[CR] รีวิวเที่ยวโอซาก้า คันไซ โกเบ เกียวโต Universal งบ 30000 บาท/4 วัน 3 คืน รวมทุกอย่าง กินไม่อั้น ไม่นอนห้องรวม

สวัสดีทุกคนนะครับ ตอนนี้ใครๆ ก็พากันไปเที่ยวญี่ปุ่น มีกระทู้รีวิวเยอะแยะ วันนี้ผมเลยจะมารีวิวเที่ยวโอซาก้า / คันไซ / เกียวโต / โกเบ / universal studio ด้วยงบ 30000 บาท (รวมตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก) ตั้งแต่วันที่ 2/07/15 – 7/07/15 ซึ่งอาจจะดูเหมือนใช้งบเยอะ สำหรับคนอื่นอาจจะใช้งบได้น้อยกว่านี้ แต่เที่ยวครั้งนี้ผมไปแบบเต็มที่ หาของกิน + ซื้อขนม + ของฝาก + โมเดลกันดั้ม และใช้จ่ายจิปาถะ เอาเป็นว่าเจออะไรน่าซื้อน่าลองก็สอยเลย  ก็ไปเที่ยวอ่ะเนาะ เต็มที่ไปเลยละกัน ผมก็เลยอยากมารีวิวเผื่อคนที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองว่ามันไม่ได้เที่ยวยากมากและใช้งบไม่เยอะอย่างที่คิดเลยครับ

            ผมจะเน้นที่การขึ้นรถไฟใต้ดิน กับ Kansai Thru Pass เพราะสามารถใช้ได้ฟรีตลอด เดินทางไปได้หมด
            และในทริปครั้งนี้เพื่อนผมได้หิ้วกล้องไปถ่ายรูปด้วย เลยได้มีโอกาสลองฝีมือกับวิวสวยๆ ในต่างแดนมาให้ได้ชมกันนะครับ ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับ (มีทั้งรูปจากกล้องเพื่อนและจากกล้องโทรศัพท์ บางรูปเลยไม่ค่อยสวยเท่าไร)
            เนื่องจากทริปครั้งนี้ เพื่อนผมได้จองตั๋วเครื่องบินข้ามปีมาตั้งแต่เดือน กค ปีที่แล้วในเว็บอะไรซักอย่าง (ซึ่งคนต้นคิดดันติดธุระ ไปด้วยไม่ได้ซะงั้น – ข้อเสียของการจองข้ามปี คือเรากำหนดล่วงหน้าไม่ได้ว่าติดธุระอะไรรึเปล่า) สำหรับผมครั้งนี้ยังถือว่าเที่ยวได้ไม่เยอะ ไว้มีโอกาสครั้งหน้าจะจัดซัก 15 วันครบวีซ่าซะเลย

สำหรับบรรดาของฝากที่ผมซื้อมา จะมีรีวิวอยู่อีกกระทู้นึงนะครับ ตามไปดูกันได้
http://pantip.com/topic/33953018/ :: เปิดถุงมินิของฝากจากญี่ปุ่น (ขนม เครื่องสำอาง โมเดล ของจุกจิก)

            เอาล่ะ ... มาเริ่มกันเลย

อันดับแรก ตั๋วเครื่องบิน :: ช่วงนี้แต่ละสายการบินจัดโปรแข่งกันมาเรื่อยๆ ทั้งหางแดงหางเหลืองป้าเอื้อง รวมทั้งสายการบินฟูลเซอร์วิสต่างๆ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่งบและความพอใจส่วนบุคคลนะครับว่าจะเลือกไปแบบไหน ส่วนผมขอแค่นั่งสบาย ประหยัดงบ และไปถึงที่หมายก็โอเคละครับ
          ตั๋วที่ผมได้มาจะเป็น Transfer  ของ Air Asia ขาไปนั่ง ดอนเมือง -> กัวลาลัมเปอร์ -> โอซาก้า ส่วนขากลับนั่ง โอซาก้า -> ดอนเมือง รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 9000 บาท (ขากลับโหลดกระเป๋า 20 กก. ขาไปไม่ได้โหลด เอาเป้พับใส่กระเป๋าลากไป กะประหยัดงบทุกอย่าง)
          พอใกล้ถึงวันเดินทาง ผมก็จัดการเช็คอินในเว็บล่วงหน้าเลย รวมทั้งกรอกไอดีเก็บคะแนน Big point ด้วย (ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลย เพิ่งทำเรื่องเคลมไป) และจัดการปริ้นบอร์ดดิ้งพาส แผนที่ ใบจองที่พัก ทุกอย่างไปให้เรียบร้อย พร้อมไปที่ดอนเมือง
          จากดอนเมือง -> กัวลาลัมเปอร์ นั่งเครื่อง AirAsia X AK 889 ที่นั่งเป็นแบบ 3-3 เลยจะอึดอัดนิดนึง ส่วนกัวลาลัมเปอร์ -> โอซาก้า นั่ง D7 ที่นั่งแบบ 3-4-3 นอนยาวๆ เลย

         เตรียมตัวขึ้นเครื่อง ...

         ผ่าน Duty Free นี่ละลานตาเลยทีเดียว


วันที่ 1 :: พอถึงสนามบินคันไซ ลงจากเครื่องแล้วเข้าตัวเกต จะมีรถไฟฟ้าเข้าไปที่ตัวอาคารสนามบิน (เล็กกว่าดอนเมือง ไม่ค่อยกว้างแต่มี 4 ชั้น)

         พอผ่าน ตม ก็จัดการหาเคาน์เตอร์ Travel Desk เพื่อซื้อตั๋ว Kansai Thru Pass และสามารถซื้อบัตรเข้า universal ได้ที่นี่เลย (แต่บัตร express pass ต้องไปซื้อหน้างาน) ผมซื้อแบบ 3 วัน 5200 เยน มีโบรชัวร์ภาษาไทยให้ด้วย

         สำหรับการใช้งานบัตร Kansai Thru Pass สามารถขึ้นคมนาคมได้ทั้งหมดที่มีสัญลักษณ์รูปแม่มด (รถไฟ รถไฟใต้ดิน รถเมล์ ยกเว้น JR) เมื่อเราเริ่มใช้งานวันนั้น เครื่องที่เสียบบัตรจะเจาะรูบัตรเราด้านมุมล่างขวา 1 รู= 1 วัน และด้านหลังของบัตรจะระบุวันที่ เวลา และสถานที่ที่เราเริ่มใช้ **ห้ามทำบัตรหาย เพราะบัตรจะไม่ได้ระบุชื่อเฉพาะคน ถ้าหายต้องซื้อใหม่เลย

         พอเดินออกจากสนามบิน จะเจอรถไฟ 2 สายให้เลือก เป็น JR กับรถไฟสาย Nankai Main Line ซึ่งผมเลือก Nankai (ใช้ Kansai Thru Pass สามารถนั่งได้ฟรีตลอด) จะมีให้เลือก 2 แบบจากสถานีอีกคือ เป็นรถไฟธรรมดาจอดทุกสถานี กับ Rapid Train (เสียเงินเพิ่ม 510 เยน ในกรีณีที่มี Kansai Thru Pass จอดเพียงสถานีใหญ่ๆ) ทั้ง JR และรถไฟจะมีจุดหมายเดียวคือ Namba (มี 3 สถานีคือ JR รถไฟ และรถไฟใต้ดิน)

         แบบ Rapid Train

         พอมาถึงสถานีนัมบะ ผมก็ตรงไปยังที่พัก (จองผ่าน Airbnb ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเดินทาง) ผมนั่งรถไฟใต้ดินสาย M20 ลงที่สถานี Sakuragawa แล้วเดินไปที่พัก จัดการเก็บของ พักสักแปบแล้วไปต่อที่ปราสาทโอซาก้า โดยนั่งรถกลับไปที่สถานีนัมบะ
         กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แวะจัดซูชิซักหน่อยหลังจากบินมานานกว่า 7 ชั่วโมง ร้านนี้อยู่แถวๆ สถานีนัมบะ

         จากสถานีนัมบะ นั่งสาย Midosujin Line (สายสีแดง) ไปลงที่ Shinsaibashi -> แล้วเปลี่ยนไปสาย Nagahori Tsurumi-ryohuchi Line (สายสีเขียวอ่อน) ลงที่สถานี Morinomiya ขึ้นมาก็จะเจอปราสาทเลย เรียกว่า Osaka business park

         เดินเข้า park ไปเล็กน้อยก็จะถึงตัวปราสาท บริเวณพาร์คจะมีขนมขาย มีคนเดินเล่นกันเยอะเลย


         ลองทาโกะยากิ อร่อยมาก แต่จะไม่กรอบเท่าที่เมืองไทย จะออกนุ่มๆ เหนียวๆ ราคาน่าจะ 8 ลูก 600 เยน

         ค่าเข้าปราสาท 500 เยน(ถ้ามี Kansai Thru Pass จะได้ส่วนลดในส่วนนี้ด้วย) แต่ปิด 17.00 น. เมื่อเข้าไปแล้ว พนง ต้อนรับจะให้เราเดินไปที่ลิฟท์ เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิว ชั้นล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ มีของฝาก
         เดินมาเหนื่อยๆ ลองซอร์ฟครีมซักหน่อย ราคาประมาณ 300 เยน

         หลังจากนั้นประมาณ 18.00 น. ก็ไปต่อที่ Den Den Town โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Nagahori Tsurumi-ryohuchi Line (สายสีเขียวอ่อน) กลับมาที่สถานี N17 Nagahoribashi -> เปลี่ยนไปนั่งสาย Sakaisuji Line (สายสีน้ำตาล) ลงที่สถานี K18 Ebisucho
         ย่าน Den Den Town จะเป็นโซนโอตาคุ มีเมดคาเฟ่ แหล่งรวมเกม อนิเมะ ฟิกเกอร์ โมเดล มีตู้ UFO หนีบตุ๊กตา ฯลฯ สำหรับคนที่ชอบการ์ตูน โซนนี้ร้านจะปิดกันประมาณ 3 ทุ่ม  
         ในร้านโมเดลกันดั้ม เข้าไปนี่ถึงกับมือสั่นใจสั่น อยากจะเหมาหมดร้าน ราคาถูกกว่าไทยเกินครึ่ง

         ไปถึงที่ก็ลองของซักหน่อย "UFO กระต่ายน้อย" พนง เชียร์ลูกค้าดีมาก ถ้าเล่นไม่ได้ก็คอยบอกเทคนิค เชียร์อัพกันสุดๆ หยอดเล่นครั้งละ 100 เยน แต่ถ้า 500 เยนจะเล่นได้ 6 ครั้ง

         ได้มาแล้ว น้องต่ายหูยาว นอนกอดสบายเลย 3 คืน

         โมเดล ฟิกเกอร์ก็มี ได้แล้วคุ้มมาก

         แวะลองข้าวแกงกะหรี่หมูทอด เป็นหมูติดมันไม่ใช่แบบเนื้อตันๆ กินเพลินเลย ประมาณ 600 เยน

         ผมเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงสถานี Nipponbashi แล้วนั่งสาย Shinnichime (สายสีชมพู) ไปลงสถานีนัมบะ แล้วไปต่อที่ Shisaibashi แหล่งรวมช็อปปิ้งและของกิน
        

         คุณกูลิโกะ แลนด์มาร์คของย่านนี้ ใครมาต้องถ่ายรูปท่าเดียวกัน

        ครึ้กครื้นมาก แต่ก็อันตรายอยู่เหมือนกันเพราะความที่คนเยอะ

        เที่ยวจนเกือบเที่ยงคืนก็เดินย้อนกลับมาสถานีนัมบะ นั่งสาย Shinnichime (สายสีชมพู) เหมือนเดิมไปลงที่สถานี Sakuragawa แวะ Lawson ซักนิดก่อนเข้าที่พัก

        ที่พักนี้จะราคาประมาณ 1200 บาท /คืน/คน มีบริการทุกอย่างดีมาก แค่จะไกลไปนิด เป็นเตียงใหญ่ 2 เตียงและเตียงโซฟา 1 เตียง มีเครื่องซักผ้าให้ด้วย มี Pocket Wi-fi ให้ด้วย (ในที่พักก็มี wifi ให้ใช้ แยกคนละส่วนกัน) ตัว pocket สามารถหยิบออกไปใช้ได้ เชื่อมต่อได้สูงสุด 4 คน ผมเลยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้และไม่ต้องจัดการเรื่องให้ยุ่งยากอีก

        บริเวณใกล้เคียงที่พัก

        สรุปของที่ได้มาในวันนี้ กลัวกระเป๋าจะไม่พอใส่เลยไม่กล้าซื้อมาเยอะ
ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่