ผม จขกท "ใครกำลังรีโนเวท ทำบ้านใหม่ ผมออกแบบให้ฟรีครับ"

จากกระทู้ "ใครกำลังรีโนเวท ทำบ้านใหม่ ผมออกแบบให้ฟรีครับ" http://pantip.com/topic/33704765


        
  ตกใจครับ ตั้งใจว่าคงเป็นกระทู้เงียบๆ มีคนinboxงานมา 4-5 งาน เลือกทำซัก 2-3 งาน กลายเป็นแบบนี้ไปได้

ผมเขียนอธิบายสิ่งที่คิดว่าจะทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นกับทุกฝ่ายเป็น3หัวข้อ


1 เจตนาที่ผมทำ กระทู้ออกแบบฟรี

2 เหตุผลที่ผมขออนุญาติ ผิดคำพูด และยกเลิกความตั้งใจที่จะออกแบบให้ฟรี

3 ฝากถึงพี่ๆทุกคน




1111111111111111111111111111
          
          จุดประสงค์ของผมคือการทำพอร์ทที่ดี เพื่อเป็นผลงานที่อ้างอิงได้ในอนาคต ให้พี่ๆสมาชิกที่ยอมรับในความเป็น"มือใหม่และไร้ผลงานไร้ประสบการณ์ในงานสเกลเล็กๆแบบงานที่พักอาศัย (งานบริษัทที่ผมรับผิดชอบทำอยู่เป็นงานขนาด 400 - 1000 ตรม)
          
          เนื่องจากจุดประสงค์ของผมคือการทำพอร์ท เพราะฉะนั้นงานมันต้องดี ถ้าไม่ดีเอาไปเป็นพอร์ทคงไม่ได้ประโยชน์อะไร ผมเลยตั้งใจที่จะทำงานระดับเดียวกับการทำthesis ให้กับลูกค้าที่ผมเลือก ให้ตอบสนองกับความต้องการและแก้ปัญหาของลูกค้า และท้าทายด้วยงบประมาณที่จำกัดที่จะทำให้เป็นงานออกแบบที่มีคุณภาพเรื่องการใช้งานและสวยงาม :
          
          โดยสิ่งที่ผมเสนอในสโคปงาน มันคือก้อนความคิดที่ถูกกลั่นกรองและออกแบบเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุดผ่านงาน interior เป็นแนวทางให้กับลูกค้า : (ต้องขอโทษสำหรับรายละเอียดของงาน structure analysis : และใช้ศัพท์ทางเทคนิคไม่ถูกต้อง ซึ่งควรจะใช้คำว่า light interior structure advice มากกว่า ซึ่งตั้งใจจะให้มันหมายถึงแนวทางเบื้องต้นว่า กำแพงนี้เป็นกำแพงที่เป็นแนวโน้มว่าทำหน้าที่รับน้ำหนักหรือไม่ มีความเป็นไปได้ในการรื้อถอนไหม หรือมีงานประปาอยู่ในกำแพงหรือไม่ หรือบอกเป็นแนวทางว่าส่วนไหนของอาคารที่ไม่ควรรื้อถอนหรือต่อเติม ฯลฯ เพียงแนะนำเบื้องต้นเป็นแนวทาง และท้ายสุดถ้าลูกค้าต้องการนำไปทำจริงๆ ผมคงต้องกำชับและบังคับว่าต้องคุยกับทางผู้เชียวชาญในเรื่องโครงสร้างให้แน่ใจว่าปลอดภัยที่สุด เพราะเกินขอบเขตงานของผม)
          
          โดยความตั้งจบเพียงขั้นตอนนี้ ลูกค้าที่ชอบและอยากให้งานเกิดขึ้นจริงผมก็จะดีใจมากเพราะมันจะกลายเป็นงานที่สร้างจริง แต่ผมจะไม่รับผิดชอบในส่วนงานก่อสร้างเด็ดขาด ผมรู้ขอบเขตความสามารถของผม เอาให้จกใจตาโตกันไปเลยว่าผลของงานออกแบบที่ดีจริงๆมันมีผลต่อชีวิตมากแค่ไหน เอาให้เห็นคุณค่าในงานออกแบบกันไปเลย ฟรีก็ฟรีสิงานเจ๋งและดีแบบนี้มันมีคุณค่าต่อวิชาชีพมากนะครับในความคิดผม เพราะเหตุนี้ การคิดโจทย์ขึ้นมาเอง หรือจากการที่ไม่มีปัญหาจริงๆ ผู้ใช้งานจริงๆ เลยไม่ตอบความต้องการของผม และผมก็ไล่หาคนรอบๆตัวที่รู้จักกันหมดแล้ว ยังไม่มีใครที่ผมจะมีโอกาสทำงานให้ และแน่นอนในfacebookมันก็มีแต่contactที่ผมถามๆไปแล้วทั้งนั้น ผมเลยเลือกpantip
          
          ผมไม่ได้ตั้งใจทำงานกุศล ผมทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และก็แฟร์พอที่จะให้คนอื่นได้รับผลประโยชน์จากผมด้วยเหมื่อนกัน โดยการทำให้ฟรี และนั้นทำให้กลายเป็นปัญหา



2222222222222222222222

           ถึงแม้จะมีความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผม แต่ความคิดเห็นของผมที่แสดงไว้ในคอมเม้นที่ 248 ในกระทู้เก่าผมก็ยังยินดีที่จะทำงาน ผมพิจารณาinboxทุกอัน และเริ่มตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อคัดกรองจากเบอร์โทร หรือ contact ที่พี่ๆให้มา จากการเชคเบอร์โทรเบื้องต้นผมตกใจที่หลายๆคนเป็นคนที่ทำงานวิชาชีพเดียวกัน และที่สำคัญบางคนก็เป็นคนที่แสดงความเห็นว่าสิ่งที่ผมทำมันเป็นการลดคุณค่าของวิชาชีพและ พี่เค้าคงจะอินไปกับการกระทำที่ลดคุณค่าในวิชาชีพที่ผมทำ เลยช่วยกันลดคุณค่าโดยการเอางานที่ลูกค้าจ้างเค้ามาให้ผมทำฟรี
          
          แรกๆผมก็คิดว่าดีเหมือนกัน ตอนแรกเราตั้งใจทำเพราะคิดว่ามัน WIN : WIN เราได้พอร์ท : ลูกค้าได้งาน แต่พี่ๆมาทำให้มันสุดเจ๋งเข้าไปใหญ่ กลายเป็น WIN : WIN :WIN  เราได้พอร์ท : พี่ได้เงิน : ลูกค้าได้งาน  เจ๋งไปเลยย!!!
          
          บางงานบางinbox (ผมคาดเดาเอาเองเบื้องต้นนะครับ หรือเรียกว่าตื่นตูมก็ได้) ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นงานprojectของนักศึกษาเอามากๆ: ทีนี้จากinbox เยอะแยะมากมาย ที่ในตอนแรกผมมองเป็นโอกาศที่ดี ผมชักจะกังวลว่ามันเหมือนกลายเป็นการเล่น russia rulet ที่ไม่รู้ว่าใครประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย ถ้าเลือกผิดเจอคนที่ไม่ประสงค์ดีผลคงออกมาไม่ดีนัก เจอคนที่คิดไม่ดีระหว่างนัดคุยพี่เค้าอาจจะนัดเพื่อนมาถ่ายรูปผมไปประจาน ออกทะเลกันไปเลย มันคุ้มไหมนะที่จะลองดู?

          ประเมินแล้วมันเสี่ยงจนเกินไป และผมก็เชื่อเลยว่ามีพี่ๆหลายคนที่ส่งมาเพราะเจตนาดีจริงๆ แต่ผมคงต้องขออภัยจริงๆครับ ผมคงต้องขออนุญาตผิดคำพูดที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกนะครับ ว่าจะออกแบบให้ฟรี ยังไงก็ขอโทษจริงๆกับพี่ๆที่เจตนาดีให้โอกาสจริงๆนะครับ

        

333333333333333333333333333

          ไทยนี่รักสงบ  และไม่อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิดในสังคมครับ

สำหรับพี่ๆในสายวิชาชีพที่ไม่เห็นด้วย
          
          จะอ้างว่าทำไปเพราะเจตนาดีก็คงไม่พอแล้ว โดยการที่ไม่ได้พิจารณาให้ดีว่ามันส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อพี่ๆร่วมวิชาชีพ ผมจะพิจารณาในความคิดเห็นของพี่ๆนะครับ พูดจริงๆมิได้ประชด แต่ก็พูดจริงๆอีกเหมือนกันว่าผมไม่คิดว่ามันเป็นการลดคุณค่าหรือเสียจรรยาบรรตรงไหน (อาจจะต้องกลับไปเรียนใหม่5ปีเหมือนที่พี่บางคนบอก)  ^^ ผมจะไม่แนะนำตัวเองลงสื่อประเจิดประเจ้อ ผมจะเสนองานผมในห้องนอนคนเดียวเงียบๆตอนตี4 ล้อเล่นนะครับ ไม่อยากให้พี่ๆเครียด สรุปคือ ไม่อยากให้มันเป็นกระทู้ดราม่า ที่ไม่สร้างสรรค์ อย่างน้อยให้มันกระตุ้นในความภาคภูมิในในวิชาชีพ และพยายามผลักดันให้เกิดมุมมองที่ดีต่อวิชาชีพนี้ต่อไปนะครับ ในฐานะรุ่นน้องรุ่นใหม่ในสายวิชาชีพ ถ้าพี่ๆมองว่ามันไม่เหมาะไม่ควร ตักเตือนด้วยความหวังดี น้องก็จะพิจารณาให้ดีครับ ผมเองก็อยากให้คนทั่วไปมองเห็นในความสำคัญของวิชาชีพนี้มากๆเหมือนกันครับ และอยากใช้องค์ความรู้จากวิชาชีพนี้ช่วยพัฒนาให้เกิดสิ่งที่ดีและสร้างสรรค์ ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับของพี่ๆครับ

สำหรับพี่ๆในสายวิชีพอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับพี่ๆสถาปนิกของผม

          ไม่รู้พูดยังไงครับ จริงๆค้างอยู่ว่าจะพิมพ์อะไรนานมากบรรทัดนี้ สังคมน่าอยู่ครับแค่ให้อภัยกัน 55 อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์นะครับ ในการมองและเข้าใจวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเราเกี่ยวข้องกันมากที่สุดคือ อาคารและบ้านเรือน อาจเป็นเพราะมันธรรมดาเลยเห็นเป็นเรื่องธรรมดาว่าศาสตร์แห่งงานสถาปัตยกรรมมันลึกล้ำมากแค่ไหน ส่วนเรื่องใจแคบนั้นผมไม่อยากให้พี่ๆมองสถาปนิกว่าใจแคบเลยครับ ผมว่ามันก็มีคนใจแคบในทุกวงการ ผมว่าพี่ๆเค้าแค่เหนื่อยเพราะทุกๆท่านรักและจริงจังกับงานมากๆ (นี่ป๋มพูดจริงๆนะไม่ได้ประชด)  ผมคิดว่าการที่พี่ๆสถาปนิกทุกคนออกมาไม่เห็นด้วย มันอาจจะมีบางสิ่งที่เราไม่เข้าใจ รวมถึงตัวผมด้วย ซึ่งจะจริงไม่จริงไม่รู้ แต่เราก็ควรน้อมรับและพิจารณามันอย่างจริงจัง ต้องมีอะไรแน่นอนที่เรายังไม่เข้าใจ เป็นมุมมองของคนที่ยืนในจุดที่เราไม่เคยไปยืน แต่ที่แน่ๆเราเห็นในความรักในวิชาชีพจากสถาปนิกทุกคนใช่ไหมครับ? เลยน่าจะเป็นการกระทำและทางออกที่สร้างสรรค์ในการทำความเข้าใจก่อนที่จะโต้แย้งกัน
          
          ผมไม่อยากให้เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ๆ มองสถาปนิกไม่ดี เพียงเพราะความไม่เข้าใจกันในเหตุผลและจุดยืนต่างๆของพี่ๆสถาปนิกแค่ 100 กว่าความคิดเห็น ซึ่งยังมีสถาปนิกที่ดีอีกเยอะะะะะมากกกก (ไม่ได้บอกว่าพี่ๆในกระทู้ผมไม่ดีนะครับ)

         ไม่อยากให้มองแค่ คุณค่าและจรรยาบรรในวิชาชีพเท่านั้นครับ อยากให้มองกว้างๆ ว่าเราก็ควรมีคุณค่าและจรรยาบรรในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ร่วมกันในสังคมใหญ่ๆ อยู่อยางไรให้มันสงบสุข มันก็เป็นศาสตร์อย่างนึงนะครับ

         ก็ไม่อยากจะให้มันเป็นกระทู้ดราม่าอีกครับ ถ้ามันจะมีพี่ๆคนมาเม้น มาอ่านเยอะ ขอให้มีแต่ความสร้างสรรค์นะครับ
         อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นดีๆ และโอกาศในการที่พยายามจะเข้าใจกันครับ
         ไม่เหมาะไม่ควรในสิ่งใด ขออภัยจริงๆครับ

        จบครับจบ นอนหลับฝันดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 48
ขอแสดงความเห็นในฐานะที่จบอินทีเรียมาโดยตรงนะครับ
และผมขอเปรียบเทียบง่ายๆแบบนี้ละกัน

วิชาชีพสถาปนิก คือคนคิดค้าหาวัตถุดิบและคิดเมนูแปลกๆใหม่ ปรุงรสชาติโดยรวม
วิชาชีพวิศวกร คือคนที่บอกว่าอันไหนกินได้ ไม่ได้ สุก หรือไม่สุก อันไหนอันตราย ต้องใส่อะไรเพิ่ม ตัดอะไรออก
วิชาชีพอินทีเรีย หรือสถาปนิกออกแบบภายใน คือนักปรุงแต่ง จัดจาน ตกแต่งใส่พร๊อพจาน ให้ดูสวย ทำอาหารเป็นนิดหน่อย ปรุงรสชาติบางอย่าง กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเมนูนั้นๆ ก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า แต่ยังไงก็ต้องอิงตามสถาปนิก และวิศวกร และทำงานคู่กัน

เพื่อให้อาหารออกมาทั้ง อร่อย หน้าตาดีน่ากิน และไม่อันตราย
พอเห็นภาพขึ้นไหมครับ ว่าแต่ละบทบาททำงานยังไง

และทีนี้

มีคนๆหนึ่งทำงานเป็นนักปรุงแต่งอยู่ร้านอาหาร หน้าที่คือคอยดูแลว่า อาหารจานนี้อร่อยแล้ว แต่ต้องจัดให้ดูน่ากิน
หาอะไรมาประดับจานเพิ่ม ขยับการจัดวาง หรือหั่นบางชิ้นให้เล็กลลงหน่อยให้กินง่าย
ทำแบบนี้อยู่สักพัก แล้วคิดอยากจะเปิดร้านของตัวเองบ้าง

ก็เลยเดินออกมากลางถนน ตะโกนบอกว่า
พี่ครับ ใครอยากกินอาหารฟรีบ้าง สั่งมาได้เลย เดี๋ยวผมทำให้ฟรี
เนี่ย ผมสามารถบอกได้หมดเลยว่า อันไหนควรกินคู่กับอะไรแล้วอร่อย
อันไหนกินคู่กัน อันไหนดิบกับสุก ผมสามารถปรุงให้พี่ได้ฟรีๆเลย

พ่อครัวหน้าเก่าหน้าใหม่ เดินผ่านมาก็บอกว่า
เฮ้ย น้องทำอย่างนั้นไม่ได้ มันผิด
เพราะที่น้องเรียนและฝึกมา มันไม่สามารถบอกได้ขนาดนั้น
ถ้าคนอื่นกินเข้าไปแล้ว ท้องเสีย หรือหนักเข้าบางคนแพ้อาหาร น้องจะทำยังไง
ไหนพี่ขอดูหน่อยน้องมีใบสอบเกี่ยวกับการทำอาชีพนี้หรือเปล่า
ทำแบบนี้มันผิดจรรยาบรรณนะ

คนที่ต่อคิวจะสั่งอาหารฟรีอยู่ก็บอกว่า
เฮ้ย อย่ายุ่งได้ป่ะ เนี่ยเขามาทำให้กินฟรีๆ เดี๋ยวเขาก็เลิกแล้ว
จะไม่ให้โอกาสคนเขาตั้งตัวเลยหรือไง
เห็นแก่ตัวว่ะ อยากจะให้คนเข้าร้านตัวเองเยอะๆใช่ไหม

แล้วก็พากันจับกลุ่มคุยกันว่า
พวกทำร้านอาหารสมัยนี้มันใจแคบ เห็นแก่ตัว หน้าเงิน
ถ้าคิดแต่เรื่องเงินขนาดนี้ก็ไปเรียนบัญชีเลยสิวะ มาทำอาหารทำไม
ทีหมอ ทีทนาย เขายังมีทำให้ฟรีๆเลย

ครับ
มีฟรีแน่นอนครับ สถาปนิกก็มีทำฟรีครับ
แถมฟรีบ่อยกว่าหมอและทนายด้วยครับ

ผมกล้าท้าให้คุณไปถามสถาปนิกรุ่นเก่าๆท่านไหนเลยก็ได้
ว่าท่านไหนบ้างไม่เคยโดยโกงค่าแบบ

ผมเคยไปฟังสัมมนาของสถาปนิกชื่อดังท่านหนึ่งของไทย พูดชื่อออฟฟิศมาคนเรียนสถาปัตย์รู้จักหมด
ท่านยังพูดเลยว่า อายุท่านป่านนี้แล้ว (ไม่ต่ำกว่า 40) ท่านยังโดนโกงค่าแบบอยู่เลย

อันนี้ ฟรีที่ 1

ฟรีที่ 2 คือ
ทุกวันนี้ถ้าคุณลองเสิร์ชดูในเน็ต จะพบว่ามีหลากหลายโครงการมาก
ที่สถาปนิกเข้าไปทำงานร่วมกับชุมชน หมู่บ้านในเมือง หรือชนบท
เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ในกรุงเทพก็มีชุมชนริมน้ำหลายแห่ง ที่เกิดปัญหาต่างๆ และสถาปนิกเข้าไปช่วยแก้ไข
ต่างจังหวัด มีสถาปนิกช่วยกันเข้าไปพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้านหลายแห่ง

ให้แบบฟรีๆ
ผมว่าไม่ต่างอะไรกับหมอจิตอาสา หรือคลินิกทนายที่บริการให้ฟรีครับ
อันนี้ไม่ผิดจรรยาบรรณ และเป็นเรื่องดี

เห็นไหมครับ ว่ามันต่างกัน
คุณจะเอาหมออาสาที่ออกไปทำตามถิ่นไกลๆ
มาเทียบกับหมอที่บอกว่า มาลองยาของผมดีกว่า ผมฉีดให้ฟรีๆ แต่ไม่รับผิดชอบนะ
ได้ยังไงกัน ?

ผมไม่ได้มาเบลมว่าเจ้าของกระทู้ไม่ดี
และผมเข้าใจจขกท. ว่าต้องการจะเริ่มทำอะไรเป็นของตัวเอง
แต่ผมแนะนำว่า ลองศึกษาให้ครบทั้งหมด ทั้งกระบวนการก่อนครับ อย่าเพิ่งใจร้อน
ออฟฟิศ ถ้าทำอยู่ แล้วมันศึกษาได้ไม่ครอบคลุม ลองเปลี่ยนดูไหม
หาออฟฟิศที่ไม่ต้องใหญ่ แต่เราได้รู้ทั้งหมด ได้รู้เกี่ยวกับโครงสร้าง งานระบบ
เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม ค่อยก้าวออกมา ดีกว่าครับ

หลายคนมีฝีมือ และประสบการณ์ที่สูงจนขนาดไม่ต้องใช้พอร์ทใดๆครับ
แต่เขาสามารถสร้างสรรค์งานที่ดี และถูกต้องได้
เพียงแค่อดทน และเรียนรู้ให้เต็มที่ก่อน

ถึงวันนั้น ไม่ต้องมารับงานฟรีหรอกครับ แพงแค่ไหนเขาก็จ้างคุณ
และถ้าคุณอยากจะทำให้คนอื่นฟรีๆจริงๆ
มันจะเป็นงานฟรีที่ดี ถูกต้อง ปลอดภัย และมีคนยกย่อง
มากกว่ามองว่าคุณทำเพื่อธุรกิจและตัวเองครับ

ขอบคุณที่ฟังผมบ่นอะไรจนจบ
ความคิดเห็นที่ 20
งานออกแบบเป็นงานบริการ(แรงงาน) ไม่ได้แต่งตัวเก๋ๆคุยจบแล้วออกมาสวย ทำงานอินทีเรียมาสิบกว่าปี ปัญหาคือทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คิดว่า ค่าแบบแพงไม่เห็นต้องจ่าย ทั้งๆที่ทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในการออกแบบ
ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมตามความต้องการของลูกค้า อันนี้ก็ไม่ง่ายละนะ เพราะความต้องการจะล้นเหลือ เราต้องร่อนมันออกมาให้มันเหมาะสม ที่เปิดหนังสือเอามาแปะกันมันใช้ไม่ได้นะ เพราะมันคนละงานคนละแบบ ถึงจะจิ้มในหนังสือยังไงก็ต้องมาปรับ สวยไม่สวยอยู่ที่รสนิยมและประสบการณ์ของคนออกแบบ กว่าจะหาตัวตนลูกค้าเจอ ปาดเหงื่อเชียวหละ โดยเฉพาะบ้างครั้งเจอลูกค้าที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จินตนาการดูว่าต้อง ใช้พลังขนาดไหนโกยมันออกมา

กว่างานจะเสร็จต้องแก้ design กี่ครั้ง? ถ้าราคาถูกนั่นหมายความว่า ต้องมีเงื่อนไขการแก้งานให้น้อยมากๆ (ถึงคุณเจ้าของจะคิดว่าชั้นไม่เรื่องมากหรอก แต่พอเอาเข้าจริงๆมันทำไม่ได้หรอก บ้านใครร้านใครก็อยากให้ดีที่สุด) ดังนั้นการแก้ทุกครั้ง แม้จะเล็กน้อยก็บางครั้ง จะเป็นแบบเด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาว คือ เปลี่ยนนิดเดียวพาไม่สวยไปทั้งแถบ ก็ต้องใช้เวลามากในการแก้ไข

ต้องนำเสนอภาพสามมิติ เพราะ"ลูกค้าไม่สามารถเห็นความงามจาก แบบก่อสร้างได้ " อันนี้แก้มาก ยิ่งแพงหนักเพราะใช้เวลาและความสามารถสูง
ยิ่งต้องไปจ้างคนอื่นทำยิ่งแพงหนักเลย ไม่ทำก็ไม่ได้ นี่ก็ต้นทุน

และมันก็ไม่สามารถก่อสร้างออกมาได้ด้วย รูปภาพ "แบบ" จึงมีความสำคัญมากที่สุด แบบที่ละเอียด คือต้องลงแรงใช้เวลา ละเอียดขนาดรอยต่อของพื้น แบบไหนถึงจะสวย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่าย อยากถูกก็ต้องลดทอนรายละเอียดลงเพื่อลดชั่วโมงการทำงาน และรายละเอียดที่ดีก็มาจากประสบการณ์แบบมืออาชีพที่ผ่านงานมาอย่างโชกโชน ถึงจะรู้ว่ารอยแบบนี้ดี หรือไม่ดี มีปัญหาภายหลังหรือไม่

หลังจากได้แบบ เจ้าของงานก็ต้องมีผู้ออกแบบที่ดีอยู่เคียงข้างเพื่อเป็นที่ปรึกษา เพราะไม่มีทางที่เจ้าของเองจะรู้คุณภาพงานที่เหมาะสม ที่ผู้รับเหมาสร้าง หากคุณไม่มีประสบการณ์ หากแค่ผู้รับเหมาบอกว่าใครๆก็ทำได้แบบนี้แหละ เจ้าของเองอาจทำได้เพียงพยักหน้า เพราะไม่ทันผู้รับเหมา
สุดแสบบางราย เพราะการแก้งานหมายถึงต้นทุนของเขา (กรณีนี้หมายถึงผู้ออกแบบจริงๆ ไม่ใช่ออกแบบพร้อมรับเหมา)

และถ้าคุณได้ผู้ออกแบบที่ดีก็จะได้เพื่อนที่คอยเคียงข้าง คอยเข้ามาดูแล ปกป้อง  จนงานเสร็จ และ งานก่อสร้างไม่มีทางเรียบร้อย 100%อยู่แล้ว
เพราะเป็นงานฝีมือ คนตรวจก็ต้องเป็นผู้ออกแบบ คอยออกหน้าจัดแจงตรวจสอบ เป็นกันชนระหว่างคุณกับผู้รับเหมา บางทีอยู่ไปหลายปี ปัญหาเกิดจากเรืองการทรุดโทรมของบ้านตามการเวลา ลูกค้ายังโทรตามมาจิกเลยก็มี

ที่กล่าวมาคุณคิดว่างานกับเงินที่เป็นค่าบริการมันได้มาง่ายไหมครับ น้อยคนนะครับที่ผู้ออกแบบจะร่ำรวยมีรถสีห้าคัน ผู้รับเหมาต่างหากเป็นอาชีพที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำและร่ำรวย คนทำอาชีพนี้ที่ทำมาจนมีอายุและประสบการณ์ส่วนมากทำเพราะใจรักครับ

ดังนั้นลูกค้าทั้งหลายโปรดเข้าใจนะครับ ว่าค่าออกแบบมันมีต้นทุน และไม่ได้มากมายเม่าไหร่ด้วยถ้าเทียบกับต้นทุนต่างที่ต้องสร้างงานออกมาให้ลูกค้าได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุด

แค่อยากบอกคนทั่วไปที่เข้ามาด่าให้เข้าใจ
ส่วนน้องถ้าคิดว่าสามารถให้เวลาทั้งหมดในแต่ละวันทำงานฟรีให้เขาได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย อันนี้พี่ว่ามันก็โอเคนะ แต่ถ้าทำขำๆเป็นงานอดิเรก คิดว่าเขียนแบบคร่าวๆก็สร้างได้แล้วละก็ คิดดีๆนะ เพราะถ้าแบบไม่ได้บอกถึงรายละเอียดทั้งหมดแล้วละก็ ผู้รับเหมาโม่เองตามใจชอบพังแน่นอน งานพังหมายความถึงค่าใช้จ่ายของลูกค่าที่เสียเปล่า แน่นอนไม่ใช่หลักพัน  และ หมายรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องนำมาแก้งาน งานแบบเรามันพลาดไม่ได้เพราะต้องแบกความรับผิดชอบเงินของลูกค้า ไม่ขำเลยนะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
น่าสงสารนะครับ จะทำดีแล้วโดนด่า พวกไม่ทำห่ๅก็ด่ากันจังเลยเนอะครับ
ความคิดเห็นที่ 25
ก็ดีครับที่ จขกท มองว่าเป็นการสร้าง profile ให้กับตัวเอง
แต่จขกท  ใช้ศัพท์เทคนิคมากเกินไปน่ะครับ คนที่เข้ามาอ่านผมเชื่อว่ามีไม่น้อยที่เข้าใจว่า เป็นการออกแบบที่สามารถนำไปสร้างได้อย่างละเอียดแล้ว พอพูดว่า design proposal แล้ว คนที่ไม่เข้าใจก็มองว่ามันจะเทียบเท่า แบบก่อสร้างจริงๆ
นี่แหละที่ผมว่าคือประเด็นที่คนสายดีไซน์ถึงเข้ามาโวยกันเพราะกลัวว่า การที่เราจะออกแบบเพื่อนำไปก่อสร้างนั้นมันดูง่ายจังถึงขนาดทำให้ฟรี

ประเด็นนั้นก็คือ คุณค่าอาชีพนี้ในประเทศไทยยังถูกเข้าใจผิดๆมาโดยตลอด การกระทำแบบนี้ยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดเข้าไปอีกครับ (ไม่ใช่เรื่องการตัดราคาอะไรนั้นหรอก)

วิชาสายออกแบบ เป็นวิชาที่คนส่วนใหญ่มักจะพูดว่า คิดๆมา คิดๆไป เดี๋ยวก็ออกมา กด sketchup แปบๆ ก็ได้บ้านหลังนึงแล้ว ซึ่งนี่คือ message ผิดๆที่เข้าใจกันมาโดยตลอดของสังคมส่วนใหญ่ (ต่อให้อธิบายให้เข้าใจ สิ่งเดียวที่ลูกค้ามักจะจี้คือ ราคาเท่าไหร่ แพงไปไหม) และนี่ก็เป็นปัญหาอยู่ทุกวันที่ทำให้อาชีพนี้อยู่ยาก กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในกระบวนการก่อสร้างสถาปัตยกรรม ทั้งที่แท้จริงแล้ว อาชีพเราคือที่ปรึกษา ในการจัดวางรายละเอียดของสถาปัตยกรรม ไม่ใช่เรื่องความงามอย่างเดียว แต่ต้องใส่ใจในเรื่องระบบ  maintananceให้มันอยู่ยาวนานไป 50 ปีบ้าง 100 ปี บ้าง การประหยัดพลังงาน บลาบลาบลา รู้แบบนี้แล้ว ไม่มีใครที่จะไปนั่งแจงให้ลูกค้ารู้ว่าเราเหนื่อยยากขนาดนั้นหรอกครับ เสียเวลาลูกค้าเปล่าๆ แต่มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องใส่ใจไม่ต้องไปบอกครับ

ผมว่าเรื่องนี้ จขกท รู้ดีเป็นที่สุดอยู่หละ ดูจากภาษาการเขียน น่าจะจัดเป็นคนที่เก่งคนนึง ผมขอชื่นชมในความมุมานะน่ะครับ  ผมเองก็เป็นสถาปนิกครับ รักในอาชีพและมุ่งมั่นเพื่อที่จะรังสรรค์ในสิ่งที่ยอดเยี่ยมขึ้นซักวัน(แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหนน่ะครับ) เมื่อเห็นจขกทมีความคิดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกชื่นชมในความคิดครับ แต่เรื่องเดียวที่อยากติติงก็คือ ก่อนที่จะชี้แจงในสังคมแบบนี้ คุณควรจะต้องอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจน ว่าที่ทำฟรีเนี่ย ทำแค่ไหนน่ะ ลดศัพท์เทคนิคลงครับ(เวลาคุยกับลูกค้า ไม่ควรใช้ศัพท์ที่คนภายนอกวงการไม่เข้าใจครับ มันจะทำให้เกิดความคลุมเครือ อันนี้น่าจะเป็นข้อแรกๆเลยของเทคนิคการประสานงานกับผู้ว่าจ้าง) หลังจากนั้นแหละ คุณจะทำแค่ design proposal ก็ไม่มีใครว่าคุณหรอก

ปล. ถ้าอยาก อัพพอร์ทตัวเอง ลองทำประกวดแบบของเมืองนอกสิครับ โจทย์ค่อนข้างสนุกกว่า ท้าทายกว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆกว่า ผมเชื่อว่าน่าจะตอบสนองความเป็นนักออกแบบของท่านได้เป็นอย่างดีครับ
ความคิดเห็นที่ 57
ผมเป็นสถาปนิกคนนึงที่ได้อ่านกระทู้นี้นะครับ อ่านมาตั้งแต่อันแรกๆเลย อ่านแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ผมขอสรุปความเห็นของผมเป็นข้อๆดังนี้นะครับ


01 คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่เข้าใจอาชีพสถาปนิก หรืออาชีพสายงานออกแบบ (ซึ่งไม่ได้เป็นความผิดอะไรนะครับ แต่อยากให้เปิดใจกะพวกเรานิดนึง)

02 ส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่า สถาปนิกคนแรกๆที่เข้าไป comment ตอบออกท่าทีรุนแรง re-act จากมวลชนที่ไม่เข้าใจ (ผสมกับอยากได้งานฟรี)
มันก็เลยมีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังๆนี่กลายเป็นทะเลาะกันไปเลย ขนาดอ่านยังรู้สึกได้เลยว่า พูดกันเสียงดัง!

03 จขกท อาจจะมีเจตนาดี เพียงแต่ผมเข้าใจว่าน้องยังผ่านประสบการณ์มาน้อย ยังเจออะไรมาไม่เยอะ อาจจะสื่อสารพลาดด้วย
ทำให้บานปลายไปกันใหญ่ ซึ่งการที่ออกมาชี้แจงและขอโทษ ผมว่าน้องก็ทำถูกแล้ว

04 ผมในฐานะรุ่นพี่อยากจะแนะนำว่า อยากได้งานดี Port ดีดี ทำได้หลายทางครับ ประกวดแบบก็ช่องทางนึง
ซึ่งทุกวันนี้มีหลายเวทีให้ลงประกวด หรือทำงานที่ office ให้ดี ตั้งใจจริง ทุ่มเทในทุกๆงาน น้องก็จะได้งานดีดีออกมาแน่นอน
การนำข้อเสนอทำนองนี้มาประกาศในที่สาธารณะนั้น หากจะทำ ต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ถึงผลกระทบในระยะยาว ซึ่งมันอาจไม่ออกผลในเร็ววัน
หลายท่านที่คิดว่าจะไม่กระทบอะไรเลย มันไม่จริงหรอกครับ มันกระทบแน่ๆอย่างน้อยๆ การที่มีกระทู้ทำนองนี้แล้ว ผู้คนที่ได้มาอ่านดราม่านี้
แล้วเริ่มมีภาพลบต่อวิชาชีพนี้ (จากที่เห็นในหลายๆ comment) มันจะยิ่งทำให้คนที่ไม่เข้าใจออกห่างจากสถาปนิก และงานออกแบบสายอื่นๆ
อันจะทำให้งานอาคาร งานผังเมืองในภาพรวมของประเทศเราที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

05 แพทย์อาสา ทนายอาสา นั้นมีจริงครับ สถาปนิกอาษาเราก็มีจริงๆเหมือนกันครับ เพียงแต่เราไม่ได้อาษาทำให้ใครก็ได้
ผมคิดว่า แพทย์อาสา ทนายอาสา หรือสถาปนิกอาสา เรามีจุดมุ่งหมายคล้ายๆกัน คือช่วยเหลือสังคมกับผู้ที่ "ขาด" หรือมีปัญหาจริงๆ
ไม่ใช่การทำ "ฟรี" ให้กับผู้ที่สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง ซึ่งผิดกับจุดประสงค์ของการอาสาทำงานเพื่อสังคม
ทำเพื่อสังคมนั้นมีแต่จะช่วยยกระดับความสำคัญและเกียรติของวิชาชีพ มันคนละอย่างกันครับ

ดังนั้นการเอาเปรียบเทียบกันกับกรณีของน้อง จขกท จึงเป็นคนละเรื่องกันครับ

06 จรรยาบรรณที่ได้กล่าวๆไปแล้วนั้น บอกตรงๆ ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยทุกข้อหรอกนะครับ เห็นด้วยว่าบางข้อมันแปลกๆจริงๆ
และเห็นด้วยว่า เหล่าสถาปนิกที่เก่งอยู่แล้วนั้น อย่างไรก็มีคนจ้าง อยากให้เขาทำงาน กระทู้แบบนี้ไม่น่าจะกระทบในลักษณะบุคคลนัก
เพียงแต่การประกาศอาสาทำงานฟรี เพื่อทำ Port นั้น อาจไม่ถึงกับผิด แต่ต้องยอมรับว่า "แปลก" ออกในแนวทางที่ไม่ควรกระทำ
เพราะอาจมีส่วนให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจ หรือ มองคุณค่าของงานออกแบบผิดๆไป ซึ่งจะว่าไปปัจจุบันก็มองกันผิดๆมากมายอยู่แล้ว
สถาปนิกหลายๆท่านก็คงเจ็บช้ำ และเจ็บปวดกันมาเยอะ จึงได้มีท่าทีที่รุนแรงกับกรณีนี้มากๆ

ผมบอกได้เลยว่า คนไม่เข้าใจ ไม่เห็นคุณค่า ไม่ได้อยู่ที่ฐานะของลูกค้าเราว่ารวยหรือจนนะครับ มันมีทุกระดับจริงๆ
อย่างไรก็ตาม การที่ฝั่งสถาปนิก หรือ interior designer ตอบกลับอย่างรุนแรงก็ไม่ควรทำเช่นกัน

07 สุดท้ายนี้ อาชีพสถาปนิกหรือสายงานออกแบบก็เป็นอาชีพนึงที่อยู่ในข่ายงานบริการ ไม่ใช่อาชีพที่ต้องปีนบันไดคุยแน่นอน
พวกเราหลายคนแม้จะดูแปลกแยกบ้าง แต่เราก็อยากได้ความเข้าใจและความเคารพจากลูกค้าในงานของเรา ซึ่งหากพวกท่านเข้าใจเราพอ
ท่านจะพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ rate ค่าแบบถูกที่สุดในโลกประเทศนึงเลยทีเดียว (โดยเฉพาะงานราชการ เราถึงไม่ค่อยเห็นงานอาคาร
ราชการสวยๆอย่างในต่างประเทศ) เราจึงต้องการความเข้าใจและกำลังใจในการทำงานค่อนข้างมากจากลูกค้าทุกคน

อย่าถึงกับเกลียดพวกเราเลยนะครับ ยิ้ม

ม๊าวววววววววววววววว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่