“...Chevrolet Cruze LTZ 1.8 AT, Toyota Altis 1.8V NAV AT, Honda City SV+ CVT, MG6 Fastback 1.8 D Turbo Sunroof, Mazda3 2.0S Sports...”
     เรียนท่านผู้อ่านกระทู้นี้ เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นการคิดส่วนตัวเท่านั้น โดยมีที่มาที่ไปจากที่ผมประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์เสียหายไม่สามารถซ่อมได้จึงคิดซื้อรถคันใหม่ อันมีเหตุผลส่วนตัวในการเลือกรถสักคันหนึ่งเท่านั้น ต่างจากการ Review รถทั่วไป(อย่าไปเทียบกับใครนะ อายเขา 555) และจากการรวบรวมข้อมูล การทดสอบรถด้วยตนเอง และความรู้ที่ได้มา เกิดจากประสบการณ์ตนเองล้วนๆ และเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ทำให้รู้สึกว่าอยากแชร์เรื่องราวของตนเองให้ผู้อื่นได้เรียนรู้ ติ-ชม จากประสบการณ์จริงๆ ของผม มันได้เปลี่ยนแนวคิด วิธีคิดในการมองหารถยนต์สักคันของผมที่เป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง มิได้ต้องการพาดพิง ให้ร้าย เข้าข้าง หรือมีอคติ ต่อผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง เพียงแต่ผมมี งบประมาณที่จำกัด จึงอยากขอให้ท่านที่สนใจในกระทู้นี้โปรดเข้าใจ อ่านทุกสิ่งอย่างให้เข้าใจ และควรอ่านให้จบ เพราะใช้เวลาในการหาข้อมูลตลอดหลังเกิดเหตุจนกระทั้งได้รถคันใหม่ จนได้มาเป็น Review ให้ได้ ติ-ชม ให้เป็นความรู้ที่ดีและสร้างสรรต่อไป ครับ

     วิธีการซื้อรถของผมนั้นเมื่อก่อน มีขั้นตอนเลือกรถแบบง่ายๆ ทั่วไป ซึ่งใครๆ ก็คงใช้วิธีนี้อยู่บ้าง ตามนี้เลยครับ
1.    ตั้งงบประมาณว่าจะใช้เท่าไร ซึ่งตั้งไว้ที่ 650,000 – 850,000 บาท กว่าๆ เป็นไปตามมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่พอจะซื้อรถได้สักคัน
2.    มองหาตามลักษณะการใช้งาน ผมเลือกที่ต้องเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อยๆ วิ่งยาวขับคนเดียว ไปเป็นครอบครัวบ้างบางครั้ง
3.    แล้วดู review ตาม internet ถามคนโน้น คนนี้ ที่พอจะเชื่อใจได้บ้าง
4.    ศูนย์บริการ ดีดี และยอดนิยม
5.    เอาที่ผมนั่งสบาย เหมาะกับสัดส่วน สูง 191 เซนติเมตร หนัก 78 กก.
6.    อื่นๆ ของแถม บ้างอะไรบ้าง อีกเพียบ

     ซึ่งคัดสรรแล้วแต่ไม่คิดอะไรมากหรอกครับจึงได้รถออกมาคือ Toyota Altis CNG1.6 E A/T 859,000 บาท ณ ปี 2012 ด้วยเหตุผลว่า เอาค่าน้ำมันไปผ่อนรถแทน เติมก๊าซธรรมชาติถูกดี ซึ่งก็ช่วยได้มากจริงๆ เรียกว่าคุ้มค่า ในแง่ของราคาเชื้อเพลิง ซึ่งออกต่างจังหวัดบ่อยคุ้มจริงๆ และได้ช่วงล่างที่ดีกว่านั้นเอง(ตาม spec sheet ที่ review ในอินเตอร์เน็ตบอกไว้) แต่แน่นอนอัตราเร่งต่างๆ มันสู้รถใน C Segment เดียวกันไม่ได้เลย ยิ่งเทียบ B Segment อย่างเช่น Honda City รุ่น 1.5 SV AT ABS AS (TOP) ราคา 704,000 บาท ณ ปี 2012 Honda City ดูจะคุ้มค่ากว่าเสียอีก
     ขับไปใช้งานนานกว่า 3 ปี ด้วยระยะทางกว่า 80000 กม. มีปัญหาเรื่องระบบก๊าซบ้างเล็กน้อยแต่ก็แก้ไขได้ ช่วงแรกค่าซ่อมบำรุงยังถูกอยู่เพราะไม่คิดค่าแรง แต่เมื่อเกิน 60000 กม. ไม่ถูกเลยนะครับ แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ก็นะใครก็ว่ารถ NGV ค่าบำรุงแพง ไม่อะไรมากครับยังคุ้มอยู่ มีพี่ข้างบ้านผมนี้เองที่ติดก๊าซเหมือนกัน ยกตัวอย่างที่กรองก๊าซ ที่ศูนย์ราคา 1,800 บาทไม่รวม VAT แต่ศูนย์ข้างนอกทั่วไป 600-800 บาทเท่านั้นเอง แน่ละก็ต้องมีคนบอกว่า อะไหล่แท้ต้องไป ศูนย์ Toyota เท่านั้น ก็แล้วแต่นะเพราะ part ตัวเดียวกันเลย copy ได้เหมือนมากๆ บางคนก็ว่า ผู้ติดตั้งไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญจาก Toyota งั้นผมเข้าศูนย์ก็ได้ จ่ายแพงหน่อย สบายใจไป สำหรับรถคันนี้
    ส่วนเรื่องการส่งเสริมการขายทุกยี่ห้อทุกศูนย์ เอาจริงๆ แทบไม่ต่างกันหรอก ไม่เกิน 5,000 เท่านั้นแหละ โอ้แม่เจ้า!!! เชื่อว่าหลายท่านคงเข้าใจอยู่แล้ว ซึ่งที่จริงผมเป็นคนที่พิถีพิถันมากสำหรับการเลือกซื้ออะไรที่เกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า เรียกว่ามีความรู้ระดับหนึ่งเลยหละ แต่ก็เลือกรถคันนี้เพราะประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค้าจริงๆ ผมเลยแกล้งลืมๆ ขอเสียมันไป
     แต่แล้วจุดเปลี่ยนของผมเกิดขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2558 เวลา ตี 5.30 น. ตามที่ลงไว้ในบันทึกประจำวันของทางตำรวจ ระหว่างเดินทางจาก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ช่วงฝั่งตรงข้ามโรงงานปูนซิเมนต์ TPI รอยต่ออำเภอแก่งคอยกับมวกเหล็ก จ.สระบุรี ระหว่างนั้นฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ แต่ตกไม่มาก แน่นอนว่าถนนลื่น บริเวณดังกล่าวเกิดเหตุบ่อยครั้ง ผมจึงค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะขับเป็นประจำ ผมขับอยู่เลนส์กลาง มีรถกระบะอยู่เลนส์ขวา ด้วยความเร็วประมาณ 80 – 90 กม.ต่อ ชม. แต่สิ่งไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ คือรถกระบะขับช้ากว่าที่ผมขับอยู่ รถผมก็ค่อยๆ แซง ย่ำว่าค่อยๆ แซง ตามความเร็วเดิม รถกระบะหักเข้าซ้ายกระทันหันในระหว่างนั้น(รถกระบะน่าจะหลับใน) ทำเอาผมตกใจ และหักหลบออกซ้ายเล็กน้อยซึ่งไม่น่ามีอะไร แต่นั้นกลับเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุคือท้ายรถสะบัดออกซ้ายทันที ผมดึงรถกลับมาได้แต่ก็ยังสะบัดออกขวาอีกครั้งและควบคุมไม่ได้อีกเลย ระบบ ABS ทำงานเสียงดังลั่น ปับ ปับ ปับ ... รถยังคงหมุนเสียหลักและเข้าชนที่กั้นปูนหรือแบริเออร์คอนกรีต ด้านซ้ายสุดของถนน จำนวน 23 แท่ง ตามที่มางประกันภัยสรุปมาให้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำลังว่างท่อก๊าซ ปตท. แล้วรถเด่งกลับไปในถนนอยู่เลนส์ 2 ซึ่งเป็นเลนส์ที่ผมขับอยู่ก่อนเกิดเหตุ








   รถไม่พลิกคว่ำ(คงเพราะถนนลื่นมาก) ผมไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว โชคดีมากๆ ผมไม่ได้ใส่พระใดๆ มีเพียงยันต์ของหลวงพ่อท่านหนึ่งเท่านั้น รถรุ่นนี้ดีจริงๆ ช่วยให้ผมปลอดภัยไร้รอยแมวข่วน แต่หลังจากพิจารณาแล้ว หลายต่อหลายครั้ง นอนไม่หลับไปหลายคืน จากเหตุการณ์นั้น ต้นเหตุมาจากกระบะคันนั้นจริงๆ แต่รถเราละมีระบบ Safety อะไรบ้างหละ??? โห! แม่เจ้าโว้ย! รถคันนี้ของผม ไม่มีถุงลม Air Bag ไม่มีระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) ไม่มีระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ไม่มีระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ฯลฯ แบบว่ามาหาข้อมูลทีหลังเอา ซึ่งรถคันนี้มีแค่ ABS, EBD แค่นั้น ตอนซื้อทำไมเราลืมเรื่งนี้ไป ซึ่งในสิ่งที่กล่าวมา ถ้ามีระบบเหล่านั้น ผมคงขับต่อไปได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิด แต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้มีสิ่งเหล่านี้ดีกว่า เพราะหลังเกิดเหตุสิ่งที่ผมคิดตอนนั้น คือลูกผมเพิ่งจะ 4 เดือนเท่านั้น ภรรยาต้องเป็นม่ายดูแลลูกเพียงลำพัง ฯลฯ หลายท่านคงเข้าใจ แต่นั้นยังไม่พอครับ แล้วถ้าลูกและภรรยาอยู่ในรถด้วยหละ......!? จุดเปลี่ยนแนวคิดการเลือกซื้อรถเปลี่ยนไปในทันทีและน่าจะตลอดกาล

   แนวคิดใหม่ ตามนี้เลยครับ
1.    รถควรมีระบบความปลอดภัยทั้งหมดทั้งมวลยิ่งมากยิ่งดีเกินมาตรฐานเลย ในไทยมีเป็นมาตรฐานตามกฎหมายแค่ไม่กี่อย่างซึ่งแน่นอน คือ Air Bag, ABS System, EBD, มาตรฐานตัวถังรถ แบบเบสิคในปี 2015 และขาดไม่ได้จะต้องมีระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) มีระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) หรืออะไรที่ทดแทนกันได้ แบบว่าหลอนครับ ต้องจัดเยอะๆ อิอิ
2.    ตั้งงบประมาณว่าจะใช้เท่าไร ซึ่งตั้งไว้ที่ 700,000 – 900,000 บาท สูงขึ้นจากเดิมเพราะหวังว่ามี safety ที่มากขึ้น หรือถ้าแพงกว่าถ้าสู้ไหวผมก็จะลองพิจารณาดู จะมีส่วนลดอะไรก็ค่อยว่ากัน
3.    เลือกสมรรถนะรถให้ละเอียดมากขึ้น เน้นความปลอดภัยทั้งโครงสร้าง ยึดหลักมาตรฐานสากลเน้นยุโรปเลย สำหรับเครื่องยนต์ อัตราเร่งขอไว้ test drive เป็นการส่วนตัวอีกที
4.    เอาที่ผมนั่งสบาย เหมาะกับสัดส่วน สูง 191 CM. หนัก 78 กก.
5.    ศูนย์บริการ แน่นอนผมลังเลเล็กน้อยกับ Toyota จริงๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แพงเฉยๆ ถ้าไม่แพง ศูนย์บริการจะเอารายได้จากไหน
6.    อื่นๆ ของแถม บ้างอะไรบ้าง อีกเพียบ
และนี้คือรถที่อยู่ใน List ของผม จาก internet จากงาน Motor Show 2015 ซึ่งได้ลอง Test Drive แบบสุดเหวี่ยง ทั้งหมดแล้วจากในงาน ใช้เวลาแทบทุกวันตลอดการจัดงาน สรุปมีดังนี้

   และนี้คือรถที่อยู่ใน List ของผม จาก internet จากงาน Motor Show 2015 ซึ่งได้ลอง Test Drive แบบสุดเหวี่ยง ทั้งหมดแล้วจากในงาน ใช้เวลาแทบทุกวันตลอดการจัดงาน สรุปมีดังนี้
1.    Chevrolet Cruze LTZ 1.8 AT ราคา 998,000 บาท Test Drive รุ่น Top
2.    Ford Focus 1.6L Ti-VCT Trend 6-Speed PowerShift AT ราคา 839,000 บาท Test Driveรุ่น Top
3.    Ford ECOSPORT Titanium ราคา 844,000 บาท Test Driveรุ่น Top
4.    Toyota Altis 1.8V NAV AT รุ่น Top ราคา 1,069,000 บาท Test Drive รุ่น Top
5.    Honda City SV+ CVT รุ่น Top ราคา 751,000 บาท ไม่ได้ Test Drive
6.    MG6 Fastback 1.8 D Turbo Sunroof รุ่นรอง Top ราคา 988,000 บาท Test Drive รุ่น Top
7.    Mazda3 2.0S Sports รุ่นรอง Top ราคา 974,000 บาท Test Drive รุ่น Top

     ผมโชคดีที่ทำงานใกล้ที่จัดงาน เดินทางสะดวก ได้ทดสอบด้วยตนเองไม่ต้องง้อ Review เก่าๆ ข้ามปี หรือ ชอบเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ที่ทำให้คนบนโลก Social หรือ Internet ยังเข้าใจสิ่งเก่าๆ ที่รถหลายค่ายเขาแก้ไขปัญหา ข้อด่อยและข้อเสียกันไปหมดแล้วหลายต่อหลายรุ่นด้วยกัน (ผมคิดว่า Review ต่างๆ ผู้เสพสื่อควรต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ด้วยนะครับ) แต่ที่คิดว่า OK ก็เท่าที่เลือกมานี้แหละครับ แนะนำว่าให้ลอง Test Drive ก่อน อย่างเพิ่งอ่าน Spec sheet หรือ review ใดๆ เพราะอาจเป็นอคติในการเลือกรถได้ และไม่ได้ความรู้สึกจริงในการขับขี่ ซึ่งมันก็เหมาะกับผมดีนะ ย่ำว่าเหมาะกับผมเอง ท่านใดจะลองบ้างก็ได้ครับ สำหรับราคารถก็อาจเกินเกณฑ์ไปบ้าง แต่น่าสนใจว่า ถ้าราคาต่ำกว่านี้ ความปลอดภัยก็ไม่มีอย่างที่ผมต้องการแน่นอน เรียกได้ว่าเลือกความปลอดภัยมาก่อน แต่เนื่องจากผมเคยขับ Honda City ZX และ Toyota Altis มาก่อน โดยส่วนตัวจึงยังจัดให้อยู่ใน List และขอเลือกรถใน C Segment อย่างเดียวดีกว่าครับ จึงตัด Ford ECOSPORT Titanium ที่ Ford บอกว่าเป็น SUV กับ Ford Focus ออก ตกรอบก่อนรองชะเลิศไป แต่ยังคง Honda City SV+ CVT ไว้ บางท่านคงสงสัยว่าทำไมเอา Ford Focus ออก
     เหตุผลง่ายๆ ดังนี้ครับ
1.    ณ วันนั้นช่วงเดือนมีนาคม 2014 มีข่าวว่า Ford Focus กำลังจะออกตัวใหม่ ถ้าซื้อไปตกรุ่นแน่ ผมก็เชื่อข่าวลือนิดหน่อยครับ แต่ก็ตรวจสอบมาดีแล้ว แต่กว่าจะมาไทย ของเก่าก็ต้องขายให้หมดก่อน เรื่องปกติครับ ..แหะๆ..
2.    เท่าที่ลอง Test Drive แล้วผมไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะเหมือนหัวเข่าผมติดนิดๆ หน่อยๆ เหมือนรถมันเล็กๆ อึดอัดเล็กน้อย
3.    ช่วงล่างเวลาเข้าโค้งมันก็โอเค แต่ยังไม่หนึบเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ครับ
     จริงๆ ตัดใจยากอยู่นะครับ แต่ก็ต้องยอมถ้าเยอะไปเดียวตัดสินใจยากอีก ที่เหลือผมจะได้ทำการเปรียบเทียบ ให้เห็นว่าผม เลือกความปลอดภัยอะไรไว้บ้าง ซึ่งความปลอดภัยของผมนั้น หมายถึงรวมอุปกรณ์ช่วยเสริมให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ เพิ่มบางอย่างด้วย

เดี๋ยวค่อยมาต่อพ้กแป๊ป