้นชักหยิบถุงพลาสติกใสที่บรรจุ เศษกระดาษสีขาว มีเนื้อความข้างในเป็นตัวหนังสือหวัดๆ
สละสิทธิ์จากกองมรดกซะ
ไม่อย่างนั้นกระสุนนัดต่อไปจะเป็นแก มุกรวี
มือที่ถือกระดาษของคุณอรุณเกร็งขึ้นเล็กน้อย เมื่ออาทิตก่อนหลังจากมีการเปิดพินัยกรรมของคุณพิชิตชัย ตาแท้ๆของมุกรวี และพบว่าคุณอมรยกมรดกเกือบจะทั้งหมดให้กับเธอ จดหมายฉบับนี้ก็ถูกส่งมาที่บ้าน พร้อมกับกระสุนปืนที่ผ่านการใช้แล้ว ตอนแรกคุณอรุณไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้นัก จึงไม่ได้บอกใครแม้แต่มุกรวี แต่เมื่อห้าวันที่แล้วมุกรวีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นก็มีจดหมายที่บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจของมันตามมาอีกฉบับ!
แม้แต่มุกรวีก็ไม่รู้เรื่องนี้ คุณอรุณปรึกษากับคุณจันทร์ฉาย ซึ่งทั้งคุณจันทร์ฉายและคุณศรัณย์ซึ่งเป็นถึงอดีตนายตำรวจใหญ่ก็ยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่ ถ้าดูจากนิสัยของลูกสาวที่เขาเลี้ยงมากลับมือแล้ว ทันทีที่รู้เรื่องมุกรวีคงลุยไปสืบหาตัวคนร้ายด้วยตัวเองเป็นแน่
คุณนายจันทร์ฉายจึงเสนอแผนการแต่งงานกำมะลอนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการดึงตัวมุกรวีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตอนแรกเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จได้ เพราะ มุกรวีเองไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรได้ง่ายๆ โดยเฉพาะแผนการจับคู่หมั้นที่มีกลิ่นทะ

ๆแบบนี้ แต่คุณอรุณก็รู้ว่ามุกรวีนั้นมีจุดอ่อนตรงความที่รักบิดามาก ด้วยความที่อยู่ด้วยกันสองคนมาโดยตลอด ดังนั้นเพียงเป็นคำขอของบิดา ซ้ำด้วยท่าทางคร่ำครวญอย่างแนบเนียน แม้เธอจะสงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็ยอมที่จะทำตามอย่างจำใจ
ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อจัดการส่งมุกรวีให้ไปอยู่ไกลจากคนที่ต้องการทำร้ายเธอ รวมถึงอยู่ทางนี้เขาก็จะได้สืบหาตัวคนร้ายได้สะดวกมากขึ้น!
(มีต่อ)
กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๒
นามปากกา ขอจันทร์
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/34058785
บทที่ 2
ภายในห้องพักของโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ร่างสูงที่มีผ้าขนหนูพันช่วงล่างเอาไว้เพียงผืนเดียว และผ้าขนหนูอีกผืนกำลังเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำหลังจากพึ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มเปิดโทรทัศน์รับฟังข่าวสารไปเรื่อยเปื่อยสักพักจนเกือบจะเคลิ้มๆหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ก็พอดีที่มีเสียงเรียกเข้าจากเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าตัวจึงลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอเป็นใครก็กดรับ กรอกเสียงหยอกล้อปลายสายอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีคร้าบ คุณนายจันทร์ฉาย อัคราพิศาล”
“สวัสดีย่ะ เป็นไง ยังอยู่ดีครบสามสิบสองมั้ย ฉันบอกว่าถึงแล้วให้โทรหา นี่อะไรไปถึงแล้วหายจ้อย”
“โธ่ใจเย็นๆสิครับ รัวมาเป็นชุดไม่เว้นช่องให้ลูกชายสุดที่รักแก้ตัวบ้างเลย”
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอกจ๊ะ แล้วเป็นยังไงบ้างเขม ถึงตอนกี่โมงนะ”
“ถึงตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วครับ แต่พอดีเจอเพื่อน เลยโดนลากไปนู่นไปนี่ไม่หยุด พึ่งได้กลับเข้าที่พักเมื่อกี๊นี้เองครับ”
“นางไหนอีกละ แม่วิกกี้ละสิ” คนเป็นแม่พูดอย่างรู้ทัน เขมินท์จึงได้แต่หัวเราะแห้งๆไปให้กับปลายสาย ทำไมมารดาของเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางแบบลูกครึ่งสาวคนนั้นมาติดพันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนอยู่ จุดเริ่มต้นมันก็ตั้งแต่ที่มีนิตยาสารฉบับหนึ่งมาติดต่อของใช้สถานที่ของไร่จันทร์ฉายในการถ่ายแบบ ซึ่งตัวนางแบบในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ใคร คือ วิกกี้ นี่เอง ทันทีที่เจอกันนางแบบสาวก็แสดงท่าทีว่าสนใจในตัวลูกชายของหล่อนอยู่ไม่น้อย และหลังจากนั้นก็ยังติดต่อเขมินท์อยู่ไม่ขาด แม้เขาจะไม่ได้มีทีท่า แต่เหมือนเธอจะยิ่งปักใจกับเขามากเสียเหลือเกิน
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ลูกรับปากจะดูแลหนูมุกของแม่แล้ว ลูกก็ต้องตัดแม่วิกกี้ให้เด็ดขาด มาค้างคาแบบนี้แม่ไม่โอเคเลยนะ”
“ครับๆ แม่ไม่โอเค ผมก็ไม่โอเคเหมือนกัน” เขมินท์หัวเราะน้อยๆตอบรับมารดาพลางเอนหลังพิงกับพนักโซฟา แล้วหันไปมองวิวภายนอกก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ “วันนี้ผมได้เจอหนูมุกของแม่แล้วนะครับ”
“ฮ้า เร็วขนาดนี้เชียว” ผู้เป็นแม่ฟังลูกชายแล้ว อดที่จะอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้นไม่ได้
“บังเอิญนะครับ”
“แล้วเป็นยังไงบ้าง หนูมุกเจอลูกแล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาไม่รู้หรอกครับ ว่าผมเป็นใคร เจอกันแค่ผ่านๆ” เขมินท์ปดมารดาไปนิด ขืนให้คุณนายจันทร์ฉายรู้ว่า ‘ หนูมุก’ เกือบจะมีเรื่องมีราวกับวิกกี้ มีหวังเขาคงโดนเพ่นกบาลแยก หรือไม่ก็โดนไล่ออกจากบ้านไปนอนข้างถนนกับไอตูบไอด่างแถวบ้านเป็นแน่
“แล้วหนูมุกเป็นยังไง สวยกว่าในรูปมั้ย”
“ก็สวยอยู่แหละครับ แต่ดูท่าทางเอาเรื่องอยู่ ดูแสบๆยังไงไม่รู้ ลูกชายแม่นะชอบสาวหวานเรียบร้อย พูดน้อย คะๆ ขาๆ แบบนี้มากกว่านะครับ” ชายหนุ่มแกล้งพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ใส่โทรศัพท์ ให้คนเป็นแม่หมั่นไส้เล่น
“โอ๊ย ถ้าแม่นางแอ๊บทั้งหลายนะแม่ไม่เอาด้วยหรอกจ๊ะ แม่เชื่อว่าถ้าเขมได้รู้จัก จะต้องชอบหนูมุกอย่างที่แม่ชอบ” คุณนายพูดอย่างหมายมาด อย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมให้เจ้าลูกชายบิดพลิ้วได้เป็นแน่
“หืม ขนาดนั้นเลยหรือครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“ก็คอยดูแล้วกัน”
พูดจบผู้เป็นแม่ก็วางสายไป ปล่อยให้ชายหนุ่มใช้ความคิดอยู่กับตัวเองคนเดียว พลันใบหน้าหวานแฉล้ม กับท่าทางไม่ยอมใครของเธอก็ผุดขึ้นมาในความคิด จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจตั้งแต่แรกได้อย่างประหลาด
หวนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถ่อลงมาจากเชียงใหม่ นั่นเพื่อมาดูหน้าคู่หมั้นสายฟ้าแลบของตัวเองให้เห็นกับตา มาพร้อมกับข้อข้องใจว่าเหตุใดอยู่ๆทั้งบิดาและมารดาจึงบอกว่าเขามีคู่หมั้นขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย แถมยังต้องแต่งงานกันในอีกสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย!!
ในตอนแรกเขาตั้งใจไม่ว่าอย่างไรก็จะค้านหัวชนฝา เรื่องอะไรจะมาให้เขาแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันสักนิด นี่มาเลยยุคคลุมถุงชมมาถึงไหนแล้ว!
แต่ความตั้งใจของเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อบิดาและมารดายื่นข้อเสนอ สร้างบ้านพักหลังเล็กๆตรงที่ติดริมน้ำ บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สวยซึ่งเหมาะที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการใกล้ชิดธรรมชาติ ติดก็แต่ว่าที่ตรงนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนกว่าสิบชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นคนงานของไร่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะขับไล่ไสส่งอย่างไร้ปรานี เขายินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ พร้อมกับหาที่พัก และให้เวลาในการขนย้าย
เขาเคยคุยเรื่องนี้กับบิดามาหลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด แต่ตอนนี้ท่านได้ยื่นข้อเสนอให้เขาคือ เพียงเขายอมให้มุกรวีมาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นครบสามเดือนได้ เขาจะได้สิทธิ์ในพื้นที่นั้นไปทันที โดยที่การแต่งงานจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นไม่อยู่ในข้อตกลง ขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเขาและเธอเท่านั้น
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทุกคนกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ แต่ในเมื่อมีข้อเสนอที่น่าสนใจ หากเขาไม่รับไว้ก็คงโง่เต็มที ฉันอยากรู้นัก หากยายหนูมุกของคุณนายจันทร์ฉายได้รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้น เธอจะทำหน้ายังไง!
แล้ววันที่มุกรวีไม่อยากให้มาถึง ก็มาถึงจนได้ เธอถูกบิดาเข้ามาปลุกตั้งแต่เช้าให้ไปอาบน้ำแต่งตัว คุณอรุณจัดแจงขนกระเป๋าสัมภาระที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกสาวจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งๆที่มุกรวีตั้งใจไว้ว่าจะเก็บไว้จัดเช้าวันนี้ ถ่วงเวลานานๆเผื่อจะไปไม่ทันเครื่อง แล้วเธอจะได้เลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปอีก แต่คุณป๊าก็ทำท่าว่าจะเดาทางเธอถูกไปซะหมด จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมพาเธอขึ้นรถมาส่งจนถึงสนามบินได้เป๊ะๆตรงตามเวลาที่วางเอาไว้
มุกรวีมองคุณอรุณดับเครื่องรถแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังยกกระเป๋าใบเขื่อง 1 ใบ และใบย่อมๆอีก 2 ใบ ลงมา มุกรวีรีบเข้าไปช่วยคุณอรุณยกกระเป๋า เสร็จแล้วยืนจ้องมองที่ตัวรถนิ่ง ‘บางทีถ้าแอบเจาะยาง หรือถ่ายน้ำมันรถออก อาจทำให้มาช้าได้อีกสักสอง หรือสามชั่วโมง อืม น่าเสียดาย...’
“มุก คิดอะไรอยู่ลูก ปะ เข้าข้างในเถอะ”
“ค่ะ คุณป๋า” มุกรวีส่งยิ้มแห้งๆให้คุณป๋า ปัดความคิดไร้สาระออกไป แล้วเดินตามคุณป๋าเข้าไปภายในสนามบิน
จัดการยื่นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย มุกรวีตั้งใจจะโทรไปบอกลาพิมพ์เพทายก่อน ควานหาโทรศัพท์ไม่เจอจึงนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว
“คุณป๋า เมื่อเช้าที่คุณป๋ายืมโทรศัพท์มุกไป คุณป๋ายังไม่ได้คืนมุกเลยนะคะ”
“จริงสิ คุณป๋าลืมทิ้งไว้ที่บ้านนะ” คุณอรุณทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้
“เอางี้ เอาโทรศัพท์คุณป๋าไปใช้ก่อน”
“แล้วคุณป๋าจะใช้อะไรละค่ะ”
“คุณป๋ามีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องนี้คุณป๋าให้มุกไว้โทรหาคุณป๋า มุกจำเบอร์คุณป๋าได้มั้ย”
“ได้สิค่ะ แต่มุกจำเบอร์คนอื่นๆไม่ได้เลยสักคน นี่มุกก็ว่าจะโทรไปหาพิมซะหน่อย”
“นอกจากหนูพิมแล้ว มุกบอกใครอีกบ้าง ว่ามุกกำลังจะไปไหน”
“ไม่เลยค่ะ มันฉุกละหุกมาก มุกไม่มีโอกาสได้คุยกับใครเลย กับคนที่บ้านใหญ่คนอื่นๆมุกก็ยังไม่ได้ไปลา”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก เดี๋ยวคุณป๋าจะบอกเค้าให้เอง แล้วไว้มุกถึงนู้นแล้ว คุณป๋าจะเมล์เบอร์เพื่อนๆของหนูไปให้นะ”
“ค่ะ”
จากนั้นมุกรวีก็ล่ำลาบิดา ใจนั้นร่ำๆอยากจะกลับบ้านไปกับคุณป๋าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งเธอและคุณป๋าอยู่ด้วยกันสองคนมาตลอด แต่นี่เธอต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ แล้วใครจะดูแลคุณป๋าของเธอกันเล่า ทั้งล่ำลา ทั้งปลอบโยนกันอยู่พักใหญ่คุณอรุณก็ไล่ให้ลูกสาวตัวแสบขึ้นเครื่อง คุณอรุณมองตามแผ่นหลังลูกสาวไป ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นกดหาคุณนายจันทร์ฉาย รอเสียงสัญญาณอยู่ครู่หนึ่ง
“สวัสดีจ๊ะ อรุณ”
“ครับคุณจันทร์ฉาย ผมส่งยายมุกขึ้นเครื่องไปแล้วนะครับ”
“อุ๊ย! เร็วขนาดนี้เชียว เดี๋ยวฉันจะบอกให้คนไปรอรับหนูมุกที่สนามบินนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ ผมฝากดูแลยายมุกด้วยครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะอรุณ ฉันรักหนูมุกเหมือนลูกฉันคนหนึ่ง ฉันจะดูแลแกอย่างดีอย่างดีที่สุดให้สมกับที่เธอไว้ใจเลยละ”
“ขอบคุณ คุณจันทร์ฉายมากนะครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยจริงๆ”
“บุญคุณอะไรกันละ เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะอรุณ เธอมีปัญหาฉันก็ต้องช่วยนะถูกแล้ว อีกอย่างฉันก็รักหนูมุกเหมือนลูกสาวอยู่แล้ว ถ้าโชคดีคราวนี้ฉันอาจจะได้ลูกสะใภ้จริงๆ”
“เรื่องนั้นคงจะยากมั้งครับ ยายมุกทั้งดื้อทั้งรั้น ไม่รู้ไปได้นิสัยนี้มาจากใคร” นายอรุณหัวเราะเบาๆให้ความคิดของคุณนายจันทร์ฉาย
“ฮ่ะๆ คงต้องรอติดตามตอนต่อไปจ๊ะ ฉันก็หวังว่าถ้าพระนางเกิดแฮปปี้เอนดิ้งกันขึ้นมาจริงๆ คุณพ่อตาก็คงจะยินดีต้อนรับลูกเขยนะจ๊ะ”
“ถึงตอนนั้นคงต้องมาทำความรู้จักกันอีกทีละครับ ผมก็มีลูกสาวแค่คนเดียวเสียด้วย จะยกให้ใครคงต้องคิดหนักหน่อย” คุณอรุณว่าเย้า
“แหม ยังไม่ทันไรเลย ส่อแววเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวเสียแล้ว” คุณนายจันทร์ฉายพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ “ออ อีกอย่างนะอรุณ... เธอเลิกเรียกฉันว่าคุณจันทร์ฉายเสียทีเถอะ ฉันไม่ใช่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ แล้วเธอก็ไม่ใช่ช่างพลอยจนๆอีกต่อไปแล้วนะ”
“ผมเรียกแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆ ติดปากมาจนแก่ คงเปลี่ยนยากแล้วละครับ”
“แล้วแต่เถอะ แล้วก็เรื่องหนูมุกฉันจะบอกให้เธอมั่นใจอีกที ถึงนายเขมจะไม่ได้รู้เรื่องเบื้องหลังการหมั้นหมายครั้งนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะดูแลคนที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้นเขาอย่างดีที่สุด”
วางสายจากคุณนายจัทร์ฉายไปแล้วคุณอรุณก็วางใจไปเปราะหนึ่ง ขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วคุณอรุณก้าวขายาวๆขึ้นบันไดสู่ชั้นบนของบ้านตรงเข้าไปในห้องนอนโดยที่จะไม่ลืมล็อคประตูตามหลัง เปิดลิ้นชักหยิบถุงพลาสติกใสที่บรรจุ เศษกระดาษสีขาว มีเนื้อความข้างในเป็นตัวหนังสือหวัดๆ
ไม่อย่างนั้นกระสุนนัดต่อไปจะเป็นแก มุกรวี
มือที่ถือกระดาษของคุณอรุณเกร็งขึ้นเล็กน้อย เมื่ออาทิตก่อนหลังจากมีการเปิดพินัยกรรมของคุณพิชิตชัย ตาแท้ๆของมุกรวี และพบว่าคุณอมรยกมรดกเกือบจะทั้งหมดให้กับเธอ จดหมายฉบับนี้ก็ถูกส่งมาที่บ้าน พร้อมกับกระสุนปืนที่ผ่านการใช้แล้ว ตอนแรกคุณอรุณไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้นัก จึงไม่ได้บอกใครแม้แต่มุกรวี แต่เมื่อห้าวันที่แล้วมุกรวีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นก็มีจดหมายที่บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจของมันตามมาอีกฉบับ!
แม้แต่มุกรวีก็ไม่รู้เรื่องนี้ คุณอรุณปรึกษากับคุณจันทร์ฉาย ซึ่งทั้งคุณจันทร์ฉายและคุณศรัณย์ซึ่งเป็นถึงอดีตนายตำรวจใหญ่ก็ยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่ ถ้าดูจากนิสัยของลูกสาวที่เขาเลี้ยงมากลับมือแล้ว ทันทีที่รู้เรื่องมุกรวีคงลุยไปสืบหาตัวคนร้ายด้วยตัวเองเป็นแน่
คุณนายจันทร์ฉายจึงเสนอแผนการแต่งงานกำมะลอนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการดึงตัวมุกรวีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตอนแรกเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จได้ เพราะ มุกรวีเองไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรได้ง่ายๆ โดยเฉพาะแผนการจับคู่หมั้นที่มีกลิ่นทะ
ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อจัดการส่งมุกรวีให้ไปอยู่ไกลจากคนที่ต้องการทำร้ายเธอ รวมถึงอยู่ทางนี้เขาก็จะได้สืบหาตัวคนร้ายได้สะดวกมากขึ้น!
(มีต่อ)