ความเดิมตอนนู้น EP.1 :
http://pantip.com/topic/33565928
ความเดิมตอนที่ผ่านมา EP.2 :
http://pantip.com/topic/33655122
สำหรับสถานที่ต่อไปที่จะแนะนำเนี่ย จะออกจากตัวเมืองมิวนิคไปนิดนึง
เป็นอีกอำเภอเล็กๆ ในเมืองมิวนิค ชื่อว่า “โอเบอร์ชไลซ์ไฮม์” ครับ (Oberschleißheim)
สำหรับการเดินทาง เราจะต้องนั่งรถไฟออกจาก Zone 1 ไป ซึ่งจะอยู่ที่ Zone 2 ใครที่ซื้อบัตร Zone 1 อย่างเดียวอย่างผมก็ต้องซื้อเพิ่มละครับ มีหลายทางเลือก จะซื้อแบบรอบเดียวก็ได้ แต่ผมเลือกแบบ
Stripe Ticket 10 แถบ 12.50 ยูโร วิธีใช้ก็ไม่ยากเลย นั่งในโซนปั้ม 1 แถบต่อครั้ง ข้าม 1 โซน เช่น 1-2 2-3 ก็ปั้ม 2 แถบครับ (จะมีเครื่องปั้มตั๋วหน้าทางเข้าชานชะลาอยู่) วิธีก็คือเว้นแถวแรก ปั้มแถว 2 จะถือว่า ปั้ม 2 แถวครับ
วิธีไปที่นี่ก็นั่ง S Bahn สาย 1 ลงที่ Oberschleißheim (สาย 1 จะมี 2 ปลายทาง ลงสนามบินหรือ Freising เราจะขึ้นขบวนไหนก้ได้ครับ ทางเดียวกัน)
สำหรับผม ผมนั่งไปลงที่ Feldmoching เพราะจะลองไปดูสถานีที่เค้าว่าสวยๆของ U2 ครับ (ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ) ขากลับกลับทาง U3 แทน
สำหรับที่เที่ยวหลักๆ ในเมืองนี้เราจะไปกันที่ Deutsches Museum Flugwerft Schleißheim
ซึ่งเป็นอีกสาขาหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่ได้พูดถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง
ที่นี้จะจัดแสดงเฉพาะเครื่องบินและการบิน ตั้งอยู่ใกล้สนามบินเก่าที่ใช้ในสมัยสงครามกับการทหารครับ
อีกที่คือพระราชวัง Schleißheim ข้างในจะมีพระราชวัง 3 หลังรวมกัน รายละเอียดค่อยกล่าวถึงนะครับ
ออกจากสถานีก็จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์เครื่องบินเรื่อยๆครับ
แต่อยู่ๆ ป้ายก็จะหายไป 555555 ต้องอาศัยแผนที่กับการถามเอา
เดินประมาณ 1 กิโลเศษๆครับ เพลินๆ แปปเดียวก็ถึงแล้ว
ระหว่างทางง
ค่าตั๋วก็เช่นเดิม มีราคาทั่วไป กับแบบ Reduction นักเรียน นศ. โชว์บัตรก็ได้ลดตามเคย
มาตอนเช้าของวันจันทร์แบบนี้ คนจึงแทบไม่มีเลย 555555
พร้อมแล้วก็ฝากของไว้ แล้วก็เข้าไปกันเลย
โถงแรกที่จะเจอ จะมีเครื่องบินสมัยโบราณ ตั้งแต่ยุคแรกๆของการบุกเบิกเรื่องการบินเลย
(จริงๆมีเจ้าโครงไม้ ที่เค้าจะทำเป็นปีกให้คนบินด้วยครับ แต่ไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ -__-)
ต่อไปก็เข้าไปส่วนของการบินยุคปัจจุบันกันเลย
แค่ทางเข้าก็ดูดีแย้วววว
มุมกว้างๆ
หลังจากนั้น เราก็จะไปยังพระราชวังทั้ง 3 กัน อยู่ใกล้ๆกันเลย มีป้ายบอกทาง ไม่แน่ใจก็ถามจากเจ้าหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์ได้ครับ
สำหรับที่นี้ เราจะซื้อตั๋วจากวังไหนก็ได้ จะมีทั้งหมด 3 วัง ที่ใกล้ทางเข้าที่สุดก็จะเป็น Neues Schleissheim, Altes Schleissheim และก็ Lustheim ซึ่งจะตั้งอยู่ไกลมากกกกก ตั๋วรวม หรือเดี่ยวก็ได้ครับ ผมซื้อตั๋วรวมที่วังหลังเก่าครับ สำหรับวังหลังเก่าหรือ Altes Schleissheim จะจัดแสดงเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เป็นหลักครับ จะมีของในสมัยโบราณเช่นเหรียญ ชุดบ้าง แต่ไม่มากเท่าครับ มีแต่ภาษาเยอรมันด้วย ผมเลยเดินรอบๆ ดูเรื่อยๆ แล้วก็ออกมาครับ ไม่ได้ถ่ายอะไรมา เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไรครับ -_-
ถัดมาก็จะไปต่อกันที่ Neues Schleissheim ซึ่งเป็นวังหลังใหม่ ค่อนข้างใหญ่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหลังเก่าเลยครับ ข้างในให้อารมณ์คล้ายๆกับ Nymphenburg อยู่เหมือนกันครับ
ห้องต่างๆ
มองออกไปข้างนอกระเบียงครับ
จากนั้นก็ออกไปสำรวจสวนด้านหลังกันครับ
ไม่ได้ถ่าย Lustheim มาเลยครับ จริงๆเป็นวังเล็กๆน่ารักๆ แต่ข้างในซ่อมทั้งนั้นเลยครับ มีแต่นั่งร้านกับผ้าดำๆ ที่พอจะมีโชว์อยู่ก็มีพวกเครื่องเซรามิกส์ต่างๆครับ
ต่อไปเป็นที่ที่น่าสนใจอีกที่นึงเลยครับ นั้นก็คือ Olympiapark นั้นเอง ผมอาจจะเคยกล่าวไว้ตอนต้นๆแล้วเนอะ แต่ก็จะมาลงรายละเอียดกันหน่อยยย
วิธีไปก็เช่นเดิมครับ ง่ายๆ นั่ง U3 ไปลงป้าย Olympiazemtrum ครับ เดินเลย BMW Welt มา ข้ามสะพานลอยตามหอคอยมาเรื่อยๆครับ
อันดับแรกก่อนเลยคือการขึ้นลิฟท์ไปยังยอดหอคอยครับ ข้างบนหอคอยจะใช้เป็นเสาสัญญาณโทรทัศน์ได้ด้วยครับ
ลิฟต์ที่เรากำลังจะขึ้นนี้ มีความเร็วอยู่ที่ 7 m/s ครับ จากฐานถึงยอดที่เข้าชมได้ใช้เวลา 30 วินาทีครับ โดยเสียค่าขึ้นอยู่ที่ 5.50 ยูโรครับ
เมื่อถึงยอด จะเป็นห้องกระจกก่อนนะครับ ยังไม่ใช่ดาดฟ้าที่เปิดกว้าง ที่กระจกแต่ละบานก็จะบอกไว้ครับ ว่ายอดเขาที่เห็นชื่ออะไร สูงเท่าไหร่ เมืองไหนอยู่ทิศไหน ตึกนั้นชื่ออะไร ฯลฯ ครับ
จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้ากันครับ
นี้คือวิวที่มองออกไป ไม่มีตึกสูงๆเท่าไหร่เลย
เมื่อเดินรอบๆแล้ว ก็ลงมาเดินสำรวจตัวสวนสาธารณะส่วนที่เหลือต่อครับ
ซึ่งในสวนนี้ก็จะมีโรงหนังกลางแปลงด้วยครับ แล้วก็มีอุปกรณ์ตกปลา ลูกบอลที่เล่นในน้ำ ฯลฯ ให้เช่าครับ
บางครั้งก็จะมีคอนเสิร์ตมาจัดด้วยครับ
ที่เห็นเป็นหลังคากระจกทรงประหลาดนั้น มีกิจกรรมให้ทำคือไปเดินบนหลังคาด้วยครับ 555 แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องทำไง
เห็นเนินเขาแบบนี้แล้วนึกถึงเทเลทับบี้ทุกทีเลยย
มีเด็กๆมาทัศนศึกษาด้วย
ฝากท้องกับคาเฟ่แถวๆนี้ ราคาไม่แพง
ปิดด้วยสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาครับ
ต่อไปเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองมิวนิคครับ Englischer Garten หรือ English Garden นั้นเอง ข้างในก็จะมี Chinische Turm (Chinese Tower) กับ Japanisches Teehaus (Japanese Tea House) ครับ (555 มาอยู่ด้วยกันได้ไง)
และนี้ก็คือหอคอยจีนที่ว่าครับ ข้างล่างรอบๆจะเป็นลานเบียร์ครับ หรือ Biergarten นั้นเอง ซึ่งอาหารที่นี่ก็ไม่ผิดหวังครับ
วันนี้ร้อนมากครับ เลยหาไอติมกินซะหน่อยยย
แผนที่คร่าวๆครับ
มีเด็กๆมาทัศนศึกษาอีกแว้ว
มุมกว้างจากมุมบน (เอ๊ะ)
วิหารอะไรสักอย่างครับ (เปิดในเน็ตเค้าเรียกว่า Monopteros ครับ)
มีคนเล่นน้ำ ล่องเรือทั่วไปครับ (ซึ่งมีป้ายห้ามอยู่ทุกหนแห่ง...)
มีนอนนู้ดอาบแดดทั่วไปครับ
และนี้ก็คือ Japanese Tea House ครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่ซีกล่างครับ จริงๆมีซีกบนอีก แต่ผมเดินออกมาไกลมาแล้วครับ เลยไม่ได้กลับไป
ตอนหน้า จะพาไปอีก 2 เมืองที่อยู่ห่างออกไปจากมิวนิค แต่เราจะยังคงอยู่ในรัฐบาวาเรียนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามชมมากๆครับ ^^
[CR] [CR] 33 days in Germany - เดินเที่ยวมั่วทั่วมิวนิค EP.3 - Oberschleißheim
ความเดิมตอนที่ผ่านมา EP.2 : http://pantip.com/topic/33655122
สำหรับสถานที่ต่อไปที่จะแนะนำเนี่ย จะออกจากตัวเมืองมิวนิคไปนิดนึง
เป็นอีกอำเภอเล็กๆ ในเมืองมิวนิค ชื่อว่า “โอเบอร์ชไลซ์ไฮม์” ครับ (Oberschleißheim)
สำหรับการเดินทาง เราจะต้องนั่งรถไฟออกจาก Zone 1 ไป ซึ่งจะอยู่ที่ Zone 2 ใครที่ซื้อบัตร Zone 1 อย่างเดียวอย่างผมก็ต้องซื้อเพิ่มละครับ มีหลายทางเลือก จะซื้อแบบรอบเดียวก็ได้ แต่ผมเลือกแบบ Stripe Ticket 10 แถบ 12.50 ยูโร วิธีใช้ก็ไม่ยากเลย นั่งในโซนปั้ม 1 แถบต่อครั้ง ข้าม 1 โซน เช่น 1-2 2-3 ก็ปั้ม 2 แถบครับ (จะมีเครื่องปั้มตั๋วหน้าทางเข้าชานชะลาอยู่) วิธีก็คือเว้นแถวแรก ปั้มแถว 2 จะถือว่า ปั้ม 2 แถวครับ
วิธีไปที่นี่ก็นั่ง S Bahn สาย 1 ลงที่ Oberschleißheim (สาย 1 จะมี 2 ปลายทาง ลงสนามบินหรือ Freising เราจะขึ้นขบวนไหนก้ได้ครับ ทางเดียวกัน)
สำหรับผม ผมนั่งไปลงที่ Feldmoching เพราะจะลองไปดูสถานีที่เค้าว่าสวยๆของ U2 ครับ (ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ) ขากลับกลับทาง U3 แทน
สำหรับที่เที่ยวหลักๆ ในเมืองนี้เราจะไปกันที่ Deutsches Museum Flugwerft Schleißheim
ซึ่งเป็นอีกสาขาหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่ได้พูดถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง
ที่นี้จะจัดแสดงเฉพาะเครื่องบินและการบิน ตั้งอยู่ใกล้สนามบินเก่าที่ใช้ในสมัยสงครามกับการทหารครับ
อีกที่คือพระราชวัง Schleißheim ข้างในจะมีพระราชวัง 3 หลังรวมกัน รายละเอียดค่อยกล่าวถึงนะครับ
ออกจากสถานีก็จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์เครื่องบินเรื่อยๆครับ
แต่อยู่ๆ ป้ายก็จะหายไป 555555 ต้องอาศัยแผนที่กับการถามเอา
เดินประมาณ 1 กิโลเศษๆครับ เพลินๆ แปปเดียวก็ถึงแล้ว
ระหว่างทางง
ค่าตั๋วก็เช่นเดิม มีราคาทั่วไป กับแบบ Reduction นักเรียน นศ. โชว์บัตรก็ได้ลดตามเคย
มาตอนเช้าของวันจันทร์แบบนี้ คนจึงแทบไม่มีเลย 555555
พร้อมแล้วก็ฝากของไว้ แล้วก็เข้าไปกันเลย
โถงแรกที่จะเจอ จะมีเครื่องบินสมัยโบราณ ตั้งแต่ยุคแรกๆของการบุกเบิกเรื่องการบินเลย
(จริงๆมีเจ้าโครงไม้ ที่เค้าจะทำเป็นปีกให้คนบินด้วยครับ แต่ไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ -__-)
ต่อไปก็เข้าไปส่วนของการบินยุคปัจจุบันกันเลย
แค่ทางเข้าก็ดูดีแย้วววว
มุมกว้างๆ
หลังจากนั้น เราก็จะไปยังพระราชวังทั้ง 3 กัน อยู่ใกล้ๆกันเลย มีป้ายบอกทาง ไม่แน่ใจก็ถามจากเจ้าหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์ได้ครับ
สำหรับที่นี้ เราจะซื้อตั๋วจากวังไหนก็ได้ จะมีทั้งหมด 3 วัง ที่ใกล้ทางเข้าที่สุดก็จะเป็น Neues Schleissheim, Altes Schleissheim และก็ Lustheim ซึ่งจะตั้งอยู่ไกลมากกกกก ตั๋วรวม หรือเดี่ยวก็ได้ครับ ผมซื้อตั๋วรวมที่วังหลังเก่าครับ สำหรับวังหลังเก่าหรือ Altes Schleissheim จะจัดแสดงเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เป็นหลักครับ จะมีของในสมัยโบราณเช่นเหรียญ ชุดบ้าง แต่ไม่มากเท่าครับ มีแต่ภาษาเยอรมันด้วย ผมเลยเดินรอบๆ ดูเรื่อยๆ แล้วก็ออกมาครับ ไม่ได้ถ่ายอะไรมา เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไรครับ -_-
ถัดมาก็จะไปต่อกันที่ Neues Schleissheim ซึ่งเป็นวังหลังใหม่ ค่อนข้างใหญ่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหลังเก่าเลยครับ ข้างในให้อารมณ์คล้ายๆกับ Nymphenburg อยู่เหมือนกันครับ
ห้องต่างๆ
มองออกไปข้างนอกระเบียงครับ
จากนั้นก็ออกไปสำรวจสวนด้านหลังกันครับ
ไม่ได้ถ่าย Lustheim มาเลยครับ จริงๆเป็นวังเล็กๆน่ารักๆ แต่ข้างในซ่อมทั้งนั้นเลยครับ มีแต่นั่งร้านกับผ้าดำๆ ที่พอจะมีโชว์อยู่ก็มีพวกเครื่องเซรามิกส์ต่างๆครับ
ต่อไปเป็นที่ที่น่าสนใจอีกที่นึงเลยครับ นั้นก็คือ Olympiapark นั้นเอง ผมอาจจะเคยกล่าวไว้ตอนต้นๆแล้วเนอะ แต่ก็จะมาลงรายละเอียดกันหน่อยยย
วิธีไปก็เช่นเดิมครับ ง่ายๆ นั่ง U3 ไปลงป้าย Olympiazemtrum ครับ เดินเลย BMW Welt มา ข้ามสะพานลอยตามหอคอยมาเรื่อยๆครับ
อันดับแรกก่อนเลยคือการขึ้นลิฟท์ไปยังยอดหอคอยครับ ข้างบนหอคอยจะใช้เป็นเสาสัญญาณโทรทัศน์ได้ด้วยครับ
ลิฟต์ที่เรากำลังจะขึ้นนี้ มีความเร็วอยู่ที่ 7 m/s ครับ จากฐานถึงยอดที่เข้าชมได้ใช้เวลา 30 วินาทีครับ โดยเสียค่าขึ้นอยู่ที่ 5.50 ยูโรครับ
เมื่อถึงยอด จะเป็นห้องกระจกก่อนนะครับ ยังไม่ใช่ดาดฟ้าที่เปิดกว้าง ที่กระจกแต่ละบานก็จะบอกไว้ครับ ว่ายอดเขาที่เห็นชื่ออะไร สูงเท่าไหร่ เมืองไหนอยู่ทิศไหน ตึกนั้นชื่ออะไร ฯลฯ ครับ
จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้ากันครับ
นี้คือวิวที่มองออกไป ไม่มีตึกสูงๆเท่าไหร่เลย
เมื่อเดินรอบๆแล้ว ก็ลงมาเดินสำรวจตัวสวนสาธารณะส่วนที่เหลือต่อครับ
ซึ่งในสวนนี้ก็จะมีโรงหนังกลางแปลงด้วยครับ แล้วก็มีอุปกรณ์ตกปลา ลูกบอลที่เล่นในน้ำ ฯลฯ ให้เช่าครับ
บางครั้งก็จะมีคอนเสิร์ตมาจัดด้วยครับ
ที่เห็นเป็นหลังคากระจกทรงประหลาดนั้น มีกิจกรรมให้ทำคือไปเดินบนหลังคาด้วยครับ 555 แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องทำไง
เห็นเนินเขาแบบนี้แล้วนึกถึงเทเลทับบี้ทุกทีเลยย
มีเด็กๆมาทัศนศึกษาด้วย
ฝากท้องกับคาเฟ่แถวๆนี้ ราคาไม่แพง
ปิดด้วยสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาครับ
ต่อไปเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองมิวนิคครับ Englischer Garten หรือ English Garden นั้นเอง ข้างในก็จะมี Chinische Turm (Chinese Tower) กับ Japanisches Teehaus (Japanese Tea House) ครับ (555 มาอยู่ด้วยกันได้ไง)
และนี้ก็คือหอคอยจีนที่ว่าครับ ข้างล่างรอบๆจะเป็นลานเบียร์ครับ หรือ Biergarten นั้นเอง ซึ่งอาหารที่นี่ก็ไม่ผิดหวังครับ
วันนี้ร้อนมากครับ เลยหาไอติมกินซะหน่อยยย
แผนที่คร่าวๆครับ
มีเด็กๆมาทัศนศึกษาอีกแว้ว
มุมกว้างจากมุมบน (เอ๊ะ)
วิหารอะไรสักอย่างครับ (เปิดในเน็ตเค้าเรียกว่า Monopteros ครับ)
มีคนเล่นน้ำ ล่องเรือทั่วไปครับ (ซึ่งมีป้ายห้ามอยู่ทุกหนแห่ง...)
มีนอนนู้ดอาบแดดทั่วไปครับ
และนี้ก็คือ Japanese Tea House ครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่ซีกล่างครับ จริงๆมีซีกบนอีก แต่ผมเดินออกมาไกลมาแล้วครับ เลยไม่ได้กลับไป
ตอนหน้า จะพาไปอีก 2 เมืองที่อยู่ห่างออกไปจากมิวนิค แต่เราจะยังคงอยู่ในรัฐบาวาเรียนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามชมมากๆครับ ^^