[CR] ทริปทันใจ ไปกับป๋า (พี่ชาย) ที่ปากเซ

สวัสดีพี่น้องชาวพันทิป ทริปต่างประเทศครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของ จขกท . เนื่องจากครั้งแรกได้แบ็คแพ็คไปวังเวียงคนเดียวแล้วประสบความสำเร็จ ไปคนเดียวเหมือนไม่ได้เที่ยวคนเดียวมีเพื่อนร่วมทางตลอดทริป
             ว่าแล้วก็คิดถึงน้องๆทั้ง 3 คนที่ให้ จขกท.ร่วมแก๊งค์เที่ยวด้วย คิดถึงนะน้อง ทราย น้องเฮียง น้องอร เด็กมข. สถาบันเดียวกัน แต่ไม่ได้กลับมารีวิว เพราะรีวิวเที่ยววังเวียงเยอะมากแล้ว บวกกับขี้เกียจด้วย (ไม่ดีเลยเนอะ)  

              ภาพตัดมาพูดถึงทริปนี้ ขอแทนตัวว่า “เรา” ละกันเนอะ หลังกลับมาจากวังเวียงก็รู้สึกว่า “ลาว” ไม่ได้ไปยาก ภาษาคุยกันรู้เรื่อง วัฒนธรรมต่างๆคล้ายกับอีสานบ้านเรา เราเป็นคนอีสานนะ พอเวลาผ่านไปสักประมาณเดือนกว่าเราก็อยากไปเที่ยวลาวอีกละ จึงเริ่มหาข้อมูลเลยมาเจอ “ลาวใต้” เมือง “ปากเซ” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย บ้านเราอยู่ศรีสะเกษ เดินทางไม่น่าจะใช้เวลานานมาก จึงตัดสินใจไปถามพี่ชายอยู่บ้านใกล้กัน เหมือนพอจะรู้มาว่าแกเคยไป ถามไปถามมาตกลงไปด้วยกันซะงั้น แล้วไปเที่ยว “ปากเซ” กัน เย้ เย้

              ทริปนี้เราแทบไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย เพราะให้พี่เป็นคนจัดการ แกบอกว่าไม่ต้องหาหรอก หลับตาไปยังได้ คือแกไปมา 4-5 ครั้งได้ แต่ครั้งนี้แกจะพาเราไปแล้วก็ไปหาพี่ทีมงานแกที่แกรู้จักอยู่ลาว (ทีมงาน ก็ คือ พี่ๆน้องๆที่แกรู้จักกัน) แกเป็นสายเลาะ รู้จักคนไปทั่วไรงี้

              พี่แกมีรถบิ๊กไบค์มั้ง คันใหญ่ๆ แกอยากเอาไปขับด้วย กว่าจะทำเรื่องได้ก็ยากเหมือนกัน รู้จักพี่อยู่ที่ด่านช่องเม็กเลยให้พี่ช่วยจัดการเรื่องรถให้อีกที สรุปก็คือขนรถบิ๊กไบค์ขึ้นรถกระบะไป แล้วฝากรถกระบะไว้ที่ร้านรับฝากรถแถวด่านช่องแม็ก แล้วก็เอารถบิ๊กไบค์ลงข้ามไปฝั่งลาวแล้วขับไป "ปากเซ"
ถามว่าทำไมไม่ขับจากบ้านไปเลย อ่อ ขนของฝากไปให้พี่ที่ด่านด้วย ตอบแทนน้ำใจ ไม่ต้องขับรถนานด้วย แค่อยากขับมันๆเป็นช่วงว่างั้น กลัวฝนตกด้วย เพราะก่อนเราไป 1 วัน ฝนตกหนักมาก
      
              ส่วนเราก็ตามสะดวกพี่เลย พาไปไหนไปหมด ออกจากบ้านประมาณ แปดโมงครึ่ง ถึงด่านช่องเม็กอุบลฯ ประมาณเที่ยง พี่ก็ไปจัดการเรื่องรถข้ามด่าน ส่วนเราก็ไปตรวจหนังสือเดินทางตามปกติ คือ เขียนใบขาออก ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แล้วเดินไปตามอุโมงค์ก็จะไปโผล่ฝั่งลาว แล้วก็เดินไปเขียนใบขาเข้าลาว เสียค่าธรรมเนียม 100 บาท ขอต่อลดหน่อยก็ไม่ได้ แอบแพงไปนะ  เสร็จแล้วก็แว๊นซ์ไปปากเซกัน ระยะทางไม่ไกลพี่บอกว่าประมาณ 40 กิโล แปปเดียว ยิ่งขับบิ๊กไบค์ด้วย แปปๆถึงแล้ว    "สบายดี ปากเซ"



               พอมาถึงพี่ก็พาไปโรงแรมชื่อคำฟอง ซึ่งก็เป็นโรงแรมที่พี่แกรู้จักอีกนั้นแหละ พอไปถึงก็เช็คอินเข้าห้อง คนละห้อง เก็บของล้างหน้าแล้วก็ออกไปหาข้าวกิน หิวจะแย่อยู่แล้ว ไอ้เราไม่เท่าไหร่ ระหว่างทางรองท้องด้วยขนมและนมจากเซเว่นมาละ พี่นี่สิ ยังไม่ได้กินอะไรเลย ป่ะๆไปกินข้าว


                                       ระหว่างรอข้าว

                                       วิวริมแพ

กับข้าวก็มีไข่เจียว ลาบ ต้มยำปลา รสชาติเหมือนอาหารอีสานบ้านเรา อร่อยเหมือนกัน กินไปกินมากินฟรี
พี่บอกนะ เพราะว่าเจอพี่ทีมงานอีกละ แพร้านอาหารนี้ก็ของแก กินไปกินมาไปนั่งกินที่บ้านสวนพี่ทีมงานต่อ
กินเบยลาวนี่แหละ กินจนเราเริ่มมึนละ แล้วก็กลับห้องไปนอนสิน่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หมดไป 1 วัน ยังไม่ได้ไปไหนเลย นอนก่อนนะ

   วันที่ 2 @ปากเซ

      ตื่นมาตอนเช้าพี่ไลน์มาบอกว่า เดี่ยวจะพาไปวัดภูเสลา ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็แว๊นซ์กันไป
      อากาศช่วงเช้าประมาณ 7 โมง อากาศดีมากๆ วิวสองข้างทางก็สวย ไม่ไกลมาก แต่ต้องขับอ้อมเขาขึ้นไป
      พอขึ้นไปถึงจะมองเห็นเมืองปากเซได้ทั้งเมืองเลย วิว สวยมาก มาก มาก อากาศก็ดี๊ดี สดชื่นๆ

                                ระหว่างทางขึ้นเขา

                                วิวด้านบน

                                 วิวด้านบน

                                 เจ้าคันนี้แหละที่พาเรามา

ชมวิวกันสักพักก็กลับลงมาจากเขา แล้วก็ไปหาของกินกัน หิวๆอีกแล้ว พี่พาไปกินบะหมี่เป็ด
บอกว่าถ้ามาที่นี้แล้วไม่ได้กิน ถือว่า "ผิด" ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมลานคำ เป็นร้านเล็กๆ
สังเกตจากคนเยอะๆ แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว

                               บะหมี่เป็ด แซบแซบ

                                โรงแรมลานคำ
พอกินเสร็จเราก็กลับโรงแรมกัน แล้วพี่ก็ไปยืมรถกระบะของพี่ทีมงานอีกคนเพื่อพาไปทัวร์วันนี้
พี่บอกว่าไม่อยากแวนซ์ไป กลัวฝนตกแล้วอันตราย ระยะทางก็ไกล ไกลมากด้วย พี่คิดถูกมาก
เพราะขนาดนั่งรถกระบะสบายๆยังรู้สึกว่ามันนานกว่าจะถึง ฝนก็เดี่ยวตกเดี่ยวหยุด



                     ประตูทางเข้าตาดเยือง เสียค่าเข้าก่อนนะ ถึงจะผ่านเข้าไปได้





                    ตาดเยือง สวยงามมาก มาก มาก มาก

    พอกลับขึ้นมาจากเดินชมธรรมชาติอย่างดื่มด่ำ พี่ก็ถามว่าหิวยัง กินข้าวเลยดีไหม
เพราะว่าที่ๆเราจะไปต่อไม่มีที่กินข้าว งั้นก็กินที่นี้แหละ มีร้านอาหารวิวสุดเริ่ด ฟรีไวไฟ รออะไรละ


           ทั้งหมดนี้ ราคา  320 บาทบวกน้ำ 2 ขวด รสชาติอร่อย แต่แอบแพงไปนะ

พอกินอิ่ม แล้วเราก็ไปต่อ ตาดต่อไป แต่ว่าเราจะขับรถย้อนกลับมาทางเดิม เพราะตาดเยืองเป็นตาดที่ไกลกว่า เราจึงไปตาดเยืองก่อน
ตาดต่อไปคือ "ตาดฟาน" ขับย้อนกลับมาแปปเดียวไม่นานมากก็ถึง ธรรมดาก่อนเข้าก็เสียค่าบัตรเข้าก่อน มีค่าที่จอดรถด้วยนะ
ตาดฟานก็สวยเหมือนกัน สวยมาก เราก็ไม่แน่ใจนะ ว่าใช่ใน โฆษณาดาวคอฟฟี่หรือเปล่า







               ที่นี้เค้าจะปลูกต้นกาแฟกัน ระหว่างทางไปตาดต่อไป คือ "ตาดจำปี" จะเห็นต้นกาแฟเต็ม2 ข้างทางเลย แล้วก็ระหว่างทางที่เราขับรถมา ก็มีโรงงานกาแฟด้วยพี่เปิดกระจกให้ดมกลิ่นกาแฟด้วย ก็ได้กลิ่นอยู่นะหน่อยๆ พี่ชี้ให้ดูว่าดูบ้านพักพนักงานสิ สร้างเป็นหมู่บ้านเหมือนบ้านโครงการเลย ดีเนอะ
     ไปตาดต่อไปกันเถอะ ตาดจำปี พี่บอกว่าตาดนี้ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่ เพราะทางเข้าลำบาก ก็จริงนะ เพราะกว่าจะถึงเลี้ยวเข้าเหมือนเป็นทางหมู่บ้าน สวนกาแฟ ป้ายบอกทางก็ไม่ค่อยชัดหรือเราไม่ค่อยสังเกตก็ไม่รู้ แต่ดีนะมากับพี่ พี่รู้ทาง พี่ขับรถพาไป สบายไปอีก ถ้ามาเที่ยวเองก็ต้องเช่ามอไซค์แล้วแวนซ์มา ซึ่งระยะทางไกลมากๆๆ ตั้งแต่ตาดเยือง ตาดฟาน มาจน ตาดจำปี นี้ก็เกือบจะร้อยโลได้แล้วมั้ง นี่ยังไม่รวม ตาดสุดท้ายนะ "ตาดผาส้วม" ไกลไปอีก





          แล้วก็เดินทางมาถึง ตาดสุดท้ายของวันนี้ "ตาดผาส้วม" ตั้งแต่ไปมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ 3 ตาดผ่านมาที่นี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวเยอะสุดละ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนตาดที่น้อยที่สุดก็ตาดจำปี นับได้น่าจะ 4 คนได้ สำหรับที่นี้ตาดผาส้วมจะมีร้านขายของป่าอยู่ตรงทางเดินเข้าไปทางน้ำตก มีร้านกาแฟ มีซู้มเล็กๆ ขายของชำร่วยนั้นก็คือ พวงกุญแจ เราก็ซื้อพวงกุญแจตรงนี้แแหละเป็นของฝาก สามารถจ่ายเงินไทยได้ เพราะเราไม่ได้แลกเงินกีบเลย ให้พี่ชายจัดการให้ทุกอย่าง

          ที่นี้มีหมู่บ้านชนเผาด้วย เค้าก็อยู่กันแบบง่ายๆ ตามธรรมชาติ ชาวบ้านและเด็กๆก็น่ารักดี ขอถ่ายรูปก็ยิ้มให้กล้องตลอด




                  สาวลาวผิวขาวเนียน สวย นี่แอบถ่ายมา

      ทางเดินไปหมู้บ้านชนเผา อีกทางหนึ่งที่เราเดินมา จริงๆมันมีทางเข้าข้างหน้า แต่เราเดินอ้อมมาอีกทาง งงเหมือนกัน เดินเข้าไปแล้วเหมือนกำลังเดินป่าสั้นๆไม่ไกลมาก แต่ก็แอบกลัวเพราะไปคนเดียว ไม่ค่อยมีคนด้วย พี่หรอ เป็นคนพาเราไปทุกตาด ทุกที่ แต่ไม่เข้าไปกับเรานะ นั่งรอเราอยู๋ที่รถ เพราะแกมาบ่อยแล้ว เราก็เดินเที่ยวคนเดียวค๊าา







      ทางเดินเข้าออกจากหมู้บ้าน ซึ่งสามารถเดินเข้ามาได้จากตรงจอดรถ แต่เราเดินเข้ามาอีกทางหนึ่งซึ่งอ้อมมาก

      ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านจะมีอันนี้อยู่หน้าทางเข้า ลักษณะเหมือนป้อมยามเลย

       พอเดินออกมาจากหมู่บ้านชนเผาแล้วก็กลับ เวลาค่ำแล้วด้วยประมาณ 4 โมงกว่าพอเราขึ้นรถปุ๊ป ฝนก็ตกปั๊ป โชคดีมากทั้งวันที่เที่ยวฝนไม่ตกหนักมาก ตกบ้างปรอยๆ คุ้มแล้วเที่ยววันเดียว 4 ตาด คุ้มมาก สวยทุกที่เลย



        ระหว่างทางกลับเข้าเมืองปากเซ
ชื่อสินค้า:   ปากเซ - จำปาสัก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่