Let's Eat รีวิว: Uzzie @ U Sukhumvit Hotel

เบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่เต็มๆคำ ถูกกกกสุดๆกับโปรเด็ดมากๆแค่ 1บาทเท่านั้น


Uzzie ชื่อห้องอาหารนี้ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ถ้าผมบอกว่าห้องอาหาร Uzzie เป็นห้องอาหารที่อยู่ใน U Sukhumvit Hotel หลายคนก็อาจจะยังขมวดคิ้วแล้วทำหน้างงๆอยู่ดี


U Sukhumvit Hotel เป็นโรงแรมที่มีอยู่ทั่วไทยเลยครับ ทั้งเชียงใหม่ หัวหิน กาญจนบุรี เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยา สมุย และกรุงเทพทั้งสาทรและสุขุมวิทครับ รวมถึงในต่างประเทศอย่างอินเดีย อินโดนีเซีย ลาวและเวียดนามครับ ส่วน U Sukhumvit Hotel อยู่ซอยสุขุมวิท15 (ซอยตรงข้าม Korea Town) เข้าจากหน้าปากซอยมา650เมตร เลยโรงเรียนวัฒนาเข้ามาอีกหน่อย ตัวโรงแรมจะอยู่ซ้ายมือเลยครับ ถ้ามารถสาธารณะ เดินไม่ไหวก็สามารถเรียกรถจากโรงแรมมารับได้ฟรีๆเลยครับ (02-651-3355) แล้วขากลับจะให้รถไปส่งที่ปากซอย หรือจะTerminal21 ได้อีกด้วย




ตัวโรงแรมจะเป็นโรงแรม Low Rise ตึกสีดำครับ คือมีแค่8ชั้นเท่านั้น จุดเด่นของโรงแรมนี้ที่ส่วนตัวผมชอบมากๆคือคุณมาเช็คอินหกโมงเย็น คุณก็สามารถเช็คเอ้าท์ออกได้เวลาเดียวกันในวันถัดไป หรือแม้แต่อาหารเช้าที่เป็นบุฟเฟ่ต์เสิร์ฟตั้งแต่เช้าจนถึงเกือบเที่ยง แต่ถ้าคุณตื่นบ่ายก็สามารถมาสั่งเป็นเซ็ตอาหารเช้าได้เช่นกัน หรือจะเลือกให้ขึ้นไปเสิร์ฟถึงบนห้องก็ยังได้ครับ







ห้องอาหาร Uzzie แปลว่า "ผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า" เป็นAll Day Dining ครับเข้าคอนเซ็ปที่ว่า"หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาาาา" อุ้ย….ไม่ใช่ครับ 55555 ก็ถือว่ามาได้ทั้งวันครับถึงดึกดื่นค่ำมืดกันเลย มีเชฟและกุ๊กคอยสแตนบายรังสรรค์เมนูให้ทานตลอดครับ  Uzzie เป็นห้องอาหารเล็กๆอยู่ชั้นลอยของโรงแรมเลยครับ เดินขึ้นบันไดมานิดเดียว รองรับแขกได้ไม่ถึง100ที่ดี แต่งโทนสีเข้มๆเน้นดูภูมิฐานดี

















เมนูของที่นี่มีทั้งไทยทั้งอินเดียทั้งตะวันตกครับ แต่ความหลากหลายต้องถือว่ายังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจสำหรับผมคือเมนูที่กำลังฮิตมากๆตอนนี้ มีขายเยอะมากๆด้วยครับ ทั้งตามโรงแรมต่างๆ หรือตามร้านที่เป็นFood Truckทั้งหลาย ราคาก็เริ่มจากหลักหลายสิบบาทไปจนถึงหลายร้อยบาทครับ นั่นก็คือ "Hamburger" ที่นี่จะมีเมนูพิเศษแยกออกมาอีกชุดนึงครับ เป็น U Signature Burgers& Sandwiches ครับ

ผมเริ่มจากเครื่องดื่ม เป็นGinger Cooler แก้วนี้เป็น Based Mojito ครับ แต่ใส่ขิงเข้าไปด้วย กลิ่นค่อนข้างโดดเด่นมากๆ ส่วนตัวชอบทานขิงมากๆครับ ยิ่งทานกับข้าวต้มปลาบ้าง หรือน้ำขิงบ้าง แต่พอมาอยู่แบบ Ginger coolerแล้วผมยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ครับ ขอเป็นVirgin Mojito ธรรมดาๆดีกว่า




เมนูเบอร์เกอร์ที่นี่จะมี The Big Boss และ The U classic ที่เป็นเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย  มีเบอร์เกอร์ปลากระพงอย่าง The Fish n' Cheese, The Big Beach และเบอร์เกอร์ผัก The V Deluxe

ส่วนเมนูแซนวิชที่นี่จะมี The Rock n' Roller ที่เป็น Smoked Salmon and Chaddar cheese, ส่วนแซนวิชปลาจะมี The Beachwich, ส่วนเมนูแซนวิชไก่จะมี The big Chick และ The Classic Clubครับ

ผมเป็นคนชอบทานเบอร์เกอร์เนื้อมากๆ ผมเลยจัดเมนูที่เด็ดที่สุดของที่นี่คือ The Big Boss (375บาท) ผมขอทางเชฟว่าเอาแบบไม่ต้องสุกมาก และที่สำคัญขอแบบJuicy ฉ่ำๆเลยครับ เมนูนี้จะเสิร์ฟมาบนเขียงไม้อันใหญ่มากๆ ตัวเบอร์เกอร์จะมีแฮมเบิร์กเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียขนาด180กรัม ชิ้นใหญ่พอสมควร เสิร์ฟมากับผักcos, พริกหวาน, มะเขือเทศ, ชีสและไข่ดาวครับ ส่วนนอกเซ็ตเบอร์เกอร์จะมีแอสพารากัสและเบคอนกรอบชิ้นกำลังดี บวกกับเฟรนฟรายด์ชิ้นใหญ่ๆ มาเพิ่มปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้หนักท้องไปทั้งวันได้ครับ ส่วนที่เป็นถ้วยเล็กๆ3ถ้วยจะเป็น Gherkin เป็นแตงกวาลูกเล็กๆดองครับ แล้วมี homemade mustard apple sauce และที่เด็ดสุดเป็นซอสมะขามครับ ดูแล้วนึกถึงนำ้พริกมะขามบ้านเราครับ ตอนนึกถึงทีแรกรสเปรี้ยวก็แทรกเข้ามาทำน้ำลายสอเลยครับ แต่พอชิมไปแล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดครับ เพราะหอมมะขามมาก รสชาตินวล เค็มๆนิดๆอร่อยมากๆๆๆครับ  ผิวสัมผัสคล้ายๆน้ำพริกผัดครับ แต่ไม่ได้มีรสเปรี้ยวเหมือนน้ำพริกทั่วๆไป ต้องลองมาชิมครับ











ตัวเนื้อแฮมเบิร์กผมบอกเชฟขอฉ่ำๆครับ ได้ดั่งใจมากๆ ชุ่มฉ่ำดีจริงๆครับ เนื้อมีกลิ่นเนื้ออ่อนๆ หอมกลิ่นไหม้นิดๆกำลังดี แต่รสชาติของตัวแฮมเบริ์กออกจากจืดๆไปหน่อยครับ เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ทานเบอร์เกอร์ใส่ซอสอะไรเลยครับ แต่ทางเชฟให้เหตุผลว่าอยากให้ทานคู่กับซอส Homemade ทั้งสองตัวทั้ง Mustard Apple Sauce และซอสมะขามครับ แต่ท้ายสุดแล้วผมก็เอาซอสทั้งสองตัวไว้สำหรับทานกับเฟรนฟรายด์ครับ 555555






ใช้ส้อมกดให้ดูว่าฉ่ำขนาดไหนครับ





อีกเมนูนึงจะเป็นแซนวิชปลากระพงครับชื่อ The Beachwich (295บาท) แซนวิชชิ้นใหญ่กว่า180กรัม เสิร์ฟมากับผักcos, พริกหวาน, มะเขือเทศ ราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของที่นี่ครับ เป็นซอสมาโยไข่กุ้ง พอให้ได้เคี้ยวกรุบๆ ประกบด้วยขนมปัง homemade ในเซ็ตจะมีเฟรนฟรายด์ ทาร์ทาร์ซอสและซอสมะเขือเทศครับ ตัวปลากระพงชุบแป้งทอดมาชิ้นใหญ่ๆครับ ที่นี่เค้าจะผสมเบียร์ด้วยครับ เพื่อที่เวลาทอดจะทำให้เนื้อปลาชุบแป้งทอดกรอบยิ่งขึ้นครับ เมนูนี้ทำให้ผมนึกถึงเมนู Fish n' Chips เลยครับ  













Banana Creme Blulee (180บาท) เป็นครีมบลูเล่กล้วยครับ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศครีมของ ete ผมเลือกเป็นวนิลลามาครับ แล้วก็มีกล้วยราดช็อคโกแลตวางเรียงตัวอยู่ข้างๆด้วย ส่วนตัวครีมบลูเล่จะไม่เบาเหมือนทั่วๆไปนะครับ ของที่นี่เนื้อจะแน่นกว่า อาจจะเป็นเพราะกล้วยมั้งครับ แต่ความเนียนนุ่มยังทำได้ดีมากและหอมกล้วยมากๆครับ







ผมไปทานสองคนเล่นเอาจุกเลยครับ ทานกันไม่หมดด้วย ขนมปังแซนวิชก็ทานไปแต่แผ่นเดียว ตัวขนมปังเบอร์เกอร์ก็ทานแค่ฝาเดียว เฟรนฟรายด์ก็ไม่หมด เยอะมากครับ เบอร์เกอร์กับแซนวิชที่นี่ราคาเริ่มต้นที่250บาท ไปจนถึง 375บาทครับ

******เขียนมาซะยาวแล้วราคา1 บาทนี่คืออะไรกันแน่ครับ โปรโมชั่นตลอดเดือนกรกฎาคมนี้คือ เพียงแชร์ภาพที่มีสัญลักษณ์ 1บาทจากเพจของโรงแรม(www.facebook.com/usukhumvitbangkok) ไปที่หน้าเฟสบุ้คตัวเอง ก็รับสิทธิทันที โดยสามารถเลือกอร่อยคำโตกับหลากหลายเมนูเบอร์เกอร์และแซนวิช สไตล์โฮมเมดสำหรับชิ้นที่ราคาน้อยกว่า ในราคาแค่ 1 บาทเท่านั้น****** คือต้องสั่งเซ็ตแรกก่อน แล้วแชร์รูปถึงจะสั่งเซ็ตที่สองที่ราคาถูกกว่าในราคาแค่1บาทครับ

ตัวอย่างรูปที่จะแชร์ครับ



อย่างที่ผมทานวันนี้เป็น The Big Boss ราคา375บาท ถ้าผมแชร์ภาพโปรโมชั่นของทางโรงแรม ผมจะจ่ายค่าแซนวิช The Beachwich จากราคา295บาท แต่ผมจ่ายแค่บาทเดียวครับ สองชุดนี้ราคาแค่ 376บาทเท่านั้นครับ ถูก อร่อย คุ้มและมีคุณภาพมากๆครับราคานี้ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ


ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ
2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ