สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 1 By วรางคณา

กระทู้สนทนา
สวัสดีพี่ๆทุกคนที่ติดตามผลงานของแม่มาตลอดนะคะ  เรื่องนี้แม่บอกว่าเป็นบทละครเกรด A ของแม่เลยทีเดียวฝากผลงานของแม่ด้วยนะคะ เชิญอ่านกันได้เลยคร่า

ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ  _/\_

>>>  สิ้นแสงสุริยา  ตอนที่  1  <<<

กลางดึกของฤดูฝน  ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก สายฟ้าที่สว่างวาบทำให้มองเห็นสายฝนที่กระหน่ำอย่างหนักจนขาวทึบ ฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาจนน้ำท่วมนองไปทั้งท้องทุ่ง ยามดึกที่ฝนตกลงมาอย่างหนักเช่นนี้ ทุกชีวิตนอนซุกกายหาไออุ่นอยู่ใต้ผ้าห่มภายในบ้านกันหมด แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนกอดห่อผ้าเอาไว้แนบอก เธอวิ่งไปตามร่องสวนที่มืดสนิท ทางที่เปียกและลื่น เธอจึงถลาลื่นจวนเจียนจะล้มหากกอดห่อผ้าแนบอกแน่น เธอวิ่งโซซัดโซเซมาจนถึงบ้านหลังเล็กกลางสวนเปียกปอนไปทั้งตัว

“  อาเอี้ยง  ”

เธอเรียกผู้ที่อยู่ในบ้านแข่งกับเสียงฝนที่เทกระหน่ำดังอื้ออึง

“  อาเอี้ยง  อาเอี้ยง  ”
“  ใคร  ใครมาเรียก  ”
“  อาเอี้ยงเปิดประตูหน่อย ฉันเอง  ”
“  ฉันน่ะใคร บอกชื่อมาสิวะ  ”
“  แรมจ่ะอา  แรมเอง  ”

แสงไฟภายในบ้านสว่างขึ้น ร่างของชายวัยกลางคนเปิดประตูออกมา

“  อาเอี้ยง  ”

หญิงสาวเซแซดๆเพราะตากฝนมานาน และวิ่งมาระยะทางไกลเธอจึงอ่อนล้าจนจะหมดแรงยืนไม่อยู่

“  นังแรม ทำไมเอ็งมากลางดึกกลางดื่นยังงี้ มา เข้ามาในบ้านเร็ว โธ่เอ๋ยเปียกม่อล่อกม่อแลก แล้วหอบอะไร  มาด้วยวะ  ”

แรมกอดห่อผ้าพอเข้ามาถึงในบ้านก็หมดแรงล้มลง

“  เฮ้ย นังแรม นี่เอ็งเป็นอะไร คงหนาวมากล่ะสิ เอาห่มผ้านี่ซะก่อนประเดี๋ยวตระคริวกินตาย  ”

ผู้เป็นอาส่งผ้าขาวม้าให้
  
“  อาเอี้ยงรับนี่ไป ไม่ต้องห่วงฉันเอาผ้ามาห่อทำให้อุ่นเร็ว  ”
“แรมส่งห่อผ้าที่กอดแนบอกมาให้อา  ”
“  อะไรวะ  ”

เอี้ยงรับห่อผ้ามาจากหญิงสาวแล้วรีบแก้ออกดู แกถึงกับตกใจที่เห็นเด็กทารกอยู่ในห่อผ้าลักษณะมันเด็กแรกเกิด

“  เฮ้ย เด็กนี่หว่า นังแรม เอ็งไปเอาลูกใครมา แล้วนี่มันตายแล้วมัง  ”
“  ไม่นะอา เมื่อกี้นี้เขายังดิ้นดุ๊บดิ๊บอยู่เลย อาเอาผ้าแห้งมาห่อเขาเร็ว ช่วยเขานะ อาต้องช่วยเขา  ”

เอี้ยงรีบไปเอาผ้าห่มมาห่อทารกน้อยที่นอนนิ่งเปียกไปทั้งตัว

“  นังแรม ลูกของใครหะ ข้าว่ามันตายแล้วนะ มันนิ่งยังงี้ตายแล้วแน่ๆ  ”

แรมร้องไห้โฮถลาเข้าไปหาร่างของทารกน้อย

“  ไม่นะคะ คุณหนูต้องไม่ตาย คุณหนูอย่าตายนะคะ คุณหนู  ”
“  นังแรม เด็กนี่ลูกใคร แล้วเอ็งเอามันมาทำไม  ”
“  อา อาช่วยเขาก่อน ช่วยคุณหนูก่อน ช่วยเขาให้รอด ช่วยเขาสิอา  ”

แรมร้องไห้ปากก็พร่ำวิงวอน เอี้ยงเอาร่างน้อยที่ห่อผ้ามาดูให้แน่ใจ ทารกน้อยยังหายใจรวยริน

“  ยังไม่ตายว่ะ แต่นิ่งอย่างนี้มันคงไม่รอด เอ็งอุ้มตากฝนมานานแค่ไหนวะ  ”
“  คุณหนู อย่าตายนะคะ คุณหนู อาหาทางช่วยคุณหนูด้วย เร็วสิอา  ”
“  เอ็งจะให้ข้าช่วยยังไงวะ ข้าไม่ใช่หมอ แล้วเอ็งก็ยังไม่บอกข้าสักทีว่าเอ็งไปเอาลูกใครมา แล้วทำไมถึงได้  พาตากฝนมาอย่างนี้ เอ็งอย่าบอกข้านะว่าเอ็งไปขโมยลูกใครเขามา  ”
“  แล้วฉันจะเล่าให้อาฟังนะ แต่ตอนนี้อาทำอย่างไรก็ได้ให้คุณหนูรอดก่อน นะอา   ”

แรมขอร้อง เอี้ยงมองทารกน้อยอย่างกังวน เด็กเงียบไม่ร้องสักแอะแสดงว่าอาการหนักมากแล้ว แกจะช่วยเด็กนี่ได้อย่างไร  แรมขอร้องวิงวอนอย่างน่าสงสาร

“  เอาอย่างนี้ ข้าจะกอดมันไว้ หากดวงมันแข็งก็คงไม่ตาย แต่ถ้ามันถึงคราวก็ต้องทำใจว่ะ เอ็งไปเปลี่ยนผ้าก่อนเถอะเดี๋ยวได้หนาวตาย กางเกงแพรกับเสื้อของข้าเอ็งคงพอใส่ได้ ทนใส่ไปก่อนดีกว่าอยู่เปียกๆอย่างนี้  ”

เอี้ยงกับแรมผลัดกันกอดทารกน้อยจนเกือบสว่าง ระหว่างนั้นแรมก็เล่าเรื่องสำคัญให้เอี้ยงฟัง

“  อาเอี้ยง เราต้องช่วยคุณหนูนะอา  ”
“  คุณหนู เอ็งเรียกเด็กนี่ว่าคุณหนู มันเป็นลูกของใครวะ  ”
“  เขาเป็นลูกเจ้านายของฉันเองจ่ะอา  ”
“  เฮ้ย  ลูกเจ้านาย แล้วเอ็งยิ้มไปเอาเขามาทำไม เดี๋ยวเขาได้พาตำรวจมาลากคอเอ็งกับข้าเข้าตารางฐานไปขโมยลูกเขา  ”
“  ฟังฉันก่อนอา ที่ฉันพาคุณหนูหนีมาก็เพราะคุณหนูกำลังจะถูกตามฆ่า  ”
“  หา  เด็กแดงๆเนี่ยเหรอจะถูกตามฆ่า  ”
“  ใช่  ไม่รู้ป่านนี้คุณผู้หญิงจะเป็นอย่างไรบ้าง อาพวกมันโหดร้ายจริงๆนะ มันต้องการฆ่าคุณหนู  ”
“  มันเรื่องอะไรกันวะ ถึงต้องตามฆ่าเด็กที่เพิ่งเกิดนี่  ”
“  คุณหนูเป็นลูกชายคนเดียว พวกนั้นต้องการฆ่าคุณหนูเพราะไม่ต้องการให้เธอได้มรดก  คุณหนูเป็นลูกเมียน้อย คุณผู้หญิงเป็นเมียน้อยเขา  ”
“  อะไรวะ ลูกเมียน้อย แล้วทำไมต้องฆ่า มันยังไงกันวะ  ”
“  อา ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก แต่คุณหนูกับคุณผู้หญิงถูกหมายปองชีวิตตั้งแต่คุณหนูยังอยู่ในท้อง และอัลตร้าซาวด์และรู้ว่าเธอเป็นผู้ชาย  ”
“  ฝีมือเมียหลวงเขาใช่ไหม  ”
“  ไม่ใช่หรอกอา เป็นอากับป้าของเขา พวกเขาร่วมมือกัน คุณผู้หญิงที่เป็นเมียหลวงเธอตายไปแล้ว  ”
“  เอ็งเล่าอะไรข้าฟังไม่รู้เรื่อง สรุปเด็กนี่ถูกพวกอากับป้าเขาตามล่าใช่ไหม  ”
“  ใช่แล้วอา พวกเขามีอิทธิพลมากเลยนะ คุณพ่อของเธอถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว ส่วนคุณผู้หญิง แรมว่าเธอคง  หนีไม่รอดแน่ อา อาต้องช่วยคุณหนูนะ  พาเธอหนีไป ไปให้ไกลที่สุด  ”
“  เฮ่ย ข้าจะพามันไปไหน เอ็งทำไมไม่พาไปเองวะ  ”
“  ไม่ได้หรอกอา พวกนั้นต้องตามล่าฉัน จนเจอแน่ เพราะมันรู้ว่าฉันเป็นคนพาคุณหนูมา  ”
“  มันจะรู้ได้ยังไงว่าเอ็งมานี่  ”
“  อา แค่นี้มันต้องตามจนเจอแน่  เอานี่อา คุณผู้หญิงมอบนี่ให้ฉันไว้ ให้ฉันพาคุณหนูหนี ฉันให้อา พรุ่งนี้อาพาคุณหนูไปจากที่นี่ ส่วนฉันจะหนีไปอีกทาง ถ้ามันตามหาฉันเจอแต่ไม่รู้ว่าใครพาคุณหนูไป คุณหนูจะได้ปลอดภัย  ”

แรมมอบกำไลกับแหวนเพชรให้กับเอี้ยงรวมทั้งสร้อยคอเพชรเส้นงาม

“  เอ็งไว้ใจข้าหรือแรม เอ็งถึงมอบของมีค่ากับเด็กนี่ให้ข้า  ”
“  จ่ะอา  อาเป็นคนดี อาต้องคุ้มครองคุณหนูได้แน่จ่ะ  ”
“  แต่มันจะรอดให้ข้าพามันหนีหรือเปล่าน่ะสิ  ป่านนี้มันยังไม่ร้อง แล้วนมก็ไม่มีให้กิน  ”

แรมมองเด็กน้อยอย่างเป็นห่วง

“  คุณหนูขา คุณหนูต้องไม่ตายนะคะ คุณหนูต้องอดทน อดทนให้สมกับเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่นะคะ  ”
“  มันชื่ออะไรวะนังแรม  ”
“  ชื่อสุรียาค่ะ แต่อาอย่าเรียกเขาว่าสุรียานะ เปลี่ยนชื่อให้เขาซะใหม่ จะเรียกอะไรก็ได้ ฉันต้องการให้เขาปลอดภัยที่สุด นี่อีกอย่างอาเก็บเอาไว้ด้วย มันสำคัญมาก คุณผู้หญิงมอบให้ฉันมา  ”

แรมดึงถุงแพรออกมาจากอกเสื้อ ภายในถุงแพรคือกระดาษที่เขียนอักษรด้วยลายมือหวัดแสดงว่าผู้เขียนรีบร้อนจะเขียนและมีลายเซ็นเซ็นทับสองลายเซ็น ทั้งมีตรารูปดวงอาทิตย์ประทับไว้บนลายเซ็น ข้อความบนแผ่นกระดาษคือ

“  ทุกสิ่งทุกอย่างของสุรียาบดีคือกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้องและชอบธรรมของ สุรียา สุรียาบดี แต่เพียงผู้เดียว  ”

ธารเทพ  สุรียาบดี

และในเช้ามืดของวันนั้น ฝนยังตกพรำๆ มีคนเห็นเอี้ยงคนงานเฝ้าสวนของเถ้าแก่ใช้ เดินหิ้วกระเป๋าฟางออกไปจากบ้าน และเขาก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านกลางสวนอีกเลย

ยี่สิบสามปีต่อมา ในจังหวัดหนึ่งของภาคเหนือ

“  ตะวัน เอ็งจะเข้าเมืองหรือ  ”
“  ครับ ตาจะเอาอะไรไหม  ”
“  ฝากเอาจดหมายนี่ไปส่งให้ตาหน่อยนะ อย่างอื่นไม่เอาอะไรหรอก  ”
“  ส่งจดหมายอีกแล้วนะตา ผมเห็นตาส่งแทบทุกเดือน จดหมายถึงใครหรือ  ”
“  เอ็งอย่ารู้เลย เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับล่ะ เดี๋ยวใครเขามาซื้อลำไยตาขายให้ไม่ถูก  ”
“  ไม่เห็นจะยากอะไร ตาก็ให้เขาขนเอา ผมเก็บใส่เข่งเอาไว้แล้ว ราคาก็เท่าที่เคยขาย  ผมไปนะแล้วจะรีบกลับ  ”

ตะวันเดินดุ่มไปที่รถปิคอัพและขับออกไป ตาเอี้ยงมองตามเด็กหนุ่มที่แกเลี้ยงดูมาถึงยี่สิบสามปีอย่างแสนรัก  แกพาสุรียา สุรียาบดีหนีมาอยู่ภาคเหนือ สร้อยคอเพชรที่แรมมอบให้มาคือทุนรอนที่แกเอามาเลี้ยงดูสุรียา เพราะมันเป็นเงินจำนวนที่ไม่ใช่น้อยเลยกับราคาสร้อยเพชรเส้นนั้น บวกกับหยาดเหงื่อ ความอดออมและความพยายาม แกจึงสร้างสวนลำใยขนาดห้าสิบไร่เอาไว้ให้สุรียา เป็นที่ทำกินและทุนรอนในการส่งเสียให้สุรียาเรียนจนจบมหาวิทยาลัย สุรียาในวันนี้คือ ตะวัน วงพรต หลายชายคนเดียวของตาเอี้ยง วงพรต ที่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก นอกจากตาเอี้ยงเพียงคนเดียว ตาเอี้ยงนั่งอ่านจดหมายฉบับล่าสุดที่ได้รับจากแรม

กราบอาเอี้ยงที่เคารพ
จดหมายฉบับนี้คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันจะส่งข่าวเหตุการณ์ทางนี้ให้อาได้รู้  คุณหนูคงหมดหวังได้ทรัพย์สมบัติของเธอคืนแล้วละ เพราะคุณทาทองกับคุณทุติยะ ป้าและอาของคุณหนูจัดการกับทรัพย์สินส่วนที่เป็นของคุณผู้ชายไปจนหมดแล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาไปโดยวิธีไหน  อาเอี้ยง ฉันคิดว่า อาคงพร้อมที่จะเล่าความจริงทุกอย่างให้คุณหนูฟังแล้วนะ ฉันเชื่อว่าเลือดสุรียาบดีในตัวของคุณหนู จะทำให้เธอกลับไปทวงทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนได้แน่นอน  ถึงเวลาแล้วที่ สุรียา  สุรียาบดีจะกลับสู่ฐานะจริงของเธอ
ตาเอี้ยงนั่งเหม่อมองขุนเขาที่สูงทะมึน ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี แกเฝ้าเลี้ยงดูทารกน้อยที่ถูกตามล่าจนเกือบตายในสายฝน หอบหิ้วข้ามน้ำข้ามภูเขาหลบหนีมาจนไกลโพ้น ทารกน้อยที่แสนน่าสงสาร เขาเลี้ยงง่าย อดทน และเชื่อฟังตาเอี้ยง ยิ่งโตความกตัญญูและใฝ่ดีทำให้ตาเอี้ยงรักเขาเหลือเกิน เด็กชายตะวันไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้ตาเอี้ยงเสียใจ จนย่างเข้าวัยหนุ่ม ตะวันก็ยังเป็นคนที่น่ารัก ใจเย็น เขามีจิตใจที่งดงาม มีความอ่อนโยน สมกับรูปร่างที่สมสง่างดงาม ตาเอี้ยงไม่อยากให้เขาต้องกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น  ตะวัน เป็นตะวัน  วงพรต ก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับไปเป็น สุรียา  สุรียาบดีอีก

ตะวันนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารข้างทาง ช่วงนี้เป็นเวลาเที่ยงคนจึงมากินกันเยอะ  เสียงเอะอะดังลั่นที่ร้านใกล้ๆกันจนคนที่มานั่งกินอาหารพากันหันมอง

“  ไม่มีเงินจ่ายเหรอ  ไม่มีเงินจ่ายแล้วยิ้มมากินได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่โรงทานนะโว้ย  ”

เจ้าของร้านข้าวแกงชี้หน้าด่าหญิงวัยกลางคน ที่แต่งตัวปอนๆนั่งก้มหน้าด้วยความอับอาย

“  ให้ฉันล้างถ้วยล้างชามชดใช้ให้ก็ได้นะจ๊ะ  ”
“  ไม่เอา คนล้างของกูมีแล้ว ไปหาตำรวจดีกว่า ถ้าไม่จ่ายเงินค่าข้าวค่าแกงนี่  ”
“  ฉันไม่มีจริงๆ ไม่มีเงินติดตัวเลย  ”

นางบอกเจ้าของร้านที่ยืนหน้าถทึงเอาเรื่อง หลายคนได้แต่มอง แต่ไม่มีใครคิดจะช่วย เพราะทุกคนคิดว่านี่คือเรื่องธรรมดา ในตัวเมืองอย่างนี้ คนจรจัดร่อนเร่มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ และคนพิการ

“  แต๋ว ไปตามตำรวจมา ลากคออีนี่ไปโรงพัก คนพวกนี้ต้องเอาเข้าตารางซะให้เข็ด ไม่งั้นมันก็เที่ยวไปกินฟรีเขาไปทั่ว  ”

เจ้าของร้านใช้ให้เด็กในร้านไปตามตำรวจ หญิงจรจัดคนนั้นถึงกับหน้าซีดรีบยกมือไหว้ขอร้อง

“  คุณคะ กรุณาเถอะ อย่าเอาตำรวจมาจับฉันเลย แล้วฉันจะหาเงินเอามาใช้ให้นะคะ กรุณาเถอะค่ะ  ”
“  หาเงิน งั้นก็รีบเอามาจ่ายสิ เอามาเดี๋ยวนี้  ”
“  โก  ฉันจ่ายให้เอง ป้าคนนี้แกกินของโกไปเท่าไหร่  ”

ตะวันทนไม่ได้ลุกเดินมาหาเจ้าของร้าน

“  อ้อ มีคนใจบุญจ่ายแทนให้ ดี จะได้ไม่ต้องถึงตำรวจ  ”
“  เท่าไหร่ ทั้งข้าวทั้งน้ำนั่น  ”
“  สามสิบบาท  ”
“  เงินแค่เนี้ยทำไมต้องให้เป็นเรื่องด้วยนะโก  ”
“  อ้าวคุณ ผมคนทำมาหากินนะ ไม่ใช่มูลนิธิ กำไรขายข้าวแกงนี่วันหนึ่งมันจะสักเท่าไหร่ ถ้าต้องแจกให้คนกินฟรีๆผมก็เจ๊งน่ะสิ  ”
“  โอเค โกไม่ต้องพูดมากแล้ว  ”

เขาหันไปทางหญิงจรจัด ที่ยืนมองเขาอย่างขอบคุณ

“  ป้า ทีหลังป้าหิวแล้วไม่มีเงิน ป้าก็บอกเจ้าของร้านเขาก่อนนะ บางทีเขาอาจจะให้ป้ากิน หรือไม่ให้ ป้าก็จะได้รู้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแบบนี้อีก  ”

ตะวันพูดจบก็เดินหันหลังกลับ เขาเดินไปที่รถที่จอดอยู่ไกลทีเดียว หญิงจรจัดเดินตามเขาไป ตะวันก้มไขกุญแจพอเงยหน้าก็ตกใจที่หญิงคนนั้นมายืนอยู่ใกล้ๆ



...พิมพ์พิลาสฒ์...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่