วันที่ 8 มิถุนายน 2558 เวลาประมาณ 21.30 - 21.40 ณ.ตู้ฝากเงิน CDM ของธนาคารกสิกรไทย สำนักงานย่อย BTS อ่อนนุช
ผมได้นำ
ธนบัตร 1,000 บาทจำนวน 17 ฉบับ
ธนบัตร 500 บาท จำนวน 4 ฉบับ
และ ธนบัตร 100 บาท จำนวน 10 ฉบับ
ไปฝากที่ตู้ดังกล่าว หลังจากที่ผมใส่เงินจำนวนทั้งหมดไปที่ตู้นั้น ตู้ทำการนับเงินและเด้งคืนธนบัตร 100 บาท มา 2 ฉบับ
หน้าจอแสดงผลว่ามีเงินอยู่ในเครื่องแล้วจำนวน 19,800 บาท และมีธนบัตรดังกล่าวไม่ผ่านจำนวน 2 ใบ ซึ่งหากจะฝากยอดดั่งกล่าวก็ต้องกดปุ่มฝากเพิ่ม เพื่อให้เครื่องนับธนบัตรใหม่ ผมก็ได้กดปุ่มฝากเพิ่มเครื่องเปิดทำงานอีกครั้ง ผมก็ได้ใส่ธนบัตรใบเดิม 2 ฉบับอีกครั้ง
ลิ้นชักเครื่องรับเงินก็ปิดลง หลังจากนั้นปรากฎว่าตัวเครื่องดับเป็นจอสีดำ จากนั้นเครื่องทำการ restart ตัวเอง ขึ้น Window XP แล้วเครื่องก็ค้างไปเลย ผมได้ทำการโทรแจ้งเรื่องกับ call center 02-888-8888 ทันที เจ้าหน้าที่ผู้รับสาย กล่าวให้รอผลตรวจสอบ 3-5 วันทำการ คือสาขาควรนัดเวลามาเปิดตู้และแจ้งกลับภายในวันรุ่งขึ้นหรือด่วยที่สุดหรือเปล่าครับ ลุกค้าทุกคนมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน ผมแจ้งว่าผมควรจะได้รับการทำเรื่องด่วนที่สุด อย่างน้อยวันรุ่งขึ้นต้องรู้ผล เพราะมีความจำเป็นส่วนตัว (เป็นใครก็ต้อเดือดเนื้อร้อนใจหรือเปล่าครับ ตู้กินเงินไปเราผู้เดือดร้อนก็สมควรจะได้รับเงินคืน ด่วนที่สุด)

วันรุ่งขึ้นผมติดต่อ callcenter ไปอีกครั้ง เหมือนเดิมต้องมานั่งอธิบายเรื่องราวใหม่ทั้งหมด เราก็บอกว่าเราต้องการนำเงินไปชำระ OB ของเรา คือผมจะฝากเข้าบัญชีหลักของผมก่อน แล้วค่อยโอนจากบัญชีหลักของผมเข้า OB เจ้าหน้าที่บอกว่า อีก20 นาทีจะติดต่อกลับ ผลคือเงียบ......

ผมก็โทรกลับไปใหม่ บอกเวลานี้จะโทรกลับ ผมก็รอครับ "ยังมาถามผมว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร เอ่อเงินผม ผมฝากเข้าบัญชีก็บัญชีผมผมจะนำไปใช้จ่ายอะไรมันก็เรื่องของผมหรือเปล่าครับ" รอแล้วรออีก ผลคือเงียบไปอีก...... ผมก็โทรกลับไปใหม่อีก
เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าท่านเจ้าของบัญชีต้องการใช้เงินเป็นการเร่งด่วนทางธนาคารจะคืนให้จำนวน 11,000 บาทก่อน แล้วจำนวนเงินที่เหลือ 9,000 บาท จะทำการสืบสวนเพิ่มเติมแล้วแจ้งกลับ

เราผู้เดือดร้อนมีความจำเป็นต้องใช้เงินหมุนสำหรับกิจการ ก็ต้องรับคืนมาก่อน 11,000 บาท แล้วอีก 9,000 บาทค่อยรอผลคงใช้เวลาไม่นานเชื่อว่าธนาคารคงจะติดตามและรับผิดชอบ ตลอด 3 สัปดาห์ มาเนี่ย ผมติดต่อตามเรื่องเองทุกครั้ง ได้รับคำตอบแบบบอกปัดว่ากำลังดำเนินการอยู่ทุกครั้ง อะไรจะดำเนินการนานขนาดนี้ครับ เบอร์โทรติดต่อสายตรงก็ไม่ให้ ถามชื่อคนดำเนินเรื่องก็ไม่ยอมบอก คือต้องโทรเข้า call center แล้วเจ้าหน้าที่รับสายมันก็ random ไปเรื่อยๆ แล้วก็อธิบายเล่าเรื่องใหม่ทุกครั้ง มันพาลให้หงุดหงิดมากนะครับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร/สาขาไม่ทำอะไรเลย ไม่ตามเรื่องอะไรให้เลย ไม่ติดต่อกลับมาอะไรเลย ทุกครั้งที่ได้เรื่องคือ ผมเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปที่ call center ทุกครั้ง

จนวันที่ 19 มิถุนายน 2558 ผมก็โทรไปตามเรื่องอีก เจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้เขียนแบบฟอร์มทักท้วงไม่ยอมรับผลของธนาคาร ให้เขียนด้วยลายมือบรรยายเรื่องราววันเกิดเหตุอย่างละเอียด ลงบนสำเนาบัตรประชาชน
ล่าสุด ณ.วันที่ 26/6/2558 เมื่อผมโทรเข้าไปตามเรื่อทักท้วง เพราะหลังจากที่ส่งเรื่องไปไม่มีการติดต่อกลับเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนเลย!!!!! (อีกแล้วและอีกแล้ว) เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเรื่องที่ทักท้วงไม่เป็นผล ธนาคารยืนยันที่จะไม่จ่ายส่วนที่เหลือให้เนื่องจาก ยืนยันมายอด 11,000 บาท เท่านั้น ความโกรธผมถึงขีดสุด แบบว่าไม่น่าเชื่อว่าทางธนาคารจะปัดความรับผิดชอบได้เพียงนี้เชื่อว่าเป็นใครใครก็โมโหครับ คือถ้ามีหน่วยงานไหนติดต่อกลับมาแนะนำว่าผมควรจะทำอย่างไร คอยติดตามลูกค้านั้นลุกค้าจะรู้สึกดีกว่านี้ครับ จนผมต้องกำชับเจ้าหน้าที่ call center คนล่าสุดที่ผมพูดสายด้วยว่า

ไปตามหน่วยงานไหนรับผิดชอบมา จะดูกล้องก็ควรจะติดต่อมาว่าควรทำแบบไหน และช่วยติดต่อกลับมาด้วย ปรากฎว่าสิ่งที่พูดไป เราผู้เสียหาย/ลูกค้า ต้องไปวิ่งเต้นทำเรื่องเองทั้งหมด แจ้งความ/ส่ง Fax /ตามเรื่องที่สาขาเอง คงต้องรอดูว่าผมจะได้รับความยุติธรรมจากทางธนาคารหรือเปล่า เพราะการดูกล้องมีอยู่สองตำแหน่งคือกล้องจากตู้ฝากเงินยิงเข้ามาหาผู้ใช้บริการ กับช่องใส่เงินแต่ตรงช่องใส่เงินเจ้าหน้าที่บอกว่าเราต้องรอภาพจากทางสำนักงานส่งกลับมาให้ดู

สรุปผู้เสียหายไม่ได้ดูกล้องด้วยตัวเองหรือครับ แล้วแบบนี้จะมีอะไรให้เชื่อใจเชื่อมั่นได้ว่าธนาคารจะไม่บิดพลิ้วครับ เพราะถ้าทางธนาคารเอาใจใส่ที่จะดำเนินเรื่องจริงคงจะการติดต่อกลับมาบ้าง นี่ไม่มีการติดต่อกลับจนกระทั่งผมต้องกำชับว่าติดต่อกลับ แจ้งผลการดำเนินเรื่องด้วย!!!! ถึงจะมีการติดต่อกลับมาบ้าง หวังว่าจะได้รับการแสดงความรับผิดชอบจากทางธนาคาร

‪#‎Kbank‬ ‪#‎การเงินการธนาคาร‬ ‪#‎กสิกรไทย‬ ‪#‎Kasikornbank‬ ‪#‎ธนาคาร‬ ‪#‎สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค‬ ‪#‎สคบ‬.